Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 13 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10731833/W10731833.html

บทที่ 13

ตลอดคืนปลอดโปร่งดีมาก ฝนไม่ตกฟ้าไม่ร้อง จะมีก็แค่แสงแลบแปลบเป็นพักเป็นช่วง กับลมแรงอีกเล็กน้อย
ชาวบ้านหลับอย่างมีความสุข ทุกคนซุกร่างไว้ใต้ผ้าห่ม ความมืดสลัวทำให้มองเห็นใบหน้าของทุกคนไม่ค่อยชัดนัก

ป้ามาลีนอนข้างๆ สามแสนนี่เอง นางกรนดังมากเลย สามแสนหัวเราะเบาๆ พลางตัดสินใจลุกมานั่ง หลังจากที่อดทนนอนฟังอยู่นานแล้ว

ลมดึกยังพัดแรงอยู่ข้างนอก ใบไม้ร่วงลงจากต้นแล้วปลิวเรี่ยไปตามพื้น บ้างก็ลอยพลิ้วขึ้นปะปนกับฝุ่นบางๆ กองไฟไกลออกไป ตั้งเรียงรายกันสองสามกอง  มันส่องแสงจ้าและสะบัดเปลวสูง ห่างไปอีกนิด มีชายฉกรรจ์นั่งคุยกันเป็นกลุ่ม

ลุงแม้นบอกกับสามแสนว่า เพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้าน จำเป็นต้องจัดเวรยามคอยตรวจตราในยามค่ำ เธอจึงเดาว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น น่าจะเป็นเวรยามที่ลุงแม้นจัดให้มาเฝ้าในคืนนี้

'ป่านนี้พี่ชายจะหลับหรือยัง' หัวใจผูกพันตั้งคำถามเบาๆ สามแสนขยับมายืนข้างเสาไม้กลม เมื่อตอนหัวค่ำ ป้ามาลีบอกว่า

"โอ๊ย อย่าไปห่วงเขาเลยแม่หนู นายดุน่ะ มันทำอะไรแต่ละอย่าง เดาใจมันไม่ค่อยถูกหรอก ดีหน่อยที่มันพูดง่าย ขอช่วยอะไรมันก็ไม่ขัด มันก็น่ารักตรงนี้แหละ ชาวบ้านก็เลยรักมัน"

"ไม่ห่วงไม่ได้หรอกค่ะ" เธอแย้งยิ้มๆ "เขาเป็นพี่ชายใจดีของสามแสน เคยช่วยชีวิตสามแสนไว้"

"เออ ก็ดีนะแม่หนู รู้จักบุญคุณคน เป็นคนกตัญญูแบบนี้ มีแต่เจริญกับเจริญ"

"ถ้าอย่างนั้น สามแสนจะไปดูซิว่า พี่ชายทำอะไรอยู่ ป่านนี้แล้ว ทำไมไม่กลับมานอนเสียที"

"เอ้า แม่หนูนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือ ก็บอกว่าไม่ต้องไปห่วงมัน ป่านนี้ มันก็นอนเล่นเอกเขนกอยู่บนแคร่ใกล้ลำธารนั่นแหละ มันจะไปไหนได้ ฝนตกนั่นแหละ มันถึงจะเข้ามานอนในนี้ แม่หนูมานอนเถอะ"

สามแสนเดินเลียบเลาะไปตามทางแคบๆ ที่แสงจากกองไฟส่องมาถึง แต่ก็ไม่เต็มร้อยนัก บางช่วงมันก็มืด เธอสะดุดขอบไม้บ้าง รากไม้บ้าง ล่าสุดก็ชนกับตุ่มน้ำที่วางขวางทางเลี้ยวพอดิบพอดี

พี่ชายคนดีนอนสบายอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สามแสนอมยิ้ม เดินเข้าใกล้อีกนิด เห็นเจ้าตัวนอนตะแคงกอดอกคู้เข่า หุ่นออกยักษ์สวมแค่กางเกงขาก๊วยเนื้อบางกับเสื้อกล้ามสีเทาแค่นั้น มันจะไปอบอุ่นกับอะไรได้

'อุ๊ย ยุงกัดด้วย' สามแสนทำปากจู๋ตาโต นึกสนุกที่ย่องๆ เข้ามาดีดยุงตัวดี มันบินหนีไปเลย คงจะยังไม่ทันดูดเลือดบนไหล่พี่ชายละกระมัง

เสียงกระแอมเบาๆ ของคนนอนหลับ ดึงสองเท้าถอยหลังไปรอดูท่าที แต่เมื่อเห็นว่าเขายังหลับสนิทดังเดิม แค่ว่าคู้เข่าสูงขึ้นอีกนิด เธอก็ค่อยเดินย้อนกลับเข้าไป

"พี่ชายไม่เปลี่ยนเลย"

เธอพึมพำเสียงนุ่ม หย่อนร่างลงข้างๆ อย่างระมัดระวัง ลมดึกนี่ร้ายจัง พัดปอยผมพี่ชายมาปรกแก้มเนียนๆ สามแสนไม่ได้แอบมองมันมาตั้งห้าปีแล้ว

จำได้ไม่เคยลืมว่า มีโอกาสเก็บเกี่ยวผิวสวยๆ ของพี่ชายอย่างใกล้ชิด ตอนเขาแบกขึ้นหลังไปล่าไก่ป่า เธอทะเล่อทะล่าเดินไปเหยียบหนามในพงรก

ตอนนั้น เขาบ่นอะไรก็ไม่รู้ สามแสนหูอื้อไปหมด แต่เขาก็ใจดี บ่นไปสักพัก ก็มักจะถามสามแสนว่า 'เจ็บไหม หิวน้ำไหม ยังทนไหวไหม'

น้ำตารื้นจากแรงตื้นตัน ขัดแย้งกับรอยยิ้มที่คลี่อ่อนหวาน สามแสนปล่อยมันให้ซึมอยู่ในเบ้าร้อนเพียงครู่เดียวเท่าเท่านั้นเอง เธอไม่ค่อยชอบร้องไห้อย่างไร้เหตุผลหรอก

อีกอย่าง เธอแอบร้องไห้เพราะคิดถึงพี่ชายมานานตั้งห้าปีแล้ว ตอนนี้ พี่ชายอยู่ตรงหน้านี่เอง และเธอก็กำลังช่วยเขี่ยปอยผมเกะกะออกจากแก้มเนียนๆ เรื่องอะไรจะต้องร้องไห้อีก

"ขนตายังงอนเช้งไม่เปลี่ยนเหมือนกันนะคะพี่ชาย เอ๊ะ ไหนดูซิ มีหงอกขึ้นสักเส้นหรือยัง"

เธอพูดเบาๆ หัวเราะขบขันก็เบาๆ ตอนยืดตัวชะโงกหน้าสำรวจขนตากับกลุ่มผมดกยุ่งๆ พี่ชายพลันกระแอมหนักในลำคอ พลิกตัวตะแคงกลับมากะทันหัน ร่างน้อยก็ดีดผลุงใจหายวาบ ยกมือปิดปากกั้นเสียงอุทาน 'อุบะ' เกือบไม่ทัน

ภภีมเพิ่งจะหลับได้ไม่นานเอง ห้วงนิทราของเขามันสับสน เขาจึงต้องพลอยกระสับกระส่าย นอนพลิกซ้ายพลิกขวา

ชุลียามาปรากฏตัวป้วนเปี้ยน หล่อนโปรยยิ้มหวาน ชม้ายตาเย้าหยอก เขาพยายามท่องดังๆ เตือนสติตัวเองว่า สุดที่รักตายจากไปแล้ว นานแล้ว ยี่สิบปีแล้ว

ชุลียาที่โบยบินวนเวียน เป็นเพียงผีเสื้อมหัศจรรย์ ที่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนคนดีเท่านั้นเอง เขาต้องไม่หวั่นไหว ต้องไม่ตกเป็นทาสแรงโหยหา

กระแสเหน็บหนาวใต้ก้นบึ้งห้วงเสน่หาแลจะเบาบางลงไปเองอย่างน่าฉงน ภภีมในห้วงฝันว้าวุ่น แปลกใจกับไออุ่นที่ห่มคลุมลงมา

เขาไม่เห็นหรอกว่า สามแสนย้อนกลับไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้อย่างสงสาร เธอคลี่ลงอย่างนุ่มนวล ทำตาโต เม้มปากยิ้มขำๆ เมื่อพี่ชายกระตุกแย่งไปห่มเองเหมือนรำคาญ

แต่ที่เป็นปัญหาตามมา ก็ตรงที่พี่ชายเผลอกระตุกมือเธอติดไปด้วย ตอนนี้ก็จับซุกไว้ใต้คาง ตรงนั้นมันอุ่นจัดทีเดียว สามแสนพยายามบิดขลุกขลัก แต่ก็ระมัดระวังให้มันเบาเข้าไว้ เพราะไม่อยากเป็นตัวการร้าย ทำลายนิทราแสนสุข

"อืม อะไรนักหนาเล่า"

ภภีมเอ็ดหนักอย่างรำคาญ ปัดมือเล็กกับผ้าห่ม สามแสนได้อิสระคืนมา ผ้าห่มรุ่ยร่ายลงคลอเคลียอก เธอตาโตค้าง เพราะตกใจที่พี่ชายดีดตัวขึ้นมานั่ง ลืมตางัวเงียสักพัก แล้วเปลี่ยนเป็นเขม็งจ้องเธอแปลกๆ

"ชุ" นั่นคือคำแรกที่เขาเปล่งอย่างตื่นเต้น "ชุใช่ไหม"

"เอ้อ คือว่า.. "

"ชุ"

ภภีมครางอย่างลิงโลดสุดขีด พลางโผมารวบตัวสามแสนไปกอดรัดหมดสองแขน โอ้ ตาค้างอย่างเดียวคงไม่พอแล้ว ต้องอ้าปากหวอด้วย สามแสนเผยอากัปกิริยานั้นได้อย่างเงอะงะน่าตลกที่สุด

เวลานี้ ร่างน้อยอึดอัดอยู่ในอ้อมกอดไขว้เขว พี่ชายพร่ำเรียกเธอว่าชุ ไม่ขาดปากเลย ลมหายใจเขาร้อน แข่งกับเสียงที่แตกพร่า ลำคอเธอมันร้อนฉ่าไปด้วยถ้อยประโยคละล่ำละลักโหยหาที่ว่า

"ชุ ในที่สุด ชุก็กลับมา ใช่ไหมชุ ใช่ไหม ชุกลับมาหาฉันใช่ไหม เราจะไม่พรากจากกันอีกแล้วใช่ไหมชุ ใช่ไหมชุ"

"เอ้อ คือ.. ว่า.. "

ไม่อยากฟังใช่ไหม ภภีมคงจะบอกตัวเองอย่างนั้นในภาวะละเมอ มันเป็นห้วงละเมอที่เหมือนจริงที่สุด แล้วเขาก็เชื่อสายตาตัวเองว่า ร่างนุ่มที่กำลังกอด คือชุลียาสุดที่รัก

กว่าจะได้พบกันอีกครั้ง เขาต้องทนทุกข์มานกับความคิดถึงโหยหานานตั้งยี่สิบปี แล้วหล่อนยังอยากจะพูดอะไรนักหนา อยู่เฉยๆ ให้เขากอด ให้เขาจูบระบายแรงรักแรงปรารถนาเถอะ

เป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว สามแสนผู้น่ารักโดนขโมยจุมพิตแรกอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอเบิกตากว้าง ร่างสะท้านแข็งค้าง รู้สึกยังไงบ้างในเวลานี้ ก็ไม่อาจอธิบายได้ ในใจมันแผ่วๆ ด้วยเสียงอุทานแตกตื่นของวลีคุ้นเคย 'อุบะ'

"คิดถึงชุจัง อย่าไปไหนแล้วนะ ฉันเหนื่อยแล้ว เราสองคนแก่แล้วรู้ไหม ฉันคงไม่มีเรี่ยวแรงรอคอยได้นานมากไปกว่านี้แล้วล่ะ คนดีของฉัน คิดถึง ฉันคิดถึงที่สุดเลย"

ผ้าห่มมันขยุกเป็นคลื่นอยู่ใต้แผ่นหลัง ภภีมรั้งสามแสนคนดีลงนอนทับ แล้วตัวเองก็รีบทอดโถมลงบดเบียด พาอกแกร่งกับกล้ามเนื้อแข็งอัดเขยื้อนกับทรวงอวบสะพรั่งของสาวยี่สิบสองต้นๆ

สามแสนวาบหวามประหลาด เธอไม่เข้าใจว่า กระแสคมลึกเช่นนี้ มันเรียกว่าอะไร และรู้สึกฉงนมากว่า ทำไมจุมพิตละเมอของพี่ชาย มันนานจัง เมื่อไหร่เขาจะคืนอิสระให้ปากเธอเสียที

"ร้อน ชุ ร้อนจังเลย ถอดสิ"

ภภีมเริ่มจะเลยเถิด มือใหญ่เริ่มซุกซน ทึ้งดึงเสื้อเชิ้ตที่กีดขวางเนื้อนวล เขาถอนจุมพิตคลั่งแล้ว มันถูกย้ายเข้าไปซุกไซ้ซอกคออุ่น

สามแสนตัวสั่น ขยุ้มผ้าห่มอย่างตื่นเต้น เธอหายใจแรงปนหอบ พยายามส่ายร่างขลุกขลักอยู่ใต้กายใหญ่หนัก ปากเป็นอิสระแล้ว เธอไม่รอช้าล่ะ รีบเรียกเลย

"พี่ชายคะ พี่ชาย"

"อืม เรียกทำไม"

"พี่ชาย"

"สามแสน อุ๊บ โอ๊ย"

สามแสนตะกายร่างลุกขึ้นมา ผมเผ้ายุ่งสยาย เธอปิดปาก เบิกตากว้างค้าง มองพี่ชายยกกายลุกผละปุบปับอย่างแตกตื่น ในตาเรียวดำฉายแววตระหนกมากจริงๆ

เธอรู้สึกสงสารเขามาก ตอนเห็นเขาเสียหลักหงายหลังหล่นจากแคร่ ไปนอนแผ่หลา เขาต้องเจ็บหลังมากแน่ๆ เพราะตรงนั้น มันมีหินก้อนเล็กก้อนน้อยประปรายไปทั่ว

"พี่ชาย" เธอกระเถิบตัวไปนั่งพับขาปลายแคร่

"สามแสน มาทำอะไรตรงนี้ แล้ว.. "

เขาลุกมายืนปัดเนื้อปัดตัว หยุดเอะอะ เหลียวซ้ายแลขวาคล้ายหาใครสักคน สามแสนเดาว่า เขาคงมองหาชุลียา แต่ก็คิดว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยชื่อหล่อนออกมาตอกย้ำ แล้วเขาเอง ก็มีทีท่าว่าจะไม่เอ่ยชื่อสุดที่รักออกมาด้วย

"ฉัน.. " เขากระแอม ท่าทางกระอักกระอ่วนน่าสงสารมากเลย "ฉัน.. " แล้วเขาก็มานั่งข้าง "ฉันทำอะไรเธอหรือเปล่า สามแสน ฟังฉันนะ ฉันไม่ตั้ง.. "

"ทำอะไรคะ" สามแสนเข้าใจ และพยายามจะช่วยให้เขาคลายความกระอักกระอ่วนนั้น "สามแสนแอบมาดูพี่ชายหลับ เห็นว่านอนคู้เป็นหนูถูกถ่านจี้ สามแสนก็เลยกลับไปหาผ้าห่มมาห่มให้"

"แค่นั้นหรือ มีอีกไหม" น้ำเสียงเขาออกแนวระแวงมากทีเดียว

"มีค่ะ พี่ชายตกใจ กระตุกผ้าห่ม ทำให้สามแสนล้ม พี่ชายก็ล้มทับสามแสน ตัวก็หนัก สามแสนหายใจไม่ออกเลย เกือบขาดใจตาย"

"จริงหรือสามแสน"

"ไม่จริง"

"สามแสน"

สาวสะพรั่งยังไม่หายจากอาการวูบวาบ ร้อนๆ หนาวๆ เธอลงจากแคร่ไปยืนห่างร่างใหญ่กำยำ มองตาที่ยังไม่ลบแววแตกตื่นเจือระแวง แล้วตัดบทปลีกตัวว่า

"สามแสนไปนอนต่อนะคะ พี่ชายก็นอนต่อเถอะ ห่มผ้าด้วยล่ะ เมื่อกี้นี้ ตอนสามแสนมาเห็น ยุงกัดพี่ชายด้วย"

"ฉันกลัวหรือ" เขากระแทกเสียง

"สามแสนกลัวเอง สามแสนไม่อยากให้พี่ชายถูกยุงกัด เดี๋ยวจะเป็นไข้มาลาเรีย คนแก่ป่วยน่ะ ดูแลกันยากจะตาย พี่ชายไม่รู้หรือยังไงคะ"

"สามแสน"

ภภีมเสียงตึง เอะอะก็ตอกย้ำว่าเขาแก่แล้ว ในเมื่อระลึกได้ตลอดเวลาอย่างนี้ แล้วดั้นด้นเข้ามาตามหาเขาอีกทำไม คนแก่อย่างเขา จะออกจากป่าที่คุ้นเคยแล้ว ไปเริ่มต้นความชราอย่างเดียวดายในเมืองแปลกทำไมอีก



สามแสนไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เธอปรารถนาพากายไปซ่อนหน้าพี่ชาย อยากเรียนรู้และทำความเข้าใจกับกระแสวาบหวามประหลาด มุ่งมั่นจะหาคำตอบว่า จุมพิตแรกที่สูญเสียให้หนุ่มละเมอ มันทำให้เธอรู้สึกยังไง ดีใจหรือเปล่า เสียใจไหม หรือว่าเสียดาย

อ้อมกอดแน่นๆ ไออุ่นที่จัดจนเกือบร้อน กายใหญ่หนักที่ทอดประกบอย่างกระหาย ก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่สามแสนไม่เคยสัมผัสได้จากพี่ชาย

ในความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน ร่างน้อยเคยถูกห้อมล้อมไว้ในอ้อมกอดอ่อนหวานของพี่ชาย คืนนั้น เขามาหาเธอ ชมว่าเธอเก่งและเข้มแข็งมาก สัญญาว่าเขาจะเป็นคนแรกที่เธอเห็น เมื่อตื่นขึ้นในวันพรุ่งนี้

เธออบอุ่นมาก รู้สึกปลอดโปร่งใจ วางใจว่าชีวิตทั้งชีวิต ต้องปลอดภัยแน่นอน ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้นออกไปจากอาณาจักรของอ้อมแขนอ่อนโยนนั้น

แต่เมื่อครู่นี้ แรงกอดรัดของพี่ชายมันแปลกมาก เธอสัมผัสได้ถึงแรงกระหายบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้ก่อความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนในคืนนั้นเลย เธอรู้สึกยังไงกับแรงกระหายนั้นบ้างเล่า ไม่กลัว แต่ก็ไม่กล้าปะทะด้วยใช่ไหม

สามแสนนอนไม่หลับอีกเลย เธอพลิกกระสับกระส่ายหลายครั้ง ลุกขึ้นมานั่งจับเจ่ามองความมืดตรงปลายเท้า

จ้องมองสีทึมๆ ราวกับว่าตรงนั้น มันอาจจะมีเฉลยของปริศนาประหลาด เธอค้นหามันอยู่ และบางทีอาจไม่ต้องเสียเวลาเค้นพลังขนาดนี้ แค่ว่าย้อนกลับไป 'ถามพี่ชาย'

แต่เชื่อเถอะ พี่ชายก็คงตอบไม่ได้หรอก เพราะภภีมเองก็ตกอยู่ในภาวะกระสับกระส่ายเหมือนกัน เขาไม่นอนอีกเลยเหมือนสามแสนนั่นล่ะ

ร่างกำยำไปเดินโต้ลมหนาวใกล้ริมน้ำ สักประเดี๋ยว ก็ย้ายขึ้นไปนั่งโดดเด่นอยู่บนโขดหิน เค้นสมองหนักหน่วง ทบทวนว่าตนเองฝันอะไรไปบ้าง

เขาได้เจอกับชุลียา หล่อนมาหยุดโปรยยิ้มตรงหน้า แล้วเขาทำอะไรบ้าง ดึงหล่อนมากอดจูบอย่างปีตีลิงโลด เล้าโลมร่างนุ่มอย่างลนลาน อาการเหมือนคนสติแตกกู่ไม่กลับ

'ขอให้เป็นชุ ขอให้เป็นความฝัน ขออย่าให้เป็นสามแสน' ภภีมภาวนากับใจหวาดหวั่น

เขายินดีให้ทุกภาพที่เห็น ทุกสัมผัสที่เสมือนจริง เป็นเพียงความฝันโหดร้าย มันแค่ทำให้เขาตื่น แล้วพบเจอกับความเดียวดายอันคุ้นเคยดังเคย เจ็บและปวดแบบนั้น ขื่นและร้าวรานอย่างนั้น เขาทนได้ และทนมานานถึงยี่สิบปีแล้ว

'ขออย่าให้เป็นสามแสนเลย' เขาภาวนาอีกครั้ง เพราะตระหนักแล้วว่า เจ็บและปวดแบบนี้ ขื่นและร้าวรานอย่างนี้ มันทารุณเกินไป เขาทนไม่ได้หรอก

ปมรักขัดแย้งมันขับเคลื่อนไปบนเส้นทางวิบาก ความเหน็บหนาว ความเงียบสงัด คือเพื่อนสนิทบนทางเส้นนั้น

ภภีมทิ้งตัวเองให้ความมืดผูกมัดอยู่บนโขดหิน จวบจนแสงอรุณแรกค่อยเรื่อเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก จึงกระโดดตูมลงกลางลำธาร เขาก็อาบน้ำตอนเช้าด้วยวิธีนี้ทุกเช้า

ขณะเดียวกัน สามแสนในที่พัก ก็ถอนหายใจเฮือก สลัดบทเรียนภาษากายที่ภภีมหยิบยื่นให้บทครึ่งบท แล้วลุกตามป้ามาลีที่ตื่นงัวเงียสักพัก ก็ชวนเธอไปอาบน้ำ




ลานครัวเริ่มวุ่นวายตามปกติ ควันไฟจากเตาลอยประสานกับม่านหมอกบางๆ สีของแดดยังอ่อน เหล่านกกาจะร้องขับแข่งร้องเพลงกันดังลั่นก็ช่วงนี้ล่ะ มันบินผ่านยอดไม้ ขึ้นไปอาบประกายแดดอุ่นกลางท้องฟ้า สามแสนเงยหน้ามองตามมันไปด้วยความอิจฉา

เธอก้าวผ่านลานครัวไปตามทางเดินขรุขระ มุ่งตรงไปยังลำธาร แล้วหยุดมองละอองหมอกที่ยังพลิ้วคลอเคลีย

ป่าฟากโน้นประชันความชอุ่มด้วยสีเขียวสดใส บนยอดไม้สูงเผยช่องโหว่เล็กๆ พอให้แสงอาทิตย์ลำอ่อนโรยลงมา ก่อเกิดเป็นประกายวูบวาบชวนมอง

ป่าตรงหน้าแซมด้วยลำธารผืนใหญ่ ประกายแดดงดงาม ละอองหมอกขาวละมุนตา เสียงนกร้องบนยอดไม้ บนท้องฟ้า อ้อ แล้วท้องฟ้าในวันนี้ก็ดูแจ่มใสดีมากเลย สามแสนเงยขึ้นไปชื่นชมมัน ยิ้มทักทายอรุณสวัสดิ์กับมัน

เสียงน้ำไหลเกรียวกราว ทำให้เธออดระลึกถึงเช้าตรู่วันแรกที่ตื่นขึ้นกลางป่าแปลกไม่ได้ วันนั้น เธอตื่นตาตื่นใจกับป่าแท้ๆ มันสวยอย่างน่าอัศจรรย์

เธอลิงโลดตื่นเต้นกับธรรมชาติของป่าที่เพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ กระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่าเบิกบาน ลืมว่าตัวเองหลงป่าไปตั้งอึดใจ

แต่สำหรับวันนี้ แม้ว่าป่าตรงหน้าและธรรมชาติที่รายล้อม ยังคงความงดงามไว้เช่นเดิมก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สามแสนเผลอไผลลิงโลด หรือตื่นตาตื่นใจ จนกระทั่งลืมพี่ชายคนดีไปได้แม้สักอึดใจก็เถอะ

เขายืนอยู่ตรงนั้น อวดหุ่นสูงใหญ่กำยำ ผิวคล้ำถูกอาบด้วยสีเหลืองบางของแดดเข้าตรู่ เท้าสะเอวด้วยมาดนักเลง ดูเหมือนว่าผมดกดำเพิ่งจะแห้งหมาดๆ กระมัง

เขาสวมกางเกงขาก๊วยสีอะไรก็ไม่ทราบ ดำก็ไม่ใช่ เทาก็ไม่ค่อยเหมือน มันคงซีดเพราะความเก่ามากนั่นล่ะ ท่อนบนก็คงจงใจอวดความกำยำเต็มตึงของกล้ามเนื้ออันอุดม ถึงได้ปล่อยโล่งๆ ให้แดดจีบกันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่ว่าบนแผ่นหลังนั้น ปรากฏรอยจ้ำช้ำหลายแห่งทีเดียว รอยเก่าก่อนหน้านั้น และรอยใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน

นึกถึงเสียงร้องตกใจกับกิริยาตระหนกจริงจัง ถอยปรูดปราดผลุนผลันจนหงายหลังตกแคร่แล้ว สามแสนก็อดสงสารไม่ได้ เธอเข้าใจว่าทำไมเขาตระหนกอย่างนั้น และไม่โกรธเขาสักนิด ที่จาบจ้วงล่วงเกินด้วยภาษากายอย่างเร่าร้อน

คุณหมอแสวงบุญเล่าปมรักสลายของเขาให้ฟังหมดแล้ว ในหัวใจดวงนั้น คงไม่เหลือแม้แต่ซอกเล็กๆ ให้สามแสนพักพิง ในนั้นมันถูกจับจองด้วยเงาของชุลียา

อยากเห็นหน้าหล่อนผู้โชคดี ผู้ซึ่งตายจากชายผู้น่าสงสารคนนี้ หล่อนต้องสวยมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ก็คงผูกมัดใจดวงนั้นให้ภักดีไม่ได้นานขนาดนี้หรอก



เสียงกรวดถูกย่ำดังแผ่วขึ้น ดึงสายตาขรึมของภภีมกลับมาจากป่าฟากโน้น เขาเหลียวหน้ามาเจอรอยยิ้มนุ่มบางของสามแสน หัวใจเกือบละลาย มันสั่นและหวั่นหวิวอย่างน่าโมโห

"จะกลับบ้านวันนี้ใช่ไหมสามแสน" เขาถามขึ้นทื่อๆ เมินหน้าไปจ้องประกายระยิบระยับกลางลำน้ำ

"มีใครบอกพี่ชายอย่างนั้นหรือคะ" สามแสนถามกลับเสียงอ่อน

"ฉันบอกเอง" เขาหันหน้ากลับมา จ้องตาเป็นประกายกับยิ้มอ่อนบางน่ารักนิ่งอยู่อึดใจ "ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่นาน ถ้าเธอบอกว่าเข้ามาเพื่อตามหาฉัน ตอนนี้เธอก็เจอแล้ว พบว่าฉันสบายดี ยังไม่ตาย เป้าหมายของเธอก็บรรลุแล้ว"

"มีใครบอกพี่ชายอย่างนั้นหรือคะ" สามแสนยังคงย้อนถามด้วยประโยคเดิม และเสียงอ่อนดังเดิม

"ฉันบอกเอง" เสียงทุ้มตอบกลับเหมือนเดิมเช่นกัน แต่น้ำหนักของเสียง ดูว่ามันแข็งห้วนและหนักๆ หน่อย

"สามแสนยังไม่กลับหรอกค่ะ"

"แต่ฉันไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป"

"สามแสนโตแล้วนะพี่ชาย เรียนจบแล้วด้วย สามแสนหนีบใบปริญญาบัตรมาอวดพี่ชายด้วยนะ"

"ฉัน.. "

"พี่ชายไม่ต้องมาสั่ง ไม่ต้องมาขู่ ให้สามแสนกลัวจนกระดิกตัวไม่ได้อีกหรอก สามแสนไม่ใช่เด็กหลงป่าเหมือนเมื่อห้าปีก่อนอีกแล้วนะ"

"ฉันทำหรือ" ภภีมกระชากเสียงเหมือนเถียง หน้าตึงตาแข็ง

"ทำสิ" สามแสนย้ำแล้วยิ้มน่ารัก "อย่าไปเดินเล่นเพ่นพ่านนะสามแสน นั่งอยู่บนนั้นแหละ อย่าไปตรงนั้นนะ อย่ามาตรงนี้ หลีกไปซิ อย่ามายืนเกะกะ ซดให้หมดนะสามแสน อย่าอ้วก อย่าสำลัก เดี๋ยวฉันจับกรอก นอนได้แล้ว จะลืมตารอผีหรือไง"

หนุ่มใหญ่ใจละลายหมดปัญญาจะกลั้นยิ้ม สามแสนทำหน้าตาขึงขัง เลียนเสียงเข้มของเขา เธอน่ารักที่สุดเลย คงไม่รู้ละสิว่า เขาปรารถนากอดเธอมาก อยากจูบปากจิ้มลิ้มที่ขยันเจรจานัก ตื่นเช้ามาก็พูดมากไม่เคยเปลี่ยนเลย

เขาพูดถูกแล้วไม่ใช่หรือ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่นาน เขาเป็นคนอ่อนไหวง่าย มันต้องมีสักนาที ที่เขาเผลอพลั้งรังแกคนดีให้แปดเปื้อน ราคีบางอย่างมันก็ชะล้างไม่ออกเลยตลอดทั้งชีวิตเชียวนะ

รอยยิ้มเอ็นดูกึ่งขำบนปากหยักสวยนั้น ตรึงสายตาโหยหาของสามแสนให้นิ่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เธออยากร้องไห้ เมื่อพบว่าตัวเองดีใจเหลือเกินที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มสวยมากของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

เธอเคยเห็นเพียงครั้งเดียว ตอนไปล่าไก่ป่าด้วยกัน เขาดีใจที่ล่าเหยื่อได้สำเร็จ แล้วมันก็เป็นอาหารทั้งสามมื้อ ทดแทนกระต่ายป่าที่เธออ้อนให้เขาฝังส่งวิญญาณขึ้นสู่สรวงสวรรค์

ภภีมยังคงตรึงรอยยิ้มอบอุ่นนั้นไว้ แม้ใบหน้าจะผินกลับไปจับลำน้ำดังเดิม เขาไม่เห็นว่าสามแสนยังเฝ้ามองอย่างตื้นตัน เธอยิ้มนุ่มบาง ทั้งที่ในดวงตากลับชื้นด้วยหยาดน้ำ และเพราะไม่เห็นนี่ล่ะ เขาจึงสามารถเอ่ยวาจาแดกดันได้เต็มประโยค หากแต่เสียงทุ้มนั้น 'นุ่มมาก'

"เด็กปัญญาอ่อน ก็ต้องคิดไม่เป็น และเข้าใจไม่ได้อยู่แล้วละว่า ชาวบ้านเขาหวังดี"

'เอ๊ะ ทำไมคนดีเงียบไป' เพราะในทรวงมันเตือนให้ฉุกคิดอย่างนั้น ภภีมจึงรีบเหลียวกลับไปมอง แล้วเขาก็ตกใจ เมื่อเห็นน้ำตาซึมอยู่ในดวงตาเรียวสวย

"เป็นอะไรไปสามแสน หรือว่า.. "

เขากำลังนึกไปถึงอาการป่วยไข้ ความห่วงใยอาทรผลักสองเท้าก้าวเข้าหาอย่างลืมตัว ส่งมือแตะหน้าผาก ก็อย่างลืมตัวเหมือนกัน

"ปกตีดีนี่" แล้วเขาก็สรุป "หน้าผากเย็นดี ไม่มีไข้ แล้วน้ำตาซึมทำไม"

"สามแสนดีใจที่ได้เจอพี่ชาย" สาวน่ารักดึงมือใหญ่ลงจากหน้าผากมากุมแนบทรวง "สามแสนคิดถึงพี่ชาย คิดถึงตั้งแต่วันแรกที่สามแสนตื่นในโรงพยาบาล แล้วเจอหน้าพี่หมอเป็นคนแรกแทนพี่ชาย"

"ฉัน.. "

"แล้วจากวันนั้น สามแสนก็ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่คิดถึงพี่ชายเลย สามแสนอยากกลับมาหาพี่ชาย อยากพาพ่อกับแม่มาขอบคุณพี่ชาย แต่พี่หมอแนะนำว่าสามแสนควรเรียนให้จบก่อน ตอนนั้น สามแสนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วสามแสนจะตัดสินใจได้เองว่า ควรจะกลับมาหาพี่ชายหรือเปล่า"

"แล้วควรหรือเปล่าล่ะ"

"ควร สามแสนก็ทำอยู่นี่ไง พี่ชาย กลับบ้านกับสามแสนนะ"

มือใหญ่เลื่อนหลุด พี่ชายของสามแสนไม่พอใจกับประโยคนี้ เขาสะบัดหน้าเลย เดินหนีไปยืนห่างตั้งสี่ห้าก้าว กิริยาฮึดฮัดที่เขาแสดง มันบอกให้คนมองตามเข้าใจโดยไม่ต้องถามว่า 'เขาโกรธ'

หญิงสาวเม้มปากเยือกเย็น ไม่รู้สึกท้อถอยกับภารกิจที่ตั้งใจมุ่งมั่น ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันยากมาก รู้ตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้วต่างหาก คุณหมอแสวงบุญก็รู้ เขาถึงได้หมั่นทักท้วง และคอยทัดทานจนเบื่อจะฟัง

จะไม่มีใครมาห้ามสามแสนให้หยุดคิดถึงพี่ชาย เลิกล้มการออกตามหาพี่ชาย สามแสนจะไม่ฟัง แล้วสามแสนก็ประกาศออกไปให้ทุกคนได้รับรู้อย่างฉะฉานแล้วด้วยว่า 'สามแสนรักพี่ชายที่สุดในโลก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 08:23:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com