ตอนที่ 2 ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
|
 |
แม้คุณไกรภพจะบอกว่ายกย่องทรายในฐานะเท่าเทียมกับหลานสาวตัวเองก็ตาม แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วลับหลังประมุขของบ้าน ทรายก็กลับถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรจากเด็กรับใช้ในบ้านคนหนึ่งเท่านั้น นับแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ เด็กน้อยก็มีอันต้องระเห็จไปอยู่ที่เรือนคนใช้ตามคำสั่งของ คุณผู้หญิง ที่ดูเหมือนจะสะใจที่สามารถทำให้คนเป็นสามีจำยอมรับในข้อเสนอของตัวเอง ที่ว่าเด็กน้อยต้องช่วยทำงานในบ้านทุกอย่างเพื่อแลกกับที่อยู่อาศัย และการศึกษา แม้จะแอบขัดใจเล็กน้อยที่คนเป็นสามียืนกรานเสียงแข็งว่าจะให้ทรายได้เรียนในโรงเรียนเดียวกับลูกชายคนโปรดของเธอ ด้วยข้ออ้างที่ว่าเขาจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของเด็กหญิงทุกบาททุกสตางค์แต่เพียงลำพังด้วยเงินส่วนตัวของเขาเอง ไม่ให้เธอต้องเดือดร้อนใดๆทั้งสิ้น แต่กระนั้นเธอเองก็ยังอดไม่ได้ที่ต้องคอยกำชับเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ร่ำไป ถึงคุณไกรภพจะพยายามยกย่องให้แกเป็นลูกหลาน ให้ที่อยู่ที่กิน แล้วก็ส่งเสียให้เรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ แต่อย่าลืมว่าที่นี่เป็นบ้านของฉัน แกเป็นแค่กาฝากที่มาอาศัยที่นี่ซุกหัวนอนเท่านั้น ถ้าแกอยากอยู่ที่นี่ก็ต้องทำงานแลก เข้าใจไหม อ้อ... แล้วก็อย่าได้ลืมกำพืดตัวเอง คิดเผยอจะมาเทียบเทียมกับลูกชายฉันด้วย คุณเพชรน่ะเป็นลูกชายฉัน ถือเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง เป็นเพชรแท้สูงส่ง ไม่ใช่เม็ดทรายต้อยต่ำไร้ค่าอย่างแก อย่าสะเออะคิดตีเสมอเด็ดขาด เข้าใจที่พูดรึเปล่า เด็กน้อยสะอึก เพราะคำว่าต่ำต้อยไร้ค่ากระแทกใจอย่างจัง ว่าไงล่ะ ฉันถามน่ะ ไม่ได้ยินหรือไง หา... เข้าใจค่ะ ดี เอาล่ะ ฉันขี้เกียจเห็นหน้าแกแล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊ เจ้าค่ะ คุณผู้หญิง เด็กน้อยรับคำเบาๆ ขอบตาร้อนผะผ่าวด้วยความเจ็บปวด สรรพนามที่ถูกบังคับให้เรียกไม่ต่างจากเด็กรับใช้ในบ้านที่ใช้เอ่ยถึงเจ้าของบ้าน แม้แต่บุตรชายคนเดียวของคุณไกรภพ เองคุณพราวพิไลก็ให้เด็กน้อยเรียกอย่างยกย่องว่าคุณทุกคำ โดยที่เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้นักหนา คุณผู้หญิง ของบ้านจึงได้ดูจะเจาะจงมอบความเกลียดชังให้เธอมากเป็นพิเศษแบบนี้ แม้แต่ลูกชายของเธอก็แทบไม่ต่างกัน คุณเพชร ขวัญใจของคนทั้งบ้าน ก็ไม่เคยมาเสวนาอะไรกับเด็กหญิงร่วมบ้าน เมื่อพบกันที่โต๊ะอาหารหรือแม้โดยบังเอิญก็เถอะ เขาก็มักตีหน้าบึ้งใส่เสมอ แม้แต่ดวงตาคมจัดคู่สวยก็ฉายรอยเย็นชาเกลียดชังใส่อย่างเปิดเผยราวกับโกรธแค้นเด็กหญิงตัวน้อยมาแต่ชาติปางไหน ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มอ่อนโยนดังเช่นที่ทรายได้เห็นเขามอบให้เด็กหญิงเฟื่องตะวันผู้นั้นหรือใครต่อใครอีกเลยซักครั้งเดียว เพราะเขาคนนี้เองที่ทำให้ทรายต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่าให้อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว คนเดียวในบ้านที่พอจะมีเมตตาปราณีและเป็นที่พึ่งให้เด็กหญิงผู้อาภัพอยู่บ้าง คือคุณไกรภพ ประมุขใหญ่ของบ้าน ซึ่งแทบไม่ได้อยู่ติดบ้านเพราะต้องออกไปทำงานทุกวัน จะได้พบอีกทีก็พลบค่ำไปแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้ปรับทุกข์กับใคร สิ่งเดียวทำได้คือพยายามเจียมเนื้อเจียมตัว พยายามหลบลี้หนีหน้าผู้คนไม่อยู่เกะกะขวางหูขวางตาให้ใครต้องรำคาญใจจนเป็นเหตุให้ต้องถูกเกลียดชังมากไปกว่าเดิม หากทว่ายิ่งหนูน้อยเดินหนีปัญหามากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะยิ่งเจอปัญหามากขึ้นเท่านั้น
บ่ายวันหนึ่งหลังจากที่ทำงานบ้านต่างๆ ที่คุณผู้หญิงสั่งให้หล่อนรับผิดชอบเสร็จแล้ว ทรายก็แอบเดินลัดเลาะไปตามทางสู่สวนหลังบ้านที่พักหลังมานี้ เธอมักใช้เป็นที่หลบลี้เรดาร์ที่คอยจ้องจับผิดของผู้คนในบ้านมานั่งเล่นพักเหนื่อยตามลำพังเป็นนิจ โดยเฉพาะวันนี้ที่คุณผู้หญิงมีแขกคนสำคัญมาเยือนทำให้เด็กหญิงถูกกำชับไม่ให้ขึ้นไปเล่นที่ตึกใหญ่ แขกที่ทรายแอบเห็นคือผู้หญิงคนเดียวกับที่เธอพบตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านนั่นเอง หากดูเหมือนว่าเธอจะมาช้าไป เมื่อที่นั่งเล่นประจำถูกผู้อื่นมายึดไปเสียแล้ว... หนูน้อยหยุดชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะร่วนมาจากที่ใดที่หนึ่ง ทรายเดินตามเสียงนั้นไปจนพบกับต้นตอของเสียง บริเวณแคร่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ในสวนหลังบ้าน ซึ่งบัดนี้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นร้านขายข้าวแกงเด็กเล่น แม่ค้าตัวน้อยนั่งอยู่บนแคร่ไม้ รอบกายมีหม้อข้าวหม้อแกงใบน้อยสีสันสดใสเต็มไปด้วยใบไม้ใบหญ้าที่ถูกหั่นไว้เรียงรายซึ่งถูกสมมติขึ้นให้เป็นอาหาร โดยมีลูกค้าเพียงคนเดียวคือลูกชายคนโปรดของบ้าน ที่วันนี้ดวงหน้าคมสว่างเจิดจ้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเสียงหัวเราะสดใสที่สงวนให้เฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยผู้นั้น ถึงกระนั้นคนเดินผ่านมาก็อดหยุดมองอย่างสนใจไม่ได้ หากแต่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง จนกระทั่งแม่ค้าตัวน้อยหันมาพบเข้าพอดี... อ้าว...นั่นเด็กคนที่เจอวันก่อนนี่คะพี่เพชร รำคาญตาชะมัด ไม่รู้ทำไมต้องสะเออะมาเดินผ่านแถวนี้ด้วยนะเพชรเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ทำเอาคนฟังตัวน้อยถึงกับหน้าสลด ทรายรีบก้มหน้างุดๆ ทำท่าจะเดินหนีไปจากที่แห่งนั้นให้เร็วที่สุด อ้าว...นั่นจะไปไหนล่ะ ถ้าไม่มีอะไรจะทำก็มาเล่นด้วยกันสิ คำชวนนั้นทำเอาคนถูกชวนถึงกับสะดุ้งสุดตัว เหลียวซ้ายแลขวาเลิ่กลั่ก พูดกับตัวนั่นแหละ มาเล่นด้วยกันไหม เด็กหญิงใจชื้น แน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด คำชวนครั้งที่สองทำให้เธอยิ้มกว้าง ก่อนชะงักกลางอากาศ น้องเฟื่องไปชวนเด็กคนนั้นทำไม เด็กชายตัวสูงทักท้วงขึ้นเบาๆ แทบไม่มองหน้าคนที่เอ่ยถึง ทำไมล่ะคะพี่เพชร เราเล่นแค่สองคนไม่สนุกหรอก เล่นหลายๆคนสิสนุกกว่า เด็กหญิงเฟื่องตะวันประท้วง อันที่จริงเล่นสองคนก็สนุกดีอยู่หรอก ถ้าเพียงแต่คนตัวโตที่รับบทเป็นลูกค้าคนเดียวนั้นจะมีอารมณ์ร่วมเล่นด้วยไม่เอาแต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ อารมณ์บูด สั่งได้อยู่เมนูเดียวเหมือนไม่เต็มใจจะเล่นแบบนี้ เด็กหญิงตัวน้อยก็คงไม่คิดหาลูกค้ารายใหม่อย่างนี้หรอก ก็พี่ไม่ชอบน่ะสิ แต่... ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าน้องเฟื่องอยากเล่นกับเขาก็เล่นไปคนเดียวละกัน พี่จะได้เข้าบ้าน เพชรประกาศกร้าว แต่น้องเฟื่องอยากให้เขาเล่นด้วยนี่คะ นะคะพี่เพชร ให้เขาเล่นด้วยเถอะนะคะ พี่เพชรใจดี๊ใจดี นะคะๆ... เฟื่องตะวันออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน เพราะรู้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้มุกนี้ เด็กชายจะยอมทำตามใจให้เสมอ หากคราวนี้กลับไม่เป็นไปตามคาด ไม่! ถ้าน้องเฟื่องอยากเล่นกับเขานักก็เล่นไปคนเดียวละกัน พี่จะเข้าบ้านล่ะ เพชรลุกพรวดพราดจะเดินเข้าบ้านไปจริงๆ พี่เพชร รอเฟื่องด้วยค่ะ เฟื่องตะวันรีบร้องเรียก พลางลุกตาม แต่เพราะนั่งทับขานานไปหน่อยทำให้เป็นเหน็บชา เมื่อลุกขึ้นจึงรู้สึกเจ็บจี๊ดจนทำให้ร่างเด็กหญิงโงนเงนก่อยหงายหลังผึ่งตกจากแคร่ไม้ทันที ด้วยความเจ็บปนตกใจทำให้เจ้าตัวแผดเสียงร้องไห้จ้าดังลั่น โอ้ย!! ฮือๆ... เสียงร้องนั้นทำให้เพชรรีบหันขวับและจะรีบวิ่งกลับไปช่วย แต่ช้ากว่าทรายที่อยู่ใกล้ซึ่งรีบผวาเข้ามาช่วยประคองด้วยความหวังดี แต่แล้ว... หยุดเดี๋ยวนี้นะ นั่นแกจะทำอะไรคุณเฟื่องน่ะ เสียงตวาดนั้นทำให้เด็กน้อยต้องสะดุ้งสุดตัว ยังไม่ทันมองว่าอะไรเป็นอะไร ร่างผอมบางก็ถูกกระชากออกมาด้วยแรงมหาศาลจนกระเด็นหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ศีรษะไปกระแทกกับต้นมะม่วงใกล้ๆเข้าอย่างจัง หากคนทำนั้นหาสนใจใดๆไม่ คุณหนูเฟื่องขา...โถๆ เจ็บมากไหมคะเนี่ย ...ทูนหัวของแก้ว ดูซิก้นกลอยหักหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนเป็นพี่เลี้ยงปราดเข้ามาดูแลเด็กหญิงตัวน้อยด้วยความเป็นห่วงจนออกนอกหน้า หากปากนั้นก็พร่ำบริภาษเด็กน้อยอีกคนอย่างโกรธเคือง เพราะยัยเด็กนั่นแท้ๆ เชียว คุณหนูกับคุณเพชรไปเล่นกับมันทำไมคะ รู้ก็รู้ว่าคุณแม่กับคุณป้าไม่ชอบ ทรายค่อยๆประคองตัวนั่งอย่างทุลักทุเล รู้สึกจี้ดๆที่บริเวณขมับขวาที่ปรากฏของเหลวสีแดงเข้มไหลทะลักออกมาเปรอะเปื้อน จนเด็กชายหันมาเห็นก็อุทานด้วยความตกใจ นั่นเธอเลือดออกนี่ โธ่เอ้ย...ช่างหัวมันเถอะค่ะคุณเพชร ดูซิเนี่ย คุณน้องเฟื่องถูกแกล้งซะขนาดนี้แล้ว ยังมีกะใจไปห่วงคนอื่นอีก คุณเพชรนี่ยังไงกัน เด็กเหลือขอ ไม่มีพ่อมีแม่สั่งสอนแบบนี้น่ะ ใจดีด้วยได้ที่ไหนกันคะ เดี๋ยวอีกหน่อยเถอะ คุณเองก็จะถูกมันเล่นงานแย่ ดวงตาสีอ่อนไหววูบ สะอึกกับคำกล่าวพาดพิงถึงบุพการีของอีกฝ่ายที่กระทบใจอย่างรุนแรง อย่ามาว่าแม่เรานะ ได้ผล...เสียงตวาดก้อง ทำให้คนบริภาษถึงกับหน้าเสีย ถึงตอนนี้เราจะไม่มีพ่อมีแม่แล้ว แต่เราไม่เคยแกล้งใครก่อนอย่างที่ตัวว่า ดู ดู๊ มันเถียง คอยดูนะฉันจะไปฟ้องคุณผู้หญิง ดวงตาคมกร้าว แลตอบกลับมาอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ ทั้งสิ้นยิ่งเพิ่มโทสะให้คนฟัง พี่แก้วจ๋า น้องเฟื่องจะไปหาคุณแม่ เสียงเด็กหญิงตัวน้อยขัดจังหวะ ดีค่ะ เดี๋ยวเราไปฟ้องคุณแม่กับคุณป้ากัน ระวังตัวไว้เหอะ คราวนี้แกโดนดีแน่ๆโดนดีแน่ๆ คอยดู คนพูดหันมาชี้หน้าเด็กหญิงอย่างหมายมาด ก่อนกุลีกุจออุ้มร่างของเด็กหญิงตัวน้อยเข้าบ้านทันที เพชรที่กำลังจะรีบเดินตาม แต่เมื่อได้ยินเสียงครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บปวดของเด็กหญิงก็เกิดความละล้าละลังก่อนตัดสินใจ เอ้านี่! ทรายเงยหน้ามองมือขาวๆที่ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ รีบซับเลือดซะสิ เดี๋ยวเลือดก็ไหลหมดตัวหรอก เสียงห้วน กระด้างหู ของเจ้าของผ้าเช็ดหน้าทำให้คนเจ็บหน้าเสียไม่กล้ายื่นมือรับผ้าผืนจากเขามาซับเลือดตัวเอง เพชรถอนหายใจด้วยความขัดใจแกมรำคาญ จึงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองซับที่แผลให้เสียเอง อาการนั้นทำให้คนเจ็บถึงกับสะดุ้ง หากใจดวงน้อยกลับเต้นเป็นจังหวะประหลาด ดวงหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมนั้นดูอ่อนโยนน่ามอง กิริยาอาการที่แข็งกร้าวเวลานี้นุ่มนวลเมื่อยามซับเลือดให้ ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ แม้แต่จะฝัน หากเด็กหญิงก็เผลอประทับความอ่อนโยนและใจดีของเขาไว้ในใจดวงน้อยเสียแล้ว เข้าไปทำแผลในบ้านดีกว่า อ้าว...ทำไมยิ้มได้ ไม่เจ็บแล้วหรือ เพชรมองอย่างไม่เข้าใจ คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ ดี ถ้าเธอไม่เจ็บแล้ว งั้นฉันจะเข้าบ้านล่ะ ดวงหน้าที่อ่อนโยนเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและน้ำเสียงที่แข็งกระด้างเช่นเดิม คุณเพชร...เอ่อ หืม เอ่อ...ขอบคุ... ยังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้เอ่ยจบ เสียงเรียกก็ดังขึ้น คุณเพชรคะ คุณเพชร เฮ้อ.... มาอยู่นี่เอง ดิฉันตามหาแทบแย่แน่ะ คุณแม่ให้หาค่ะ ตอนนี้คุณหนูเฟื่องกับคุณนิภาพรก็รออยู่ที่ห้องรับแขกด้วย คุณแม่บ้านร่างท้วมเอ่ยอย่างกระหืดกระหอบแทบไม่หายใจ รู้แล้ว ... เด็กชายตอบ เร็วเถอะค่ะเดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ว่าแล้วเขาก็รีบเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันมาสนใจเด็กหญิงอีกเลย ทรายได้แต่มองตามหลังเขาไปด้วยความน้อยใจในโชคชะตาวาสนาของตัวเองยิ่งนัก นี่อย่ามัวมาทำอ้อยสร้อยน่ารำคาญ คุณผู้หญิงก็เรียกเธอเข้าไปเหมือนกัน รีบๆด้วยล่ะ คุณผู้หญิงไม่ชอบรอใครนานๆ เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียอีก คนพูดจิกตามองเด็กหญิงอย่างหมั่นไส้ก่อนสะบัดหน้าเดินจากไป ทรายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ...รู้ดี...ว่าคราวนี้ก็คงต้องเตรียมใจรับศึกหนักอีกตามเคย แล้วทุกสิ่งก็เป็นไปตามคาด! เด็กหญิงตัวผอมก้าวเข้ามาในห้องรับแขกของบ้านอย่างเตรียมใจพร้อมรับทุกสถานการณ์ คุณพราวพิไล มองผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างเกลียดชังทุกอณู ดวงหน้าที่ละม้ายใครคนหนึ่งของทรายเป็นดั่งปลายมีดแหลมคมคอยทิ่มตำหัวใจคุณพราวพิไลให้ช้ำชอกอยู่ทุกเวลา ถัดไปไม่ไกลนัก คนทำตัวเป็นบ่างช่างยุนั่งทำเป็นประคบประหงมใกล้ๆ ลูกสาวคนโปรดของเพื่อนเจ้านายที่เป็นคู่กรณี แต่กลับไร้เงาของผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคน ... คนไปตามไม่ได้บอกหรือไงว่าฉันไม่ชอบรอใครนานๆ คนพูดเอ่ยโดยแทบไม่มองหน้าเด็กหญิงผู้มาใหม่ บอกค่ะ เสียงเย็นเยียบเอ่ยเริ่มเรื่อง แก้วบอกว่าเราแกล้งผลักคุณเฟื่องตกจากแคร่จริงหรือเปล่า ดวงตาสีอ่อนปรายไปที่คนฟ้องที่ลอยหน้ายั่วยวนกวนโทสะ ริมฝีปากแดงเม้มเข้าหากันแน่น ในใจรู้ดีว่าถึงจะปฏิเสธใดๆออกมาย่อมไม่เป็นผลดีทั้งสิ้น เมื่อใจของคนตัดสินนั้นเอนเอียงแต่แรกเสียแล้ว แต่กระนั้นด้วยความที่ไม่ผิดจึงอดไม่ได้ เปล่าค่ะ คุณเฟื่องล้มเพราะขาเธอเป็นเหน็บต่างหาก โกหก เสียงกล่าวทะลุกลางปล้องขัด ไม่จริงนะคะคุณผู้หญิง มันโกหกชัดๆ ก็แก้วเห็นกับตาว่ามันผลักคุณหนูเฟื่อง เรื่องราวถูกบิดเบือนไปโดยสิ้นเชิง ทว่าแทบไม่น่าเชื่อ ที่คนฟังความกลับคล้อยตามโดยไม่มีการซักถามใดๆ อีก แก้วไปหยิบไม้เรียวมาซิ แทบไม่ต้องกล่าวย้ำ แก้วรีบยื่นไม้เรียวที่เตรียมไว้ส่งให้ทันที ไม่เอาน่า พราว อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ คุณนิภาพรขอร้อง ได้ยังไง เธอก็เห็นนี่หนูเฟื่องต้องเจ็บแบบนี้ก็เพราะนังเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านี่ คนทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ ไม่กำราบไว้แต่ตอนนี้อีกหน่อยมันคงทำร้ายฉันกับคนในบ้านแน่ ไม้เรียวมาแล้วค่ะคุณผู้หญิง แก้วบอกอย่างเสนอหน้า ทรายเม้มปากแน่น เมื่อเห็นไม้เรียวที่สงวนไว้ลงโทษตัวเธอเองโดยเฉพาะ กอดอกเดี๋ยวนี้ แก้วจับไว้ซิ คนถูกสั่งยิ้มกริ่มสมใจ ก่อนกางนิ้วจิกเล็บไปที่ต้นแขนของเด็กหญิงที่น่าสงสารอย่างแรง ทรายกัดฟันแน่น แว่วได้ยินเสียงหวดไม้เรียวหนักๆ ของหญิงสูงวัยกว่าฟาดไปที่ขาอ่อนของตัวเองซ้ำรอยแผลเดิมพอดิบพอดี โอ้ย! ร่างบางก็พลันสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด หากทว่านั่นกลับเจ็บน้อยกว่าความรู้สึกภายในจิตใจที่บอบช้ำแสนสาหัส จำไว้นะลูก หนูต้องเข้มแข็งและอดทนเข้าไว้ แล้วซักวันหนึ่งทุกคนก็จะเห็นความดีของหนู และรักเอ็นดูหนูเหมือนแม่รักนั่นแหละนะ เสียงคนเป็นแม่ที่ดังก้องอยู่ในหู ทำให้เด็กหญิงต้องกัดฟันทน ฉะนั้นต่อให้เจ็บปางตายเพียงไหน ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องหรือเห็นน้ำตาสักหยดจากดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้แดงก่ำแลแห้งผากราวกับผืนทะเลทรายนั้น หัวใจเล็กๆ ต่างหากที่ถูกเฆี่ยนจนเป็นแผลเหวอะหวะ ศุภิศราได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองในใจ... อดทนไว้นะ อย่าร้องนะ ทนให้ถึงที่สุด แม้ไม่ผิดก็ตาม เราต้องอดทน ทำอะไรกันน่ะ! เสียงตวาดดังก้องของผู้เป็นประมุขใหญ่ของบ้าน ราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิตเด็กน้อยจากเงื้อมือมัจจุราช ทุกคนในที่นั้นชะงักกึกไปตามๆกัน คุณพราวพิไลปรายตามองสามีเล็กน้อยก่อนสะบัดหน้าเชิดไปอีกทางอย่างไว้ตัว ส่วนแก้วนั้นเมื่อเห็นแววตาคมดุของคุณไกรภพก็รีบปล่อยมือจากต้นแขนของทรายแทบทันที เมื่อปราศจากการพันธนาการทั้งปวง ร่างของเด็กหญิงผู้น่าสงสารก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันที หนูทราย คุณไกรภพปราดเข้ามาประคองร่างเล็กนั้นอย่างเวทนา ขาที่ถูกฟาดจนแตกยับมีรอยเลือดไหลซิบๆ ของหนูน้อยทำให้ชายสูงวัยต้องหลับตาลงอย่างเจ็บปวด สองแขนของชายสูงวัยโอบร่างน้อยๆ ที่สะท้านไหวมาแนบอกด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสะเทือนใจ โถ เจ็บมากไหมลูก ทำไมต้องทำรุนแรงกันขนาดนี้ด้วย มือหนากร้านลูบไล้ไปที่ต้นแขนเล็กๆ ที่มีรอยเล็บครบทั้งห้าจนห้อโลหิตด้วยความโมโห นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ขึ้น กระชากเสียงถามผู้มากด้วยวัยและคุณวุฒิที่สุดในที่นั้นอย่างโกรธจัด หนูทรายทำอะไรผิดนักหนา คุณถึงต้องมาเฆี่ยนตีรุนแรงอย่างนี้ หา...คุณพราวพิไล คนถูกถามเม้มปากแน่น ดูเอาเถอะ สามีสุดที่รักเข้าข้างคนอื่นต่อหน้าต่อตาแบบนี้มันหักหน้ากันชัดๆ
คุณก็ถามเด็กคนนี้เองซิคะ ว่าทำไมต้องมาแกล้งหนูเฟื่องด้วย ไม่จริงค่ะ! หนูไม่ได้ทำ เสียงที่หลุดออกมาจากปากคนถูกกล่าวหา ยิ่งเพิ่มโทสะให้กับคุณพราวพิไล ถ้าไม่เชื่อคุณลุงลองถามคุณเพชรกับคุณเฟื่องดูก็ได้ค่ะ คุณไกรภพจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นอย่างพินิจ ดวงตาคู่งามละม้ายใครคนหนึ่งหากบริสุทธิ์สดใสกว่า ทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่เธอพูดอย่างสนิทใจ ไปตามตาเพชรมาซิ คุณไกรภพสั่งเสียงเข้ม นี่คุณเชื่อยัยเด็กนี่มากกว่าฉันหรือไง คุณพราวพิไลตัดพ้อสามีอย่างน้อยใจ ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ไปตามตาเพชรมานี่ เดี๋ยวนี้ เวลาผ่านไม่นานนักลูกชายคนเดียวของบ้านก็ก้าวเข้ามาในห้อง เด็กชายตัวสูงหันไปมองคนเป็นพ่อที่นั่งขนาบข้างกับเด็กหญิงอีกคนที่นั่งตัวสั่นราวกับลูกนกด้วยสายตาว่างเปล่า คุณพราวพิไลรีบดึงลูกชายเข้ามากอดด้วยความหวงแหน พลางส่งสายตาเคียดแค้นให้สามี ไหนลองเล่าให้พ่อฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น ทรายแกล้งหนูเฟื่องอย่างที่คุณแม่บอกหรือเปล่า เพชรเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ที่ทำปากขมุบขมิบบงการให้รับคำไป หากเมื่อเขากำลังจะทำตามสายตาคมก็เหลือบไปเห็นเด็กหญิงที่นั่งตัวสั่นตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยรอยแผลอย่างน่าเวทนานักเสียก่อน หากถ้ายอมทำตามที่แม่ของเขาต้องการเด็กคนนี้คงไม่แคล้วต้องถูกแม่ของเขาลงโทษใหญ่อีกคำรบเป็นแน่ แม้เพชรจะไม่ชอบหน้าเธอนัก แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นความ อยุติธรรมเช่นกัน เด็กชายจึงตัดสินใจหันมาตอบตามความจริง เปล่าครับ ไม่ได้แกล้ง น้องเฟื่องแค่นั่งทับขานานไปหน่อย พอจะลุกก็เจ็บขาเลยหงายหลังตกแคร่ไป ไม่มีใครแกล้งทั้งนั้น คำตอบของเพชรที่ยอมเล่าตามความจริงโดยไม่ปิดบัง ทำให้ข้อกล่าวหาทั้งหลายทั้งปวงก็มีอันตกไป เด็กหญิงผู้ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีข้อโต้แย้ง หากดูเหมือนคุณพราวพิไลไม่อยากให้เรื่องจบลงง่ายๆ ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบ ถึงยังไงคุณก็ต้องทำโทษเด็กนี่ ก็ทรายไม่ผิด คุณก็ได้ฟังลูกพูดแล้วนี่ คุณขู่ลูก ลูกก็กลัวสิ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณไม่จัดการเด็กนี่ให้หลาบจำล่ะก็ ฉันไม่ยอมจริงๆด้วย เรื่องคราวนี้ให้แล้วกันไปเถอะ เรื่องของเด็กๆ ทำไมคุณต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ท้ายประโยคหันไปปรามผู้เป็นภรรยากลายๆ ผมหวังว่าคุณนิภาเองก็คงไม่มีอะไรติดใจเอาความเรื่องของเด็กๆ นะครับ คุณไกรภพหันไปเอ่ยกับเพื่อนของภรรยาที่นั่งกอดลูกสาวตัวเองดูเหตุการณ์เงียบๆมานาน นี่คุณเข้าข้างยัยเด็กนี่เหรอคะ ตัวเล็กแค่นี้ยังนิสัยเหลือรับ คอยดูเหอะต่อไปมันคงแกล้งลูกเราหนักๆ อีก แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ หนูทรายไม่ใช่เด็กแบบนั้น คุณไกรภพขึ้นเสียงอย่างโมโห มีเหตุผลหน่อยสิคุณพราว โตๆกันแล้วนะ คุณพราวพิไล เม้มปากเข้ากันแน่น ในใจไม่ยอมลงให้สามีแม้แต่น้อย เมื่อหาข้อโต้แย้งไม่ได้ เรื่องเก่าเก็บในใจจึงถูกขุดคุ้ยขึ้นมาว่า อ๋อ ใช่สิ ฉันมันคนไม่มีเหตุผล ใครจะไปแสนดีเหมือนยัยคนรักเก่าคุณล่ะ คุณไกรภพนั่งนิ่ง คำว่า คนรักเก่า สะกิดแผลในใจอย่างจัง หยุดนะพราวพิไล! ทำไมคะ ทนฟังไม่ได้หรือไง คุณพูดอะไรคิดถึงเด็กๆที่นั่งฟังอยู่บ้างเหอะ ดีสิ มันจะได้รู้ว่าแม่ของมันนิสัยแย่แค่ไหน ศศิลดาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ชื่อที่หลุดจากปากประมุขของบ้านทำให้ทรายนิ่งงัน เพราะนั่นคือชื่อของผู้เป็นมารดานั่นเอง เกี่ยวทุกอย่าง ถ้าไม่เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น วันนี้คุณคงไม่ต้องไปเก็บเด็กนี่มาไว้ในบ้านให้ตำตาตำใจฉันอย่างนี้หรอก หยุดเดี๋ยวนี้ พอที ผมไม่อยากฟังคุณพูดอีก ไปกันเถอะหนูทราย อย่าไปฟังคนเพ้อเจ้อเลย นั่นคุณจะไปไหนน่ะ ฉันยังพูดไม่จบ กลับมานี่นะคุณไกรภพ คุณไกรภพไม่ฟัง รีบจูงมือเด็กหญิงเดินหนีขึ้นรถออกไปทันที โดยไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นภรรยา ทำให้คุณพราวพิไลแทบกระอักออกมาด้วยความเจ็บใจ
จากคุณ |
:
เสี้ยวตะวัน
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มิ.ย. 54 17:33:28
|
|
|
|