Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (4) ติดต่อทีมงาน

มาต่อแล้วค่า  ขออภัยที่หายไปนานเน้อ TwT

###

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html

###

คุณ LaGooNz @ การรังแกสิงโตเป็นความสุขในโลกขอรับ…

ทินา @ เทรมิสบอกไม่เป็นไป เอายัดใต้ท้องเรือไว้คงไม่มีใครเห็นหรอกครับ

หน่าจัง @ แหม่  ผ่านไปหลายปีมันก็ต้องมีพัฒนาการกันบ้าง

เป้ @ ตูก็ว่างั้นแหละ

คุณแก้วกังไส @ หลังจากนั้นก็ช็อตไปเลยค่ะ  เพิ่งต่อได้นี่แหละ T^T

คุณ Sudiarill @ พี่ก็อยากเห็นงิ  ไม่มีใครเมตตาวาดให้  ที่จริงเมราลก็ยังสาวนะ  เพียงแต่ไม่เป็นสาวน้อยแล้วเท่านั้นเอง

อนิธิน @ การรังแกสิงโตเป็นความสุขในโลก (เอ๊ะ ตอบแบบนี้ไปแล้วนี่นา)

อม @ เอ่อ มีแต่คนเชียร์ให้มันจริง ๆ ด้วย ^^’

คุณไหมฝัน @ XD

แมวแป้ง @ ตูกลัวแทนเกจชอบกล…

คุณ w_panda @ อันนี้ต้องค่อย ๆ เล่าตามคิวนะขอรับ

น้องเฟย์ @ จับสิงโตส่งออกก็อาจจะได้กำไรดีก็ได้นะ

คุณนริน @ ไม่อยากนึกภาพมันตกทะเลเลย (แต่เทรมิสคงสนุกพิลึก)

คุณวารี @ เซรีเลเวลอัพไง

คุณ Cororin @ แหม่ ถึงเป็นอย่างนั้นเทรมิสก็คงหาทางรับได้แหละน่า

คุณซาลาสซา @ ทั้งนี้ทำไปเพื่อตัวลอร์คเองนะครับ…เทรมิสบอก

คุณ scottie @ เคียวชอบพ่อมดค่ะ

คุณ chaiyanun @ เดี๋ยวสองฝั่งก็ไปเจอกันเองแหละตัวเอง

พี่โร @ คนเขียนก็คิดถึงเหมือนกันค่า > <

คุณ Canossa @ เอ้อ…เขาบอกว่าเล่มสาม ทราบที่สำหรับพ่นปกส่งมาไม่ทัน  มันเลยลื่นกว่าเล่มอื่นน่ะขอรับ

น้องธาร @ เนอะ มีแต่มันแหละที่ไม่รู้ตัว

เจรามี @ ตามหลักการก็เป็นแบบนั้นแหละ  แต่ตอนนี้คนในโลกนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องยีน ก็เลยเข้าใจว่าเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนเลยน่ะ

คุณ Draconia @ แหม่ เทรมิสเขาคงหาทางรับของเขาได้แหละเนอะ

คุณ paina @ :3

คุณนกน้อยในสวนม่วง @ หายไปนานเลยทีเดียว  ขอโทษด้วยนะคะ ^^’

คุณ river @ รู้สึกว่าคนรอบตัวทั้งสองฝ่ายก็เล็งเห็นแบบนั้นแหละคับ…

พี่ปิ่น @ เรื่องน่าจะมาแล้วนะคะ

น้องเพลงดวงดาว @ อันนี้ต้องรอดูต่อไปเน้อ

คุณชิสุมุมห้อง @ หวังเป็นเพื่อนขอรับ…

###

๔.

เซรีเพิ่งตื่น

เธอเหยียดตัวหน่อยหนึ่ง ก่อนจะกะพริบตา ระลึกได้ว่าตนอยู่ที่ไหน   ครั้นแล้วก็ลุกพรึบขึ้นอย่างช่วยไม่ได้  อีกด้านหนึ่งของห้อง  เทรมิสกำลังจัดวางจานอาหารเช้าง่าย ๆ   มีกาแฟแก่ ๆ อย่างที่เธอชอบ  ขนมปัง  พวกธัญพืชต่าง ๆ และก็ผลไม้กวน

"ข้ามาอยู่บนเตียงได้อย่างไร" เจ้าหญิงตั้งคำถาม  จำได้แม่นยำว่าเมื่อคืนตนทำงาน   บางทีอาจจะเผลองีบไปก็ได้  แต่ที่แน่ ๆ ไม่มีความทรงจำว่าปีนขึ้นเตียงแม้แต่นิดเดียว

"ข้าอุ้มไปวางเองละ" พ่อมดชี้แจงอย่างสงบ "เมื่อคืนท่านเซรีหลับกลางกองเอกสาร   หน้าเปื้อนหมึกไปแถบหนึ่งด้วย"

เซรีทำตาโต  เร่งลงจากเตียงไปดูกระจก  แต่พบว่าหน้าของตนยังดีอยู่  อย่างไรก็ตาม กิริยาของเธอก็ทำให้พ่อมดถอนหายใจ   เรื่องของเรื่องคือเขาสังหรณ์อยู่แล้วว่าต้องมีอะไรแบบนี้   จึงถามยามหน้าห้องว่าตนแวะมาดูได้ไหม   หลังจากนั้นทั้งยามทั้งเขาก็พบเจ้าหญิงหลับอย่างสุขสำราญบานใจกลางแอ่งหมึก  แน่นอนว่ายามย่อมไม่มีความกล้าบังอาจจะแตะต้องเจ้าหญิงได้  หน้าที่ทั้งปวงจึงยกให้เทรมิสแทน

"เขาว่ายังไงข้าก็ไม่หัวขาดหรอก  หรือหากไม่แตะต้องจะใช้เวทมนตร์เสียก็ได้" พ่อมดกอดอก "ช่างเป็นยามที่ดีเสียจริง"

เซรีล้างหน้าล้างตา  จัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย  ก่อนจะมานั่งหน้าโต๊ะ  ที่จริงใคร ๆ ก็บ่นว่าเธอควรจะหาต้นห้องสักที  แต่เซรีไม่ชอบความยุ่งยากวุ่นวาย   แต่เด็กมาเธอติดตามท่านอาไปทุกหนแห่ง  หากไปที่กันดารย่อมไม่สามารถลากถูคนอื่นไปช่วยได้   เจ้าหญิงก็ดูแลตัวเองเสมอมา  ผ่านไปเกือบยี่สิบปีก็กลายเป็นไม้แก่ดัดยากเรียบร้อยแล้ว  จะให้แก้ไขอย่างไร

"อีกอย่างหนึ่่ง  ไหนบอกข้าว่าเที่ยงคืนแล้วจะเลิกทำงาน" เทรมิสบอกต่อไป  เซรีเห็นอีกฝ่ายชักจะแก่หนวดหงอกขึ้นทุกที

"ก็ข้ายังท่องข้อมูลไม่ได้"

เจ้าหญิงออกจากเกาะทั้งคน   ย่อมต้องทำอะไรให้เป็นประโยชน์   จะทำตัวสนุกสนานผจญภัยเหมือนก่อนนี้ไม่ได้อีกแล้ว  ด้วยเหตุนี้ท่านพ่อกับท่านอาจึงจัดการถม "การบ้าน" มาให้เธออย่างถึงใจ  มีเกาะมากมายที่ต้องไปเยือน...จะขาไปหรือขากลับก็ได้   มีเรื่องการค้าที่ต้องเสาะหาข้อมูล   มีคนที่ต้องไปแนะนำตัว

"ที่จริงการติดต่อกับเกาะเพื่อนบ้านแบบนี้เป็นงานของท่านอา  สามสี่ปีก็ทำสักทีให้เขารู้ว่ายังมีสัมพันธไมตรี  ถ้าท่านอาไม่มาด้วย  ข้าดุ่ม ๆ เข้าไปก็แปลก" เจ้าหญิงเอ่ยต่อ "ถึงอย่างนั้นก็ควรไปให้รู้จักที่ต่าง ๆ เอาไว้  ท่านอาบอกว่าอย่างนี้ก็ดีแล้ว  ปีหน้าปีโน้นอาจจะค่อย ๆ โอนงานนี้ให้ข้าต่อไป"

เทรมิสมองเจ้าหญิงของเขาเจรจาเจื้อยแจ้ว   ดูเหมือนท่านเซรีจะไม่สูญเสียพลังงานไปกับราชกิจมากเท่ากับที่เขาเคยกลัวไว้  เมื่อแรกคบหาเธอ  ก็มีคนเตือนบ้างเหมือนกันว่าไม่มีทางเหมือนคนธรรมดา   พระราชาพระราชินี  เจ้าชายเจ้าหญิงล้วนเป็นคนของประชาชน   เป็นผู้นำ   ไม่ได้มีชีวิตส่วนตัวเท่าไร

บางทีเขาอาจโชคดีที่อันเซลมาไม่ใช่ดินแดนใหญ่โตนัก   และบางทีเขาอาจจะโชคดีที่ท่านเซรีเป็นคนเช่นนี้  จึงสามารถปรับตัวได้   ว่าไปก็มีคนพูดเหมือนกัน  เรื่องเป็นคนสามัญ  เป็นคนต่างชาติ  เป็นลูกครึ่ง  รวมทั้งมีคนที่ไม่แน่ใจว่าเขาคบหากับท่านเซรีเพราะอะไร  พากันพยายามบอกอ้อม ๆ ว่าแม้เป็นพระสวามีก็ไม่มีวันได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง  เทรมิสฟังแล้วถอนใจ  เขาคร้านจะอธิบายให้ทุกคนฟังว่าเขาไม่สนใจอะไรแบบนั้นเลยจนนิดเดียว

"ข้าเป็นคนใช้ไม่ได้ ฝ่าบาท" ชายหนุ่มเคยทูลเจ้าชายยาเรฟตามตรง "ไม่มีความปรารถนาอะไร"

"จริงหรือ" เจ้าชายถามกลับ "ข้าคิดว่าใช่ว่าเจ้าไม่มีความปรารถนา   แต่วิธีคิดของเจ้ากับคนอันเซลมาแตกต่างกันกระมัง"

ก็จริงตามนั้น  แม้เจ้าชายจะไม่ถึงกับเข้าใจคนเหนือมากอย่างที่เข้าใจคนทราย   แต่การอยู่ในดินแดนแบบอื่นและเห็นวิธีคิดแบบอื่นก็ทำให้พระองค์เข้าใจ

"ข้าคิดว่าคนที่เอาเสือไฟมาให้เป็นของขวัญผู้หญิงได้ คงมองเรื่องอำนาจ ความร่ำรวย และความมั่นคงต่างออกไป" เจ้าชายยาเรฟหยุดนิดหนึ่ง  ก่อนจะมองหน้าเขา "บางครั้งข้าก็คิดว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนน่ากลัว"

เทรมิสเพียงยิ้ม  เขาไม่ได้รับหรือปฏิเสธถ้อยคำดังกล่าว  รับทราบว่าหากตนอ่อนข้อเกินไปย่อมดูใช้ไม่ได้จริง ๆ  ถึงอย่างนั้น บางทีเขาก็อยากทูลเจ้าชายรัชทายาท  ไม่ว่าพระองค์จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม  ว่าเขามีความสุจริตใจ  ไม่ประสงค์อำนาจลาภยศชื่อเสียง  ไม่ต้องการทำร้ายใครหากไม่ถูกทำร้ายก่อน  ทว่าความจริงเช่นนั้นย่อมพูดด้วยปากไม่ได้  ก็ต้องแสดงให้เห็นด้วยตากันต่อไปกระมัง

"กินข้าวเช้าเสียเถอะ" พ่อมดบอกเจ้าหญิงในเวลาปัจจุบัน

"อืมมมม" เจ้าหญิงยื่นจมูกมาดมฟุดฟิดว่าผลไม้กวนในจานเป็นผลไม้อะไร

ตอนนั้นเอง  เสียงคำรามหนึ่งก็ดังโฮกข้ามเรือมา

"เทรมิส!"

...

เทรมิสหนีไปหลบอยู่หลังเซรี

เขาแกล้งเกาะพนักเก้าอี้  ย่อตัวหลบอยู่ข้างหลังชนิดเห็นแต่ลูกตา  เป็นผลให้สิงโตทราบที่โกรธจนลากดาบมาถึงนี่ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่

"ออกมา!" ลอร์คานยกดาบชี้หน้า  

"เรื่องอะไร" พ่อมดยิ่งเกาะเก้าอี้แน่นขึ้นไปอีก   เขาไม่ได้โผล่ออกมา  แต่เซรีรู้สึกได้...มือของชายหนุ่มที่เกาะพนักเก้าอี้ไว้สั่นกึก ๆ   เขากำลังหัวเราะจะตายอยู่แล้ว   เจ้าหญิงมองสองคนเล่นกันราวกับเด็กแล้วก็ถอนหายใจ  ว่าไปแล้ว...คนหนึ่งนี่เป็นถึงเบรุคคอลีฟห์แห่งรูฮาห์  และอีกคนก็คือทายาทคนเดียวของหอกาล  เจ้าของพลังลึกลับประหลาดที่ไม่มีอีกแล้วในแดนเหนือไม่ใช่หรือไง  เซรีนั่งเป็นกันชนไปมาจนชักหิวข้าว  สุดท้ายเธอเลยตัดสินใจห้ามทัพ  จัดแจงปาดผลไม้กวนบนขนมปัง  เอาใส่จานส่งให้สิงโตทราย

"ท่านจะกินก่อนไหม  นอนหลับไปไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว"

ลอร์คานมองอาหารตรงหน้า   พอเซรีทำท่ายื่นใกล้อีกนิด  เขาก็เลยรับมา

เรือออกจากท่าบัลซอร์มาสองวันแล้ว   เทรมิสสารภาพว่าที่จริงเขาตั้งใจจะวางยาให้น้อยกว่านี้   แต่คนอื่น ๆ บอกว่าไม่ได้  หากให้น้อยเกินไป  ลอร์คานที่แข็งแรงยิ่งกว่าอะไรจะไม่หลับเลย

"คนอื่น ๆ นี่ใคร" สิงโตทรายถามเสียงต่ำในคอ

"ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะฝ่าฟันคนทรายดุร้ายหนึ่งโขยง  แบกเบรุคคอลีฟห์ลงเรือมาได้ด้วยกำลังของตัวเองคนเดียวกระมัง" เทรมิสที่ขยับขึ้นมานั่งโต๊ะแล้วแยกเขี้ยวชั่วร้าย "ก็ลูกน้องของท่านยังไงขอรับ พี่ชาย"

"ลูกน้องคนไหนวะ"

"ทุกคน"

"ฮะ"

"ที่จริงแล้ว...ก็เริ่มตั้งแต่ท่านลุงอัลคอลีฟห์ลงมา" พ่อมดบอกต่อไป  แม้ทำหน้าตาเหมือนไม่แยแส  แต่ดูก็รู้ว่ากำลังสนุกสมใจเต็มที

หลังจากนั้น ลอร์คานจึงรับทราบว่าการโดนอุ้มครั้งนี้เป็นผลมาจากขบวนการก่อการร้าย...ซึ่งมีบิดาของเขาเองเป็นหัวหน้า  และดูเหมือนจะวางแผนกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

"ปีก่อนตอนช่วงที่ท่านไปดูม้า   ท่านลุงเรียกข้าไปหา" เทรมิสรายงาน "ท่านลุงบอกว่าท่านลุงอยากเห็นหลานปู่ก่อนตาย   และในเมื่อท่านไม่ยอมแต่งงานกับใครอื่น   ตลอดจนตัวท่านเองไม่ยอมไป  ทั้งท่านเมราลก็ไม่ยอมมา  เราทุกคนจึงควรจะช่วยกันถีบเสียที  ทุกอย่างในการส่งม้าครั้งนี้ก็เพื่อจับท่านไปท่านหาเมราล  เอ้อ...แต่ท่านเซรีมารู้เรื่องนี้ทีหลัง  ตอนแรกข้าไม่ได้ตั้งใจจะใช้เรือของเธอ"

เซรีหันไปมองลอร์คาน   ...รู้สึกราวกับเห็นเปลวไฟแห่งความโกรธโชติช่วงชัชวาลรอบตัวสิงโตทรายอย่างชัดเจน

"มาเสือกสอดเรื่องของคนอื่น  นึกว่าตัวเองฉลาดดีนักหรือไง" อีกฝ่ายถามเสียงต่ำในคอ

"ข้าไม่ได้คิดว่าตัวเองฉลาด  ...ที่จริงอาจจะอยากแกล้งท่านมากกว่า" พ่อมดยิ้มในหน้า "ถ้าหากท่านไม่ประสงค์จะไปให้ถึงเกาะมังกรขาว จะลงเสียที่เกาะหน้านี้ก็ยังทัน  ถึงอย่างไรท่านเซรีก็จะแวะขายม้า   ที่นั่นหาเรือกลับอันเซลมาไม่ยากเลย   แต่ข้าอยากให้ท่านลองคิดดูบ้าง  อีกอย่างหนึ่ง มาออกทะเลก็ได้เปิดหูเปิดตา  อย่าห่วงเรื่องที่เผ่าเลย  ท่านลุงบอกว่าท่านหายไปสามเดือนห้าเดือน  เขาก็ยังดูแลได้"

ลอร์คานไม่ตอบอะไร   เทรมิสเห็นอย่างนั้นก็ทราบว่าพี่ยังคงเคืองใจ   จึงไม่พูดอะไรสืบไปเหมือนกัน

..................................................................................................................................................................

หลังจากพวกเกจเดินทางไปสิปาได้สองวัน  เกาะมังกรขาวก็มีพิธีใหญ่  

คนโคแรนนิอิดเรียกพิธีนี้ว่าพิธีเดินทาง  เป็นประเพณีเพื่อระลึกถึงการละทิ้งแผ่นดินของบรรพบุรุษไว้เบื้องหลัง  และขึ้นเรือมาเพื่อหาแผ่นดินใหม่  สมัยก่อนนี้พิธีเดินทางจะเริ่มต้นด้วยการอดอาหารสำรวมจิตใจ   ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยการเฉลิมฉลอง  และความหวังว่าสักวันทุกสิ่งจะเป็นไปดังคำทำนาย   ยามเมื่อบุรุษผู้หาที่ติมิได้ขึ้นฝั่งอันห่างไกล   ราชินีเกล็ดเงินบังคับปักษาเพลิงไว้ได้   และเผ่าโคแรนนิอิดจะอาศัยบนแผ่นดินอันรุ่งเรือง

แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว   เมราลจึงให้ปรับปรุงการเฉลิมฉลองเล็กน้อย   แม้ว่าในช่วงปีแรก ๆ จะมีความประดักประเดิดอยู่บ้าง   แต่ครั้นหลายปีผ่านไป   พวกโคแรนนิอิดเริ่มเคยชินกับชีวิตบนบกและความหวังอย่างใหม่แล้ว  ประเพณีก็ค่อย ๆ เข้าที่เข้าทาง   ในวันแรกยังคงมีการอดอาหารและสำรวมจิตใจเพื่อระลึกถึงการสูญเสียแผ่นดินของบรรพบุรุษ   มีการกลับขึ้นไปบนเรือเพื่อทำพิธีกรรม   แต่ครั้นถึงวันที่สองและสาม   พิธีเดินทางซึ่งตรงกับช่วงเก็บเกี่ยวพอดีก็กลายเป็นพิธีรื่นเริงที่มีการนำอาหารที่เก็บไว้ตั้งแต่ปีก่อนออกมากินกัน   เพื่อให้อาหารเหล่านั้นไม่ตกค้างมากเกินไป   และมีที่ในยุ้งฉางสำหรับผลิตผลใหม่ ๆ ของปี

แน่นอนว่าในวันอย่างนี้  เรื่องกินก็เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

ตามโรงครัวใหญ่ของชุมชนต่าง ๆ เริ่มตระเตรียมทำอาหารในงานเลี้ยงฉลองมาหลายวันแล้ว   เมราลไปช่วยยามที่มีโอกาสเช่นกัน  เธอมีงานมากก็จริง  ทว่าเมื่ออยู่ในโรงครัวมักผ่อนคลายลง   ทั้งยังรู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดคนอื่นบ้าง   ปีแรก ๆ ทุกคนต่างตกใจ  ไม่คิดว่าเธอจะรู้จักเรื่องอะไรแบบนี้   แต่พอผ่านไปหลายปีคนก็เริ่มเคยชิน   และดีใจเวลาที่เธอมา  แน่นอนว่าพอผู้หญิงมาชุมนุมกัน  หัวข้อสนทนาก็มากมาย

"ไม่คิดว่าท่านเมราลจะทำอาหารด้วย" ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น   บางทีคงเก็บความสงสัยมาหลายปี  ยามนี้รู้สึกใกล้ชิดพอแล้วก็ถามออกมา

"ก่อนนี้เคยทำให้แชลลัม  เขาเข้าสมาธิตอนเย็น  ออกมาดึกดื่นไม่มีใครแล้วก็อดอาหารไปดื้อ ๆ" หญิงสีขาวบอก

แชลลัมก็เหมือนนักบวชคนอื่น ๆ   เขาไม่แยแสเรื่องอาหารการกินของตน   ถึงกับมีบางครั้งที่ลืม   แต่อดีตหัวหน้านักบวชมักใส่ใจเมราล   เขาปฏิบัติกับเธอเท่ากับลูกสาว   เธอก็เห็นเขาเป็นบิดา   ที่จริง หลังจากเขาตายก็มีช่วงหนึ่งที่คนโคแรนนิอิดทั้งเผ่า...รวมถึงเธอด้วย  ไม่ทราบว่าควรกล่าวถึงแชลลัมอย่างไร   เขาเคยเป็นผู้หาที่ติมิได้มาตลอด   จนกระทั่งวันหนึ่งกลับแสดงความเป็นมนุษย์อย่างยิ่งออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ดูเหมือนคนจำนวนหนึ่งจะรับได้ว่าแชลลัมก็เป็นแชลลัม  มีทั้งดีและร้าย   ที่ร้ายนั้นอาจควรตำหนิติเตียน  ทว่าก็ไม่ได้ลบที่ดีให้หายสูญไป  

ที่จริงนอกจากแชลลัม  เมราลก็หัดทำอาหารเพื่อลอร์คานด้วย   แต่เรื่องนั้นเธอย่อมไม่อาจพูดออกมาได้อย่างเต็มปาก   แม้ทุกคนจะทราบว่าเธอรักเขา   แต่มีทั้งคนที่รับได้และรับไม่ได้  อีกอย่างหนึ่ง จนบัดนี้ก็ยังมีคนที่คิดว่าเธอเป็นเทพี  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นหากไม่สมรสกับคนที่ดีเลิศเท่ากับเทพเจ้า  ก็ควรครองตัวเป็นพรหมจารี  เมราลชินกับการเป็นสัญลักษณ์มานานแล้ว   แม้ทราบว่าเป็นสัญลักษณ์ทั้งหนักทั้งไม่สบาย  แต่เธอก็ยังคงวางมันไม่ได้...เธออยากให้เผ่าปลอดภัย   อยากให้ทุกคนมีกำลังใจดี

แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 09:38:49

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : วันสุนทรภู่ 54 23:57:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com