Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Gomen ne......Demo...ขอโทษนะ... แต่ว่า...(ชั้นรักเธอ) บทนำบทที่1 ติดต่อทีมงาน

บทนำ บทที่1 Kotokara no Hajimari   (จุดเริ่มต้นของเรื่องราว)          
                สายลมหนาวเหน็บและกลิ่นอายจากไอเย็นพัดพามากระทบร่างของบุคคลทั้งสาม ร่างของชายหนุ่มสองคนที่ยืนนิ่งแววตาสั่นสะท้านทำอะไรไม่ถูก ขณะที่หญิงสาวเพียงคนเดียวนอนนิ่งอยู่บนพื้นถนนที่แตกระแหงแยกออกมาเป็นชิ้นๆ รอยร้าวนั้นราวกับจิ๊กซอว์ที่เกลื่อนกลาดพื้น

ตึกรามบ้านช่องรอบทิศนั้นพังทลายกลายเป็นเศษอิฐเศษปูนรอบข้างอย่างน่าหวั่นผวา และน้ำทะเลที่ใกล้สัดซาดเข้ามาจนร่างที่นอนนิ่งนั้นก็รับรู้ได้ เสาไฟฟ้าต้นสูงนั้นนอนอย่างไร้ประโยชน์ข้างๆหญิงสาวที่เลอะเปรอะเลือดที่ไหลออกมาเสียชุ่มหลัง

               เนื้อตัวรู้สึกชาทำให้ไม่รับรู้ว่าน้ำตานั้นได้ไหลเอื่อยเต็มใบหน้าที่ซีดเซียวนั่น หญิงสาวหันไปหาใบหน้าของชายหนุ่มคนนึงก่อนพยายามอ้าปากโดยมีเสียงเบาหวิวเล็ดรอดออกมา

“โกะเมนเนะ... เดะโมะ... (ขอโทษนะ แต่ว่า)”



เสียงพูดคุยของคนนั้นดังสวนไปมาทันทีที่เธอดึงหูฟังสีขาวออกจากหู นัยน์ตาคมเรียวคู่นั้นกวาดสายตาไปทั่วสนามบินนาริตะ  ร่างสูงนั้นลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูหวานจ๋อยที่ไม่เข้ากับหน้าคมๆดุๆนั่นเลยแม้แต่น้อย เธอใช้มือสะบัดผมซอยสั้นเพียงคอ หญิงสาวเดินอยู่ตรงห้องโถงผู้โดยสารด้วยใจที่กระวนกระวายเล็กน้อย เธออยู่ในอาคารทิศใต้หรือาคารผู้โดยสารสอง ซึ่งมาจากสายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์จากกรุงเทพ
ตอนนี้เธออยู่ที่ชิบะ แล้วและต้องไปโตเกียวในวันนี้

                                      แล้วให้ตายสิคนมารับอยู่ไหน?

เจ้าตัวบ่นอยู่ในใจขณะหลบชายหญิงชาวอเมริกันที่เดินมาชนจากด้านหลัง ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในเดือนมกราคมช่วงที่หนาวที่สุดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาส่วนมากจะนิยมไปฮอกไกโดจังหวัดที่หนาวที่สุดในประเทศเพราะมีแหล่งท่องเที่ยวยามหนาวและอาหารทะเลที่สดมากอยู่ แต่ช่างสิเธอไม่ได้มาเที่ยวเสียด้วย(แต่ต้องหาเวลาไปเที่ยวแน่นอน)

เธอโยนกระเป๋าไว้ที่ที่นั่งผู้โดยสารก่อนจะทิ้งตัวนั่งอย่างไร้จังหวะลงบนเก้าอี้ติดกัน กิริยาที่ส่งเสียงดังนั้นทำให้หญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างตกใจเล็กน้อย และแน่นอนเหล่ะว่าหญิงสาวหยาบพอที่จะไม่ทันสังเกต แต่คิดไปถึงเรื่องอื่นอยู่

น่าแปลกคนญี่ปุ่นเป็นคนตรงต่อเวลามาก ไม่น่าจะมารับเธอสาย หรือเธอเลือกซื้อไฟล์ทผิด(จากนิสัยก็พอเป็นไปได้อยู่) แต่เธอก็เช็คดีทุกอย่างแล้วนี่นา

หญิงสาวคิดจะใช้โทรศัพท์มือถือ และก็ระลึกขึ้นมาได้ว่าเธอลืมทำระบบโทรออกต่างประเทศ และระบบโทรในประเทศอื่นไว้ ค่อยเมล์ไปให้เพื่อนที่ไทยทำให้ทีหลัง ความจริงหญิงสาวดีใจมากที่ได้มาญี่ปุ่น แต่จากความไกลบ้านต่างถิ่นและไม่รู้จักใครก็ทำให้กังวลที่คนมารับนั้นไม่มาเสียที

“บ้าจริง” เสียงตะโกนด่าภาษาญี่ปุ่นนั้นทำให้เธอหันไปตามเสียงที่อยู่ด้านหลัง

               หญิงสาวเข้าใจภาษาญี่ปุ่นทั้งฟังพูดอ่านเขียนอยู่ในระดับที่ดีแต่ก็ต้องเรียนรู้อีกมาก

สิ่งที่สะท้อนนัยน์ตาของเธอก็คือกล้องตัวใหญ่ที่มีตากล้องคนหนึ่งแบกอยู่ รวมถึงกล้องอีกสองตัวที่อยู่ห่างออกมา มีหลายคนที่คุมไฟไว้สามที่ทั้งแสงหลักแสงรอง รวมถึงบุคคลสองคนที่สั่งงานด้วยภาษาญี่ปุ่นรัวเร็วที่เธอจับฟังลำบาก คงจะเป็นผู้กำกับ อีกคนคงกำกับเรื่องภาพเพราะจ้องมอนิเตอร์ที่ตั้งอยู่ตลอด พวกเขากำลังถ่ายละครกันในสนามบิน

แต่ที่สะดุดตาเธอน่ะไม่ใช่เหล่าทีมงานหรอก แต่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่คนบ้าดาราญี่ปุ่นอย่างเธอนั้นรู้จักดี

                                    นั่น อาบาราอิ โทโมยะ  โทโมะจังนี่

หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายเข้าตัว ลุกออกจากที่นั่งในทันทีทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ เดินมาดูฉากที่กำลังจะถ่ายทำกัน

อาบาราอิ โทโมยะ อายุยี่สิบเจ็ดปี สูงร้อยเจ็ดสิบสี่เซนต์ติเมตร หนักหกสิบกิโล ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้ากล้องนั้นเป็นไอดอลชื่อดังในญี่ปุ่น ที่เธอชื่นชอบมากคนหนึ่ง ใบหน้าคมเรียวนั้นดูดีจนติดเท่ ร่างนั้นไม่สูงมากตามแบบคนญี่ปุ่นแต่กลับสมส่วน และบุคลิคนิ่งๆเฉยๆติดขรึมก็เป็นพระเอกอยู่มากจนน่ามอง ชายหนุ่มเป็นทั้งนักร้องและนักแสดง เขาเป็นนักร้องวงบอยแบนด์ที่ชื่อว่าวงQuestซึ่งเป็นวงที่เธอชื่นชอบมากเช่นกัน

จะว่าไปข่าวที่เธอตามอยู่ก็บอกว่าโทโมยะถ่ายละครเรื่องล่าสุดใกล้จบเต็มทนและแน่นอนว่ามาพร้อมกับข่าวคาวกับนางเอกละครที่ประกบคู่ด้วย เมื่อภาพหลุดออกมาเพราะปาปาไปจับภาพที่ทั้งสองเดินกันแถวฮาราจุกุได้ แม้ทั้งคู่จะออกมาปฎิเสฐข่าวก็ตาม

แต่ก็นั่นเหละคือโทโมยะ ชายหนุ่มแม้จะไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ แต่ก็อารมณ์แนวรักง่ายหน่ายเร็ว นานๆทีจะมีภาพหลุดออกมาเพราะชายหนุ่มกลัวกระแสแฟนคลับ ทั้งที่ความจริงมีผู้หญิงคบหาอยู่ตลอด

และหญิงสาวที่มีข่าวด้วยในตอนนี้ก็ยืนถ่ายละครเช่นเดียวกันอยู่ โคบายาชิ ไคโยะ นางเอกละครที่เธอเห็นหน้าอยู่บ่อยๆตามประสาคนที่ดูหนังละครญี่ปุ่นแทบทุกเรื่อง หญิงสาวเป็นคนขาว ตาโต เหมือนผู้หญิงญี่ปุ่นทั่วไป แต่เมื่อมองใกล้ๆก็จัดว่าสวยมากทีเดียว เพราะใบหน้านั้นก็ดูจุ๋มจิ๋มน่ารักไปหมด

ด้วยความที่เป็นสนามบินทำให้คนส่วนใหญ่จะเป็นคนมีเงินที่เข้ามาใช้งาน พวกญี่ปุ่นมุงที่จะมาสนใจดารานักร้องทำให้แทบไม่มี ส่วนใหญ่เมื่อเห็นก็เดินผ่านธรรมดา มีเธอนี่เหล่ะที่ยังคงยืนมองอยู่รวมถึงผู้หญิงน้อยกลุ่มที่เดินเข้ามาดู

แววตาของเธอยังคงมองชายหนุ่มในฉากอย่างตั้งใจ เธอเคยเห็นตัวจริงเขามาครั้งนึง และเมื่อเห็นอีกครั้งก็คิดจริงๆว่าโทโมะตัวจริงหน้าหวานกว่าที่คิด ผิวก็ขาวกว่า ทั้งที่เห็นตามนิตยสารหรือทีวีออกจะแทน เอ๊ะ! หันมาด้วยแฮะ

โทโมะหันมาทางคนมุงดูเมื่อผู้กำกับสั่งคัท เขาโบกมือทักมายแฟนคลับเล็กน้อยก่อนส่งยิ้มตามแบบฉบับ ใบหน้าคมหล่อเมื่อแย้มรอยยิ้มนั้นก็น่ามองมากทีเดียว

                                              กรี๊ดดด โคตะระน่ารักเลย

ดูท่าว่าเธอจะลืมเรื่องคนมารับที่มาสายไปแล้ว และจากหงุดหงิดก็กลับกลายเป็นว่าเริ่มจะขอบคุณที่มันมาช้า และถ้าให้ดีไม่ต้องมาจนกว่าโทโมะจะถ่ายเสร็จดีที่สุด (น่าสงสารคนมารับเสียจริง เป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว)

กล้องเริ่มหมุนมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงแอ็คชั่นที่ดังขึ้นทันที เธอมองไปที่นางเอกละครหรือโคบายาชิ ไคโยะที่เริ่มเบะหน้าร้องไห้และพูดช้าๆสั้นๆตามบทได้อย่างแนบเนียน

                                                ยอดเลย อย่างกับสั่งได้

“ใจร้าย น่าเกลียดที่สุด เธอไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเลยใช่มั้ย?”

“กลับไปซะ มันเกี่ยวกับเธอจริงมั้ย”น้ำเสียงทุ้มแหบดังลอดออกมาจากริมฝีปากบางสีแดงสดน่ามองนั่น เขามองหญิงสาวที่ยืนร้องไห้ต่อหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย

เสียงคัทดังขึ้นอีกครั้งดึงสติของเธอให้กลับมายังโลกปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็มีคนๆนึงโน้มตัวลงมาพูดกับเธอ

“คุณภีรพรรณใช่มั้ยครับ”คำถามนั้นดังขึ้นข้างหูซ้ายที่เต็มไปด้วยต่างหูสองข้างที่หญิงสาวนิยมใส่เพียงข้างเดียว ใบหน้าคล้ำสันที่เต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้มนั้นโน้มเข้ามาใกล้จนหญิงสาวตกใจจนส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“เฮ้ย!” ความจริงมันควรเป็นกรี๊ดแต่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นซักเท่าไหร่ แต่เสียงนั้นก็ดังไม่ใช่น้อยทำให้ญี่ปุ่นทั้งหลายหันมามองเป็นตาเดียวรวมถึงทีมงานที่ยืนอยู่ตรงนั้นและดาราดังทั้งคู่ด้วย

เธอสบกับนัยน์ตาคู่เรียวของโทโมยะเข้าพอดี ความจริงมันน่าดีใจมาก แต่มันก็ผิดจังหวะมากเหมือนกัน

“ขอโทษค่ะ”เธอหันไปโค้งขอโทษคนรอบข้างราวถึงทีมงาน ด้วยใบหน้าที่เหมือนอมยาขมจนแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าโทโมยะนั้นแอบหัวเราะออกมา

โทโมยะมองแฟนคลับของเขาที่รีบเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาคุ้นหน้าดี ชายหนุ่มรุ่นใหญ่ไว้ผมยาวและหนวดเครารุงรังแต่กลับดูสะอาดสะอ้านตาอย่างประหลาด

                                                               นากามูระ?

เลขาของผู้กำกับละครหรือเลขาของหุ้นส่วนใหญ่ในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่Apixisที่เขาสังกัดอยู่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย และผู้หญิงที่น่าจะเป็นคนต่างชาติคนนั้น หน้าตาคุ้นๆเหมือนเขาเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อน

แต่ความคิดของไอดอลหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักไป เมื่อผู้กำกับเดินมาคุยกับเขาเรื่องฉากต่อไปที่ต้องเล่น โทโมยะเลยพุ่งสมาธิไปที่ละครมากกว่าเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านตาเข้ามา



“มาสายจัง” เธอบ่นอุบอิบเป็นภาษาญี่ปุ่นที่คาดว่าอีกฝ่ายที่เดินตามอยู่ข้างหลังคงไม่ได้ยิน ชายหนุ่มที่มีบุคลิกที่ติดเซอร์นั้นเดินมาแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอออกจากมือเพื่อถือให้ พร้อมกับพูดภาษาญี่ปุ่นช้าๆให้เธอเข้าใจ

“ขอโทษด้วยภีรพรรณซัง เผอิญว่าทีมงานของผมบอกเวลาลงเครื่องผิด ผมเลยมาผิดเวลา รีบขึ้นรถเถอะ ผู้กำกับรอคุยกับคุณอยู่”

หญิงสาวถอนใจยาวเหยียดเพราะในใจอยากดูโทโมะจังต่อมากกว่าขึ้นรถไปดูผู้กำกับ แต่ช่างเถอะเมื่อเธอมาถึงญี่ปุ่นแล้วจะตามไปดูวงQuestเมื่อไหร่ก็ได้ และจะได้ดูยูกิแล้วด้วย เธอหมายถึงไอดอลหนุ่มอีกคนที่อยู่วงเดียวกันกับโทโมยะแต่เธอชื่นชอบมากกว่าเป็นพิเศษ

ภีรพรรณ เดชวงกุล หรือ โม นั้น อายุยี่สิบสองปี สูงร้อยเจ็ดสิบเซนต์ติเมตร หนัก...หว่ายไม่อยากบอกเลยหกสิบโลเอง จบปริญญาตรีคณะศิลปกรรมที่ประเทศไทย เรียนสาขาด้านกราฟฟิคคอมพิวเตอร์อาร์ต อายุยี่สิบสองปี มีอาชีพรองเป็นนักเขียนนิยายขณะที่อาชีพหลักนั้นรับทำงานเกี่ยวกับArt work ขณะที่กำลังร่อนเร่หางานประจำอยู่นั้นเมื่อเดือนก่อน นิยายรักน้อยเรื่องที่เธอเขียน(โดยส่วนใหญ่เธอจะเขียนแฟนตาซี)ไปถูกใจผู้กำกับคนไทยที่ทำงานอยู่ประเทศญี่ปุ่น

เขาต้องการซื้อลิขสิทธิ์นิยายของเธอไปทำเป็นละครฉายที่ญี่ปุ่น แน่นอนว่าเธอดีใจมากแต่ที่เธอขอไปไม่ใช่ค่าลิขสิทธิ์ แต่เป็นการที่เธอได้มาทำงานที่นี่ในฐานะนักเขียนบทละครเรื่องนี้ต่างหาก หญิงสาวนั้นชอบประเทศนี้มานานและอยากมาอยู่เสียให้ได้ และจะให้มันผ่านไปเฉยๆได้อย่างไรเมื่อโอกาสมาถึง



ความหนาวเย็นจากอากาศที่มีอุณภูมิถึงสิบแปดองศานั้นทำเอาเธอสั่นได้ดีทีเดียวขนาดอยู่ในเสื้อขนสัตว์สีขาวที่หนาและยาวคลุมทั้งตัวแต่ลมหายใจของเธอก็แทบเป็นไอเย็นเมื่อเดินออกจากรถตู้คันใหญ่ โมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่แสงจากระดับสายตา เธอเบิ่งตามองโรงแรมหรูใจกลางกรุงโตเกียวแทนที่เธอจะนั่งรถไฟฟ้าเคเซ หรือรถไฟเจอาร์ มาลงที่โตเกียวให้เสียเวลา นากามูระพาเธอ นั่งแท็กซี่จากนาริตะที่ชิบะเพื่อมาลงที่โตเกียวแทนและนั่งมาลงที่โรงแรมหรูข้างหน้า เมื่อเดินไปยังล็อบบี้หรือตรงโอเปอเรเตอร์ นากามูระหรือคนที่มารับเธอนั้นก็ยืนคุยกับพนักงานโรงแรมก่อนจะพาเดินไปที่ลิฟต์และพาไปยังห้องอาหารหรูที่จองไว้

ชายหนุ่มรุ่นสามสิบปลายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร เขาแต่งตัวตามสบายและติดเซอร์เหมือนนากามูระ เพียงแต่ไม่ไว้หนวดเครารุงรัง สวมกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อยืดสีขาวและคลุมด้วยเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตสีแดงที่ผู้ชายญี่ปุ่นนิยมใส่ ใบหน้าเรียวนั้นติดเถื่อน แต่แววตานั้นกลับมีแววสุภาพ จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากบางนั้นช่างไม่เข้ากับแววตาเอาเสียเลย

ห้องอาหารนี้แต่งด้วยโต๊ะกระจกทั้งหมด เก้าอี้เป็นสีขาวสไตล์โมเดิร์น เข้ากันได้ดีกับห้องอาหารที่รอบทิศเป็นกระจกสะท้อนวิวในมุมสูง

เธอยกมือไหว้อีกฝ่ายเพราะชายหนุ่มคนนี้เป็นคนไทยก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงข้าม และมีนากามูระนั่งอยู่ข้างๆ

“ขอโทษด้วยที่ไปรับหนูช้า คุ้นกับฮิตะคุงรึยัง เขาจะมาทำหน้าที่ดูแลหนูด้วยตอนที่อยู่ญี่ปุ่น” อภิวฒิหมายถึงชายหนุ่มที่มารับเธอ “คิดซะว่าเขาเป็นเลขาส่วนตัวของหนูด้วยละกันมีอะไรก็เรียกเขาได้” เธอพยักหน้ากับประโยคนั้นก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ และอภิวฒิก็หันไปพูดเรื่องอื่น “เป็นไงชอบโรงแรมนี้มั้ย? ถ้าชอบจะได้จองห้องให้เลย” ผู้กำกับพูดกับเธอด้วยภาษาไทย น้ำเสียงใจดีนั่นไม่เข้ากับใบหน้าเถื่อนๆนั่นเลย

“ไม่เป็นไรค่ะ โรงแรมนี้ก็..สวยดี..”ความจริงมันไม่ได้ตรงใจเธอเสียเลย แต่ด้วยความที่ไม่ได้สนิทสนมกับอีกฝ่ายเลยไม่อยากเสียมารยาทวิจารณ์

“มีอะไรรึเปล่า?”

“เปล่าค่ะ”

“อยากอยู่บ้านแบบญี่ปุ่นมากกว่าใช่มั้ย?”

เธอกระพริบตาเล็กน้อยกับคำพูดรู้ดีนั่น ผู้กำกับคนนี้หรือคุณอภิวุฒิ โตคงทรัพย์ วัยสามสิบหกนั้นได้คุยกับเธอเรื่องงานมาเล็กน้อยแล้ว จึงพอจะมองนิสัยกันออกอยู่บ้าง

เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ แต่เป็นตัวเธอที่ได้มาทำงานในฐานะนักเขียนบทละครแทน ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ทำงานหรือถ่ายละครเรื่องนี้สามเดือน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางค่ายละครจะเป็นคนจ่าย รวมถึงเงินชดเชยอีกหลายล้านเยนอีกด้วย

                    เธอจึงเป็นเหมือนพนักงานวีไอพีก็ว่าได้

“อยากได้อะไรก็บอกมาได้นะ แค่ไม่เอาค่าลิขสิทธิ์สิบล้านเยนนั่น เราก็เกรงใจมากแล้ว”อภิวุฒิพูดปนรอยยิ้มที่มองหญิงสาวรุ่นน้องอย่างนึกเอ็นดู เขาแค่จ่ายให้กับทางสำนักพิมพ์ไม่กี่ล้านเยนเท่านั้นแต่ไม่ต้องจ่ายให้หญิงสาว

“เอ่อ..คือ..”เธอใช้มือเกาหัวเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “แต่ว่าการมารบกวนให้มาทำงานที่นี่ก็น่าเกรงใจมากเหมือนกัน”

ใบหน้าของอภิวุฒินิ่งไปเล็กน้อยกับคำพูดเหล่านั้นก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก็มีใครที่ไหนล่ะที่ไม่เอาเงินแล้วยังมาทำงานให้อีก มันทำเอาเขาไม่ต้องไปจ้างนักเขียนบทละครเพิ่มและจ่ายค่าสิขสิทธิ์น้อยลงอีกต่างหาก มันน่าขำน้อยเมื่อไหร่

“เอาเถอะที่พัก หนูก็เอาแบบที่อยากได้ละกัน ตอนนี้มาคุยเรื่องงานกันก่อน เห็นบทละครที่แปลงมาตอนแรกแล้วนะ มีบางส่วนอยากให้แก้ไข” เขาเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับยื่นเอกสารหรือบทละครที่โมส่งให้ทางเมล์เมื่ออาทิตย์ก่อนคืนให้

โมเห็นว่าบทภาพยนต์ Screen play บางส่วนที่ถูกขีดแดงไว้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น พูดโต้ตอบของตัวละครที่พูดจากันค่อนข้างหยาบ ซึ่งผู้กำกับอธิบายว่าอยากให้เธอปรับคำพูดให้สุภาพขึ้นมาอีกหน่อย

“พรุ่งนี้จะคัดตัวนางเอกหลัก มาด้วยนะ เดี๋ยวให้นากามูระไปรับ”

“แล้วบทตัวพระเอกล่ะคะ ต้องมีตั้งหกคน”

“เลือกไว้แล้วล่ะ วงQuest น่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ เธอเบิ่งตามองผู้กำกับหนุ่มวัยสามสิบหกอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

“ทำไม ไม่ถูกใจรึ จะคัดตัวแสดงพระเอกคนอื่นไหมล่ะ คือเห็นวงQuestเหมาะกับคาแรกเตอร์ของตัวละครทุกตัวน่ะ น่าจะเป็นวงนี้ล่ะนะ” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย ไม่ใช่สิแสร้งอธิบาย เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวจะตอบว่าอะไร

“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ดีแล้วค่ะ” อภิวุฒิแอบลอบยิ้มอย่างรู้เท่าทันในคำตอบนั้น

ใช่ ดีสุดๆเลยล่ะ เธอจะได้ทำงานกับวงQuest วงระดับซูเปอร์ไอดอลของญี่ปุ่นที่เธอชื่นชอบมาก เธอเคยบอกพอกับแม่รึยังนะว่าดีใจมากที่ทำให้เธอเกิดขึ้นมา
                                             ดีใจจังเว้ยที่มีชีวิตอยู่(เว่อร์ไป)



เสียงฮัมเพลงเบาๆด้วยเสียงที่ติดนุ่มและหวานอย่างมีพลังนั้นดังไปทั่วภายในห้องอัดเสียงที่ยังไม่มีสต๊าฟเอดีคนใดมาถึง สายตาของชายหนุ่มไล่ไปที่โน๊ตเพลงทีละตัวอย่างอารมณ์ดี พร้อมทั้งอ่านเนื้อเพลงที่แต่งไว้เรียบร้อยแล้วและร้องออกมาทีละท่อน นิ้วเรียวสวยที่แม้แต่ผู้หญิงยังอายนั่นไล่ตามโน๊ตบนกระดาษก่อนใบหน้าหวานจะเอียงคอน้อยๆอย่างใช้ความคิด แต่ยังไม่ทันเขียนแก้ส่วนใดของเนื้อเพลงเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น

“โอ๊ะ เคนิชิ สวัสดี มาเร็วเหมือนเคยนะ”เสียงทักนั้นทำให้ใบหน้าหวานนั้นละจากโน๊ตเพลงหันมาหาผู้พูด

“สวัสดี อัจจิ เผอิญตื่นเช้ามาเล่นฟุตบอลแล้วตรงมาเลยน่ะ อัจจิก็มาเร็วเหมือนกันนะ”

เคนิชิ ยูกิ และ อาจิคาว่า ทาคุโอะ สองหนุ่มหนึ่งในสมาชิคของวงQuest แต่ก็มีบ้างที่บางครั้งพวกเขาจะจับคู่เป็นคู่ดูโอและออกอัลบั้มร่วมกันบ้าง และวันนี้เป็นวันอัดเสียงซิงเกิ้ลเพลงที่โปรโมทในเดือนหน้า

เคนิชิ ยูกิ วัยยี่สิบห้าปี สูงร้อยเจ็ดสิบเซนต์ติเมตร หนักห้าสิบหกกิโลกรัม น้องเล็กของวง หนุ่มน้อยหน้าหวานน่ารักราวกับผู้หญิง ทั้งบุคลิคและน้ำเสียงก็เหมือนเอาเสียมากๆ ซ้ำยังไว้ผมดัดฟูเล็กน้อยซึ่งยิ่งขับให้ใบหน้าดูหวานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังพูดจาติดสุภาพแล้วด้วย แต่ความจริงแล้วข้างในนั้นแมนมาก ชอบอะไรเท่ๆแมนๆที่ขัดกับตัวเองอย่างเสื้อยืดสีดำลายหัวกระโหลกที่ชายหนุ่มใส่อยู่นี่ เป็นนักกีฬาของวงอีกด้วยทั้งเรื่องฟุตบอลหรือเรื่องวิ่งแข่งชายหนุ่มไม่แพ้ใครง่ายๆ

อาจิคาว่า ทาคุโอะ อายุยี่สิบหกปี สูงร้อยเจ็ดสิบเซ็นต์ติเมตร หนักห้าสิบแปดกิโล หนุ่มคนนี้ก็น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าขาวกลมนั้นแลดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กอายุสิบห้า ตาตี่เรียวเล็กนั่นเข้ากับคิ้วบางและจมูกจิ้มลิ้มได้ดี เวลาแย้มรอยยิ้มจะเกิดลักยิ้มที่มุมปากทั้งสองจนน่ามองและสามารถเปลี่ยนบรรยากาศรอบข้างให้สดใสตามเขาไปได้เช่นกัน และเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นของวงชอบใส่กางเกงหกส่วนและจะดีไซน์เสื้อผ้าในแบบของตนเอง

“เคนิชิ รู้รึเปล่าว่าวงเราต้องเล่นละคร” อัจจิหันมาถามเพื่อนขณะนั่งลงข้างๆและหันมาอ่านโน๊ตเพลงเช่นกัน

“อ๋อ โทโมะคุงเมล์มาบอกแล้ว เรจังเองก็โทรมาบอกอีกเหมือนกัน” ชายหนุ่มหมายถึงเพื่อนสมาชิคในวงคนอื่น ยูกิเอียงคอเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด “ถ้าเราเล่นละครก็ตกประมาณสามเดือน แปลว่าเราคงต้องออกอัลบั้มและทัวร์คอนเสิร์ตหลังจากนั้นประมาณเมษา เน่ะ อัจจิ ทำไมถึงต้องให้พวกเราเล่นด้วยกันหมดหกคนเลยล่ะ” สายตาสงสัยนั้นส่งมายังเพื่อนที่ร่วมงานกันมากที่สุด

ความจริงทาคุโอะก็สงสัย เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วละครที่คิดใช้ทั้งวงเล่นนั้นเพราะจะโปรโมทวงนั้นให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวงน้องใหม่ แต่สำหรับพวกเขาที่เป็นวงบอยแบนด์ที่ดังมากอยู่แล้วนั้นไม่จำเป็นที่ต้องเล่นรวมกัน แต่ต่างคนต่างต้องไปเล่นละครของตัวเองต่างหาก
“ไม่รู้เหมือนกัน”นั่นคือคำตอบของทาคุโอะ



แสงในยามเช้าที่เล็ดรอดผ่านม่านจากหน้าต่างห้องสะท้อนห้องนอนสีขาวกว้าง ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเขียนหนังสือ และด้านตรงข้ามเตียงนอนนั้นมีชั้นวางทีวีจอแบนตั้งอยู่

มีคนสองคนนอนอยู่บนเตียงสีขาว ทั้งที่เป็นห้องนอนของผู้หญิง แต่กลับเป็นฝ่ายชายที่ขยับตัวควานหารีโมททีวีตรงตู้ลิ้นชักด้านซ้ายของเตียง แต่เมื่อจะกดปุ่มเปิดหน้าจอทีวี หญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆกลับแย่งรีโมทเขาไปจากมือและรีบหมุนตัวนอนหันหลังให้กับเขา

“ไม่ได้นะ อย่าเปิดทีวีสิ เสียงดังจะตาย” น้ำเสียงอู้อี้ที่ดังออกมาเพราะเพิ่งตื่นนั้นทำให้อภิวุฒิยิ้มขำๆ

ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมีเพียงผ้าห่มสีขาวผืนหนาที่ปิดบังร่างกายไว้ เขาหันไปมองแฟนสาวที่เด็กกว่าเขามาก แววตาขบขันนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อมองแผ่นหลังขาวที่เปลือยเปล่าของอีกฝ่าย

“แน่ใจเหรอที่ทำแบบนี้ ผมว่าโมคงไม่หยุดอยู่แค่เป็นเพื่อนร่วมงานกับวงQuestแน่ๆ อยากจะทำลายวงนั้นจริงๆน่ะเหรอ?”

“ทำไมล่ะ นายก็ชอบวงQuestอีกคนรึไง”

อภิวุฒิหัวเราะกับคำถามนั้น มีหลายอย่างที่หญิงสาวมีความเป็นเด็กและช่างเอาแต่ใจ และเขาก็ไม่อยากขัด แต่สำหรับเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเด็กๆอย่างที่เขาคิดสำหรับวงการบันเทิง

“มายุ ถ้าหากมันเกินขอบเขตล่ะก็ ถึงจะเป็นคุณผมก็ต้องห้ามนะ”


เสียงฝีเท้าที่วิ่งไปทั่วทางเดินผ่านห้องต่างๆนั้นดังพร้อมกับเสียงลมหายใจถี่ๆที่ดังยาวเป็นระลอก โมหยุดฝีเท้าพักทั้งที่วิ่งมาได้เพียงสิบนาทีเท่านั้น ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสูงใหญ่ หุ่นดี แต่กลับไม่เล่นกีฬา เพระหญิงสาวไม่ชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะเรื่องวิ่งนั้นแพ้กราวรูด โมมองซ้ายแลขวาพยายามมองหาคนที่พอจะช่วยได้หรือคนที่จะเดินผ่านมาทางนี้ก็ยังดี แต่กลับไม่เห็นใครซักคน เธออยู่ในตึกค่ายเพลงและละครApixis ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองกรุงโตเกียวตรงชินจุกุ  ที่เป็นเจ้าของงานละครที่เธอกำลังทำงานให้อยู่ วันนี้เธอต้องมาคัดตัวนางเอกหลักแต่กลับพลัดหลงกับนากามูระ

ก็แค่เห็นศิลปินคนนึงที่หน้าคุ้นๆเลยเผลอเดินตามมาเท่านั้นเอง ก็ขามันพามาเองนี่หว่าแต่ก็ดันพลาดสายตาไปซะได้ โรคบ้าดาราญี่ปุ่นไม่ช่วยเลยแฮะ(ว่าไปนั่น)

มือถือของเธอยังคงใช้งานไม่ได้อยู่ เมื่อคืนเธอใช้คอมเมล์ไปบอกเพื่อนให้ไปจัดการเปิดโปรโมชั่นโทรต่างประเทศไว้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันทำให้รึยัง แววตาคมดุนั้นมองไปยังห้องต่างๆตรงทางเดินซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องอัดเสียง และเป็นประตูและหน้าต่างกระจกซึ่งมองทะลุไปถึงข้างในแต่คนข้างในจะมองไม่เห็นข้างนอก มันหนามากพอสมควร มีห้องหนึ่งที่เธอเห็นเอดีหรือทีมงานชาวญี่ปุ่นหลายคนกำลังตั้งระบบเสียงตรงอุปกรณ์ในห้องและเธอก็มองไปยังห้องประกาศที่มีไมโครโฟนสองตัวตั้งอยู่พร้อมกับเฮดโฟนที่ห้องลงมา ห้องนั้นกั้นด้วยประตูและผนังกระจกอีกชั้น

และแล้วฝีเท้าเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบุคคลสองคนเดินเข้าไปในห้องประกาศภายในห้องอัดเสียง เธอรู้จักสองคนนั้น โดยเฉพาะหนุ่มหน้าหวานนั่น เคนิชิ ยูกิ กับ อาจิคาว่า ทาคุโอะ

หัวใจเธอเต้นระรัวเมื่อจดจ้องไปที่ใบหน้าหวานน่ารักของยูกิ ไอดอลที่เธอทั้งชอบทั้งชื่นชมมากกว่าไอดอลคนอื่นๆ ช่วงเวลานั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ เธอเบิ่งตาและยืนนิ่งมองชายหนุ่มที่ร้องเพลงอยู่ในห้อง มือเรียวนั้นกุมเฮดโฟนที่หัว นัยน์ตางอนเล็กคู่นั้นไล่อ่านตัวโน๊ตและเปล่งเสียงร้องออกมา เธอค่อยๆเบิ่งตาก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปมองเพื่อที่จะเห็นชายหนุ่มในฝันให้ชัดๆ หญิงสาวลืมตัวชะโงกหน้าไปเรื่อยๆ มากขึ้น มากขึ้น จน...

โป๊ก!

“โอ๊ย!” หน้าผากของคนลืมตัวกระแทกเข้ากับกระจกห้องเข้าอย่างจัง ความเจ็บไล่มาเป็นระลอก แต่แน่นอนว่าในห้องอัดเสียงที่เก็บเสียงได้มิดชิดนั้นไม่สามารถได้ยินเสียงของผู้หญิงที่พยายามชะโงกหน้ามองผู้ชายจนหัวกระแทกได้ แต่ดูเหมือนความเจ็บนั้นจะไม่ได้สะเทือนร่างกายสูงใหญ่นี้เลย เมื่อสายตานั้นยังไม่ละจากหนุ่มคนเก่า(ท่าจะเป็นเอามาก)

“โอ๊ะ อยู่นี่เอง” นากามูระร้องขึ้นหลังจากที่เดินหานักเขียนบทละครชาวไทยคนนี้อยู่นาน เขาจึงรีบเดินมาหาจนแทบจะระยะประชิด แต่ทั้งที่อยู่ใกล้แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยินเสียงของเขา สติคงลอยไปกับหนุ่มที่อยู่ในห้องอัดเสียงแล้ว

นากามุระต้องสะกิดแรงๆเจ้าตัวถึงยอมหันมาหาเขา และชายหนุ่มก็ได้หันไปมองต้นเหตุ และเมื่อเห็นหน้าของยูกิกับทาคุโอะก็ต้องส่ายหน้า ยิ่งเมื่อหันไปมองใบหน้าและแววตาที่ราวกับอยู่ในความฝันนั้น ก็ชักรู้สึกเป็นห่วงบทละครที่คนตรงหน้าจะเขียนขึ้น

“ภีรพรรณซัง ถ้าคุณอยากฟังยูทัคร้องเพลง เราก็เดินเข้าไปฟังเลยก็ได้” ไม่ทันจะฟังคำตอบของโม นากามูระก็ลากเธอไปยังหน้าห้องอัดเสียงห้องนั้นก่อนจะเปิดประตูเข้าไปทันที

ทีมงานหลายคนหันมามองแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็หันกลับไปทำงานต่อ บางคนที่ว่างมือก็หันมาโค้งทักทายให้นากามูระ

นากามูระ ฮิตะ วัยสามสิบสามปี สูงร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตรหนักหกสิบห้ากิโล เลขาของผู้กำกับหนุ่มอภิวุฒิที่นอกจากเป็นผู้กำกับแล้วยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของค่ายเพลงละครยักษ์ใหญ่นี้ เพราะฉะนั้นการที่นากามูระจะเดินเข้าเดินออกที่นี่ราวกับบ้านก็ไม่มีใครเถียง

ยูกิและทาคุโอะเดินออกมาจากห้องประกาศแล้วเมื่ออัดเสียงในฐานะยูทัคเสร็จ ยูทัคนั้นเป็นชื่อยูนิตดูโอของพวกเขาสองคนเมื่อต้องทำงานร่วมกัน ชื่อนั้นยูมาจากยูกิและทัคนั้นมาจากทาคุโอะ

“นากามูระซัง”ยูกิร้องทักขึ้นขณะที่ทาคุโอะหันไปมอง ทั้งสองเดินไปหาชายหนุ่มและหญิงสาวที่ไม่คุ้นหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ขอบคุณที่เหนื่อย” นากามุระทักทายใบหน้าดุนั้นมองไปยังใบหน้าหวานของทั้งสอง “ซิงเกิ้ลใหม่จากอัลบั้มที่สองใช่มั้ยในฐานะยูทัค ยินดีด้วยนะ”

ทั้งสองโค้งขอบคุณอีกฝ่าย ยูกิแย้มรอยยิ้มหวานกับคำพูดนั้น ขณะที่ทาคุโอะเองก็ยิ้มแก้มแทบปริจนเห็นลักยิ้มน่ารักนั่น ยูกิหันมาสบตากับโมแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร ทาคุโอะเป็นฝ่ายทักแทน

“เอ่อ...แขกคนนี้”

“โอ้” นากามุระใช้มือหนาของตนผลักหลังอีกฝ่ายให้มายืนข้างหน้าใกล้กับทั้งสอง “คนเขียนบทละครเรื่องที่พวกนายกำลังจะได้เล่น แล้วก็เป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วย” คำแนะนำนั้นทำให้ทั้งสองมองหญิงสาวอย่างสนใจมากขึ้น

โมมองทั้งสองด้วยอาการมือสั่นปากแข็งไปเสียอย่างนั้น ว้าว เธอร้องอยู่ในใจทั้งที่ยังตีสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ยูกิตัวไม่เล็กเท่าที่คิด ผิวก็ขาวมากด้วย น่ารักจังเลย ยิ้มหวานแบบเมื่อกี้แทบทำให้เธอลอยได้เลยทีเดียว (เป็นเอามากจริงๆ) แล้วนัยน์ตาคมจองเธอก็เลื่อนมาที่อัจจิ ชายหนุ่มน่ารักกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

หญิงสาวได้แต่จ้องไปจ้องมาจนยูกิต้องเป็นฝ่ายทักขึ้น “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเคนิชิ ยูกิ รบกวนด้วยนะครับ”

คำทักนั้นทำให้เธอคืนสติ “ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ชั้นซึยกะค่ะ ชั้นอายุยี่สอบสอง ยังโสดค่ะ” หญิงสาวบอกชื่อญี่ปุ่นที่ครูสอนภาษาญี่ปุ่นของเธอเรียกบ่อยๆ ซึยกะแปลว่าแตงโมนั่นเอง

นากามุระเมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ได้เพียงแอบขำ ยิ่งเห็นแววตาที่เปิดเผยสุดๆของหญิงสาวข้างตัวก็ยิ่งอยากหัวเราะให้ฟันหลุด

แต่ยูกิเมื่อได้ฟังประโยคกึ่งทอดสะพานนั้นก็ได้เพียงยิ้มก่อนพูดว่า “ โอ๊ะ ผมอายุยี่สิบห้า ยังโสดเหมือนกันครับ”

ทาคุโอะหันมาทักทายอีกเช่นกันก่อนจะหลุดประโยคบางอย่างไป “คุณซึยกะสูงจังเลยนะ” นั่นก็เป็นสิ่งที่ยูกิคิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้พูดออกไป

และก็เป็นประโยคที่ทำให้เธอรู้สึกตัว เธอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ซึ่งเกินมาตราฐานผู้หญิงญี่ปุ่นถึงสิบสี่เซนต์ โดยปกติผู้หญิงญี่ปุ่นสูงเกินร้อยหกสิบก็นางแบบแล้ว และชายหนุ่มทั้งสองตรงหน้าก็สูงเพียงร้อยเจ็ดสิบเซนต์ซึ่งเป็นมาตราฐานทั่วไปของผู้ชายญี่ปุ่น จะมองว่าเธอสูงมากก็ไม่แปลก

“ดีจังสูง ผมก็อยากสูงเหมือนกัน”ยูกิเอ่ยยิ้มๆขณะมองหญิงสาวตรงหน้า

แววตางอนเล็กคู่นั้นของยูกิพิจารณาสาวชาวไทยที่มีใบหน้าคม ดวงตาคมดุ ร่างสูงใหญ่ น้ำเสียงติดห้าวแหบ ผมซอยสั้นเพียงต้นคอ และบุคลิกเท่ๆก็เหมือนผู้ชายมาก เป็นสไตล์ผู้หญิงที่เขาไม่เข้าทางด้วยเสียเลย แต่ดวงตาคมดุนั่นกลับแปรเป็นแววตาหวานเมื่อมองมาที่เขา มันหวานเชื่อม หวานจน.....น่ากลัว

“ไม่หรอก ผู้หญิงสูงมากไปก็ไม่ดี ชั้นน่ะอยากสูงเท่าเคเนชิซังนะ”นี่เธอพูดจริงนะ ไม่ได้สตรอเบอแหลแต่อย่างใด

อัจจิมองไปยังใบหน้าคมที่หาได้ยากจากผู้หญิงทั่วไป โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่ผู้หญิงแทบทั้งหมด ใบหน้ากลมขาวเสียมากกว่า เขาอ่านแววตาของซึยกะซังออกทันทีว่าคิดยังไงกับเพื่อนของเขา มันชวนหงุดหงิดและน่ารำคาญใจ จนแอบคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเขาซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนผู้หญิงตรงหน้าเขาก็คงไม่สูญเสียคนสำคัญไป

ในเวลานั้นไม่มีใครคาดคิด ยูกิเองก็เช่นกันว่าหญิงสาวขาวไทยหน้าคมที่ส่งแววตาหวานมาที่เขานี้จะแปรผันชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง

-----------------------------------------------------------------------------
นาริตะ เป็นสนามบินนานาชาติ ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น

ชิบะ  เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น อยู่ในเขตคันโต บนเกาะฮนชู มีเมืองหลวงชื่อเดียวกันคือ ชิบะ จังหวัดชิบะเป็นที่ตั้งของสนามบินนาริตะซึ่งอยู่ในเมืองนาริตะ

 รถไฟฟ้าเคเซ  บริษัทรถไฟเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น ให้บริการระหว่างจังหวัดชิบะและโตเกียว ระหว่างโตเกียวสู่เมืองนะริตะ และชานเมืองทางด้านทิศตะวันออกของโตเกียว

 รถไฟเจอาร์  เป็นเครือข่ายรถไฟที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลกและมากที่สุดในกลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น เรียกโดยย่อว่า JR East สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ในเขตโยโยงิ ชิบุยะ กรุงโตเกียว

 Screenplay  บทภาพยนตร์แบบ Screenplay นี้จะเป็นบทที่มี บทพูด รวมทั้งรายละเอียดของฉากต่างๆเอาไว้ด้วยกัน

ชินจุกุ   เป็น 1 ใน 23 เขตการปกครองพิเศษในโตเกียว เขตชินจุกุคือธุรกิจหลักและศูนย์การบริหารและ การสถานีรถไฟยุ่งที่สุดในโลก

แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 09:20:39

จากคุณ : พรรณ PAN
เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:51:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com