ทรายเทียมเพชร บทที่ 1 ก้าวแรกสู่ความร้าวฉาน (ฝากนิยายด้วยนะคะ ฝากติชมได้เต็มที่เลยค่ะ)
|
 |
เมื่อรถเก๋งคันงามแล่นผ่านประตูรั้วอัลลอยด์ที่เลื่อนเปิดเองอย่างอัตโนมัติ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ คือ บ้านสีขาวสะอาดหลังงามที่มีขนาดใหญ่โตราวกับปราสาทราชวังในเทพนิยายที่คนเป็นแม่เคยเล่าให้ฟังทุกคืน
รอยหม่นหมองในดวงตาคู่สวย เริ่มฉายรอยแช่มชื่นขึ้นอีกครั้ง...
ชีวิตต่อจากนี้คงไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้คงต้องขอบคุณ คุณลุงใจดี ที่ช่วยชุบชีวิตเธอขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการพาออกมาพ้นจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าแห่งนั้น หลังจากบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนถูกไฟไหม้วอดวาย จนพรากแม่สุดที่รักไปจากหล่อนอย่างไม่มีวันกลับนั่นเอง...
เป็นไงบ้าง หนูทราย ชอบบ้านใหม่หรือเปล่า ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามอย่างเอื้อเอ็นดู หลังจากเฝ้าจับตามองอาการของหนูน้อยอยู่นาน
บ้านคุณลุงใจดีสวยจัง สวยเหมือนรูปภาพปราสาทของเจ้าหญิงในหนังสือนิทานของแม่เลยค่ะ
ทราย หรือ ศุภิศรา ยิ้มเศร้าๆเมื่อเอ่ยถึงคนเป็นแม่ รอยน้ำตาที่เพิ่งเหือดจางไป เริ่มรื้นขึ้นในลูกแก้วคู่งามนั้นอีกครั้ง
แต่...หนูอยู่ที่นี่ได้จริงๆเหรอคะ
คำถามไร้เดียงสานั้นทำให้คนฟังสะท้อนใจ อดสงสารในชะตาชีวิตน้อยๆ ที่แสนอาภัพนี้ไม่ได้ เขาดึงร่างเล็กๆ เข้ามากอดอย่างปลอบขวัญ ในใจอดคิดถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้
ศศิลดา หญิงสาวที่เคยเป็นรักแรกของเขา คนที่ทำให้คุณไกรภพไม่อาจใจไม้ไส้ระกำทิ้งหนูน้อยไว้ตามลำพังในสถานสงเคราะห์แห่งนั้นได้ ถึงแม้ว่าในอดีตแม่ของเธอนั้นจะเคยฝากบาดแผลใหญ่ไว้ในหัวใจเขามากมายก็ตาม หากแต่เหนือสิ่งใดแล้วยังมีอะไรบางอย่างในตัวเด็กหญิงที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษตั้งแต่เมื่อคราวแรกที่ได้พบ
จริงสิคะ ต่อจากนี้ไปที่นี่ก็เป็นบ้านของหนู และลุงสัญญานะว่าจะดูแลหนูอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หนูจะต้องได้อยู่อย่างมีแต่ความสุขในบ้านหลังนี้ ลุงสัญญาว่าลุงจะรักและเมตตาหนูให้เหมือนกับลูกหลานตลอดไป จากวันนี้ไปขอให้หนูคิดซะว่าฉันเป็นญาติของหนูแล้วกันนะ
เด็กหญิงมองคุณลุงใจดีอย่างลังเล ด้วยชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักญาติพี่น้องที่ไหนมาก่อนนอกจากแม่ แต่แล้วในที่สุดเด็กหญิงก็ตัดสินใจรับคำ
ค่ะ คุณลุง
คุณไกรภพ ดึงร่างเล็กๆ เข้ามากอดอย่างรักใคร่เอ็นดู ทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตด้วยความตื้นตันดีใจ ดวงหน้าที่ ขะมุกขะมอมด้วยคราบน้ำตา กระจ่างขึ้นทันตา เมื่อมีรอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่นในคำสัญญาของคุณลุงใจดีเข้ามาแทนที่
หากแต่ด้วยความอ่อนเดียงสา ทำให้หนูน้อยไม่ทันสังเกตเห็นรอยกังวลของผู้สูงวัยกว่า
คุณไกรภพรู้ดีแก่ใจ... ปัญหาใหญ่ต้องเกิดแน่ หากเขาก็เตรียมพร้อมรับมือ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องปกป้องเด็กคนนี้ไว้ให้ได้จนกว่าจะไขความลับแห่งอดีตได้ เขาให้สัญญากับตัวเองอย่างแม่นมั่น
ความคิดของคุณไกรภพไม่เกินจริงเลย...
เมื่อถึงหน้าตึกใหญ่ รถของคุณไกรภพไม่อาจจอดหน้าตึกได้ เพราะมีรถอีกคันจอดขวางอยู่ จึงทำให้เขาต้องจอดไกลออกไปเล็กน้อย เด็กรับใช้รีบวิ่งมาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างรู้งาน
รถใครน่ะแก้ว
รถคุณนิภาพรค่ะ แม้ปากตอบไป แต่หางตาคนพูดแลเลยไปยังเด็กน้อยที่ก้าวตามลงมาอย่างสงสัย
แล้วตอนนี้คุณผู้หญิงอยู่ไหนล่ะ
คะ คนมองเพลินสะดุ้ง
ฉันถามว่าคุณผู้หญิงอยู่ไหน
อ๋อ...ตอนนี้อยู่ในห้องรับแขกกับคุณเพชรค่ะ
คุณไกรภพถอนหายใจอย่างโล่งอก หันไปพูดกับเด็กน้อยข้างๆ เข้าบ้านกันเถอะลูก
ลูก! แก้วอุทานเสียงสูง ดูเหมือนผู้เป็นนายอ่านใจออกหันมาแนะนำ
อ้อ...นี่คือคุณทรายนะ ต่อไปนี้จะมาอยู่ที่นี่ด้วยคำกล่าวนั้นทำให้กลุ่มคนที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านชะงักไปตามๆกัน
ลูกเต้าเหล่าใครกันคะ คุณพี่
หญิงวัยกลางคนท่าทางผู้ดีจัดที่เดินนำมาแผดเสียงถามอย่างไม่พอใจ หางตากลายไปที่เด็กหญิงตัวน้อยอย่างระแวงจัด ทำเอาเด็กหญิงตัวผอมตื่นตระหนกกับท่าทีนั้นจนต้องรีบแอบอยู่หลังคุณไกรภพ
อ้าว...คุณนิภาจะกลับแล้วหรือครับนั่น คนถูกถามไม่ตอบกลับหันไปทักทายคนที่เดินตามมาแทน ทำเอาคนถามโทสะพุ่งปรี๊ด
ค่ะ คุณไกร ต้องไปรีบรับคุณพิชิตกับตาฟ้าน่ะค่ะ อีกอย่างเราก็มารบกวนคุณพราวนานแล้ว คุณนิภาพรมองเด็กหญิงตรงหน้าก่อนปรายตามองคนเป็นเพื่อนรักอย่างนึกเป็นห่วง
เห็นทีต้องกลับกันเสียทีค่ะ ยัยเฟื่องมากราบลาคุณลุงซิจ๊ะลูก
เฟื่อง หรือ เฟื่องตะวัน คือเด็กหญิงวัยไล่เลี่ยกับทราย หากทว่าหนูน้อยคนนี้กลับมีดวงตากลมโตสุกสดใสมีแววซุกซนตามวัย แถมผิวขาวอมชมพูสวย การแต่งกายก็ดูสะอาดสะอ้านน่ารักราวกับตุ๊กตาแก้วเนื้อดีช่างต่างกันกับเด็กหญิงอีกคนลิบลับราวฟ้ากับดิน
เด็กหญิงเฟื่องค่อยๆ กระพุ่มมือไหว้ชายสูงวัยอย่างน่ารักจับตาจับใจทุกคนในที่นั้น ไม่เว้นเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนแอบด้านหลังคุณไกรภพอยู่ เมื่อแลสบตากัน เฟื่องตะวันก็แอบแลบลิ้นใส่อย่างไม่เป็นมิตร ทำให้ดวงหน้าเล็กที่แสนมอมแมมที่เผลอเยี่ยมหน้าออกมามองนั้นรีบหลบข้างหลังคุณไกรภพแทบไม่ทัน โดยเด็กหญิงตัวน้อยไม่รู้เลยว่ามีผู้ใหญ่อีก 2 คนที่คอยสังเกตอยู่ ทันทีที่เห็นหน้าเด็กน้อยชัดๆ คุณพราวพิไลก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจทันที ในขณะที่คุณนิภาพรยกมือทาบอกอุทานออกมาเบาๆ
ศศิลดา
ภาพหญิงสาวหน้าหวานซึ้ง รูปร่างสะคราญโฉมในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ ผู้หญิงคนเดียวที่กำหัวใจคุณไกรภพซะอยู่หมัด ไม่นับรวมผู้ชายคนอื่นๆ ที่พากันหลงใหลในเสน่ห์ความสะสวย แถมสติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวเป็นเลิศของเธอ ที่ครั้งหนึ่งทำให้คุณพราวพิไลต้องชอกช้ำหัวใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้
พี่เพชรคะ ไว้คราวหน้าให้น้องเฟื่องมาเล่นตัวต่อเลโก้กับพี่อีกนะคะ เสียงเล็กๆ กระเง้ากระงอดแทรกขึ้น เมื่อเห็นใครต่อใครจะพากันลืมตัวเอง
เพชร หรือ พีรภัทร คือ เด็กชายตัวผอมสูง ผิวขาวสะอาด หน้าตาคมคายถอดแบบมาจากคุณพราวพิไลผู้เป็นมารดาเต็มๆ หากแววตาและรอยยิ้มที่มอบให้คนพูดตัวน้อยนั้นดูอ่อนโยนละม้ายคุณไกรภพผู้เป็นบิดาไม่ผิดเพี้ยน
ได้สิครับ เสียงนุ่มหวานกล่าวอย่างสุภาพ น้องเฟื่องจะมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อเลย แล้วอย่าลืมชวนนายฟ้ามาด้วยนะ ฟ้า หรือ เหนือฟ้าที่เอ่ยถึงคือเพื่อนสนิทและเป็นพี่ชายคนเดียวของเด็กหญิงเฟื่อง
จริงๆ นะคะ สัญญาแล้วนะ ถ้าผิดสัญญาน้องเฟื่องไม่ยอมจริงๆด้วย
ไปได้แล้วจ๊ะลูก เดี๋ยวแม่ต้องไปรับคุณพ่อที่สนามกอล์ฟอีก ฉันไปก่อนนะพราว เธอก็ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดค่อยๆ จากันดีกว่านะ อย่าใช้อารมณ์ มีอะไรก็โทรหาฉันนะจ๊ะ คุณนิภาพรรีบตัดบท แต่ท้ายประโยคคนพูดแอบกระซิบเบาๆกับคนเป็นเพื่อนรัก ที่รู้จักนิสัยใจคอกันมานาน คุณพราว หรือ พราวพิไล พยักหน้าอย่างข่มอารมณ์
ลานะคะคุณไกร น้าไปก่อนนะตาเพชร
เมื่อล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขึ้นรถกลับ เพชรส่งยิ้มให้กับเด็กหญิงในรถพลางโบกมือให้อีกครั้ง รอยยิ้มนั้นทำให้คนยืนหลบอยู่ด้านหลังคุณไกรภพถึงกับแอบชะโงกหน้าออกมามองตามด้วยความลืมตัว โดยไม่รู้เลยว่าตนเองได้เผลอประทับรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาไว้ในหัวใจลึกๆ ของตัวเองเสียแล้ว
เด็กคนนั้นใครคะคุณ
เสียงทรงอำนาจกระตุกหัวใจคนฟังตัวเล็กให้กลับมาอยู่ที่เหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ร่างที่แอบด้านหลังคุณไกรภพยึดชายเสื้อชายสูงวัยไว้แน่น ตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว คุณไกรภพเองก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจคำถามของภรรยา แต่กลับหันไปพูดกับลูกชายคนเดียวแทน
ตาเพชร มานี่สิลูก พ่อมีคนจะแนะนำให้รู้จัก คุณไกรภพยิ้ม พลางเบี่ยงตัวให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังตัวเองออกมายืนด้านหน้า
หนูทรายนี่คือพี่เพชร ลูกชายของลุง
เด็กหญิงยิ้มบางๆให้เด็กชายที่ตัวโตกว่าอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายยืนนิ่งเป็นหุ่น ดวงตาคมกริบถือโอกาสสำรวจตรวจสอบผู้มาใหม่อย่างถี่ถ้วน
ตาเพชร นี่น้องทรายนะลูก ตั้งแต่วันนี้ไปน้องจะมาอยู่บ้านเราในฐานะน้องสาวของลูก แล้วก็หลานสาวอีกคนของพ่อ...
ว่าไงนะคะ เสียงแหลมปรี๊ดตวาด คุณว่ายัยเด็กนี่เป็นอะไรนะ...
เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าน่าคุณพราว อายเด็กๆบ้างสิ
ช่างหัวมันเหอะ คุณยังไม่ตอบฉันเลย ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วทำไมคุณต้องบอกว่าเป็นหลานสาวตัวเองด้วย หรือว่าเด็กนั่นเป็นลูกของเมียน้อยคุณกัน ห๊ะ?
ถ้อยคำนั้นเสียบทะลุกลางใจคนฟังอย่างจัง ขณะที่เด็กชายตัวสูงที่โตพอจะรู้ความหมายนั้นก็ยืนเม้มปากแน่น ดวงตาฉายรอยผิดหวังในตัวผู้เป็นพ่ออย่างไม่ปิดบัง
เบาๆ หน่อยสิคุณพราว เดี๋ยวเด็กๆ ก็ได้ยินหรอก คุณไกรภพปราม ในใจนึกสงสารเด็กหญิงข้างๆไม่น้อย แก้วพาคุณหนูทรายไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นก่อน แล้วให้ใครไปทำความสะอาดห้องข้างบนไว้ด้วย หนูทรายเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวลุงตามไป ขอคุยธุระกับคุณป้าเดี๋ยว
ใครเป็นป้าของเด็กนั่นไม่ทราบ คุณหนูทราย...เชอะ.... ฉันมีลูกชายคนเดียวคือลูกเพชรคนนี้ต่างหาก คนพูดกระชับร่างลูกชายเข้ามากอดอย่างหวงแหนรักใคร่
ใครจะนับใครเป็นลุงเป็นหลานกันก็ตามใจ แต่อย่ามาเหมารวมว่าฉันเป็นป้าเป็นเชื้อใครด้วย คนพูดเชิดหน้าอย่างถือตัว ก่อนหันไปเอ่ยกับเด็กรับใช้
แก้วไปเตรียมของว่างให้คุณเพชรเดี๋ยวนี้ อ้อ...แล้วก็ห้องพักข้างบนน่ะ มีไว้สำหรับคนในครอบครัวฉันเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่... ก็ให้ไปพักที่เรือนคนใช้หรือไม่ก็ห้องเก็บของหลังบ้านก็แล้วกัน
คุณพราว!
อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ บุญเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ไล่ตะเพิดมันไปอยู่ที่อื่น คุณเองก็เถอะ จำไม่ได้หรือยังไงว่าแม่มันทำอะไรไว้บ้าง คุณมันเจ็บแล้วไม่รู้จักจำรึยังไง คอยดูเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อย ยัยเด็กนี่ก็ไม่พ้นต้องทำงามหน้าให้พวกเราเดือดร้อนอีกจนได้
หยุดนะ คุณพราว! คุณไกรภพตวาดอย่างเหลืออด
ฉันไม่หยุด คุณจะทำไม จะฆ่าจะแกงฉันเพราะเด็กคนนี้ก็เอาสิ ตายเป็นตาย ให้มันรู้ไปว่าคุณจะเห็นคนอื่นดีกว่าลูกเมียตัวเอง
คุณพราวพิไล!
คราวนี้ ร่างสูงตรงเข้ากระชากแขนของผู้เป็นภรรยาแล้วบีบอย่างแรงด้วยความโกรธจัด จนอีกฝ่ายน้ำตาคลอเบ้าแต่ด้วยทิฐิแรงกล้าทำให้คุณพราวพิไลต้องกัดฟันไม่ยอมร้องออกมาซักแอะ ร้อนถึงคนเป็นลูกที่ทนเห็นไม่ได้ต้องรีบเข้ามาช่วย
คุณพ่อ ปล่อยคุณแม่เถอะครับ ดูสิ คุณแม่เจ็บจนร้องไห้แล้ว คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วเหรอครับ... คำพูดของลูกชายตัวเองช่วยเรียกสติคุณไกรภพกลับคืนมาอีกครั้ง
คุณพราว ผมขอโทษ คุณไกรภพคลายมือที่กำแขนภรรยาตัวเอง หากอีกฝ่ายกลับรีบสะบัดออกอย่างรังเกียจ ก่อนหันไปกล่าวกับคนเป็นลูกอย่างมีอารมณ์
ไปกันเถอะตาเพชร อย่าไปสนใจเรื่องไร้สาระนี่เลย ถึงใครจะไม่รักเราก็ช่าง จำไว้ว่าแม่รักลูกคนเดียวก็พอแล้ว คุณพราวพิไลกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน หางตาปลายมองผู้มาใหม่อย่างจงเกลียดจงชัง ก่อนเชิดหน้าจูงมือลูกชายเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
เพชรเหลียวกลับไปมองร่างผอมบางที่แสนมอมแมมของเด็กหญิงที่พ่อเพิ่งแนะนำให้รู้จักด้วยสายตาเย็นชาจนน่ากลัวทำเอาคนถูกมองถึงกับสะดุ้ง
ไม่ว่าพ่อของเขาจะยกย่องให้เด็กคนนี้อยู่ในฐานะใดก็ตามแต่ หากสำหรับเด็กชายแล้ว คนที่ทำให้แม่ของเขาต้องถูกพ่อทำร้ายไม่สมควรจะได้รับการยกย่องในฐานะใดๆได้ นอกเสียจากเป็น...ศัตรูของเขา...ได้สถานเดียวเท่านั้น
คุณไกรภพ ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างร้ายกาจของภรรยาที่ตอนนี้ได้ถ่ายทอดลงสู่ลูกชายคนเดียวของเขาด้วย เขาหันไปกล่าวกับเด็กน้อยข้างตัวอย่างปราณี
หนูทราย อย่าไปใส่ใจเลยนะลูกนะ
คุณลุงคะ ทำไมคุณป้าคนนั้นเขาถึงไม่ชอบหนูล่ะคะ ทรายถามออกมาด้วยความสงสัย หากทว่ากลับทำให้คุณไกรภพต้องหนักใจ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง
ไม่มีอะไรหรอกลูก อย่าคิดมากเลยนะ จำไว้อย่างเดียวว่า ต่อไปนี้หนูจะต้องเข้มแข็งและอดทนเข้าไว้มากๆ แล้วก็ต้องเป็นเด็กดีด้วย ซักวันหนึ่งทุกคนก็จะเห็นความดีของหนู และรักเอ็นดูหนูเองนั่นแหละนะ
คำปลอบโยนของคุณไกรภพดูห่างไกลเกินความเป็นจริงไปมากมายทีเดียว เพราะนับจากวันนั้น ทั้งภรรยาและลูกชายของเขายิ่งมีแต่ความเกลียดชังเด็กน้อยเพิ่มทบเท่าทวีคูณ
**********************
จากคุณ |
:
เสี้ยวตะวัน
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มิ.ย. 54 17:18:30
|
|
|
|