Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาศ ณ ยามสาง - 21 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10738393/W10738393.html

บทที่ 21

ผ่านความร้าวรานใจไปครู่ใหญ่ ปุราณลดสองฝ่ามือลง เขาเป่าลมพรู เลียปากอย่างกลัดกลุ้มว้าวุ่น

สายตาที่มองข้างไหล่สาวใช้ไปกระทบความมืดผืนใหญ่ ยิ่งเร่งเร้าให้ใจพรั่นพรึงต่อชะตากรรมเลวร้ายที่จะเกิดแก่วัสอร อะไรก็ไม่ว่าหรอก เขานี่ล่ะ ที่เป็นส่วนหนึ่งในชะตากรรมเลวร้ายที่ว่านั้นด้วย แล้วเขาก็ 'ไม่อยากเลย'

"รู้ไหม ตอนฉันฟังสรัลสัญญาเข้มแข็งว่า เธอจะต้องกลับมาเป็นคนให้ได้ ฉันทั้งดีใจ ทั้งกังวล ใจหนึ่งก็รู้ทั้งรู้ว่ามันยาก ความต้องการของสรัลมันขัดแย้งกับธรรมชาติเกินไป แต่อีกใจก็ลอบภาวนาให้มันเกิดปาฏิหาริย์"

"คุณปูก็เลยไม่ได้ห้ามเธอใช่ไหมคะ" พริ้มเพราถามเบาๆ

"ห้าม แต่มันก็คงจะเป็นการห้ามแค่ลมปาก" แล้วยิ้มหยันก็พรายขึ้นบนกรอบหน้า "นี่ไง ความรักของฉัน ฉันรู้แล้วละพริ้มเพรา ฉันรู้แล้วว่า ความรักของฉันมันเห็นแก่ตัววายร้าย มันคอยเอารัดเอาเปรียบดวงวิญญาณที่ควรจะได้ไปตามทางของตัวเองอย่างน่ารังเกียจจริงๆ "

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ คุณปูอย่าว่าตัวเองอย่างนั้นสิคะ"

"แล้ววันนี้ สรัลก็ทำได้สำเร็จอย่างที่เธอตั้งใจ ส่วนฉันก็เป็นไปตามที่เคยนึกไว้ลึกๆ ว่า ฉันอาจจะไม่มีความสุขนัก ไม่เลย ไม่ใช่ไม่มีความสุขนัก แต่มันไม่มีเอาเสียเลย สรัลของฉันเปลี่ยนตัวเองจากผีที่น่ารัก จากโครงขาวนวลงดงาม แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่เงาร่างแบบนั้น มันก็สวยจนฉันหลงใหลและปรารถนาที่สุด"

"แล้วตอนนี้.. "

"ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ ที่ฉันเห็นในวันนี้ สรัลเปลี่ยนจากร่างผีที่อย่างมากก็ซุกซนเกเร และกลั่นแกล้งเธอด้วยความหึงหวงนิดๆ หน่อยๆ กลายมาเป็นร่างปีศาจอัปลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว มันคงเป็นเพราะจิตด้านมืดเข้าครอบงำ"

"เป็นเพราะเธอรักคุณปูมากนั่นละค่ะ เธอจึงหวงมาก และแค้นมากหากรู้ว่ามีใครจะมาแย่งคุณปูไปจากเธอ"

"ใช่ แล้วเธอก็ปักใจว่าฝนจะเป็นคนคนนั้นๆ เธอจึงจงเกลียดจงชัง อาฆาตพยาบาท ทำให้จิตอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นหยาบกระด้าง ทำให้ความเมตตากลายกลับเป็นอำมหิต กิเลสตัณหาชั่วร้ายมันครอบงำจิตเดิมของเธอจนหมดสิ้นแล้ว"

"คุณปู"

"รู้สึกเหมือนว่าสรัลกำลังสะท้อนอะไรบางอย่างให้ฉันเห็นและเข้าใจมากขึ้น" ปุราณหัวเราะในคออย่างขื่นๆ "เวลาที่คนเราตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสตัณหาชั่วร้าย เวลาที่เราคิดชั่ว คิดเลว คิดกำจัดคนด้วยกันอย่างไร้ความปรานี หน้าสวยหน้าหล่อแค่ไหน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเหมือนยักษ์เหมือนมาร"

"คุณปูคะ พอแล้วค่ะ เลิกซ้ำเติม.. "

"อืม ฉันก็ว่าอย่างนั้น" เสียงทุ้มคล้อยตามเนือยๆ "ฉันมีบทสรุปแล้วนี่ จริงไหม"

"คุณปู"

"สรัลของฉันก็เป็นอย่างนั้นล่ะ ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นคนดี จิตใจงดงาม แม้จะกลายเป็นผี ก็ยังคงหมดจดด้วยคุณงามความดีที่ฉันไม่อาจถ่ายถอนใจรัก แต่ตอนนี้ แรงทะเยอทะยานต่อการพลิกชะตาฟ้าของเธอมันเยอะไป แรงหึงหวงก็เยอะไป"

"เราไม่มีเจตนาอย่างนั้น มันเป็นเพราะเธอเองที่.. "

"ส่วนที่มันเยอะไปนี่ละพริ้มเพรา ที่มันกลายเป็นกิเลสด้านมืด ครอบงำคุณงามความดีของเธอ ทำให้ผีน่ารักเมื่อสามปีก่อน ต้องกลายร่างเป็นปีศาจอัปลักษณ์ จิตใจเหี้ยมเกรียม ที่ฉันเห็นแล้วสยดสยองขนลุกขนพอง แล้วทั้งหมดนี้ มันก็เกิดขึ้นเพราะฉัน ความรักที่เห็นแก่ตัวของฉัน ความรักที่ไม่รู้จักหักห้ามและปล่อยวางให้ได้ของฉัน คือต้นเหตุที่ทำให้ภรรยาที่น่ารักของฉันเปลี่ยนไป แล้วฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะรับผิดชอบยังไง"

ปุราณปล่อยน้ำตาไหลอย่างอัดอั้น มันทำให้เขายิ่งน่าสงสารมากเลยในความรู้สึกจงรักภักดีของพริ้มเพรา หล่อนจะมีทางไหนพอจะแบ่งเบาความทุกข์มาจากอกเขาได้บ้างไหมหนอ

หล่อนเลื่อนสายตาแห่งรักมองตามร่างสูงเพรียวที่ลุกไปหยุดมองความมืดนอกหน้าต่าง ฟังเขาสรุปสิ่งที่ตนรำพันขมขื่นยาวเหยียดว่า

"จริงๆ แล้ว เราทุกฝ่ายน่าจะมีสติหนักแน่นกว่านี้ รู้จักว่าอะไรควรหยุด อะไรควรพอ และอะไรควรเดินหน้าต่ออย่างพอเหมาะพอสม ไม่ใช่ดึงดันและปรารถนาจะให้ได้ดั่งใจ ทั้งที่มันฝืนธรรมชาติ ก็ยังหลับหูหลับตา"

"คนนี่คะ จะไม่ให้ก้าวพลาดย่างผิดเลยสักครั้ง มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ" พริ้มเพราเพิ่งแย้งได้เป็นประโยคแรก "แล้วคนที่ยืนได้มั่นคงส่วนใหญ่ ก็มักจะค้นพบวิธียืนอย่างถูกต้องได้จากการล้มอย่างไม่เป็นท่ามาก่อนเสมอ"

"จริงของเธอ เหมือนฉันใช่ไหม ถ้าไม่เกิดเรื่องร้ายกับวัสอร ฉันคงยังคิดไม่ได้ว่า ทำไมฉันต้องหักห้ามใจ ทำไมฉันถึงต้องปล่อยวาง ทำไมฉันจึงควรปลดปล่อยสรัลให้หลุดพ้นจากบ่วงความรักของฉัน"

"ค่ะ แล้วมันก็ยังไม่สายด้วยที่คุณปูจะทำอย่างนั้น บางที หากคุณปูจะยอมเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการยอมรับวิถีชีวิตเดิมของตัวเองกลับมา มันก็อาจจะเป็นทางเดียวที่จะช่วยส่งดวงวิญญาณของคุณสรัลกลับไปยังภพที่เธอควรไปควรอยู่ จริงไหมคะ"

"ฮื่อ แล้วถ้าปาฏิหาริย์มีจริง สามารถช่วยให้ฉันผ่านพ้นวิกฤติความรักในครั้งนี้ไปได้ มันก็คงจะเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุด ที่ฉันจะต้องจดจำไว้ไปจนวันตาย"

แม่อ่อนมาปรากฏตัวอย่างสงบ ณ มุมหนึ่งในที่เร้น นางโปรยยิ้มนุ่มนวลส่งไปยังพ่อหนุ่มใจรันทด ดวงตานิ่งไร้แววมองร่างสูงเพรียวด้วยใจหัวใจอิ่มเอม ร่วมปลาบปลื้มไปกับบทสรุปที่พ่อหนุ่มตระหนักได้เอง โดยไม่ต้องให้นางดลจิตดลใจ

วันใดที่เขายอมรับวิถีชีวิตเดิมกลับมา เขาจะพบเจอกับความสุขตามอัตภาพของคนธรรมดาคนหนึ่งที่พึงจะได้รับ แม้ว่าความสุขที่เขาจะได้รับ มันต้องก้าวไปบนวิถีชีวิตพิสดาร ที่น้อยคนหรืออาจจะไม่มีเลยสักคน จะได้เผชิญก็ตาม

แล้วสิ่งนั้น ก็คือประกาศิตของฟ้า ที่นางแอบไปล่วงรู้มานั่นเอง นางรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจระคนขบขัน แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า พ่อหม้ายหนุ่ม วัสอร และสรัล จะรู้สึกเช่นเดียวกันกับนางหรือไม่

แต่ถึงยังไงก็ตาม ฟ้ากำหนดมาเช่นนี้ ใครก็ฝ่าฝืนไม่ได้ หรือแม้แต่คิดจะเอาชนะอย่างที่สรัลกำลังพยายามอย่างเต็มที่ ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงลิขิตเด็ดขาดเช่นนั้น ทุกอย่างต้องเดินไปตามวิถีของมัน วิถีที่ฟ้าสั่งว่า 'ทั้งสามต้องอยู่ด้วยกัน'

ประกายบุญแผ่ขยายเป็นรัศมีสีขาวเจิดจ้ายิ่งขึ้น และมันก็ยิ่งทำให้ร่างที่ยืนสำรวมอยู่ภายใน จางเงาลงทุกขณะ

มันเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่า แม่อ่อนต้องไปจากโลกใบนี้อย่างถาวร นางยังพอมีเวลาแค่คืนนี้ ที่จะได้กล่าวอำลากับทุกคนที่นางรักและผูกพันเป็นครั้งสุดท้าย




เป็นครั้งแรกที่ปุราณรู้สึกได้ว่า ห้องนอนของตนไม่น่าพิสมัย เตียงใหญ่ที่ทอดร่างอรชรของวัสอรใต้ผ้าห่มก็น่ารังเกียจ เขาก้าวเนิบไปหยุดปลายเตียง เหลือบมองนาฬิกาใกล้โคมไฟ ซึ่งบอกเวลาตีหนึ่งเศษ

หากย้อนวันคืนเก่าๆ กลับมา 'พิศวาส ณ ยามสาง' มันเพิ่งจะเริ่มต้น และค่อยทวีความคึกคักเร่าร้อนขึ้นทีละน้อย ไปจนกว่าฟ้าจวนรุ่ง แล้วเมื่อนั้น แรงรักแรงเสน่หาก็จะค่อยสร่างพลังลง เพื่อรอเวลาย้อนคืนอีกครั้ง และอีกครั้งอย่างไม่สิ้นสุด

แต่คืนนี้ ณ ยางสางของสรัล ไม่อาจก่อแรงพิศวาสใดๆ ขึ้นในห้วงปรารถนาของปุราณได้อีก

เขาได้แต่จ้องตาที่กระจ่างคมด้วยเงาของวัสอร สีหน้าเธอแย่มาก แล้วเขาก็ทราบด้วยว่า เธอบอบช้ำเหลือเกิน พลังต่อต้านขัดขืนจึงน้อยนิดอย่างน่าเวทนา เขาไม่ทราบวิธีที่จะช่วยเหลือเหยื่อผู้น่าสงสาร สิ่งเดียวที่มีให้ไปแล้วอย่างล้นปรี่ก็คือ 'ความอาทรจากใจ'

"ทำไมยังยืนอยู่อีกคะ ตรงนั้น มันทำให้เรามีความสุขไม่ได้หรอกค่ะ" เสียงหวานเชิญชวนมาจากผ้าห่ม

"เราจำเป็นต้องทำอย่างนี้หรือครับ" ปุราณถามเหมือนยื้อเวลา

"ถ้าไม่ทำอย่างนี้ สรัลก็ไม่อาจเป็นคนได้อย่างสมบูรณ์นะคะ แล้วแม่นี่ก็พยศร้ายจะตาย บทดื้ออาละวาดของมัน ทำให้สรัลเหนื่อย ที่ต้องเค้นพลังออกมากำราบมันน่ะ"

"ก็นั่นมันร่างของฝนเขานี่ คุณตำหนิเด็กมันไม่ได้หรอก แล้วที่ควรทำจริงๆ ก็คือ คืนร่างนั้นให้เด็กมันไป ส่วนคุณกับผม.. "

"ไม่ค่ะ เราจะไม่กลับไปใช้ชีวิตผิดธรรมชาติเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว"

สรัลสลัดผ้าห่ม แล้วดีดตัวจากท่านอนตะแคงขึ้นมานั่ง มันทำให้ปุราณหน้าตื่นหน้าแดง เขาอุทาน 'คุณพระ' แล้วรีบกระตุกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างไร้อาภรณ์อย่างลนลาน นึกฉุนด้วยที่อีกฝ่ายกลับหัวเราะคิกคัก ชอบใจที่เห็นเขาตกใจ

"ไม่ต้องกลัว" เขาพูดกับวัสอร เธอร้องไห้ได้น่ารักน่าเอ็นดูอีกแล้ว "ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ฉันสัญญาว่าทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี"

"ไม่หรอก คุณสรัลไม่ยอม เธอต้องการเลือดของฝนไปชุบชีวิตของเธอ"

สรัลหน้าตื่น เพราะนึกไม่ถึงว่า เมื่อสามีกระตุกผ้าห่มคลุมร่างโป๊แล้ว เจ้าตัวจะผลุงขึ้นมากอดร่างอรชรด้วยท่าทีปกป้องปลอบประโลม มิหนำซ้ำ ยังเจรจากับเจ้าของร่างแบบไม่มีเกรงใจหล่อนอีกด้วย

"ปู" หล่อนเรียกอย่างไม่พอใจ

"ผมอาจไม่เข้าใจว่าทำไมแม่นมจึงมาเข้าฝัน ฝากหลานสาวคนนี้ให้ผมดูแล มีหลายประโยคของแม่นม ที่สะกิดความสงสัยของผม แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมแม่นมถึงได้ห่วงใยหลานสาวนัก บางที แม่นมคงหยั่งรู้ว่า อนาคตของฝนต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายที่เกิดจากความรักของเรา"

"แม่นมบอกอะไรคุณคะ" น้ำเสียงถามร้อนรน เผยพิรุธพราวเสียจนปุราณอดเลิกคิ้วไม่ได้

"บอกครับ"

"อ้อ" แล้วร่างอรชรก็สลัดหลุดจากอ้อมแขนอ่อนโยน พลางถลึงตาวาววับจดจ้องคนตอบสั้นๆ อย่างไขว้เขว "เพราะคุณรู้แล้วอย่างนี้นี่เองใช่ไหม คุณถึงอยากได้มันนัก เป็นเนื้อคู่แท้แล้วยังไง นึกหรือว่ามันจะชนะ นึกหรือว่ามันจะแย่งปูไปจากสรัลได้ ชะตาฟ้าวิเศษแค่ไหนก็ช่าง แต่อย่าหวังว่าจะมาเอาชนะความรักที่สรัลมีต่อคุณอย่างมั่นคงไม่เสื่อมคลายได้เลย"

"เนื้อคู่แท้"

โอ้ สรัลพลาดไปแล้วจริงๆ ปุราณไม่ได้ตั้งใจจะบอกเรื่องที่เขาไม่เคยล่วงรู้อย่างนี้หรอก เขาแค่อยากบอกว่า แม่นมอ่อนฝากฝังวัสอรให้เขาดูแลชั่วชีวิตเท่านั้น บางที เขาก็อาจจะเปรยให้หล่อนฟังเสียด้วยซ้ำไปว่า ไม่เข้าใจเจตนาของแม่นมอ่อน

แต่อนิจจา สรัลกลับเข้าใจไขว้เขว แล้วพานเผยความลับของฟ้าออกมาเสียเอง จึงไม่แปลกเลย หากสรัลจะงุนงงที่ได้ยินสามีกับวัสอรอุทานแตกตื่นอย่างพร้อมเพรียง

"ทำไม เธอดีใจใช่ไหมที่ได้รู้ความจริงอย่างนี้" วัสอรยังคงตกเป็นเหยื่อความชังอยู่ดี ปีศาจเสน่หาเลี้ยวขวับกลับมายอกย้อนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "แต่อย่าฝันเลยว่า เธอจะได้ใช้สิทธิ์นั้น เพราะคืนนี้ ฉันจะทำให้เธอเป็นฉัน"

"เพราะอย่างนี้ คุณถึงไม่ยอมปล่อยฉันไปจากเรือนริมน้ำใช่ไหม คุณรู้เรื่องพวกนี้ คุณจึงพยายามใช้ร่างฉันเป็นเครื่องมือ ใช้เลือดของฉันมาเติมเต็มร่างไร้มวลของคุณ ที่แท้คุณก็ไม่ได้ขโมยเฉพาะร่างกายของฉัน แต่คุณจงใจขโมยแม้แต่ชะตาชีวิตของฉันด้วย"

"แล้วจะทำไม เธอจะมีปัญญาอะไรมาขัดขวางฉัน เธอจะใช้อะไรมาปกป้องร่างกายของเธอ คุ้มครองชะตาชีวิตของเธอ ในเมื่อเวลานี้ ฉันคือเจ้าชีวิต ที่มีพลังอำนาจแห่งความรักมหาศาล ที่แม้แต่ฟ้าก็ต้องยอมแพ้"

ปุราณยังนั่งตะลึงงันกับความลับของฟ้าไม่หาย เขาปล่อยให้สองสาวถกเถียงกันไปก่อน เพื่อให้ตัวเองได้มีเวลาก้มสำรวจจิตเบื้องลึกที่อยู่ลึกมากจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่า วันหนึ่ง ตัวเองกลับต้องดำดิ่งลงมาค้นหาบางอย่างที่ฝังลึกแสนลึกอยู่ใต้จิตที่ไม่เคยใส่ใจดูให้ถึง

'เอ็นดู สงสาร ห่วงใย' สามความรู้สึกนี้เท่านั้นใช่ไหมที่เขามีต่อวัสอร 'ตื้นตัน ซาบซึ้ง หวงแหน' และอีกสามความรู้สึกนี้ ก็ตามมาทีหลัง

เขาเอ็นดูสาววัยใสคนนี้ ตั้งแต่เจอหน้าในวินาทีแรก ยังนึกตำหนิแม่นมอ่อนว่าใจร้ายจัง ที่ส่งเด็กหน้าใสตาสวยมารับตำแหน่งแม่บ้าน ซึ่งเป็นงานหนักและไม่เหมาะกับวัยของเธอสักนิด

แล้วจากนั้นก็เกิดความสงสารที่เธอถูกสรัลรังแกอย่างไร้ความผิดในห้องนอน คืนนั้น เธออุตส่าห์ยกนมสดมาให้ดื่มถึงหน้าเตียงทีเดียว แต่สิ่งที่เธอได้กลับไปก็คือ 'ปากแตก' แล้วเขาก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ เพราะสรัลยึดตัวเขาไว้

จากนั้นเล่า ห่วงใยเหลือเกินใช่ไหม แม้แต่จะทะลวงความเหนื่อยแสนเหนื่อย แม้แต่จะบอกตัวเองว่าสิ้นแรงแล้ว แต่ร่างกายก็ยังถาโถมไปข้างหน้า

เพราะเป้าหมายก็คือ ต้องช่วยชีวิตของวัสอรให้รอดพ้นจากการทำร้ายของสรัลกลางสระบัวให้ได้ เขาบอกตัวเองว่า ต้องช่วยให้ได้ เขาตะโกนเร่งกับตัวเองว่า รีบไป อย่าปล่อยให้เธอตายไปต่อหน้าต่อตา

แล้วเมื่อขึ้นถึงฝั่ง เธอฟื้นขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าเป็นห่วงเขา แม้แต่จะต้องแลกด้วยชีวิต เธอก็บอกว่ามันคุ้มจัง เขารู้สึกอะไร ตื้นตันใจมาก ซาบซึ้งในจิตงดงามของเธอนัก

แล้วเมื่อพบว่าสรัลพยายามจะคร่าชีวิตเธอเป็นหนสองในห้องนอน เขาหวงแหนชีวิตนั้นเหลือเกินใช่ไหม ณ นาทีนั้น เขาบอกตัวเอง 'สูญเสียเด็กคนนี้ไปไม่ได้'

'สวรรค์ เขาผูกพันกับวัสอรมากมายถึงเพียงนี้' ปุราณอุทานกับใจตนอย่างแตกตื่นระคนลิงโลด นี่ไม่ใช่ชะตาฟ้าหรอก แต่มันเป็นเพราะสรัลต่างหาก หล่อนเอง ที่เป็นฝ่ายโรยเยื่อใยเบาบางเส้นนี้ลงมา ไม่ใช่ฟ้าที่กำหนด แต่หล่อนเป็นคนทำ และเวลานี้ก็ยังทำ

หากวัสอรต้องมีอันเป็นไป หากเธอต้องตายไปทั้งที่ยังอยู่ สรัลต่างหากที่จะต้องหายไปจากความผูกพันทั้งหมดที่เขาเคยมี แล้วเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะไม่แยแสสักนิดว่า หล่อนจะเสียใจฟูมฟายสักแค่ไหน ที่เฝ้ามองเฝ้าเห็นว่า เขาร่ำแต่คร่ำครวญหาวัสอรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

"อย่าให้ผมต้องล่วงเกินเด็กคนนี้เลย ผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไป เข้าใจไหมสรัล คุณอย่าแลกเรื่องนี้กับผม เพราะผมบอกได้เลยว่า ผมต้องเป็นฝ่ายชนะ"

การถกเถียงของสองสาวต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงแทรกตัดบทเข้มลอดผ่านปากสวยของพ่อหม้ายหนุ่ม สรัลจ้องตาเข้มลึกของสามีอย่างลังเล เขาก็จ้องตอบไม่ลดละ ก็ไม่รู้ละว่ากำลังจ้องใครกันแน่ เพราะเขาเห็นดวงตาเรียวคู่นี้ และเห็นเงาของวัสอรอยู่ในนั้น

"นี่ปูจะขู่สรัลอีกแล้วใช่ไหมคะ เรามีบทสรุปแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าคิดอย่างนั้น เราต้องแลกกันหน่อย"

"ผมไม่ต้องการแลก ผมต้องการมีคุณอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป สรัล" ปุราณดึงมือเล็กขึ้นมากุม "ได้โปรดเถอะนะ คุณจากผมไปแล้ว เวลานี้ คุณคือคนที่ตายแล้ว ทุกคนรับรู้อย่างนี้ และทุกคนก็ไปร่วมงานเผาศพคุณ ร่วมเสียใจกับผมที่ต้องสูญเสียคุณเร็วเกินไป เท่านั้นผมก็เสียใจมากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องสูญเสียความรักและความผูกพันของเราไปเลย ยิ่งความทรงจำระหว่างเรา ผมก็ยิ่งไม่อยากสูญเสีย"

"นี่คุณพูดเรื่องอะไรคะ คุณเชื่อสรัลสิ เราจะไม่สูญเสียอะไรเลย เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม สรัลทำทุกอย่างลงไปทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเรานะคะ แทนที่จะมาตำหนิสรัล วิงวอนสรัล เปลี่ยนความตั้งใจของสรัล ทำไมคุณไม่ยอมร่วมมือกับสรัลแต่โดยดี แค่ว่าคืนนี้ เรามีความสุขด้วยกันผ่านร่างของวัสอร เราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เชื่อสรัลสิคะ"

"แต่มันไม่ยุติธรรมกับฉันนะ ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย คุณเห็นแก่ตัว คุณตายแล้ว ความรักคุณก็ตายแล้ว ความผูกพันก็ตายแล้ว ไม่เคยมีความตายที่ไหนจะฟื้นคืนได้ มันไม่เคยมี แล้วฉันก็จะไม่ยอมร่วมมือทำในสิ่งที่วิปริตผิดธรรมชาติแบบนี้ คุณไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติหรอก แต่คุณเป็นส่วนเกินของธรรมชาติต่างหาก"

"สารเลว บัดซบเอ๊ย นี่แน่ะ"

ปุราณตกใจร้อนรน เขาถูกผลักหล่นจากเตียงด้วยแรงเดือดดาล วัสอรล้มหงายตึงลงบนฟูก สองมือบีบเค้นลำคอหนักหน่วง สองขาถีบซอยเร่าๆ

เขาได้ยินเสียง 'เผียะ' ดังติดต่อกันสองสามหน เธอโดนตบหน้าใช่ไหม เธอคงเจ็บมากสินะ ถูกบีบคออย่างนั้นก็ทรมานใช่ไหม เธอหายใจไม่ได้ละสิ หน้าเริ่มจะเขียวคล้ำแล้ว

"หยุดเดี๋ยวนี้สรัล หยุดนะ หยุด ผมบอกว่าหยุด"

"ไม่หยุด หลีกไป" สรัลระเบิดเสียงอหังการ ตาร้อนระอุและแดงก่ำจนน่าขนลุก "จะหุบปากหรือยัง" หล่อนกำราบวัสอรด้วยเสียงเย็นเยียบอำมหิต "ฉันถามว่าหุบปากได้หรือยัง ดื้อด้านนัก นี่แน่ะ สารเลว นี่ๆ "

ผู้ชายคนเดียวในห้องทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ทราบว่าวัสอรถูกทำร้ายยังไง นอกเหนือจากถูกบีบคออย่างเหี้ยมโหด ดูเหมือนว่า แรงดิ้นขลุกขลักของเธอจะแผ่วลง สองขาก็ค่อยหย่อนคล้อยลง แม้จะไม่แน่นิ่ง แต่ก็ขยับอย่างอ่อนล้าเต็มที

"ผมยอมแล้ว" เขาครางอย่างเจ็บปวด "พอแล้ว ได้โปรดสรัล พอแล้ว ผมยอมทุกอย่างแล้ว ปล่อยเธอ ปล่อยครับ"

ทันทีที่สองมือผละห่างคอช้ำ ปุราณก็รีบรวบร่างระทวยขึ้นมากอด น้ำตาไหลอย่างสงสาร วัสอรก็สงสารตัวเอง น้ำตาของเธอ มันอาดูรเข้มข้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า จิตที่ถูกปลุกเร้าให้เข้มแข็งขึ้นด้วยแรงขื่นขม มันผลักสองแขนของวัสอรขึ้นกอดตอบพ่อหม้ายหนุ่มอย่างสิ้นหวัง

"คุณปู ช่วยฝนด้วย ฝนกลัว"

"ฉันรู้"

หนุ่มสาวกอดกันอย่างปลอบประโลม น้ำตาที่หลั่งอย่างเห็นอกเห็นใจ แลเนืองชุ่มอยู่ในดวงตาเรียวสองคู่ แม้สีน้ำตาลจะเข้มข้นแตกต่าง หากแต่ความวิปโยคโศกสลด กลับเข้มหนักได้อย่างเท่าเทียม

"นี่เธอกล้ากอดปูของฉันหรือ เอามือเธอออกไป นังสารเลว หน้าด้าน"

"ไม่ คุณนั่นแหละ หยุดความโหดร้ายของคุณลงเสียที ผมไม่ต้องการความรักแบบนี้ได้ยินไหม ผมไม่เชื่อหรอกว่า ผมจะมีความสุขได้ ในเมื่อความสุขของผม มันนั่งทับความเจ็บปวดของฝนอยู่ทุกนาที คุณเข้าใจไหม"

"ปู นี่ปูเห็นมันดีกว่าสรัล ปูเลือกที่จะเข้าข้างมันหรือคะ"

ปีศาจภรรยาแผดเสียงอยู่ในอ้อมอกสั่นรุม ปุราณกอดร่างน้อยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เหมือนจะบอกในทีว่า เขาไม่ไว้ใจในความอำมหิตที่หล่อนมี และไม่รู้ว่า หล่อนจะสำแดงมันออกมานาทีไหน

"ใช่ ผมเลือกเด็กคนนี้ ผมเลือกแล้ว คุณเองก็ต้องเลือกด้วย เลือกว่าควรยุติสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วไปจากผม ให้ผมได้เก็บคุณไว้เป็นความทรงจำที่งดงาม หรือไม่ก็ทำร้ายเด็กคนนี้ พร้อมกับตายไปจากหัวใจของผมตลอดกาล"

"ปู"

สรัลปวดร้าวเหลือเกิน ไม่เคยคาดคิดว่าต้องมาได้ยินสามีพูดจาประหัตถ์ประหารเช่นนี้ วัสอรทำอะไรให้เขาผูกพันห่วงหาอย่างนั้นหรือ แม่ตัวดีร่ำแต่จะไปจากที่นี่ด้วยซ้ำ

เจ้าตัวได้เปรียบอยู่เรื่องเดียว ก็คือเกิดมาเป็นเนื้อคู่แท้ของเขาเท่านั้น นอกนั้น ก็มีแต่หล่อนไม่ใช่หรือ ที่พร่ำเพียรแล้วเพียรอีกอย่างไม่ย่อท้อ ต่อการหวนคืนสู่รังรักเดิม

แล้วนี่หรือ ที่เขาตอบแทนให้กับความบากบั่นของหล่อน ที่แม้แต่จะกล้ากำแหงต้านฤทธิ์เดชของชะตาฟ้า หล่อนก็ไม่นึกหวั่นนึกยั่นสักนิด นี่หรือคือความรักของเขา ที่เขาบอกว่าจะภักดีและมั่นคงต่อหล่อนตลอดกาล นี่หรือ.. นี่หรือ

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 08:33:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com