บทนำ ในเงารัก
"บ้านรินฟ้า” เรือนรักที่ปลูกสร้างเพื่อเป็นเรือนหอของชายหนุ่มขี้เหงาคนหนึ่งในอดีต คนละแวกนั้นต่างรู้กันดีว่าความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวผู้นั้นช่างหอมหวานดุจดั่งน้ำตาลเมื่อแรกเคี่ยว แต่ก็มีจะมีสี่กี่คนที่ทราบเรื่องราวความเป็นมาของคู่รักคู่นี้ที่เพิ่งหนีตามกันมาเมื่อหญิงสาวผู้นั้นเป็นถึงลูกสาวเศรษฐีผู้มีคนเงินทองล้นฟ้าส่วนชายหนุ่มเป็นเพียงผู้ชายธรรมดายากจน ทั้งสองพบรักกันในระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันและได้นัดพบกันเป็นประจำจนเป็นที่รู้ว่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป เมื่อพ่อแม่ฝ่ายหญิงทราบข่าวว่าทั้งสองกำลังบ่มรักสร้างเรือนหอจึงแยกหญิงสาวไปอยู่ต่างประเทศ และจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตกับจ้าวผู้มีฐานะเท่าเทียมกัน ชายหนุ่มผู้ต้อยต่ำเจียมตนเองเมื่อรู้ว่ารักนี้ไม่มีทางเด็ดดอกฟ้า จึงได้ปลีกวิเวกหนีหายทิ้งบ้านรินฟ้าให้เป็นเพียงความทรงจำอันทุกข์ทรมาน แต่ปัจจุบันที่นี่ได้กลับกลายเป็นบ้านให้นักศึกษาได้เช่าต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ไร้เงาเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายหนุ่มปริศนาผู้นั้น
“เคยได้ยินประวัติของบ้านนี้หรือเปล่า น่าเศร้าจริงนะเออ เจ้าของไม่สมหวังในรักหนีหายเข้ากลีบเมฆทั้งสองคน”จันทร์เจ้าสาวร่างอวบอั๋น หุ่นเป๊ะทุกระเบียดนิ้วกล่าวขึ้น ริมฝีปากทาลิปติกสีแดงแป๊ดบนหน้าอวบอิ่มได้รูป โดยมีหญิงสาวร่างบาง ผมยาวสลวยชื่อหนูพลอย เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัยที่เพิ่งย้ายมาเช่าบ้านหลังใหญ่ร่วมกันรับฟัง ทั้งสองเพิ่งทำสัญญาเช่าบ้านหลังนี้เพราะเห็นว่าสะดวกต่อการไปมาระหว่างมหาวิทยาลัยกับที่พักและมีราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับห้องเช่าที่เคยอยู่ถึงแม้จะเพิ่มเงินมานิดหน่อยแต่ก็คุ้มที่มีบริเวณไว้ให้เดินเล่นได้คล่องตัว
หนูพลอยและจันทร์เจ้าแบกกระเป๋าวางลงเมื่อถึงหน้าบ้านรินฟ้า บ้านไม้สองชั้นสีขาวสะอาดสะอ้านหน้าบ้านมีสนามหญ้ากว้างและม้าหินอ่อนเด่นสะอาดตา บ้านรินฟ้าอยู่ในความดูแลอย่างดีโดยคุณชาติตระกูลซึ่งเป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ ห้าสิบปีเป็นคนดูแลกุญแจทุกดอกในบ้านแห่งนี้ เขาเพิ่งมอบกุญแจเข้าออกให้พวกเธอหลังตกลงทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ได้เล่าประวัติอันน่าเศร้าให้ฟังก็จริงแต่จันทร์เจ้าหูไวตาไว สืบเรื่องราวที่เล่าขานต่อกันมาจากเพื่อนบ้านในละแวกนั้นพร้อมนำมาขยายความต่อให้กับเพื่อนอีกนางที่คอยรับฟังถึงแม้จะไม่รู้สึกใคร่ดีอะไรกับเรื่องเหล่านี้มากนักแต่กลับโล่งใจที่ได้รู้ว่าไม่มีคนตายในบ้านหลังนี้แน่
“ฟังฉันหรือเปล่ายัยหนู” เสียงจันทร์เจ้าดังแทรกขึ้น พาให้หนูพลอยออกจากภวังค์ หนู หรือ หนูพลอย ธิชากรณ์ เพื่อนสาวร่างบางผิวขาวละเอียดหันกลับมาสบตาแป๋ว หล่อนเป็นสาวฉลาดหน้าตาน่ารักอ่อนหวาน แต่เพื่อนๆ ต่างรู้นิสัยแท้จริงว่าหล่อนไม่ได้เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้อย่างที่เห็นภายนอกออกจะแก่นแก้วและซุ่มซ่ามทำอะไรไม่ระมัดระวังจนเพื่อนๆ พากันออกปากบ่นว่าเบื่อยายหนูทำข้าวของเสียหายโดยเฉพาะจันทร์เจ้า หญิงสาวตาหยี ผิวขาวเนียน แลดูอวบอั๋นดูดีไม่เทอะทะแต่มีเสน่ห์ทุกครั้งเวลาหัวเราะเสียงดัง และอีกหนึ่งเพื่อนสนิทที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกคนคือมนสิกาน สาวสวยพราวเสน่ห์ ผมดำขลับดัดม้วนสวยได้รูป หล่อนมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามอย่างร้ายแรงอาจเพราะมีอัธยาศัยดีขี้เล่นและเข้ากับคนได้ง่าย จันทร์เจ้านำเรื่องบ้านรินฟ้ามาเปิดประเด็นเป็นเรื่องแรกซึ่งหนูพลอยก็ชอบฟังเรื่องราวแปลกๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับประวัติบ้านหลังนี้เมื่อหล่อนไปขุดคุ้ยเรื่องราวมากมายจนรู้ความจริง
“ฟังสิ...ก็สงสารเขาหรอก แต่ตอนนี้เขาคงแต่งงานไปแล้ว ใครจะมาทนกับรักในอดีตที่ผ่านมาหลายปีแล้วล่ะ”
“ไม่กี่ปีหรอก นับได้ผ่านมาห้าปีเอง”จันทร์เจ้ายกมือชู้ห้านิ้ว
“ก็นั่นแหละ สมัยนี้เขาก็แข่งกันมีแฟน เขาจะทนได้จริงหรือ”
“ใครจะเหมือนหล่อน เมื่อไรจะมีแฟน” จันทร์เจ้ารู้ดีว่าหนูไม่มีคนรักจึงหาเรื่องแขวะได้ทุกครั้งไป เพื่อนสาวคู่สนทนายิ้มเปิดเผยเพราะไม่ได้รู้สึกอายเพียงแค่เรื่องนี้
“จะรีบทำไมเดี๋ยวก็เข้ามา” หนูพลอยยอมรับว่ากลัวจะขึ้นคาน แต่ก็ไม่รีบร้อนจะวิ่งโล่ไปทอดสะพานให้ผู้ชายก่อน
“ฉันก็อุตส่าห์ให้พี่นัทพาเพื่อนของเขามารู้จักเธอ แต่หล่อนกลับไม่สน” น้ำเสียงหล่อนออกจะค่อนขอดเพราะรู้ดีว่าพยายามจับคู่ให้ ส่วนพี่นัทหรือ นัฐพล แซ่ลิ่ว ลูกชายเจ้าสัวใหญ่แห่งตลาดน้ำชื่อดัง เขาเป็นชายหนุ่มคนสนิทรู้ใจที่สุดของจันทร์เจ้า ณ เวลานี้ ทั้งสองคบหาดูใจกันได้ปีกว่าถึงจะไม่หวานแหววเหมือนนิยายรักบ้านรินฟ้าแต่ก็ไม่จืดสนิทจนน่าเบื่อ
“ขอบใจย่ะ เห็นจะไม่ผ่านหรอกนะ”
“จ้ะ รู้ว่าหล่อนน่ะใจแข็งนะเออ”จันทร์เจ้าเหน็บนิดๆ ทั้งสองหัวเราะเพลิดเพลินพลางไขประตูเข้ามาสู่ตัวบ้านใหญ่ เมื่อข้ามผ่านธรณีเข้ามาต่างพากวาดตามองข้าวของมากมายภายในบ้านถูกจัดอย่างดี ถ้วยโถโอชามในตู้โชว์วางเรียงไว้อย่างเรียบร้อยมีเบญจรงค์ลายไทยสวยงามจัดเรียงเป็นระเบียบ จันทร์เจ้าโพลงตาขึ้นหยิบนู้นจับนี่สนุกมือแต่หนูยังกวาดตาสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งเก้าอี้ม้านั่งยาวไม้แกะสลัด เจ้าของบ้านหลังนี้คงฝันว่าจะให้ที่นี่เป็นเรือนหอที่สมบูรณ์แบบที่สุด คาดหวังว่าจะมีครอบครัวเล็กๆ โอบล้อมความรักอันแสนอบอุ่นราวกับเทพนิยายหากแต่ความฝันเหล่านั้นต้องมลายเพราะคำว่าโชคชะตาและฐานนะ หญิงสาวผมตรงสวยเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เหม่อมองผ่านผ้าม่านลายลูกไม้โบกสะบัดตามลมที่พัดเข้ามายังลานห้องรับแขกพลอยให้นึกเคลิ้มถึงวิมานเล็กๆ ในอากาศ จันทร์เจ้าหันกลับมายิ้มดูท่าทางชอบบ้านหลังนี้น่าดู
“ยัยหนูดูสิ บ้านสีขาวและของจุกจิกมากมายเลย เขาน่าจะโรแมนติคไม่เบานะ”
“เขามีเจ้าของแล้วล่ะ" หนูพลอยแกล้งหยอก จันทร์เจ้าหัวเราะร่า
“เขาเลิกกันแล้ว ไม่อย่างงั้นเขาจะบอกหรือว่าเป็นบ้านแห่งอดีตรักอันแสนเศร้า”
“แต่ก็ดีกว่ามีผี”ยายหนูยังไม่เลิกเพ้อเจ้อถึงเรื่องประเภทนี้ถึงได้นอนคิดมาหลายคืน
“กลัวทำไม เจ้าของยังไม่ตายแค่หายสาบสูญไปเท่านั้น”
“ใครจะไปรู้ เขาอาจจะเสียไปแล้วก็ได้” หนูกวาดตามองไปรอบหวาดระแวง แต่ก็ไม่น่าแปลกในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกแห่งการย้ายมาจะมีเรื่องอะไรให้ชวนน่าคิดนอกจากเรื่องนี้
**ขอขอบคุณทุกท่านที่มอบพื้นที่เล็กๆ เพื่อวิจารณ์นิยายใหม่เรื่องนี้ด้วยนะคะ**
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:05:47
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:03:49
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 10:57:26
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 10:51:34
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 23:31:10
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 23:15:01
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 54 22:54:40
แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 23:21:57
แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 21:40:56
แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 21:07:33