1 ไม่อาจบอกใคร
แล้วในที่สุด วันนี้... เธอก็ได้มีโอกาสพบหน้า ลุงสิบ ตัวจริงเสียที!
แองจี้บอกไม่ถูกเลยว่าตื่นเต้นขนาดไหน แค่ได้เห็นเงาร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างเดินออกมาจากความมืดสลัวของห้องขัง หัวใจเธอก็เต้นแรงจนปวดหน้าอกไปหมดแล้ว ขาแข้งสั่นจนแทบยืนไม่อยู่...
ปั้นเมฆ!
ใบหน้าคมคายที่ส่งยิ้มให้เธอเป็นปั้นเมฆคนเดิมไม่แตกต่างจากเด็กหนุ่มอายุสิบแปดที่เธอเพิ่งจากโลกอดีตมาเลย เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเวลาสองโลกแตกต่างกันถึงสามสิบปี!?... จากที่เธอเคยคำนวณ ตอนนี้เขาน่าจะอายุราวห้าสิบแล้ว
ฟ้า... ปั้นเมฆวิ่งตรงเข้ามากอดเธออย่างดีใจ ...ในที่สุด ฟ้าก็กลับมาหาเมฆจริงๆ
เมฆ... ทำไมกลายเป็นลุงสิบได้ล่ะ?
ใครบอกฟ้าว่าเมฆเป็นลุงสิบ? หนุ่มน้อยตัวโตเอียงคอถามเธออย่างสงสัย ...ไม่ใช่สักหน่อย
อ้าว ก็ข้าวขวัญเค้าบอกว่า มีพ่อชื่อ ปั้นเมฆ นี่นา
ขวัญเค้าอำฟ้าเล่นต่างหาก เมฆจะกลายเป็นลุงแก่ๆ เชยๆ อย่างงั้นได้ยังไง ปั้นเมฆยิ้ม แล้วจับร่างบางในวงแขนหมุนตัวไปอีกทาง ...นั่นต่างหาก ลุงสิบ พ่อของข้าวขวัญ
ลุงสิบที่ปั้นเมฆชี้ให้ดู เป็นชายแก่วัยดึก หัวล้านเหม่ง ลงพุงพลุ้ย นั่งยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางศอกกระดิกปลายเท้าอย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องขัง พอได้ยินปั้นเมฆกำลังแนะนำเขาให้สาวน้อยหน้าหมวยได้รู้จัก ก็หันมายิ้มโชว์ฟันทองประกายแว๊บๆ แล้วโบกไม้โบกมือให้อย่างลุงใจดี
กรี๊ด!... ลุงสิบไม่ใช่ปั้นเมฆ !
แองจี้โล่งใจ แต่ก็รู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ ในอกเหมือนแอบเสียดาย... เสียดายทำไมน้า หรือว่าเธออยากให้ปั้นเมฆกับลุงสิบเป็นคนเดียวกันจริงๆ?
อ้าว... แล้วเมฆมาอยู่นี่ได้ยังไง? หรือว่ามาช่วยลุงสิบสู้คดีกับทรูฟู๊ต?
ปั้นเมฆส่ายหน้าช้าๆ เปล่า... แต่ลุงสิบไปที่ไหน เมฆก็ตามไปด้วย รอยยิ้มของเขาแปลกพิกลเหลือเกิน ...เมฆสิงอยู่ในร่างลุงสิบมาตั้งนานแล้วล่ะ...ฟ้า
มะ... หมายความว่ายังไง?
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ หันหลังให้เธอช้าๆ แองจี้ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงกรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยลูกธนูปักคาไว้ แล้วเมื่อหันกลับมา ที่หน้าอกก็มีสภาพไม่ผิดกัน เหมือนกับภาพนักรบหนุ่มโบราณที่เธอเคยเห็นอยู่ในยุ้งข้าวตอนเย็นวันนั้นเลย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
แองจี้ตกใจลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวในห้องห้องหนึ่งซึ่งเปิดไฟสว่างไสว ผิดกับภาพสลัวเลือนลางของห้องขังที่อยู่หลังเปลือกตาเธอเมื่อวินาทีก่อนหน้านี้ลิบลับ
อา... ฝันไปหรอกเหรอ?
ปั้นเมฆสิงอยู่ในร่างลุงสิบ... แองเจลล่า เธอเอาอะไรมาคิดเนี่ย? แล้วตกลงลุงสิบคือปั้นเมฆจริงๆ หรือเปล่า?
แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ไหน? ...กลิ่นยาฆ่าเชื้อและกลิ่นเฉพาะตัวที่มีอยู่ตามสถานพยาบาลตอบข้อสงสัยของเธอได้เป็นอย่างดี อา... จำได้แล้ว ชื่อจริงของลุงสิบที่ข้าวขวัญเอ่ยออกมา ทำให้เธอช๊อคจนเป็นลมไปนั่นเอง หุหุ... ช่างบอบบางสมเป็นนางเอกกระไรเช่นนี้นะแองจี้
เสียงใครบางคนกำลังร้องไห้อยู่ไม่ไกล ทำให้นางเอกบอบบางรับรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เมื่อหันไปตามเสียงนั้น ก็พบว่าเป็นข้าวขวัญนั่งสะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟาข้างเตียงที่เธอนอนอยู่นี่เอง
ตกลงลุงสิบชื่อ ปั้นเมฆ จริงๆ เหรอคะ? แองจี้เจอหน้าข้าวขวัญก็รีบถามคำถามเดิมเพื่อความมั่นใจ เธอไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่ไหม ลูกสาวลุงสิบบอกว่า พ่อเธอชื่อ ปั้นเมฆ !
ข้าวขวัญสูดน้ำมูก ป้ายน้ำตา ก่อนจะพยักหน้ายืนยันคำตอบเดิม
อื้ม
พ่อฉันชื่อปั้นเมฆ ทำไมเหรอ?
งั้น... ลุงพุงพลุ้ยหัวเหม่งคนนั้นก็เป็นแค่ฝันเท่านั้นเองสินะ
ไม่อยากจะเชื่อเลย ลุงสิบ คือ...ปั้นเมฆ! ...หรือว่า แค่คนชื่อเหมือนกัน?
ไม่... ไม่ใช่แค่ชื่อเหมือน แองเจลล่า... อย่าหลอกตัวเองอีกต่อไปเลย
ปั้นเมฆ สีลม
เธอจำลายมือเส้นหนาหนักของปั้นเมฆได้ดี ตั้งแต่เห็นตัวอักษรลายมือชื่อของเขา ตามด้วยนามสกุลเดียวกับข้าวขวัญในแฟ้มเอกสาร เธอก็พอจะเดาอะไรเป็นอะไรได้แล้ว แองจี้อยากหัวเราะให้กับความซื่อของตัวเอง เธออยู่กับปั้นเมฆมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยสนใจว่าครอบครัวเขานามสกุลอะไร เพราะรักเขาที่ตัวเขาจริงๆ ไม่ได้สนใจฐานะ ชาติตระกูล จนกระทั่งตกเป็นภรรยาเขา อยู่กินด้วยกันแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่า ถ้าต้องจดทะเบียนสมรส นามสกุลอะไรที่จะมาต่อท้ายชื่อเธอ
แอร๊ยยย... อย่างงี้ แองจี้ก็กลายเป็น แองเจลล่า สีลม น่ะสิค้า ต๊าย ฟังดูไฮโซซะไม่มี ต้องขอบใจยัยแม่มดดำที่สร้างวีรกรรมทำชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลไว้ หึหึ... ต่อไปนี้ใครกล้ามาปิดถนนสีลม ยิงเอ็มเจ็ดเก้านะ ระวังเหอะ แองจี้ สีลม ไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้แน่ ถนนของใคร ให้มันรู้ซะมั่ง!
แล้ว... ทำไมถึงนามสกุล สีลม ล่ะคะ? ...แหม แองจี้ขอรู้ที่มาที่ไปของนามสกุลใหม่หน่อยเหอะ
ข้าวขวัญเงยหน้าจากกระดาษทิชชู่ขึ้นมามองคนถามงงงง แต่ก็ยอมตอบโดยดี... ตั้งแต่ปู่ทวดแล้วล่ะ พ่อเคยเล่าว่า ปู่ทวดใช้กังหันลมวิดน้ำทำนา ซึ่งสมัยก่อนคนแถวนี้ยังไม่เคยมีใครทำ นาบ้านเรามีกังหันลมโดดเด่นเห็นมาแต่ไกล
โอ้... ตรงกับที่พวกเจ๊ๆ เม้าประวัติของครอบครัวนายอาทิตย์เลยแฮะ แปลว่า ไม่ผิดแน่ ปั้นเมฆ สีลม ก็คือลุงสิบ ทายาทตระกูลนี้ของแท้แน่นอน ควายกับแม่มดไม่โกหกหรอกน่า
แล้วทำไม ปั้นเมฆ ถึงกลายเป็น ลุงสิบ ได้ล่ะคะ?
ข้าวขวัญชักไม่ค่อยพอใจที่ยัยเด็กหน้าใสไม่รู้จักมีมารยาทนอกจากซักประวัติตระกูลเธอแล้วยังบังอาจเรียกชื่อพ่อของเธอตรงๆ ได้ไง
ก็คงเป็นสมญานามมั๊ง... ชาวบ้านเค้าเรียกกันอย่างงี้มาตั้งแต่ฉันยังเด็ก ...นี่เธอ เลิกถามอะไรฉันซักทีเถอะ
อ๋อย... ขอโทษค่า จ๋อย!
ดุชะมัดเลย... ยัยแม่มดดำนี่ ไม่ถามก็ได้ ไว้ไปถามปั้นเมฆเองดีกว่า ชิชิ
เอ... แล้วแองจี้จะทำยังไงต่อไปดี? แค่รู้ว่าปั้นเมฆยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ไม่ได้โดนธนูยิงตัวพรุนตาย ก็น่าจะพอใจแล้ว สมควรรีบกลับโลกอดีตไปอยู่กับปั้นเมฆคนโน้นของเธอดีหรือเปล่า? ไม่สิ... ไม่ได้ๆๆๆ เธอต้องอยู่ช่วยปั้นเมฆคนปัจจุบันนี้ออกมาจากคุกก่อน ตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ...ถ้าไม่ช่วยปั้นเมฆคนนี้ออกมา อีกสามสิบปีข้างหน้าของปั้นเมฆคนโน้นก็ติดคุกไม่ยอมออกมาน่ะสิ อู๊ย... งงวุ๊ย เหมือนมีสามีสองคนเลย อร๊ายยยย... อายจัง
สรุปกับตัวเองได้ดังนั้น แองจี้ก็คิดจะลงจากเตียง แต่พอลุกขึ้นนั่งยังไม่ทันทรงตัวได้ตรงเลย เธอก็เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนขึ้นมา ตามด้วยอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรง
อะไรกันนี่... เธอเป็นอะไรไป?
ข้าวขวัญเห็นคนป่วยอาการกำเริบก็รีบปราดเข้าไปช่วยพยุงร่างบางให้เอนลงนอน
อย่าเพิ่งลุกสิ... นอนพักไปก่อน
เกิดอะไรขึ้น ทำไมจี้ถึงได้เวียนหัว... อุ๊... เอ่อ...โอกกก...
เมื่อเห็นร่างบางบนเตียงโก่งคอทำเสียงเหมือนจะอาเจียน ข้าวขวัญก็รีบคว้ากระโถนมาแปะหน้าแองจี้ทันพอดีกับที่เธอคายของเก่าออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดจนหมดไส้หมดพุง... เสร็จก็ล้มพับลงไปนอนหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ ใบหน้าซีดขาวตกใจกับอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนสั่นไปหมดทั้งตัว จ้องมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของพยาบาลจำเป็นอย่างหวาดกลัว
อา... เธอไม่ได้เป็นลมเพราะเป็นนางเอกบอบบางตกใจที่ได้รู้ว่าลุงสิบเป็นคนเดียวกับปั้นเมฆ แต่เธอกำลังป่วยเป็นอะไรสักอย่างต่างหาก! หรือว่า... ที่ข้าวขวัญนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงเธอเพราะ...
หมอบอกว่า จี้เป็นอะไรคะ?
ข้าวขวัญไม่ตอบคำถามนั้นในทันที แต่เธอกลับปิดหน้าร้องไห้ คนป่วยเห็นดังนั้นก็ยิ่งใจเสีย
ได้โปรดเถอะ... อย่านะ... อย่าบอกว่า เธอป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย ไม่นะ!
อ่า... จริงสิ ลุงสิบเป็นโสดมานานจนถึงทุกวันนี้ งี้ก็แปลว่า... ปั้นเมฆไม่มีฟ้าอยู่เคียงข้าง เป็นไปได้ไหมว่า... เธอตาย!!!
ฮือๆๆ... คิดมาถึงตรงนี้ แองจี้ก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดังกว่าข้าวขวัญ
นี่เธอ... ร้องไห้ทำไม? คนร้องไห้อยู่ก่อนโวยวายเหมือนไม่ยอมให้ใครมาร้องแข่ง
อ้าว แล้วเธอล่ะ...ร้องทำไม? คนร้องไห้ทีหลังถามงงงง... ทำไมแองจี้ไม่มีสิทธิ์ร้องเหรอคะ เธอเป็นคนป่วยใกล้ตายเชียวนะ เธอต้องเป็นฝ่ายร้องไห้สิ
หมอบอกว่า... ฮือๆๆๆ...เธอท้อง! ข้าวขวัญตอบคนไข้พร้อมกับน้ำตาทะลักทลายลงมาราวกับน้ำตก
ท้อง...???
แองจี้ฟังแล้วงง ยังคงรอคอยคำต่อไป ท้อง... อะไรพูดให้จบสิคะ ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ทำไมหยุดแค่คำว่าท้องเฉยๆ... ท้องเป็นอะไร?
แต่ข้าวขวัญไม่พูดต่อ กลับย้ำว่า
ท้อง! ท้องเฉยๆ... ไม่เสีย ไม่ร่วง ไม่เดิน ...เมื่อเห็นหน้างงงงของคนฟัง ก็ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยการใช้มือทำท่าท้องป่องประกอบ
อ้อ... ไอซี... ท้อง... ไอ้แบบที่ป่องอยู่เก้าเดือนแล้วมีเบบี๋มุดออกมาร้องอุแว้ๆ ชิมิ แองจี้หยุดร้องไห้ พยักหน้าเร็วๆ เป็นเชิงว่า เข้าใจแระ เฮ่อ... ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าเป็นราเม็ง มะเร็งอะไร แค่ท้องก็ไม่ถึงกับตายนี่นา
ใจเย็นๆ น่า ไม่ต้องร้องไห้หรอก เก้าเดือนแป๊บเดียวก็ผ่านไปแล้ว
นี่สองเดือนแล้วนะ ข้าวขวัญบอกด้วยเสียงสะอื้น
นั่นไง ไม่ถึงเก้าเดือนแล้วด้วย เหลืออีกแค่เจ็ดเดือนเอง อดทนหน่อยน่า คนป่วยบนเตียงแทบไม่มีแรงแล้ว แต่ยังอุตส่าห์เอื้อมมือไปตบหลังปลอบใจหญิงสาวที่นั่งเคียงข้าง
ไม่ใช่ฉัน... เธอ... นิ้วชี้เรียวยาวของข้าวขวัญจิ้มจมูกแองจี้เหมือนกดปุ่มรีเซ็ตให้สมองน้อยๆ ของเธอทำงาน ...เธอท้อง!
อ้าว... ถ้าฉันท้องแล้วเธอจะร้องไห้ทำม๊ายยย? จี้ตะหากต้องร้อง... แว๊กกกกกกกกกก!!! ขอโทษค่ะ สมองเพิ่งทำงาน ...ฉันเนี่ยอ่ะนะ... ท้อง?
กรี๊ด!!! เป็นไปได้ยังไง ปั้นเมฆคนที่เธอนอนด้วยในโลกอดีตเค้าเพิ่งจะ สิบแปดฝ่าๆ เองนะ
เฮ่อ... eแองเจลล่าเอ๋ย เธอมันงี่เง่า สมเป็นเจ้าชมพูกระบือน้อยจริงๆ เจอพ่อพันธุ์ตัวบะเริ่มเทิ่มหล่อล่ำดำใหญ่ซะขนาดนั้นเข้าไป ยังคิดว่าจะรอดอีกเหรอเธอ แถมขยัน (ขัน) แข็งมาตลอดหลายเดือน ทำงานไม่เว้นวันหยุดราชการ ไม่ท้องก็แปลกแล้ว อีตาบ้าปั้นเมฆ... ถุงสักกะครึ่งใบก็ไม่เคยใส่ มีเท่าไหร่เธอเลยต้องรับมาเต็มๆ
อ่านะ... อย่าไปโทษเด็กสิบแปดฝ่าๆ ที่เกิดในยุคก่อนเลย เขาไม่คิดป้องกันหรอก ยิ่งคนอย่างเขามันแนวลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ (เลี้ยง) ...ต้องโทษเธอ เกิดเป็นสาวยุคนี้ซะเปล่า อายุก็ตั้งยี่สิบสอง ไม่รู้จักคุม มัวแต่เพลิดเพลินเจริญใจไปวันๆ แล้วหลอกตัวเองว่า สามียังไม่โตเต็มวัย ไม่เป็นไรๆๆ... เธอจะบ้าเหรอ ถ้าระดับสิบล้อพ่วงนั่นยังไม่นับว่าโตเต็มวัย เธอจะรอให้มันเป็นรถไฟก่อนรึไง๊? สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ ป่องเลย! มิน่าล่ะ พักหลังๆ นี้ เธอรู้สึกเพลียๆ กินข้าวไม่ค่อยจะลง นึกว่าเครียดเรื่องปริศนานักรบหนุ่ม... หุหุ ที่แท้ก็...
เธอกำลังจะมีลูกกับปั้นเมฆ! แอร๊ย แองจี้ดีใจที่สุดในโลกเล้ย
ฮือๆ... ดีใจจนอยากร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก สับสนไปหมดแล้ว... ดีใจจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างหมดสิ้น ไม่ว่าปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ หรือปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบ ทั้งหัวใจและสมองของแองจี้ตอนนี้ มีแต่ความรู้สึกปลื้มปิติยินดี เธอกำลังจะเป็นแม่ ปั้นเมฆก็กำลังจะเป็นพ่อ... เจ้าหนูน้อยฟันหลอนั่นกลายเป็นปะป๋าน้อยของลูกเธอเหรอเนี่ย ตั้งแต่ตอนไหนน้อ... เค้าว่าสองเดือนแล้ว เอ...รึว่าจะเป็นตอนเก็บสายบัวในบึงน้ำ อืม... น่าจะเป็นตอนตำน้ำพริกมุมห้องมากกว่า อา... หรือว่าจะเป็นตอนนอนกลางวันอยู่บนเปลใต้ต้นไม้
ต๊าย... ลูกแม่หน้าไม่อาย ซนจริงๆ วิ่งมาเกิดกลางแจ้งนะค้าเนี่ย (ใครกันแน่หน้าไม่อาย)
ขณะกำลังทบทวนดูว่า ลูกในท้องเธอมาเกิดเมื่อไร ที่ไหน ยังไง จะได้เล่าให้ลูกฟังถูก (มันยังจะคิดเล่าให้ลูกฟังอีก) ประตูห้องก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งเดินนำหน้าชายหนุ่มเข้ามา...
อ๊า... ตาทัพพีมาแล้ว! นี่เขารู้รึยังเนี่ย ว่าป้าจี้กำลังจะมีน้องออกมาให้หนูทับบี้น้อยเล่นด้วยแล้วน้า อ่า... ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวอย่างงั้นล่ะ หรือว่าอิจฉาน้องตั้งแต่ยังไม่คลอด เดี๋ยวเถอะ ป้าจี้จะตีให้ตายเลย ไม่รักน้องเหรอ
ป้าจี้! นำทัพพ์มาถึงก็วิ่งเข้าไปกอดร่างบางบนเตียงก่อน แล้วหันไปถามหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงเสียงเครียด ขวัญ... เธอไม่ได้ล้อเราเล่นใช่มั๊ย?
เขาอยากจะบ้าตาย เรื่องลุงสิบยังคารังคาซังอยู่ หาข้อสรุปไม่ได้ เขาก็ได้รับสายจากลูกสาวลุงสิบแจ้ง ข่าวดี...
ยินดีด้วยนะ เธอกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว! ฮือๆๆ...
อะไรนะ? เขาไม่แน่ใจว่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า? ใครพ่อใคร? ทำไมข้าวขวัญร้องไห้?
ฮือๆ... เมียเธอน่ะสิ ท้อง!
เฮ่ย!!! จริงดิ... ทำไมเธอรู้เร็วอย่างงี้ล่ะ เดี๋ยวนี้พวกหมอเค้าไฮเทคตรวจได้เร็วขนาดนี้แล้วเหรอ? เราเพิ่งทำเสร็จลุกจากเตียงไปไม่ถึงหนึ่งวันเลยนะ
ไอ้บ้า!!! ไม่ใช่ช้านนนน... ยัยแองจี้ย่ะ
แองจี้?! ตอนนี้เธออยู่กับป้าจี้เหรอ? แล้วเธอไปเจอป้าจี้ได้ไง? นี่อยู่ที่ไหนกันเนี่ย?
โรงพยาบาล... ข้าวขวัญเลือกตอบเฉพาะคำถามสุดท้าย บอกชื่อโรงพยาบาลให้เขาตามมาถูก ...หมอบอกว่าแองจี้ท้องสองเดือนแล้ว เธอรีบมารับผิดชอบด่วน!
นำทัพพ์จึงได้รู้ว่า ป้าจี้ของเขากลับมาแล้ว ไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มี ของฝาก มาให้เขา (ปวดกบาล) ด้วย! สังหรณ์แปลกๆ เตือนเขาตั้งแต่วินาทีนั้นว่า เด็กที่อยู่ในท้องป้าจี้ อาจจะทำให้เขาต้องปวดกบาลไปตลอดชีวิตก็ได้ เขาเลยจำต้องทิ้งเรื่องลุงสิบก่อน แล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มิ.ย. 54 23:14:25
|
|
|
|