คนทั้งสองเร่งรีบเดินทางต่อไปเบื้องหน้าอย่างไม่รีรอชักช้า ทั้งสองมุ่งตรงไปตามถนนใหญ่ด้านหน้า ภายในเวลาไม่นานก็ปรากฏเป็นเงามืดของป่าทึบขึ้นรกครึ้มรอบบริเวณ ความมืดอันเงียบสกัดปรากฏขึ้นจากรอบชายป่าซึ่งอยู่ภายนอกเมืองเทียมม้า เส้นทางที่ทั้งสองมุ่งตรงไป ปรากฏเป็นถนนสายหลักอีกสายหนึ่งตัดทอดยาวออกจากถนนใหญ่มุ่งไปสู่ทางทิศตะวันตก เป็นถนนสายหลักอีกสายหนึ่งของแคว้นพรพรห์มที่เชื่อมต่อมาจากสุดปลายทิศตะวันออกบริเวรพรมแดนแคว้นพรพรห์มกับแคว้นอินทรี ถนนเส้นนี้ตัดผ่านบริเวณหน้าเมืองเทียมม้า รัฐอินโมแคว้นพรพรห์ม หากเดินทางไปตามทิศตะวันตก จะมุ่งหน้าสู่เมืองท่าชายฝั่งตะวันตกของรัฐ ถือเป็นถนนเส้นหลักของการคมนาคมอีกสายหนึ่งซึ่งมีผู้คนเดินทางสัญจรพลุกพล่านในยามกลางวัน
ตลอดรอบข้างทาง มีเพียงแสงสีเหลืองอ่อนๆจากพระจันทร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เล็ดลอดผ่านร่มเงาของหมู่เมฆบนท้องฟ้ามาให้ความสว่างนำทางแก่คนทั้งสองเพียงเท่านั้น ทั้งสองเดินทางโดยมือเปล่า ไม่มีคบไฟใดๆในมือเลย และภายใต้เงามืดรอบตัว องค์ชายรองยังคงสะกดรอยตามทั้งสองอย่างไม่ได้คลาดสายตา
ได้ยินเสียงของชายร่างกำยำผู้นำทางเบื้องหน้าดังขึ้นว่า
เลี้ยวซ้ายด้านหน้า จะถึงที่หมายแล้ว
เจ้าของคอกม้าพยักหน้ารับคำครานึง ทั้งสองจึงสาวเท้าเดินต่อไปอีกเล็กน้อย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงบริเวณมุมป่าซึ่งเต็มไปด้วยเงามืดของต้นไม้ข้างทาง ร่างของทั้งสองทยอยหายลับเข้าไปกับทางเดินที่ทอดเข้าสู่ชายป่าด้านใน
องค์ชายรองติดตามเงาร่างของทั้งสองอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นเงาร่างของทั้งสองเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ความมืดของชายป่าเบื้องหน้านั้น จึงเร่งรีบติดตามทั้งสองเข้าไป
ผ่านไปชั่วพริบตา องค์ชายรองติดตามมาจนถึงบริเวณที่ทั้งสองเลี้ยวเข้าไปภายในเขตป่าทึบ ขณะที่พระองค์โผล่พ้นหัวมุมของถนนกับพุ่มไม้มืดรอบกายนั้น พระองค์เหลียวมองไปตามทางที่ทั้งสองเดินไป พลันฉงนใจ สงสัยขึ้นทันใด กลับภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏสู่สายตา
ภายใต้ความมืดของชายป่าเบื้องหน้า กลับปรากฏเพียงความว่างเปล่า มีเพียงเงามืดของหมู่แมกไม้ยามค่ำคืนเพียงเท่านั้น แต่ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตใดๆกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้นเลย พระองค์พลันตะหนกตกใจขึ้นเล็กน้อย ไม่ทราบคนทั้งสองหายไปยังที่ใด เหตุใดการคลาดสายตากันแค่แว่บเดียว จึงทำให้การติดตามของพระองค์สะดุดขึ้นเร็วเช่นนี้
นี่เป็นไปได้อย่างไร คนทั้งสองกลับหายลับไปจากสายตาอย่างง่ายดายเช่นนี้ หากเป็นคนเดินทางจะอย่างไรก็ไม่ควรจะเดินทางไปได้เกินระยะสายตาของเรา หรือต่อให้ทั้งสองเปลี่ยนเป็นโดยสารม้ายามนี้ ยังคงต้องหลงเหลือร่องรอยอยู่บ้าง แต่นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะชั่วเวลาเพียงแค่ครู่เดียว เราจะไม่ได้ยินเสียงม้าได้หรือ
พระองค์ครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่ พระวรกายพลันพุ่งปราดเข้าไปสู่ความมืดของชายป่าเบื้องหน้าเพื่อค้นหาร่องรอยของทั้งสองคนทันที แต่ความมืดรอบกายกลับเป็นอุปสรรคสำคัญมากยิ่งนัก เนื่องด้วยภายใต้ความมืดของบริเวณป่าในตอนนี้ แม้แต่นายพรานผู้เข้มงวดยังต้องส่ายศรีษะท้อแท้ให้กับมัน
แต่พระองค์ก็หาได้ย่อท้อลงไม่ พระองค์ทราบดีว่า ทั้งสองไม่ควรจะไปไหนได้ไกลมากกว่านี้ เพราะจากที่ได้ติดตามทั้งสองมาอย่างกระชั้นชิดในระยะเวลานึง ต่อให้ฝีเท้าของทั้งสองเร่งรีบอย่างสุดกำลัง ก็ยังไม่อาจสลัดหลุดจากการติดตามของพระองค์ได้
น่าแปลกยิ่งนัก นี่คล้ายดั่งมีภูตผีปีศาจอันใดช่วยเหลือปกปิดทั้งสองไว้ องค์ชายรอง ทั้งกระโจนขึ้นยอดไม้ ทั้ง แนบหูลงพื้นเพื่อสำรวจความเคลื่อนไหวใต้ดินรอบด้าน กลับไม่พบสิ่งปกติอันใด นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน หรือทั้งสองคนหายสาบสูญไปจากที่นั้นจริงๆ
เรื่องราวช่างน่าเหลือเชื่อ นี่ต้องมีความลับอันใดซ่อนอยู่เป็นแน่
องค์ชายรองครุ่นคิดทุกวิถีทางที่พอจะเป็นไปได้อย่างละเอียด แต่พระองค์พินิจพิจารณาอย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้ ในเวลานี้ ภายในพระทัยพลันปั่นป่วนกระวนกระวายขึ้นมาในบัดดล หากพระองค์ไม่สามารถเฟ้นหาร่องรอยใดๆของทั้งสองต่อไปได้ พระองค์จะพลาดการติดตามที่รอคอยมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์เสียแล้ว ข่าวคราวที่พระองค์พอจะวาดหวังไว้ว่าอาจจะได้มาก็จะต้องกลายเป็นคว้าน้ำเหลวขึ้นในทันที นี่กลับทำให้องค์ชายรองสับสนมากนักว่าจะทำเช่นไรต่อไป แต่เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงเกิดปฎิภาณแว่บขึ้นมาทันใด
นี่ต้องมีสถานที่หลบซ่อนใกล้ๆบริเวณนี้เป็นแน่ พระองค์คิดได้ดังนั้นจึงเปลี่ยนพระทัยเป็นรอเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงของภายในป่าแทน องค์ชายรองพลันเงยหน้าขึ้นสำรวจมองหาที่พักพิงบนต้นไม้ใหญ่รอบด้าน เพื่อที่จะสามารถมองเห็นบริเวณที่ทั้งสองหายไปได้อย่างชัดเจนที่สุด เมื่อพบแล้ว องค์ชายรองจึงโผพุ่งกายขึ้นหลบซ่อนอยู่บนต้นไม้ตั้งนั้น
บนต้นไม้หน้าทึบไปด้วยใบไม้มากมาย แต่ก็ยังมีที่ว่างให้องค์ชายรองหลบซ่อนอยู่ กิ่งที่หนาและใหญ่ของมันยังเพียงพอที่จะรับน้ำหนักขององค์ชายรองได้ พระองค์หมอบกายลง เฝ้าจับตา และสดับรอฟังเสียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในเวลานี้ด้วยใจจดจ่อ
ผ่านไปเวลาไปอีกชั่วครู่นึง บรรยากาศรอบด้านล้วนเงียบสงัดจากซุ่มเสียงสำเนียงใดๆ เพียงปรากฏเสียงใบไม้ไหวเล็กน้อยยามต้องลมในเวลาค่ำคืนบ้างเป็นบางครั้ง สติและสมาธิขององค์ชายรองนิ่งสงบ พระองค์เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของทุกสรรพสิ่งที่มากระทบโสตอย่างไม่หยุดพัก แต่ทุกสิ่งกลับไม่คล้ายบังเกิดผลดั่งที่พระทัยต้องการ พลอยจะยิ่งทำให้สับสนมากยิ่งขึ้น
ขณะที่พระองค์เริ่มจะถอดใจจากการเฝ้าดู
ทันใด บนพื้นดินเบื้องล่าง พลันบังเกิดซุ่มเสียงที่ผิดปกติขึ้น!
พื้นดินเบื้องล่างปรากฏมือข้างนึงโผล่พ้นขึ้นมาจากใต้ผิวหญ้าที่ปกคลุมอยู่เหนือผิวดิน มือข้างนั้น ยื่นขึ้นมาจากใต้พื้นเพื่อเลื่อนผืนดินให้แยกออกจากกัน แล้วทันใด ก็ปรากฏเงามืดของปากทางเข้าหลุมใต้พื้นดินขึ้น ความกว้างยาวประมาณ 1 เมตร เพียงพอให้คนสองคนเขียดตัวเข้าออกได้อย่างไม่ลำบากนัก
องค์ชายรองจับจ้องภาพเบื้องหน้านั้นอย่างใกล้ชิด พลางคิดขึ้นในใจ
คิดไม่ผิด มันลงไปหลบซ่อนอยู่ภายใต้พื้นดินนี่เอง ว่าทำไมเราติดตามหาตั้งนานยังหาไม่พบ คาดว่าภายในหลุมนั้นคงติดตั้งพนังกั้นเสียงจากภายในเอาไว้ ตอนเราแนบหูเพื่อฟังเสียงเมื่อครู่จึงไม่ได้ยินเสียงอะไร
ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งปีนป่ายขึ้นมาจากภายในหลุมเบื้องล่าง คนผู้นั้นโผล่ร่างขึ้นมาจากใต้พื้นดินอย่างช้าๆ
มันนั่งลงเพื่อสำรวจรอบด้านอยู่หน้าปากทางเข้าหลุมอยู่เพียงชั่วครู่ จึงหันไปกระซิบเบาๆทางปากหลุมว่า
ปิดได้
พื้นดินที่เป็นบริเวณปากทางเข้าสู่ภายในหลุมนั้นก็ปิดกลับลง ชายผู้นั้นรีรออยู่ครู่นึง มันสอดส่ายสายตาสำรวจดูรอบด้านอีกน้อย จึงลุกขึ้นและก้าวเดินออกจากรอบบริเวณหลุมที่ซ่อนตัวมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลักนอกชายป่า
องค์ชายรองเห็นดังนั้นจึงไม่รีรอชักช้า ขณะที่ชายผู้นั้นกำลังจะถึงชายป่า พระองค์พลันทิ้งตัวลงจากบนต้นไม้ที่หลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เท้าทั้งสองกระทบถึงพื้นดิน พระองค์พลันเกร็งกำลังจากต้นขาทั้งสองข้างขึ้น พลังผนึกวารีทิพย์รวมตัวห่อหุ้มท่อนขาทั้งสองขององค์ชายรองไว้อย่างรวดเร็ว บังเกิดเป็นประกายแสงสีเขียวอ่อนๆสว่างแว่บขึ้น
ทันใดนั้น ร่างขององค์ชายรองพุ่งทะยานออกด้วยความเร็วสุดเปรียบปาน ภายในเวลาชั่วอึดใจ ก็ถึงด้านหลังของชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นคล้ายดั่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอันใด มันสะบัดหน้ากลับมาทันทีด้วยความตื่นตะหนก
แต่ภายในชั่วพริบตานั้นเอง เงาร่างอันมืดทะมึนขององค์ชายรองพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสายตาของมันดุจภูตผีปีศาจ บดบังสายตาการมองเห็นของมันไปสิ้น มันพลันอุทาน ดัง อ๊ะ ออกมาอย่างลืมตัว แต่ไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องใดๆออกมา มือข้างขวาขององค์ชายรองพลันทาบกับศรีษะของมันอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นม่านพลังสีเขียวอ่อนสว่างวาบ ห่อหุ้มทั้งตัวของมันไว้อย่างรวดเร็ว
องค์ชายรองไม่รีรอชักช้า แผ่ผุ่งพลังของพระองค์ออกมาทันที
หีบสมบัติวารีทิพย์
ม่านพลังสีเขียวอ่อนๆ สะบัดเรืองแสงครอบคลุมลงนร่างมันดุจอสรพิษร้ายรัดพันเหยื่อ ทุกสัดส่วนบนร่างของมันถูกประกายแสงสีเขียวอ่อนๆกักขังเอาไว้ภายใน ภายในบังเกิดความรู้สึก นิ่มๆลื่นๆขึ้นสัมพัสกับผิวหนัง มันพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายดั่งอากาศรอบตัวล้วนหายสาบสูญออกไปจนหมดสิ้น บรรยากาศด้านในม่านพลังบังเกิดเป็นสภาพสูญญากาศขึ้นมาทันใด
มันเบิกตาที่ตะหนกตกใจจับจ้องบนร่างของผู้มาด้วยความหวาดหวั่น คล้ายดั่งไม่เข้าใจว่าเบื้องหน้านั้นเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น
องค์ชายรองยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก กล่าวออกมาว่า
ไม่ต้องตกใจ เรามีเรื่องจะรบกวนเจ้าเพียงชั่วครู่เท่านั้น!
......................................................................................