Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มิ่งแก้วจอมหทัย บทที่ ๑๓ : เถลิงอาาสน์สองราชนครา ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๓ : เถลิงอาสน์สองราชนครา    


ท้องพระโรงหอคำเวียงสบสองทิวานี้เงียบสงบผิดกว่าเคย ด้วยพระราชอาคันตุกะแขกเมืองผู้เป็นใหญ่เสด็จออกประทับรอคอยว่าที่เจ้าหลวงอยู่ก่อนแล้ว ทั้งที่แต่เดิมนั้นเจ้านางกาสะลองมีพระประสงค์จักให้เสด็จออกพร้อมกันทุกพระองค์ หากในที่สุดก็มีเพียงจอมราชันย์ฝาแฝดเท่านั้น แลจักเสด็จล่วงหน้าไปก่อน เจ้านางพระองค์น้อยทำท่าจักค้าน หากที่สุดก็ต้องจนต่อเหตุผลของพระปิตุลาที่ว่า

“ทิวานี้ลุงแลพ่อของเจ้าเป็นแต่เพียงแขกเมืองหนา กาสะลอง แขกเมืองจักมาพร้อมเจ้าของเวียงได้อย่างใดกัน”

นั่นล่ะ เจ้านางกาสะลองจึงทรงยอมทั้งที่ไม่เต็มพระทัยนัก แต่ก็ทรงดีพระทัยอยู่ลึกๆ ว่าพระราชมารดามิได้ตามเสด็จไปด้วย หาไม่เรื่องที่ทรงแก่นแก้วถึงขนาดย่อมทราบถึงพระกรรณเป็นแน่ ข้างเจ้าอุปราชยอดศึกนั้นนอกจากจักมิได้ตามไปทอดพระเนตรแล้ว ยังเป็นต้นคิดพาสองอนุชาออกไปประพาสนอกเมืองเสียด้วย ครั้นจอมนางสองพระองค์ทรงร้องค้าน เจ้าอุปราชยอดศึกกลับสรวลแลว่า

“ตามไปไยเจ้า เจ้าแม่ ลำพังเจ้าพ่อกับเจ้าอาก็เหลือที่จักพอ สงสารแต่กาสะลองนั่นล่ะหนา มีเจ้าหลวงผู้เกรียงไกรถึงสองพระองค์ร่วมประทับทอดพระเนตรเยี่ยงนี้ คงประหม่าใช่น้อย”

หากเจ้าอุปราชยอดศึกทรงคาดคะเนผิดไปถนัด ด้วยเพลานี้ปวงเสวกามาตย์ใหญ่น้อยต่างหากที่ดูประหม่าเคอะเขิน แลสงวนปากคำท่าทียิ่งกว่าเคย เจ้าหลวงฝาแฝดทอดพระเนตรกิริยาสงบเสงี่ยมนั้นแล้วก็อดแย้มพระโอษฐ์แก่กันมิได้ เพราะก่อนหน้าที่จักเสด็จมาถึงนั้น เจ้านางกาสะลองทรงให้สมญาที่ประชุมนี้ว่า เหมือนรังนกกระจอกย่อมๆ ก็ไม่ปาน

“เจ้าก็พูดล้ำไปกาสะลอง ครั้งที่แม่อยู่ แม่มิเคยเห็นเยี่ยงนั้นสักน้อย”

เจ้านางหลวงเนตรดารารับสั่งท้วง หากพระราชธิดากลับย่นพระนาสิก

“เจ้าแม่อยู่ เจ้าตาอยู่ อาจไม่เป็นเช่นนั้น แต่กับลูก พวกเขาเป็นนี่เจ้า ลูกออกหอคำทีใด เป็นต้องคิดว่าหลงเข้าในดงนกกระจอกอยู่ร่ำไป คนเฒ่าน่ะไม่สู้เท่าใด พวกคนหนุ่มสิเจ้า มิรู้สรรเรื่องใดมาอู้จากัน พอลูกขอความเห็นกลับดักจื้อกื้อ เยี่ยงนี้มันน่าส่งไปอยู่ชายแดนนักเทียวไม่ก็สั่งตัดปากทิ้งให้รู้แล้ว”

“ไฮ้! ไยสวกนักเล่าลูกเอ๋ย” เจ้าหลวงเมืองคำรับสั่งกลั้วสรวล

“ไม่สวกล่ะเจ้า คอยดูเถิด หากกาสะลองทนไม่ไหวจักทำเยี่ยงนั้นเข้าสักวัน”

“แล้วกัน แล้วลูกจักปรึกษาราชกิจด้วยอย่างใดเล่า ถามทีก็ต้องรอให้เขียนตอบทีกระนั้นรึ เขียนช้ามิทันใจเจ้าหลวงองค์นี้จักพลอยสั่งตัดมือเข้าอีกกระมัง”

“เอ เป็นความคิดที่ดีหนาเจ้าเจ้าพ่อ”

เจ้านางกาสะลองตรัสหน้าตาเฉย ทำเอาพระราชบิดาถึงกับสะดุ้งกับความคิดแผลงๆ ประหลาดๆ ของลูกรัก ทั้งที่ตั้งพระทัยประชดแกมเตือน แต่อีกฝ่ายกลับทรงเห็นดีไปเสียอีก จักมีก็แต่เจ้าหลวงเมืองแก้วเท่านั้นที่แย้มพระโอษฐ์นิดๆ อย่างพอพระทัยแกมขัน ด้วยเหตุผลที่ทรงทราบอยู่องค์เดียวเท่านั้น


เสียงประโคมดุริยดนตรีบอกสัญญาณเสด็จออกว่าราชการ วรกายโปร่งระหงดำเนินดุจนางพญาหงส์มาสู่ตั่งคำที่ประทับด้านหน้าปักษิณสีหบัลลังก์ทอง สิริร่างโสภิตยอบถวายความเคารพจอมกษัตริย์ทั้งสองที่ประทับร่วมตั่งทององค์เดียวกัน อันตั้งอยู่ทางด้านขวาเสมอด้วยตำแหน่งของตั่งที่ประทับของเจ้านางกาสะลองนั้นเอง ก่อนจักดำเนินไปประทับยังสถานที่แห่งตน ลักษณาการของพระราชธิดานั้นยังให้เจ้าหลวงเมืองคำอดแย้มพระโอษฐ์อย่างพอพระทัยมิได้ ก่อนนั้นยังทรงห่วงอยู่ว่าข้าราชบริพารจักยอมรับแลยอมตนอยู่ใต้อำนาจแห่งสตรีเพศสักเท่าใด เมื่อได้ทอดพระเนตรเยี่ยงนี้แล้วก็ทรงเบาพระทัยขึ้นอักโข


เนตรคมแลกวาดไปทุกดวงหน้าในท้องพระโรงแห่งนั้น มิพักต้องตรัสถามว่าอย่างใด ข้อราชการแลฎีการ้องทุกข์ทั้งปวงก็ได้รับการหยิบยกขึ้นมาในที่ประชุมนั้นจนสิ้น เพียงชั่วหม้อข้าวเดือดก็แล้วเสร็จด้วยพระปรีชา เจ้านางกาสะลองทรงสูดอัสสาสะลึกพลางเหลือบทอดพระเนตรพระราชบิดาแลพระปิตุลา ยังหรอกหนากาสะลอง สิ่งที่เจ้าทำอยู่นี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยต่างหาก เจ้าจักทำให้เจ้าพ่อแลเจ้าลุงสิ้นห่วง ข้าราชบริพารทั้งปวงยอมพลีกายแลใจสนองราชการด้วยจงรักแลภักดีนั้น คือสิ่งที่เจ้าจักทำต่อไปจากนี้ต่างหาก  

“ทิวานี้สิ้นข้อราชการแลฎีกาของราษฎรแต่เพียงนี้แล้วใช่ฤๅไม่”

พระวาจานั้นตรัสถามเป็นธรรมเนียม น้อยอินทร์ซึ่งมีอาวุโสที่สุดในที่ประชุมจึงยอมือขึ้นไหว้สาแล้วทูลตอบ

“เหลืออีกเรื่องหนึ่งเจ้า”

“เรื่องอันใด”

ตรัสถามทั้งที่คนถามคนตอบแจ้งใจกันดีอยู่แล้ว เจ้านางพระองค์น้อยออกจักทรงรำคาญธรรมเนียมถามก่อนเข้าเรื่องสำคัญอยู่ไม่น้อย แทนที่จักเข้าสู่เรื่องราวได้ทันที กลับต้องเสียเพลาไปอย่างไม่พอที่เลย เห็นทีนั่งเมืองเมื่อใดคงต้องทรงจัดการกับเรื่องนี้เสียแล้ว

“จำเดิมนั้น ที่เชิงผาดงเหล็ก...”

ผู้อาวุโสยังทูลไม่ทันจบความ เจ้านางกาสะลองก็ทรงโบกพระหัตถ์ขึ้นพลางตรัสอย่างรำคาญเต็มแก่

“อย่าร่ายยาวเลยท่านน้อยอินทร์ เข้าเรื่องทีเถิด ที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนแต่รู้ความกันสิ้นแล้ว”

น้อยอินทร์ซ่อนยิ้มขันๆ  มิได้คัดค้าน ซ้ำยังสนองพระประสงค์เสียด้วย

“ข้าเจ้าขอทูลเบิกตัวนายโจรแสนหลวงกับพวกเข้าเบิกความในคดีปล้นเจ้า”

สิ้นคำของแม่ทัพเฒ่า ราชมัลซึ่งรออยู่ก่อนแล้วก็คุมตัวแสนหลวง ระเมา แลโจรอีกคนหนึ่งที่พันธนาการด้วยตรวนเรียบร้อยเข้ามาในท้องพระโรง เสียงโซ่เส้นใหญ่ดังกร่างได้ยินถนัดในความเงียบนั้น สายตาทุกคู่หันมองนักโทษฉกรรจ์เป็นตาเดียวกัน หากเขามิได้ใส่ใจแม้แต่จักเหลือบแลดู คนเดียวที่เขายอมให้ปรากฏในคลองจักษุคือเจ้านางกาสะลองเพียงผู้เดียว เมื่อเห็นนางพญาประทับเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้าตน นัยน์ตานายโจรวูบวับเป็นแววประหลาดแวบหนึ่งก่อนจางหาย ริมฝีปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่เจ้าตัวเท่านั้นจักรู้ว่ามีความหมายใดซ่อนอยู่ สามโจรทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแต่โดยดี

“จงว่าไป แสนหลวง เหตุใดเจ้าจึงประพฤติตนเป็นโจรป่าปล้นฆ่ากองเกวียนค้าขาย แลตั้งชุมโจรในอาณาเขตแห่งเรา”

สองสมุนโจรค่อยหายใจทั่วท้อง ด้วยอาชญาร้ายอีกสถานหนึ่งนั้นมิได้ถูกยกขึ้นมาว่ากล่าวด้วย แม้ไม่รู้ถึงสาเหตุก็ตามที แต่ก็เดากันไปว่าเห็นจักเป็นเพราะนายของตนเป็นแน่แท้ แต่แสนหลวงย่อมรู้ เจ้านางกาสะลองมิได้ทรงเจตนาละเรื่องที่พวกเขาฉุดคร่าแม่ญิงธาตวากรไปกระทำทุราจารเลยสักน้อย หากเป็นด้วยมิทรงทราบความต่างหาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจยินดีในโชคได้ ทัณฑ์อย่างใดก็ต้องเป็นทัณฑ์ ทิวานี้ไม่มีผู้ใดรู้ก็จริง แล้ววันหน้าเล่า ถ้ามีผู้รู้เข้า คนที่จักเสียมิใช่พวกเขา หากเป็นเจ้านางกาสะลองต่างหาก

“ใต้ฝ่าพระบาทยังมิทรงทราบ ข้าเจ้าแลพวกหาได้กระทำเพียงปล้นฆ่าไม่ หากยังฉุดคร่าแม่ญิงทำทุราจารอีกโสตหนึ่ง”

แสนหลวงทูลอย่างอาจหาญ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรง เจ้านางกาสะลองเองก็ตกพระทัยใช่น้อยกับวาจานี้ หากทรงระงับความตระหนกซ่อนไว้อย่างรวดเร็ว

“ประเดี๋ยวก่อน แสนหลวง ที่ว่าฉุดคร่านั้น เจ้าได้กระทำเสียเองฤๅไม่”

“นายแสนหลวงมิได้ทำเยี่ยงนั้นเจ้า คนที่ทำคือนายคำแปงแลพวกต่างหาก ใต้ฝ่าพระบาททรงถามเอาความจากโจรคนอื่นๆ ที่ยังถูกขังในตรุนั้นเถิด ข้าเจ้าเชื่อว่าพวกเขาล้วนให้การตรงกัน”

มิใช่แสนหลวงที่ตอบไป แต่เป็นระเมาที่รีบโพล่งขึ้นมาก่อน เจ้านางกาสะลองทรงพยักพักตร์รับ ก่อนมีพระเสาวนีย์ให้อุ่นเมืองกับแจ้งหล้าเร่งรุดไปเร่งถามเอาความจากคนเหล่านั้นทันที สองหนุ่มรับพระเสาวนีย์แล้วก็ออกไปจากท้องพระโรงโดยมิรอช้า

“มิได้ลงมือเอง แต่รู้เห็นในการนั้น จักมองทางใดก็หาพ้นผิดไม่”

นายโจรหนุ่มทูลเสียงเรียบ แต่เจ้านางพระองค์น้อยมิได้ตรัสความใดในเรื่องนี้สืบต่อ

“เรื่องนี้จักว่ากันเมื่อคนของข้ากลับมาแล้ว เพลานี้สิ่งที่เจ้าต้องทำคือการแถลงความว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงเข้ามาตั้งชุมโจรในอาณาเขตเวียงเรา”

สุรเสียงเฉียบขาดผิดไปจากมิ่งแก้วตัวน้อยที่เขาเคยคุ้นที่เชิงผาดงเหล็ก เมื่อสบเนตรคู่นั้นก็เห็นแววเด็ดขาดดุดันฉายแสงตอบกลับมา นายโจรหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นี่เขาเผชิญหน้าอยู่ด้วยนางหงส์หรือนางสิงห์กันแน่หนอ

'หากเจ้าเป็นชายพี่ขอทำนายว่าเจ้าจักได้เป็นใหญ่แท้เทียว'

'เป็นแม่ญิงก็เป็นใหญ่ได้'

'ข้อนั้นพี่ไม่เถียง แต่จักมีผู้ชายคนใดยอมอยู่ใต้คำสั่งของแม่ญิงเล่า'

'มีสิ แล้วข้าจักทำให้พี่ได้เห็น'

ถ้อยสนทนาบนลานแสงดาวครานั้นย้อนสู่ความทรงจำอีกครั้ง บัดนี้ประจักษ์แก่ใจ นางทำได้ดั่งที่ลั่นคำ


คำเบิกความของแสนหลวงตั้งแต่ต้นจนปลายนั้น ไม่มีถ้อยคำใดที่แผกไปจากที่เขาเคยเล่าให้แม่ญิงที่ชื่อมิ่งแก้วฟังแม้สักคำ โดยเฉพาะเหตุแห่งการพินาศของเวียงตองเทียนนั้น เรียกความสนใจจากทุกคนมากกว่าอาชญาของคนเล่าเสียอีก เจ้านางกาสะลองทรงหันไปสบเนตรจอมนรินทร์ทั้งสองที่ทอดพระเนตรอยู่ก่อนแล้วอย่างรู้ความว่า แล้วเสร็จจากงานใหญ่ครานี้ คงต้องเร่งหารือเตรียมรับศึกธาตวากรแน่แล้ว


ระหว่างที่รอคอยแจ้งหล้ากับอุ่นเมืองกลับมานั้น ทั้งท้องพระโรงไม่มีผู้ใดเอ่ยความต่อกันสักครึ่งคำ ความเงียบอันน่าอึดอัดใจดำเนินต่อไปอยู่พักใหญ่ๆ กระทั่งร่างสูงของราชองครักษ์หนุ่มล่วงผ่านเข้ามาด้านใน นั่นแหละทุกสิ่งจึงกลับคืนสู่ความปกติอีกคำรบ

เจ้านางกาสะลองแย้มพระโอษฐ์นิดๆ อย่างยินดีเมื่อถ้อยคำที่แจ้งหล้ากับอุ่นเมืองทูลเบิกความต่อหน้าพระที่นั่งนั้น ล้วนแล้วแต่สอดคล้องแลเจือสมกับถ้อยคำของระเมาทั้งสิ้น จักว่าโจรเหล่านั้นเสกสรรปั้นถ้อยหรือก็เป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองยืนยันว่า ได้แยกสอบถามทีละคน คนใดถามแล้วก็กันไว้อีกที่หนึ่ง มิให้เข้าไปบอกความแก่คนอื่นๆ ที่รอคอยอยู่ได้ มิหนำกับโจรเหล่านั้นมิได้มีเพียงสิบคนซาวคน แต่มีถึงสามร้อยเศษ จักไม่มีผู้ใดเอ่ยแย้งนั้นเป็นไปมิได้ หากมิใช่ความจริง อย่างใดก็ต้องมีที่คัดค้านอยู่นั่นเอง

“เป็นอันว่า แสนหลวงกับพวกหามีส่วนในการทำทุราจารใช่ฤๅไม่”

“เป็นเช่นนั้นเจ้า” สองหนุ่มทูลรับพร้อมกัน

“เอาล่ะ แสนหลวง ครานี้เจ้าจักว่าอย่างใด เมื่อทุกคนให้การตรงกันแล้วเช่นนี้”

“ข้าเจ้ายังขอยืนยันคำเดิมอยู่นั่นเองว่า ข้าเจ้ามิได้ทำก็เสมือนร่วมลงมือ ด้วยข้าเจ้ารู้เห็นแต่มิเคยช่วยเหลือนางเหล่านั้น”

เจ้านางพระองค์น้อยออกจักอ่อนพระทัยอยู่ไม่น้อยกับการยืนกระต่ายขาเดียวของสหายร่วมน้ำมิตร แทนที่จักยินดีที่ตนพ้นทัณฑ์นี้ กลับยังยินดีสอดคอเข้าหาคมดาบอยู่อีก ครั้นหันไปทางระเมาทำท่าจักพูดอันใดสักอย่างก็โปรดให้อีกฝ่ายได้ทูล

“ใช่นายแสนหลวงจักดูดายหนาเจ้า ตรงข้ามนายเคยห้ามปรามแลมิเห็นด้วย ทว่านายคำแปงกับพวกก็ยังคงดึงดันอยู่นั่นเอง ท้ายสุดนายคำแปงลอบกระทำโดยลับๆ กว่าจักรู้ นางผู้นั้นก็ตกเป็นเหยื่อเสียแล้ว บางนางก็นอนอยู่ในหลุมเสียด้วยซ้ำ”

เนตรคมแลปราดไปทางแจ้งหล้ากับอุ่นเมืองทันที สองบุรุษจึงทูลรับรองคำของระเมาโดยมิพักรอให้ตรัสถาม เมื่อทรงได้รับคำยืนยันแน่นอนแล้ว เจ้านางกาสะลองจึงทรงหันมาทางตัวต้นเหตุด้วยสายพระเนตรแลสีพระพักตร์ที่ยากจักหยั่งอารมณ์แลความรู้สึกได้ สุรเสียงที่ขานนามของอีกฝ่ายนั้นกังวานก้องเปี่ยมด้วยอำนาจ

“แสนหลวงแลโจรทั้งหลายจงฟัง จากนี้คือคำตัดสินโทษานุโทษของพวกเจ้า ทัณฑ์แห่งการทุราจารสตรีนั้นระบิลเมืองกำหนดชัดว่า จักต้องประหารมันผู้นั้นให้ตายตกไปตามกัน แต่ทัณฑ์นี้ ประจักษ์พยานทุกคนล้วนยืนยันไปในทางเดียวกันว่า เจ้ามิได้ร่วมประพฤติดั่งนั้น ซ้ำยังได้ห้ามปรามเสียด้วย ข้าจึงเห็นควรให้เจ้าพ้นทัณฑ์นี้”

เสียงฮือฮาอย่างไม่เห็นด้วยดังขึ้นทันทีเมื่อเจ้านางกาสะลองพิพากษาทัณฑ์แรกจบ จนเจ้าตัวต้องมีพระเสาวนีย์ให้หยุด ก่อนตรัสสืบไปว่า

“พวกท่านทั้งหลาย ใช่ข้านี้จักตัดสินความผิดเพี้ยนแต่ประการใด ที่ข้าเชื่อในคำเบิกความของพยานเหล่านั้น เป็นเพราะข้าตรองโดยรอบคอบแล้ว แลที่สำคัญ ข้าได้รู้ได้เห็นน้ำใจข้อนี้ของนายโจรแสนหลวงด้วยตนเอง หากคนผู้นี้ยินดีในการทำทุราจารนั้นแล้ว ข้า เจ้านางกาสะลองเห็นจักไม่มานั่งอยู่ตรงนี้เป็นแน่ พวกท่านย่อมแจ้งแก่ใจ ข้าได้เข้าไปสู่ชุมโจรเพื่อสืบความด้วยตนเอง คนที่หมายมุ่งกระทำเช่นนั้นคือคำแปง แลข้า ได้แสนหลวงช่วยเอาไว้ ข้ารู้ว่าเรื่องเยี่ยงนี้อาจทำให้ความบริสุทธิ์ของตนต้องด่างพร้อย หากข้าขอถาม พวกท่านมีคนใดบ้างที่คิดจักทำเช่นข้า พวกท่านมีแต่คิดปราบปรามโดยมิรู้สายสนกลในสักนิดเดียว”

ครานี้ข้าราชบริพารหลายคนหลบสายพระเนตรดุๆ วูบวาบ ต่างหนาวๆ ร้อนๆ โดยทั่วกัน เพราะพวกตนนั้นไม่มีคนใดที่สามารถทลายชุมโจรเชิงผาดงเหล็กได้โดยราบคาบแลเสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด มิหนำยังพ่ายกลับมาไม่เป็นกระบวนเสียด้วยซ้ำ แต่แม่ญิงตัวเล็กๆ ที่ตนเคยดูถูกแลปรามาสกลับทำสำเร็จได้ในเพลาเพียงสองทิวาราตรี ระยะเพลาเพียงช่วงสั้นๆ นี้ หากจักถือเป็นข้อด่างพร้อยของแม่ญิงก็ย่อมได้เฉกกัน แต่มิใช่แม่ญิงที่ชื่อเจ้านางกาสะลององค์นี้ เกียรติศักดิ์แลขัตติยมานะย่อมเป็นเกราะทองคุ้มกันเป็นอย่างดี ไหนจักวิทยาคมที่ทรงมีอยู่พอตัวอีกเล่า ทั้งยังมีสี่ทหารเสือคอยคุ้มกันอยู่ด้วย มันผู้ใดจักหาญหยามหยาบโดยง่าย คิดดั่งนี้แล้ว ข้าราชบริพารเหล่านั้นต่างก็หลบก้มหน้าด้วยความละอายแก่ใจ


ข้างสองจอมภพได้สดับพระวาจาของเจ้านางกาสะลองแล้วก็ทรงตกตะลึงพรึงเพริด ด้วยมิทรงคาดคิดว่าลูกรักหลานรักจักทรงกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้ นี่เองที่เจ้าตัวถึงมีสีพระพักตร์ไม่สู้ดีเมื่อรู้ว่า พระราชมารดาจักโดยเสด็จด้วย ก่อนจักลิงโลดนักที่พระราชมารดาเสด็จมิได้เสียแล้ว เจ้าหลวงเมืองแก้วทรงได้พระสติก็โน้มองค์กระซิบกับอนุชา

“นี่เจ้าเลี้ยงกาสะลองให้เป็นชายมากไปฤๅอย่างใด เมืองคำ นางจึงกล้าในสิ่งที่แม่ญิงทั่วไปไม่กล้าทำ”

พระอนุชารับสั่งไม่ออก เนตรสีนิลที่ทอดจับพระราชธิดาองค์เดียวนั้นออกจักมีแววขุ่นเคืองไม่น้อย แต่ในความเคืองนั้นก็ยังมีความภูมิใจอยู่ลึกๆ เจ้าหลวงเมืองแก้วสรวลเบาๆ ก่อนรับสั่งสืบต่อไปว่า

“พี่ขอเจ้าสักอย่างได้ฤๅไม่ เมืองคำ”

“อันใดเจ้า”

“อย่าลงโทษกาสะลอง จักดุด่าว่ากล่าวก็จงทำแต่พอดี อย่าให้เจ้าเนตรรู้ พี่ว่าพี่เข้าใจหลานหนา เจ้าลองดูเอาเถิด ข้าราชบริพารพวกนี้ เว้นเพียงคนของเวียงฟ้า กับน้อยอินทร์แลอุ่นเมืองแล้ว แต่ละคนก็ล้วนแต่ไม่ยินดีที่จักอยู่ใต้อุ้งบาทของแม่ญิง แต่พวกเขาฉลาดพอที่จักไม่แสดงอาการออกมา กาสะลองใช่จักไม่รู้ถึงเหตุนี้ สิ่งที่นางทำใช่เพียงทำให้คนพวกนั้นยอมรับได้โดยสนิทใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนที่เคยคิดหมิ่นหยามแม่ญิงได้รู้จักเพศแม่ยิ่งไปกว่าเดิม”

เจ้าหลวงเมืองคำมิได้รับสั่งตอบว่าอย่างใด กอปรกับเพลานั้น 'ลูกรัก' ก็ทรงลอบส่งสายพระเนตรขอลุแก่โทษแกมวิงวอนมาถวาย จอมภพเวียงฟ้าแสร้งเมินพักตร์ไปทางอื่นเพื่อซ่อนรอยแย้มพระโอษฐ์ ถึงพระเชษฐาจักมิได้รับสั่งขอ พระองค์ก็ทรงทราบแล้วว่าควรทำเยี่ยงใด


“ส่วนทัณฑ์แห่งการปล้นฆ่านั้น ระบิลเมืองกำหนดไว้ว่า จักต้องประหารให้มันผู้นั้นตายตกไปตามเจ้าของทรัพย์ ทว่าอาจลดหย่อนได้ตามเจตนาของผู้กระทำ เจ้าแลพวกเองก็หาใช่คนที่มีสันดานโจรมาแต่เดิมไม่ ที่ทำไปนั้นก็ด้วยเหตุจำเป็นบีบบังคับให้เป็นไป อีกประการนั้นเล่า พวกเจ้าก็ได้ให้การอันเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองด้วยอีกโสตหนึ่ง ข้าจึงขอพิพากษาจำตรุพวกเจ้าตลอดชีวิต”

แสนหลวงแลสี่สมุนโจรน้อมศีรษะลงรับคำพิพากษานั้นโดยดุษณี ครั้นอดีตนายโจรหนุ่มเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยแย้มพระโอษฐ์มีนัยของเจ้านางกาสะลองทอดประทานมา ก็เอะใจว่าจักมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก แต่ไม่ทันได้ทำอย่างใด ราชมัลก็คุมตัวคนโทษออกไปจากท้องพระโรงเสียก่อน เนตรดำมันระยับทอดตามหลังของสหายร่วมน้ำสาบาน พลางดำริในพระทัย ทิวานี้ข้าช่วยพี่ได้แต่เท่านี้ หากไม่นานหรอกหนาพี่จักรู้ว่ามิ่งแก้วมิได้ตระบัดสัตย์ที่ให้ไว้แม้แต่น้อย


*** มีต่อค่ะ

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : วันสุนทรภู่ 54 11:15:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com