Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+++++++++จ้างเธอให้รัก ตอนที่5++++++++++ ติดต่อทีมงาน

ลิงค์ของตอนที่ผ่านมานะคะ

บทนำและตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10613052/W10613052.html
ตอนที่2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10644126/W10644126.html
ตอนที่3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10661938/W10661938.html
ตอนที่4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10682612/W10682612.html
ตอนที่5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10712662/W10712662.html

++++++++++++++++++++

บทที่หก
ถูกหลอก


นอกจากปัญหาเรื่องของคู่หมั้นและลตาซึ่งส่งข้อความมาให้แก่เขาแล้ว ปรุฬห์ต้องมาคอยกังวลว่าน้องชายร่วมสาบานตนเองจะโดนหญิงเจ้าเล่ห์คนหนึ่งหลอกได้หรือไม่

“แกเลิกเพ้อได้แล้ว คุณกษิดิษที่เคารพ แกฟังฉันอยู่หรือเปล่าน่ะ”ปรุฬห์เรียกสติทีคขณะที่เขาตกอยู่ในห้วงภวังค์

ปรุฬห์มาเยี่ยมเยียนบ้านของน้องชาย ไม่ทันที่เขาจะจอดรถเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทีคก็กระโดดออกมาจากประตูรั้วแล้วจึงเล่าเรื่องของนีรนาให้ฟังซ้ำซากจนเขารำคาญมาก

“ผมไม่ได้เพ้อพี่รุฬห์ เมื่อคืนก่อนพวกเรามีความสัมพันธ์คืบหน้าขึ้นมาอีกนิด”ทีคบอกด้วยความดีอกดีใจ เขาหันไปเตือนพี่เลี้ยงให้ตักอาหารเพิ่ม

“ความสัมพันธ์อะไรของแก? อย่าพูดให้มันคลุมเครือ”ปรุฬห์เลิกคิ้วสูงเคี้ยวอาหารตุ่ยๆ

ทีคยิ้มกริ่ม “จูบน่ะ”

ปรุฬห์เขม้นมองน้องชาย

“ผมจูบเธอ”ทีท่าของชายหนุ่มดูเขินอายขณะที่กล่าวออกมาอย่างประทับใจ “ผมเผลอไปหน่อย อันที่จริงผมควรจะพูดขอโทษแต่ก็เห็นเธอไม่ว่าอะไร แต่ก็นั่นล่ะ ... เธอคงคิดกับผมมากกว่าคำว่าเพื่อนอยู่แล้ว เราอยู่ด้วยกันสองคนออกจะบ่อยครั้ง”

“ไม่ว่าอะไร?”ปรุฬห์นิ่วหน้านึกภาพตาม ... นั่นสินะ นีรนาคงไม่สะบัดหนีชี้หน้าด่าไอ้ทีคมันหรอก ในเมื่อมันก็รวยแถมตอนนี้มันยังหลงคารมหญิงคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ... หรือว่านีรนาจะปลูกถ่ายยาเสน่ห์เอาไว้? “ฉันคิดว่าถ้าแกไม่หยุดลวนลามเธอในวันนั้น เธอก็คงกวักมือเรียกแกเข้าไปในห้องนอนบ้านไอ้บอลแน่ๆ”

“พี่รุฬห์ พี่พูดไม่ให้เกียรตินีรเลยน่ะ ... เขาเป็นแฟนผมนะ”

“ตอนนี้พูดได้เต็มปากแล้วสินะว่าคือแฟนของแก”ปรุฬห์ยักคิ้วหลิ่วตากวนๆใส่

ทีคยิ้มกริ่มอารมณ์ดี “ใครจะรู้ ผมคงไม่ได้คิดแค่ฝ่ายเดียวแน่ๆ”

ปรุฬห์ก้มหน้าตักอาหารเหยียดยิ้มหึๆตอบ ... น้องชายตัวดีของเขาโดนหลอกเสียแล้ว

“พี่เป็นอะไร”

“เปล่า”ปรุฬห์ทานอาหารต่อ

“ก่อนหน้านี้พี่ยังเชียร์ผมอยู่เลย”ทีคสงสัย “ผมรู้สึกนะว่าพี่ไม่ชอบเธอ”

“ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ”ปรุฬห์แย้ง “นีรก็น่ารักดี ฟังจากที่แกเล่ามา...นีรก็เคารพรุ่นพี่ อารมณ์ดีเสมอแล้วก็เข้าสังคมได้เก่งมาก ใครจะรู้ว่าเธออาจจะมีสองหน้า”

“พี่พูดอะไรน่ะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย”ทีคบอกอย่างเสียอารมณ์ เขาเลิกทานอาหาร

ปรุฬห์อยากจะบอกความจริงแก่น้องชายในตอนนั้นทันทีเลยด้วยซ้ำว่าเขาเจอนีรนาที่ไหน แต่เขาก็ใส่ใจรวมทั้งเคารพต่อความเป็นเพศหญิง การกล่าวหาลับหลังคงไม่มีประโยชน์อะไรเลย ... เขาคงต้องปล่อยให้น้องชายตัวดีเรียนรู้ด้วยตัวเองสักพักหนึ่งแล้วตอนนั้นเขาก็จะได้อบรมน้องชายอย่างจริงจัง

“ผู้หญิงมีมารยาร้อยเล่มเกวียน แกไม่เคยได้ยินหรือยังไง”ปรุฬห์บอกพลางใช้แนปกิ้นเช็ดริมฝีปาก

“พี่หมายถึงนีรใช่ไหม”

“เปล่า ฉันเตือนแกเฉยๆ ไม่ได้หมายถึงใครทั้งนั้น”ปรุฬห์กล่าวด้วยความหวังดี “แกอย่าลืมสิว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร แกมีทุกอย่างพร้อมนะทีค แล้วแกก็มีความเป็นผู้นำสูง ถ้าหากแกเลิกมองลูกบาสเกตบอลเป็นภรรยาในอนาคตล่ะก็ แกก็คงจะมองเห็นว่ามีสาวๆชอบแกไม่มากก็น้อย”

“ผมไม่ได้สนใจใครทั้งนั้นนอกจากนีรคนเดียว”

ทีคไม่ได้ฟังสิ่งที่ปรุฬห์พูดเลยเพียงสักนิด ชายหนุ่มต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ... หวังมากก็ต้องผิดหวังมากเหมือนที่เขาเคยทนทรมานมาเมื่อเจ็ดปีที่แล้วกับความรักที่มอบให้แก่ลตาซึ่งบัดนี้เธอหลงรักฝรั่งคนหนึ่งจนหัวปักหัวปำ

ทีคเริ่มจะหงุดหงิดปรุฬห์จึงไม่อยากสนทนาเรื่องนี้ต่อ ชายหนุ่มหันไปมองดูข้อความซึ่งเปมิกาส่งให้แล้วจึงยกมือพาดบนหน้าผากด้วยความรู้สึกระอิดระอาเต็มทน

เฉพาะเรื่องของคู่หมั้นอย่างเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่พอดูสำหรับเขาขณะนี้แล้ว

“ฉันค่อยแวะมาที่นี่อีก”ปรุฬห์บอกก่อนจะหันไปรับไหว้จากน้องชาย

ชายหนุ่มบอกลาบรรดาพี่เลี้ยงของบ้านหลังนี้ หลังจากนั้นจึงขับรถออกนอกเส้นทางหลวงสู่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวธนากิจอีกครั้ง

ที่นั่นคงจะมีเปมิกายืนรอต้อนรับเขาเหมือนอย่างเคย

ให้ตายเถอะ ... มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยเพียงสักนิดเดียว



\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\



นีรนาต้องอ้าปากหวอมองดูท่าทางดีอกดีใจของพี่จ๋า พี่สา พี่ฝนและพี่เกด เมื่อรู้ว่านีรนาตัดสินใจลองคบหากับทีคในที่สุด

“ประสบการณ์ยังไงล่ะจ๊ะ ประสบการณ์น่ะ”พี่จ๋าฉีกยิ้มกว้าง

“น้องสาวของฉันมีแฟนเป็นคนรวยก็เบาอกเบาใจ”นราวรรณบอกเพื่อน

“ก็แค่ลองดูใจค่ะพี่ๆ”นีรนาต้องเอ่ยย้ำอีกเมื่อพวกเขาวางแผนอนาคตให้แก่นีรนาตั้งแต่เรื่องแต่งงานจนถึงลูกสองคน

“เขาบอกแกแล้วหรือยังว่าเขาชอบแก”พี่สาสงสัย

“ไม่ได้พูด”นีรนาเกาศีรษะ “แต่คิดว่าแน่นอนแล้ว” เธอเลี่ยงจะบอกเรื่องที่ทีคจูบเธอ

“เอาล่ะ วิวัฒนาการมาได้ถึงขึ้นหนึ่งแล้วนะ”พี่จ๋าพูดติดตลก “คราวนี้แกต้องระมัดระวัง อย่าตกหลุมพรางพวกผู้ชาย เพราะว่าเพศนี้ตลบตะแลงเก่ง อาจจะปรนเปรอแกจนถึงที่สุดแค่ช่วงที่ทำให้แกตกหลุมพรางของพวกมันได้ แล้วหลังจากนั้นแกก็ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดในฐานะแฟนซึ่งเดินตามหลังเขาต้อยๆตลอดเวลา”พูดพลางดัดน้ำเสียงแสดงท่าทางจนนีรนาเห็นภาพ

“น้องสาวที่รักจ๊ะ”พี่สารีบถลาตัวมานั่งใกล้ๆกรีดนิ้วโอบไหล่เอาไว้ “ถ้าหากเขาพูดว่าเธออยากได้อะไรฉันจะหามาให้ ตอนนั้นเธอต้องรับเอาไว้ทันทีนะจ๊ะ เพราะหลังจากโปรโมชั่นจะไม่มีอีกแล้ว”

“พอหลังจากโปรโมชั่น”พี่เกดเข้ามาสมทบ “นีรจะต้องรีบออกมาจากวังวนแห่งกุหลาบรักร้าย สลัดรักไปซะเลย”

“ใช่ๆ”

“ชิ้วๆ”

บรรดาพี่ๆแสดงกิริยาท่าทางราวกับแก๊งสาวปณิธานสูง

“แล้วถ้าเกิดว่าเขาจริงจังล่ะคะ?”

พี่ๆต่างมองหน้ากันเอง “แกจะคิดมากทำไม แกก็คบกันจนกว่าจะแต่งงานไปเลยไม่ดีหรือ”

“หนูไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น”แววตาใสซื่อนั่นทำให้นราวรรณต้องหัวเราะขำขัน เธอมองดูเพื่อนๆช่วยกันเกลี้ยกล่อมน้องสาวคนดีของเธอ

“คิดไม่คิดก็ไม่ต้องห่วง พวกเราสี่สาวจะช่วยเป็นที่ปรึกษาให้”พวกเธอพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน

นีรนามองด้วยความไม่มั่นใจ ... “เอาจริงหรือ”

“อื้อ”แก๊งสี่สาวพยักหน้าพร้อมกัน ฉีกยิ้มกว้างมองนีรนาเป็นสาวตาเดียว

“เอาตามนี้ใช่ไหม?”

“อื้อ”

นีรนาต้องถอนหายใจยาวๆ

ทุกครั้งที่เธอปวดใจ เธอก็ต้องการคำปรึกษา แต่เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้องหรือไม่



\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\



ทีคยืนรอเธอใต้หอเช่นเคย เขาหันไปยิ้มให้กับยามเฝ้าอาคาร วันนี้เขามีความสุขจัง

... เมื่อไหร่นีรนาจะรีบลงมาให้เขาหอมแก้มสักฟอดกันนะ

“มาแล้วค่ะ”

คิดไม่ถึงเสี้ยววินาทีร่างของสาวผู้ที่หมายปองก็เดินช้าๆหยิบยื่นยิ้มราวกับสวรรค์โปรดมาให้แก่เขาตั้งแต่ช่วงเช้า “อรุณสวัสดิ์ค่ะทีค” สีหน้าของเธอดูไม่ดีเหมือนอย่างเคย เดินโซซัดโซเซจนดูขำขัน

“เช่นกันครับ”ชายหนุ่มกล่าวอย่างยินดี เขาก็ยังคงช่วยถือหนังสือ เดินไปร้านอาหารข้างๆมหาวิทยาลัยและสนทนากันเรื่อยเปื่อย

“นีรไม่สบายหรือเปล่า วันนี้หน้าตาซีดจัง”

“ไม่ได้นอนน่ะค่ะ”เธอไม่อยากบอกหรอกว่าเธอหมกตัวอยู่กับบรรดาพี่สาวผู้มากประสบการณ์ด้านความรักเมื่อวานนี้

ทีคเลื่อนมือแตะหน้าผากของเธอแล้วนีรก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะอาหาร

“แย่กว่าที่คิดอีก”

ชายหนุ่มมองก่อนจะหัวเราะออกมา เขาทานอาหารจนเสร็จก็ตัดสินใจพาเธอกลับไปนอนที่หอพักตามเดิม เขานั่งอยู่ข้างๆเตียงนอนกวาดสายตามองรอบๆห้องของหญิงสาว

ทีคไม่เคยเข้ามาในห้องนอนของเธอเลย ชายหนุ่มมองดูกองเสื้อผ้าในตะกร้าและบรรดาหนังสือเรี่ยราดบนโต๊ะตัวเล็กแล้วจึงยิ้มกริ่ม ตอนนี้นีรเพลียจัด ... เขาไม่อยากถามว่าเธอไปทำอะไรมา บางครั้งเรื่องส่วนตัวของเธอเขาก็สามารถเข้าถึงได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น

“ทีค ..”เธอเอ่ยเสียงแผ่ว

“ครับ”

“วันนี้นีรคงไม่ไปเรียนแล้ว ...”เธอพูดทั้งๆที่เธอหลับตานอนตะแคงแนบใบหน้ากับหมอนนุ่ม

ทีคได้ทีกุมมืออุ่นๆของเธอเอาไว้ “ไม่ต้องไปหรอก พักผ่อนเถอะครับ” เขารู้สึกดีจัง ราวกับได้อยู่ในโลกของเธอ อยู่เพียงแค่ตามลำพังระหว่างเขากับเธอเพียงเท่านั้น

ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ข้างๆเตียงนอนเพ่งพิจมองเธอจนเธอหลับไปแล้ว

ผู้หญิงมารยาร้อยเล่มเกวียนอย่างนั้นหรือ? ทีคอดนึกถึงคำพูดของปรุฬห์ไม่ได้

... นีรก็คงไม่ใช้กับเขาแน่ๆ ดูสภาพของเธอตอนนี้สิ ... เธอต้องพึ่งพาเขา ไม่มีทางที่นีรจะทำร้ายจิตใจของเขาได้หรอก ...ไม่มีทางเลย



เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าทีคหายไปแล้วพร้อมกับโน้ตเล็กๆบอกให้เธอทานยาด้วย นีรนาล้มตัวลงนอนต่อแต่แล้วเธอก็ต้องผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะกระโดดออกจากเตียงนอน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อนึกได้ว่าเธอนัดนักเรียนมัธยมต้นสอนพิเศษเพิ่มในช่วงบ่ายวันนี้

หญิงสาวต้องกล่าวขอโทษแก่เด็กซึ่งนั่งรอเธอครึ่งชั่วโมง

วันนี้เธอไม่ได้แวะเข้าไปที่ภาควิชาเพื่อปรึกษาวิชาเรียนร่วมกับบอล นีรนาตั้งใจจะแวะไปหาพี่สาวหลังจากการสอนพิเศษช่วงบ่ายวันนี้เสร็จสิ้นลง

ทว่ากว่าเธอจะได้เจอพี่สาวหญิงสาวก็นอนรออยู่หลังร้านนานนับชั่วโมง

นราวรรณปลุกน้องตนเองเมื่อเธอมาถึงร้านคาราโอเกะเรียบร้อยแล้ว “วันนี้พี่ทำงานดึกกว่าปกติน่ะ ไปทานอาหารด้วยกันก่อนหลังจากนี้พี่คงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมร้องเพลง วันนี้แกดูไม่ค่อยดีเลยนะ”

นีรนามองพี่สาวแล้วจึงกล่าวตอบ “รู้สึกไม่ค่อยสบาย”

“ไปหาของร้อนๆทานด้วยกันดีกว่านะ”

คำพูดห่วงใยของพี่สาวทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ



“หนูจะได้มาหาพี่อีกเมื่อไหร่”นีรนาถามอย่างสงสัยเมื่อพบว่าพี่สาวจะเดินทางไปต่างจังหวัดกับแขกสักพักหนึ่ง

“แกไม่ต้องห่วงหรอก แกแวะมาหาเพื่อนๆของพี่ก็ได้”นราวรรณเสนอ “พวกมันขี้เหงา เวลามันโทรศัพท์ไปหาแกก็รับบ้างล่ะ”

“หนูรับทุกครั้ง”เธอกล่าว “ภายในเมืองนี้หนูอาจจะมีเพื่อนมากมายแต่คนที่จริงจังไว้ใจได้ก็คงจะมีเพียงพวกพี่ๆที่เติบโตมาด้วยกัน”ฟังเช่นนั้นแล้วนราวรรณก็รู้สึกปลื้มปิติ เธอเป็นห่วงน้องสาวมากทว่าด้วยหน้าที่การงานทำให้เธอไม่สะดวกเฝ้าดูแลนีรนาเหมือนอย่างเคยเลยเพียงสักนิดเดียว เธอฟังคำพูดมีเหตุผลของน้องสาวก็สัมผัสได้ว่านีรนาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว

หลังจากนีรนาร่ำลาพี่สาวสายตาของเธอก็มองเห็นปรุฬห์นั่งสนทนากับเจ้าของร้านบาร์ฝั่งตรงข้าม

เธอไม่รู้หรอกว่าเขาสังเกตเห็นเธอมานานแค่ไหน

ตลอดช่วงเวลานี้ทั้งสองไม่ได้สนทนากันอีกและพยายามเลี่ยงคำทักทายทุกครั้งที่ปรายตามอง

นีรนาไม่ชอบใจกับดวงตาจับผิดของปรุฬห์ เขากำลังดูแคลนเธอ ... มันช่างน่าโมโหนัก แน่นอนว่าเธอปลื้มเขาแต่ทว่าไม่ใช่ตอนนี้ ... ไม่ใช่นับตั้งแต่วันที่เธอรู้ว่าเขาเข้าใจผิดเรื่องชีวิตของเธอและปรุฬห์ก็พยายามไม่สนทนากับเธออีกเลย

นีรนาคงคิดได้เพียงแค่ว่า ช่างมันเถอะ ...



\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\



ทีคเป็นเพื่อนชายที่ดีหรืออาจจะเป็นมากกว่านั้นในตอนนี้ เขาคอยดูแลเธอแทนพี่สาวโดยที่ชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวเลย ไม่นานนักทีคก็เริ่มจูงมือเธอในที่สาธารณะ เป็นเชิงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าเขาเป็นเจ้าของนีรนาคนเดียวเท่านั้น

ในยามว่างทีคก็จะชวนเธอไปอ่านหนังสือในห้องสมุดซึ่งส่วนใหญ่แล้วนีรนามักจะเข้าไปหลับ ชายหนุ่มจึงได้โอกาสแนะนำให้เธอนอนหนุนบนตักของเขา ทุกครั้งที่มองใบหน้ายามหลับของเธอทีคก็อยากจะโน้มตัวจูบ ทว่าความกล้าที่เคยมีในคราวก่อนกลับห่างหายไปเมื่อคำพูดของปรุฬห์แทรกอยู่ในจิตใจของเขา

ทำไมนะ ... ทำไมล่ะ ... เขาไว้วางใจเธอไม่ใช่หรือ เขาเป็นแฟนของเธอ จูบเบาๆคงจะไม่เป็นไรหรอก แน่ล่ะ ...นอกเสียจากว่าเธอจะสวนหมัดใส่กลับมาเท่านั้นเอง



“ไปเดินในสวนสาธารณะด้วยกันดีไหม”ทีคคอยเสนอเพื่อให้เขากับเธอมีเวลาร่วมกัน

นีรนามีท่าทีนึกใคร่ครวญก่อนจะตอบตกลง

ภายในสวนสาธารณะกว้างใหญ่ ทีคมีโอกาสอยู่กับเธอเพียงลำพังอย่างเต็มที่ เขาแนะนำสถานที่ต่างๆระหว่างจูงมือเธอเดินว่อนไปทั่วทุกบริเวณ ตั้งแต่แดดเปรี้ยงๆจนกระทั่งเวลาเย็นค่ำลมพัดผ่านให้หนาวเนื้อ

ทีคถอดเสื้อคลุมตัวเองห่มให้แก่แฟนของเขา ลูบศีรษะมองเธออย่างเอ็นดูขณะนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ภายในมือถือถุงวัฟเฟิลร้อนๆมอบให้นีรนา

“เคยซื้อที่สถานีรถไฟ ราคาถูกและอร่อยมาก”นีรนาบอกพร้อมรอยยิ้ม

“รถไฟหรือครับ?”ทีคถาม เขาไม่เคยนั่งรถไฟหรอก ชีวิตนี้นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้วก็คงจะมีเพียงเครื่องบินเท่านั้นที่จะพาเขาออกนอกเขตจังหวัดบ้านเกิดตัวเองได้

“ในสถานีน่ะค่ะ บนรถไฟอาหารราคาค่อนข้างแพง”

แพงของเธอมันคือราคาอาหารปกติของเขาแต่ทีคก็พยายามนึกว่ามันแพง เขาต้องแสร้งตีสีหน้าบูดบึ้งตามเธอด้วยจึงจะเข้าถึงอารมณ์ได้ดี

ทีคเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆแล้วจึงพาดมือบนไหล่ของเธอ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหนาวกว่าเธอเสียอีก ชายหนุ่มพิงศีรษะได้กลิ่นหอมๆของเส้นผมซึ่งบางทีอาจจะมาจากวัฟเฟิลผสมกันเขาไม่มีทางรู้หรอก เขาเพียงแค่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันทีนั้น “หนาวๆ กอดหน่อย”พูดพร้อมกับใช้มือกวาดไปโอบตัวหญิงสาวเอาไว้

นีรนาหัวเราะเบาๆ “รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าคะ”

“ดีขึ้นมากเลยล่ะครับ”ทีคบอกระหว่างที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นถี่ๆแต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ

ไม่ว่าเพื่อนผู้เป็นก้างขวางคอหมายเลขที่เท่าไหร่จะโทรศัพท์มาด้วยกิจธุระร้อยแปดพันเก้า เขาก็ไม่มีทางรับสายระหว่างที่ความรักของเขากำลังก่อรูปร่างแบบนี้อย่างแน่นอน





ความสัมพันธ์ของทั้งสองชัดเจนขึ้นและที่สำคัญคือนีรนารู้ตัวว่าเธอไม่ได้รังเกียจทีค เขาทำให้เธอสบายใจได้ทุกครั้ง และแม้ว่าเสียงเตือนของบรรดาพี่สาวจะบอกกล่าวเช่นไร เธอก็คงทำได้เพียงแค่ตกปากรับคำโดยไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าเธอจะคบหาเขาด้วยความระแวง ด้วยการลวงหลอกและสลัดเข้าทิ้ง ในเมื่อทีคแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าเขาจริงใจกับเธอเช่นนี้

“ใกล้จะสอบปลายภาคเรียนแล้ว วันอาทิตย์นี้ผมตั้งใจจะไปอ่านหนังสือและนอนค้างบ้านไอ้โต้กับเพื่อนอีกสองสามคน”ทีคบอกขณะที่เขานำอาหารเย็นมาให้แก่เธอที่ห้องพัก “ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”

นีรนาพยักหน้าก่อนจะรับกล่องอาหารจากภัตตาคาร กลิ่นหอมๆโชยออกมา

ทีคลูบศีรษะของเธอเบาๆพร้อมกล่าวลา



นีรนาเองก็ต้องเตรียมตัวสอบ เธอหมกตัวอยู่ในห้องแคบๆของหอเพื่อทนอ่านหนังสือทั้งวันนับอาทิตย์จนหมดแรง ระหว่างนี้พี่สาวหรือแม่จะเป็นผู้โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความห่วงใยอยู่เสมอ

ข้อความจากทีคเองก็ส่งมาไม่ขาดระยะพร้อมน้ำเสียงใสๆติดต่อกับเธอในทุกๆค่ำ ความสนิทสนมทำให้นีรนารู้สึกเป็นห่วงเขาลึกๆโดยที่เธอไม่รู้ตัว

หญิงสาวเดินทางไปหาพี่สาวบ้างในช่วงหลังจากการสอบวันแรกของเธอผ่านพ้นไป ที่นั่นเธอได้พบกับบรรดาพี่ๆแก๊งเดิม ... บรรดาสาวปณิธานสูง พวกเธอยินดีกับการมาเยือนของนีรนาซึ่งเธอก็ไม่เคยลืมนำของฝากเล็กๆน้อยๆติดไม้ติดมือมาให้เลยเพียงสักครั้ง สิ่งที่ทำให้เธอน้อยใจบ่อยๆก็คือการหายตัวไปของนราวรรณเพราะติดธุระอยู่กับลูกค้านับเป็นอาทิตย์ นานๆครั้งเธอจึงจะได้เจอผู้เป็นพี่

“พี่สบายดีค่ะแม่”นีรนาบอก “หนูไม่ค่อยได้เจอหรอกแต่ก็ติดต่อบ้าง”

แม่ของนีรนาฟังแล้วโล่งใจ

ถึงแม้ว่างานของแม่ของนีรนาจะได้เงินไม่คุ้มค่าแรงระหว่างทำงานแล้วยังต้องดูแลสามีซึ่งป่วยด้วย เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาตนเองเมื่อได้ยินเสียงของลูกสาวผู้เป็นความหวังให้แก่เธอเสมอมา

“ลูกจะแวะกลับมาที่บ้านไหม?”

“ไม่แน่ใจค่ะ”นีรนาต้องกัดฟันตอบ “หนูอาจจะสอบเสร็จภายในอาทิตย์นี้แต่หนูต้องอยู่ช่วยงานอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางทีอีกหกเดือนข้างหน้าหนูจะวางแผนกลับบ้านในช่วงสงกรานต์”

“แม่รอลูกเสมอนะ ดูแลตัวเองด้วย”

“พ่อเป็นอย่างไรบ้างคะแม่?”

“พ่อแกก็อาการดีขึ้นมากแล้วล่ะ ตอนนี้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์นั่งดูโทรทัศน์ หัวเราะสบายใจเชียว”นีรนานึกภาพพ่อนั่งบนรถเข็น เธอต้องฉีกยิ้มกว้างเมื่อทราบว่าพ่อแข็งแรงกว่าเก่า

“ฝากบอกพ่อด้วยว่าหนูกับพี่คิดถึงมากๆนะคะ”เธอกล่าวแก่แม่เช่นนั้นแล้วจึงวางสายไป บรรดาพี่สาวต่างมารดาต้องหันมามองก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“พี่อยากจะแวะไปหาลุงกับป้าบ้างหากพี่กลับบ้านนะ”พี่เกดกับพี่ฝนบอกเช่นนั้น “อยู่กันแค่สองคนคงลำบากน่าดู”

นีรนาต้องพยักหน้ารับ เธอขอบคุณในความหวังดีของพวกสาวๆแก๊งปณิธานสูงก่อนจะรีบขอตัวลาเพื่อเดินทางกลับหอพักไปอ่านหนังสือเมื่อพบว่านราวรรณคงไม่แวะมาที่คิส คิส คาราโอเกะอีกสักพักใหญ่ หญิงสาวไม่ลืมที่จะเหลือบสายตามองฝั่งตรงข้ามถนนทุกครั้งที่มีโอกาสขณะยืนอยู่หน้าร้านแห่งนี้ บางครั้งเธอก็อยากจะเห็นร่างของคนสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์ร้านบาร์ แต่บางครั้งเธอก็ไม่อยากเจอเขาเมื่อนึกได้ว่าเขาดูถูกเธอมากแค่ไหน

“ไม่เตรียมตัวสอบกับเขาหรือครับ นีร”

เสียงนั้นทำให้เธอต้องสะดุ้งทุกทีแล้วครั้งนี้ก็สร้างความประหลาดใจยิ่งเมื่อพบว่าปรุฬห์ยืนพิงกำแพงรอเธออยู่ข้างหน้าร้าน คิส คิส คาราโอเกะ

นีรนาหันไปสบตามองด้วยความตกตะลึง

“รู้หรือเปล่าว่าทีคอยู่บ้านบอล?”

“ระ ... เอ่อ รู้ค่ะ”ทำไมเธอต้องกระสับกระส่ายเมื่อเห็นเขา? ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เธอแค่ไม่อยากคุยกับเขาขณะยืนอยู่ในย่านที่เขาเรียกว่าซ่อง

ปรุฬห์ยืนกอดอก คิ้วเข้มๆแทบจะชนกัน ลักษณะสีหน้าหงุดหงิดเหมือนคราวที่เธอเห็นบริเวณหน้าห้องน้ำในโรงภาพยนตร์ “ผมจะไปส่ง ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว” น้ำเสียงซึ่งไม่ได้แสดงไมตรีต่อบุคคลเบื้องหน้าชัดเจนมากจนนีรนาอยากเอ่ยปฏิเสธแต่เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ “หรือว่าคุณมีธุระ?”

นีรนาต้องส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ” ธุระของเขาคงจะหมายถึงกิจที่พี่สาวของเธอปฏิบัติต่อแขก ... ทำไมปรุฬห์จึงมองเธออย่างนั้น? อ้อ แน่ล่ะ ... เธอเดินทางมาที่นี่บ่อยครั้งและคงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะคิดเช่นนั้น “พี่รุฬห์คะ นีรไม่ได้มาทำงานที่นี่”

ปรุฬห์ไม่ได้เอ่ยต่อ เขาถอยรถช้าๆมองผ่านกระจกหลัง

“นีรแวะมาหาคนรู้จัก”

“ครับ”เขาตอบขณะที่สายตามองเส้นทางถนน

เขาก็ฟังดูเหมือนจะเข้าใจว่าเธอพูดจริง แต่เชื่อได้เลยว่าเขาไม่ได้เชื่อเธอเลยสักนิด ...

เพื่อนมาพักอาศัยที่นี่น่ะหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้นนีรนาต้องโกหก ...และถ้าหากเพื่อนมาทำงานที่นี่น่ะหรือ? นีรนาก็ไม่มีเหตุที่จะต้องนัดเจอกันที่นี่ทุกครั้ง อันที่จริงแล้วนอกจากกลุ่มผู้ชายที่รู้จักกันดีก็ไม่มีหญิงสาวใสซื่อสักคนเดียวที่จะเดินแทรกผ่านบรรดาหญิงขายบริการเข้ามาในเขตชุมชมนี้หรอก ... ไม่มีทาง

“แล้วพี่รุฬห์ล่ะคะ แวะไปแถวถนนคิส คิส คาราโอเกะทำไม”นีรนารู้ว่าเธอกำลังเสียมารยาทแต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยให้ปรุฬห์ถามจี้จุดเธอฝ่ายเดียวได้หรอก

ปรุฬห์เหลือบหางตามองเธอแว่บเดียว เลื่อนมือเปิดวิทยุแล้วจึงชะลอให้รถหยุดเมื่อถึงสี่แยกไฟแดง

ไม่ตอบ ...

ทีเรื่องของคนอื่นถามเอาๆ เรื่องของตัวเองทำเป็นไม่พูด กลัวคนอื่นเขารู้หรืออย่างไรว่าความจริงแล้วตัวเองเป็นคนเสเพลน่ะ

นีรนาเริ่มหงุดหงิดใจบ้างแล้ว “แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แถวนั้นก็มีแต่ผู้ชายไปใช้บริการนี่นา ... ขอโทษนะคะที่นีรถามน่าเกลียด”อันที่จริงเธอจงใจยั่วโมโหเขาต่างหาก

“รู้ดีจังเลยนะครับ เพิ่งจะมาอยู่ในเมืองนี้ได้ไม่นาน”ปรุฬห์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหึๆในลำคอ

นีรนาต้องหันไปเบิกตามองอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกำลังกล่าวตำหนิเธอโดยอ้อม “ก็เพราะว่านีรแวะไปหาเพื่อนแถวนั้นบ่อยๆ ก็เลยพอจะรู้ว่าผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจกันไม่ค่อยได้น่ะค่ะ ต้องเลือกให้รอบคอบมากๆ”

“อย่าเหมารวมทุกคนสิครับนีร”ปรุฬห์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหยียบคันเร่งเบาๆมองเส้นทางถนนอย่างระมัดระวัง “แล้วตอนนี้ทีคคืออะไรหรือครับนีร? อย่าบอกนะว่าคุณแค่คบหาดูใจเล่นๆกับเขาเพราะคุณเห็นเขามีเงินในกระเป๋าเยอะกว่าพวกผู้ชายที่ไปใช้บริการแถวซ่อง”

“อะไรนะคะ!”นีรนาต้องร้องอุทาน

“คงเนื่องมาจากทัศนะคติของคุณที่คิดแบบนี้ จึงทำให้คุณไม่คิดจะจริงจังกับใครสักคน”

“พี่รุฬห์กำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”นีรนาไม่พอใจ “ทีคไม่ได้เกี่ยวกับการที่นีรเดินทางไปที่ไหนก็ได้ภายในเมืองนี้เพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของนีร”

ปรุฬห์พยักเพยิดหน้า เขารู้ว่าเธอกำลังอารมณ์เสียกับคำตำหนิ ชายหนุ่มจึงค่อยๆเคลื่อนรถจอดบริเวณทางเดินเท้าหันไปมองสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็นที่สุด“ถ้าหากพี่เข้าใจผิดคิดว่านีรขายตัวก็ช่วยหาข้ออ้างบอกพี่ได้ไหมว่านีรไปทำอะไรที่นั่นน่ะครับ”ปรุฬห์หันมาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว จับจ้องมองนัยน์ตาหญิงสาวนิ่ง “ทีคเป็นน้องชายของผมคนหนึ่ง ... ผมเห็นแฟนของเขาเป็นแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงครับ คุณนีร"

สายตาไม่ไว้วางใจทำให้เธอรู้สึกครั่นคร้าม ... เธอยอมที่จะบอกว่าพี่สาวตัวเองขายบริการถ้าหากว่าเธอรู้จักบุคคลเบื้องหน้าดีพอและเขาไม่ใช่คนปากร้ายแบบนี้ “นีรไม่ได้ขายตัว”

“แล้วนีรไปทำอะไรที่นั่น”

“แล้วพี่รุฬห์ไปทำอะไรที่นั่น!”เธอย้อนถาม ข่มน้ำเสียงโกรธเอาไว้

“พี่มีเหตุผลของพี่ ทีคมันก็รู้”

“แต่นีรไม่รู้”

“ทำไมนีรถึงต้องรู้”คิ้วของเขายับย่นเข้าด้วยกัน

“ถ้าอย่างนั้นนีรขอถามหน่อย ... พี่รุฬห์ไม่ใช่ญาติของทีค แล้วทำไมพี่รุฬห์ต้องรู้เรื่องของนีร”

“นีรเลิกส่งเสียงแหลมใส่หูผมได้ไหม ... ถ้าหากไม่ใช่คนรู้จักกันผมคงไล่ตะเพิดลงไปจากรถทิ้งคุณไว้แถวๆนี้ตอนกลางค่ำกลางคืนให้หาทางกลับหอเองแล้วด้วยซ้ำ”ปรุฬห์กล่าวอย่างหนักแน่นจับจ้องมองนีรนาเขม็ง

ปรุฬห์ก็ดูมีรูปร่างหน้าตาดี มีหน้าที่การงานที่ดีรองรับเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว อีกทั้งฐานะทางบ้านก็เรียกได้ว่าร่ำรวย แต่พ่อแม่ไม่เคยอบรมสั่งสอนเรื่องคำพูดคำจากล่าวหาคนอื่นหรืออย่างไรกันน่ะ?

“ต้องรอให้ผมเป็นญาติของเขาก่อน แล้วผมจึงต้องรู้ใช่ไหมว่าแฟนของเขาขายตัวน่ะ” ปรุฬฟ์รับไม่ได้หรอก ไอ้ทีคมันมีหน้ามีตาในสังคม ขืนแฟนมันทำอาชีพแบบนี้แล้วสังคงกว้างรับรู้เข้า ไอ้ทีคมันจะไปแทรกแผ่นดินหนีอยู่หลุมไหนได้

“พี่รุฬห์! นีรไม่ได้ขายตัว!”

“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าคราวหลังก็อย่าไปที่นั่นอีกสิ นีรมีเหตุผลอะไรต้องไปสถานที่แบบนั้น”

“มันเป็นเหตุผลของนีร โอ๊ย”เธออยากจะบ้า “นีรพูดไปก็ป่วยการ”

“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ”ปรุฬห์ส่งเสียงในคออีก เขาเลื่อนพวงมาลัยขับรถต่อ “โกหกได้ร้อยแปด”

“นีรไม่ได้โกหก”หญิงสาวกล่าวเถียงไม่หันไปมองอีกฝ่าย

“ครับ”

หญิงสาวต้องชำเลืองดูเขาอย่างไม่พอใจ

“นีรไม่ได้โกหก”เธอบอกซ้ำอีกครั้ง

“ครับ”ปรุฬห์ตอบรับหน้าตาเฉย ... น้ำเสียงแบบนี้บอกให้รู้ว่าเขาละประโยคข้างหน้า ‘ผมไม่เชื่อหรอก’ ...เอาไว้ในใจ

ทันทีที่รถสปอร์ตคันงามจอดหน้าหอพัก นีรนาก็รีบออกจากรถด้วยความหงุดหงิดใจเป็นที่สุด

“อย่าลืมอ่านหนังสือนะครับนีร”หญิงสาวไม่คิดหรอกว่ามันเป็นคำพูดหวังดีจากปรุฬห์อีกแล้ว “ผมคิดว่าตอนนี้ไอ้ทีคมันก็กำลังอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน”ว่าจบก็ยิ้มกริ่มก่อนจะรีบขับรถออกไปจากซอย

นีรนามองรถยนต์คันสีเหลืองพาดลายดำขับเคลื่อนเลี้ยวไปบนท้องถนนอย่างไม่พึงพอใจเลยเพียงสักนิดเดียว

จากคุณ : davidmccartney
เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 22:39:06 A:202.12.74.2 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com