Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปลายหมอกและดอกหญ้า ตอนที่ 2 , 3 , 4 (นิยายรักอารมณ์ดี)) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 2

      อิงแก้วนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโต๊ะอาหารยามเช้าโดยมีบูรณายิ้มพอประมาณเมื่อได้ฟังเรื่องราววีกรรมของพี่ชายที่แผลงฤทธิ์ซะจนเพื่อนสาวประสาทเสียอยู่ไม่น้อยจนต้องมีเรื่องให้ต่อปากต่อคำกันชุดใหญ่ทั้งที่ยังไม่ได้เจอหน้ากัน ถ้าหากได้พบกันจริงๆ คงไม่จบลงง่ายๆ เพราะขิงก็ราข่าก็แรงไม่ยอมลดละให้กัน ข้าวต้มหมูเช้าแสนจืดชืดสนิทเกินจะรับประทาน บูรณาวางช้อนลงในชามที่ยังพูนดังเดิมหันมาหยอกเย้าอิงแก้วอารมณ์ดีและใจเย็นมองโลกในแง่ดีคิดเสียว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นขันมากกว่าเรื่องจริงจังที่คนเมาคนหนึ่งก่อขึ้นเท่านั้น

“อย่าคิดมากเลยนะอิงพี่ภูเขาเมาเขาไม่รู้ตัวหรอก อีกอย่างวันนี้พี่ภูก็จะกลับมาเขาอาจจะมาขอโทษแกก็ได้”บูรณาบอก อิงแก้วกระอักกระอ่วนเมื่อได้ฟังเหลียวมองเพื่อนสาวด้วยแววตาขุ่นมัว

“ขอโทษงั้นหรือ ฉันไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะยอมให้ใครหรอกนะดูจากพฤติกรรมเมื่อคืนก็พอรู้ว่านิสัยแย่แค่ไหน”อิงแก้วยังคงฟาดงวงฟาดงา บูรณวางหน้าไม่ถูกในเมื่อพี่ชายก็ผิดเต็มประตูที่โทรมาไม่รู้จักกาลเทศะ อีกทั้งคนที่รับโทรศัพท์ก็เป็นอิงแก้วเสียนี่

“ฉันจำคำพูดของเขาได้แม่นเลยกับคำดูถูกสารพัด โทรมาบอกเลิกกะกิ๊กขำๆ น่ะน้อง นี่ฉันไม่อยากจะคิดเลยนะว่าทายาทไร่ชาญทิพย์จะเป็นผู้ชายที่แย่ขนาดนี้”อิงแก้วทุบมือลงโต๊ะจนกับข้าวในจานชามสะเทือน บูรณาเบิกตากว้างกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“บางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้มั้งอิง”

“ถ้าฉันเป็นผู้หญิงพวกนั้น ฉันคงจะจับพี่ชายเธอมาเฉือนเป็นชิ้นๆ แล้วเอาให้จระเข้กิน”อิงแก้วสวมวิญญาณผู้พิทักษ์สิทธิสตรียกช้อนขึ้นชี้ในอากาศประกอบการพูด
บูรณายิ้มแหยๆ ดูท่าอิงแก้วจะเครียดแค้นเป็นจริงเป็นจังแทนสาวๆ ของภูธนา

“อย่าไปถือคนเมาเลยน่าอิงแก้ว”

“ฉันเกลียดผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น ไม่เคยนึกถึงจิตใจคนอื่น”อิงแก้วค้อนเข้าให้วงใหญ่ ดับอารมณ์ด้วยหนังสือนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะเปิดออกมาอ่านข่าวสารวันใหม่เพื่อหันเหความสนใจไปทางอื่นมากกว่าจะหมกมุ่นกับผู้ชายที่ชื่อภูธนา รูปสาวไฮโซหนูรินที่เป็นรู้ดีในหน้าสังคมหลาเต็มหน้าปกในคอลัมน์รับดูใจหนุ่มนอกวงการเจ้าของทายาทไร่ชาญทิพย์

“เอ๊ะ! ไร่ชาญทิพย์! ”อิงแก้วเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน บูรชะเง้อมองตาม

“อะไรเหรอ”

“ก็นี่ไง หนูรินไฮโซลูกสาวท่านประธานบริษัทใหญ่กาแฟยี่ห้อชื่อดังเปิดตัวแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจมาเป็นเวลาสี่เดือน ว่ามีดีกรีเป็นถึงทายาทเจ้าของไร่กาแฟชาญทิพย์แห่งเมืองเหนือ”

“พี่ภูเหรอ”บูรณาร้องเสียงแหลมปรี๊ด

“ก็ใช่น่ะสิ โชคร้ายชะมัดที่ได้เป็นแฟนกับหมอนี่ ไม่รู้”อิงแก้วร้องขึ้นนึกเสียดายผู้หญิงหน้าตาดีและเพียบพร้อมไปทุกอย่างที่ต้องเจอชะตากรรมผู้ชายที่ร้ายกาจอย่างภูธนา

“พี่ภูแอบซุ่มจริงเชียว”บูรณาบ่นอุบแผนจับคู่ของหล่อนล่มทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่ม
“ถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองเป็นเป็นคนแบบไหนจะรู้เลยว่าคิดผิดที่คิดมาคบกับตานี่”อิงแก้ววางนิตยสารลงขณะที่บูรคว้ามาดูเสียเอง

“มีแฟนแล้ว อย่างนี้ที่จะทาบทามให้แกมาเป็นพี่สะใภ้ฉันก็แห้วสิ”

“มันแห้วตั้งแต่ฉันรู้ว่าคนที่แกยัดเยียดเป็นนายภูธนาพี่ชายแกแล้ว ยิ่งฉันได้รู้พฤติกรรมแย่ๆ ฉันยิ่งไม่อยากพบเจอ”อิงแก้วสบัดหน้าหนี บูรณาถอนใจวางหนังสือลง
“นี่เย็นนี้พี่ภูมาถึง แกมาร่วมทานข้าวด้วยกันนะอิงบางทีพี่ภูคงจะอยากอธิบายและอยากขอโทษที่ทำไว้กับแก”บูรณาหันมาเว้าวอนด้วยแววตาน่าออดอ้อนราวกับลูกแมวตัวน้อย  

“ไม่ ฉันไม่อยากเจอพี่ของแก ฉันเกลียดเขา”เจ้าหล่อนตัดบทเสียหน้าตาย บูรณาทำหน้าเง้า

“ยัยอิง”

“เย็นนี้ฉันมีนัดกะไอ้กรน่ะ มันบอกให้เอาหนังสือที่ยืมไปคืนมันด่วนไม่อย่างนั้นชีวิตฉันจะหาไม่”หล่อนยกมือขึ้นปาดคอนิ่ม บูรณาผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยื้อเพื่อนให้เป็นที่น่ารำคาญ

“นายกรที่เป็นเพื่อนซี้กับแกตอนเรียนที่คณะใช่ป่ะ”

“ใช่แล้ว พอดีมันเปิดร้านหนังสืออยู่ในหมู่บ้านน่ะ ฉันชอบไปยืมหนังสือมันบ่อยๆ”

“ว้า อีตานี่คอยขัดอารมณ์ชะมัด แกเลยไม่ได้มาทานข้าวเย็นด้วยกันเลย”บูรณา
แก้มป่องทำงอนเล็กน้อย อิงแก้วส่ายหน้าเนือยๆ

“แล้วก็เลิกคิดจะจับคู่ฉันให้กับนายพี่ภูนี่เสียทีมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะบูร คนเรามันไม่ได้เกิดมาคู่กันทำยังไงก็ไม่ได้คู่กันอยู่ดี”เจ้าหล่อนบอกเสียงกร้าว งานนี้คงจะต้องสะดุดเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใจให้กันทางด้านพี่ชายก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วเสียนี่




อิงแก้วก้าวเข้ามาในร้านเช่าหนังสือเล็กๆ ในตึกแถวหนึ่งคูหา ภายในตกแต่งได้อย่างเรียบง่ายด้วยชั้นวางหนังสือไม้สักขัดเงา บนเพดานติดพัดลมหมุนโบราณสีน้ำตาลเข้มวาววับ ตัวห้องโถงตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นสปาหอมชวนให้ผ่อนคลายอารมณ์ หนังสือทั้งเก่าใหม่ถูกจัดเรียงรายบนชั้นหนังสือไม้สูงขัดเงาสีน้ำตาลเข้มจากชั้นหนึ่งถึงชั้นสองเป็นแนวเดียวกัน ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นร้านของนายกรวิท ทศวัตรเพื่อนสนิทของอิงแก้วเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่คอยให้ความช่วยเหลืออิงแก้วอยู่เสมอไม่ว่าเหตุฉุกเฉินประการใดก็สามารถเรียกกรวิทได้เสมอยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ จะเรียกได้ว่ากรวิทและอิงแก้วเป็นเพื่อนตายที่สนิทที่สุดในกลุ่มเพื่อนที่มีอยู่ของอิงแก้วไม่แพ้บูรณา

“มาแล้วเหรอไอ้อิง”ชายหนุ่มหน้าตี๋โผล่หน้าออกจากชั้นหนังสือ เขาตัวสูงกว่าหล่อนมาก หน้าตาเรียบร้อยแต่ผิดกลับนิสัยที่ขี้เล่นและชอบแกล้งอิงแก้วหยอกเอินเป็นนิจ รูปร่างสูงขาวสันทัดผิวขาวราวหยวกกล้วยสวมแว่นขอบบางราวกับนักวิชาการเรียกได้ว่าผู้ชายสไตล์นี้คือสเปคสาวอีกหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่น่าแปลกที่เขายังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาเสียทีคงเพราะปากเสียชอบพูดกัดขัดอารมณ์คนอื่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงพากันเผ่นหนีกระเจิงเลยติดแหงกอยู่ชมรมคานทองกับอิงแก้วทั้งที่ปีนี้ก็ย่างยี่สิบสี่แล้วทั้งคู่แต่ก็ยังไม่สละตำแหน่งคานที่ยึดกันไว้อย่างเหนียวแน่น อิงแก้วเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนหนุ่มทันทีเมื่อพบหน้าโดยมีสายตาของกรวิทมองตาม

“เราคิดว่าเธอจะงุบงิบหนังสือร้านเราแล้วนะ ไม่ใช่น้อยๆ นะหนังสือที่ยืมน่ะ รวมกันนี่หลายพันเลยนะ”เขาเปิดฉากปราสัยโดยมิรอช้า อิงแก้วจิกตามองเพื่อนนิดๆ เป็นปกติที่หล่อนยืมหนังสือได้เยอะกว่าคนอื่นเพราะเป็นลูกค้าประจำร้านที่ไว้ใจได้

“ฉันมีตังหรอกน่ะไม่ถึงต้องขโมยหรอก แกนี่กัดฉันแต่เช้าเลยนะ”หล่อนค้อนหางตาเข้าให้ กรวิทกวักมือเรียกเอาหนังสือที่อยู่ในอ้อมกอดของเจ้าหล่อนนับหลายเล่ม

“เอาคืนมาได้แล้ว”เขากวักมือเหยงๆ อิงแก้ววางหนังสือลงหน้าเค้าน์เตอร์ดังตุ๊บ! หนุ่มตี๋กระวีกระวาดรับมากอดรัดราวกับพลัดพรากจากกันมาหลายปี
“โธ่ ถูกเอาไปดองนานแสนนานที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่ายังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่าที่ต้องไปอยู่ในมือของผู้หญิงแสนร้ายกาจคนนั้น”

“อย่าเวอร์ไอ้กร”อิงแก้วแยกเขี้ยวใส่ ชายหนุ่มหยุดหัวเราะ “แหม ก็แกล้งหยอกเล่นไปงั้นแหละ ซีเรียสไปได้”

“ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี”อิงแก้วยกมือขึ้นกอดอก ใจลอยออกไปนอกหน้าต่างด้านหลังกรวิทพลอยนึกไปถึงบุคคลที่ทำให้หล่อนเกรี้ยวกราดเป็นนานสองนานได้ขนาดนี้ กรวิททำหน้าเหวอนิดๆ

“ทำไมอีกล่ะ ไปมีเรื่องกับใครเข้า”กรวิทยังคงเป็นเพื่อนที่รู้ใจอยู่เสมอเมื่อสังเกตลักษณะท่าทางและเรื่องราวผ่านสีหน้าแววตาของเพื่อนสาว อิงแก้วพ่นลมออกปาก

“ก็ฉันโมโห ฉันเกลียด เกลียดผู้ชายที่พูดดูถูกผู้หญิงที่สุด”

“อย่าบอกนะว่ามีผู้ชายเข้ามาชีกอกับเธอ ถ้าเป็นจริงถือว่าเป็นเรื่องดีเลยนะที่อิงแก้วกำลังจะลงจากคานได้ซักที”กรวิทหลุดขำ อิงแก้วเหลือบตามองจิกจนเพื่อน
สนิทแทบจะเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแทบไม่ทัน

“แหม อย่าคิดมากไปน่าพวกนั้นมันเป็นพวกว่างจัด วันๆ มันไม่ทำอะไจะไปใส่ใจอะไรกับมันทำไม เราว่านะเธอโกรธเกลียดมันไปแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์มันก็ไม่รู้หรอกว่าเราน่ะคับแค้นใจส่วนคนที่ทุกข์ใจก็มีแต่เรา หน้าเราแก่ขึ้นแก่ขึ้นเหี่ยวด้วยนะ แล้วเขามาสำนึกใจอะไรกับเราด้วย พอเขาไม่คิดเขาก็จะหนุ่มขึ้นหนุ่มขึ้น ไม่เหี่ยวเหมือนที่เธอกำลังจะเป็น”กรวิทช่างเปรียบเปรย อิงแก้วคิดตามคำบอกเล่าของเพื่อนหนุ่มจนเห็นภาพความเหี่ยวเฉาของใบหน้า พยายามลืมเรื่องราวทั้งหมดก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนาเสียดื้อๆ

“ฉันจะพยายามที่จะไม่ทำให้หน้าฉันเหี่ยว เพราะแค่นี้ก็ปวดหัวจะบ้าตายอยู่แล้ว งานก็ไม่มีทำและยังต้องมาเจอผู้ชายห่วยๆ แบบนี้อีก”

“ที่ไม่มีทำเพราะเธอลาออกเองไม่ใช่เหรอไง”กรวิทสวนกลับเพราะรู้นิสัยของเพื่อนดีและสาเหตุที่หล่อนต้องออกงานมาก็ล้วนแล้วแต่ความขี้เบื่อและมีโลกส่วนตัวสูงของอิงแก้วนั่นเอง

“มันเครียดนี่ วันๆ ให้อยู่กับเอกสารจนจะกองท่วมหัว กลับมาบ้านก็ต้องเอางานกลับมาทำอีก มันไม่ใช่ตัวฉันเลยซักนิด ความอิสระที่โหยหามันเรียกร้องให้ฉันต้องทำ”หล่อนแก้ตัวไปได้น้ำขุ่นๆ กรวิทส่ายหน้าจนปัญญาจะเถียงต่อ

“เมื่อกี้ตอนเข้ามาในร้านเห็นเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น Close ทำไมรีบปิดล่ะ”หล่อนยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ประตูด้านหน้า กรวิทเอียงตัวดูไปป้ายหน้าร้านแวบก่อนหันมาตอบ

“อ๋อ เดี๋ยวเราต้องรีบไปว่ะ พอดีต้องไปรับพี่ชายที่สนามบิน”

“พี่กิตติเหรอ”อิงแก้วรู้จักผู้ชายคนที่กรวิทบอกได้ดี เขาคือพี่ชายแท้ๆ ของกรวิทที่ได้ทุนไปเรียนเมืองนอกทางด้านวรรณกรรมและภาษา ซึ่งหล่อนก็แอบปลื้มเขาอยู่ไม่น้อยเพราะกิตติเป็นผู้ชายที่สุภาพและเป็นกันเองแสนอบอุ่นถึงแม้จะเคยพบกันอยู่ไม่กี่ครั้งแต่เจ้าหล่อนก็แสนปลาบปลื้มอยู่ในใจลึกๆ จะเรียกได้ว่าหล่อนเป็นแฟนคลับเขาเลยก็ว่าได้นอกจากนิสัยที่น่ารักแล้วหน้าตาบุคลลิกก็ดูดีมีการศึกษา อาจมีส่วนที่คล้ายกรวิทอยู่บ้างแต่ต่างกันตรงที่เขาดูใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

“ใช่ พี่กิตติสุดหล่อกลับมาวันนี้”กรวิทยักคิ้วกวนๆ อิงแก้วแอบซ่อนความตื่นเต้นไว้ในแววตา

“เรียนจบแล้วสินะ เร็วจัง”

“พี่เราเก่งน่า ไม่ต้องห่วงเธอได้เจอเขาแน่ แต่เราคงต้องรีบไปแล้วล่ะเดี๋ยวจะไปไม่ทัน ส่วนเธอยัยอิงอย่าไปคิดมากเรื่องไอ้โรคจิตพวกนั้นล่ะเดี๋ยวจะประสาทกินไปก่อน เราไม่อยากมีเพื่อนเป็นคนบ้า”เขายังไม่เลิกหยอกทิ้งท้าย อิงแก้วทำหน้าย่นอ้าปากค้างแต่ก็ไม่ทันกรวิทที่หลุดหัวเราะออกมาก่อน เจ้าหล่อนเอียงหน้าคิดๆ ภายในวันเดียวกันนี้คนที่หล่อนชอบกับคนที่หล่อนเกลียดต่างก็กลับมาบ้านเกิดกันทั้งคู่เพียงแต่ความรู้สึกยินดีปลาบปลื้มนั้นต่างกันเสียจริง
เอ่อแฮะ เข้าใจกลับกันนะ กลับมาวันเดี๋ยวกับอีตาขี้เหล้าทายาทใหญ่แห่งไร่ชาญทิพย์ แต่ถ้าจะเชื่ออย่างพี่กิตติคงจะสุภาพกว่านายภูธนาเป็นแน่

แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 23:18:06

 
 

จากคุณ : คุณหนูแจ่มใส
เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 23:03:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com