Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาศ ณ ยามสาง - 22 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 22

ไม่ว่าจะเลือกอย่างแรกหรืออย่างหลัง ผลที่ได้รับก็คือ 'การจากไปอย่างตลอดกาล' อยู่ดี สรัลตัดสินใจแล้ว หล่อนขอเลือกอย่างหลังก็แล้วกัน

ในเมื่อไม่อาจครอบครองสามีสุดที่รักได้อีกต่อไป เนื้อคู่แท้อย่างวัสอร ก็ต้องไม่มีสิทธิ์ หล่อนเคยประกาศแล้วนี่ว่า จะไม่ยอมให้หญิงหน้าไหนมาทาบรอยรักของหล่อนบนตัวเขาได้อีก

และการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ก็ทำเอาสามีเข่าอ่อน น้ำตาร่วงพรูอย่างหวาดกลัว มั่นใจว่า ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอเหตุการณ์สยดสยองน่าพรั่นพรึงเช่นนี้มาก่อนเลย

มวลควันดำหนาพุ่งทะลักออกมาจากแผ่นหลังบาง มันบดบังท่อนแขนใหญ่ที่กกกอดจนดำมืดไปชั่วขณะ ปุราณตกตะลึงและคาดไม่ถึง เขาอึดอัดเหมือนโดนทับหรือถูกเหยียบหน้าอก จนทำให้ต้องรีบปลดปล่อยร่างอรชรเป็นอิสระ

วัสอรจึงตกเป็นเหยื่อปีศาจสิ้นหวังในทันที เธอถูกเกี่ยวขึ้นไปลอยเคว้งคว้าง แล้วค่อยหมุนติ้วให้เขาตะเบ็งเสียง ทั้งห้ามปรามและทั้งวิงวอนด้วยเสียงสะท้าน ด้วยอกผวา

ฟ้าระเบิดเสียงคำรามเปรี้ยงลั่น สายลมกระโชกหนักพัดพาสายฝนคลุ้มคลั่งมาสาดซัดอาณาเขตเรือนริมน้ำให้ยิ่งแลมัวแลพร่า พริ้มเพราสะดุ้งโหยงอยู่หน้าประตู หล่อนไม่สบายใจ จึงแอบย่องมาเงี่ยหูอยู่นานแล้ว

แม้จะทราบว่ามันเสี่ยง แต่ด้วยความเป็นห่วงทั้งเจ้านายหนุ่มและแม่บ้านวัยใส หล่อนจึงจำต้องตัดใจสลัดความหวาดกลัวทิ้งไป แล้วทันทีที่ได้ยินเสียงของปุราณระเบิดก้องแข่งกับเสียงฟ้าผ่า หล่อนก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง ผลักประตูพรวดเข้าไปเลย

โอ้ แล้วประตูก็คือทางผ่านอันโหดร้าย ร่างของวัสอรปลิวละลิ่วผ่านหน้าสาวใช้อาภัพออกไป

ปุราณผลุงตามลนลาน สะดุดกับพรมหน้าเตียง ล้มหัวคะมำ พริ้มเพราตาค้าง ตระหนกอกสั่น ทำอะไรไม่ถูก หันรีหันขวางว่า จะตามวัสอรออกไปดีไหม หรือว่าจะช่วยพยุงเขาก่อน

"ตามออกไป"

ปุราณตวาดสั่ง เขาพยุงตัวเองได้ เจ็บเข่ากับข้อเท้าเล็กน้อย มันอาจจะแพลง แต่ก็อย่าหวังว่า จะสกัดการไล่ตามไปขวางทางโหดของปีศาจร้ายได้

สระบัวคือเป้าหมายสุดท้าย วัสอรต้องตายที่นี่ ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล โอ้ อนิจจานัก ณ ยามสาง ที่เคยอบอวลงดงามไปด้วยพิศวาสอ่อนหวาน หากแต่ ณ เวลานี้ มันถูกแรงแค้นแรงชัง ผลักผันให้กลายเป็น 'ยามพิฆาต' ไปแล้ว

พริ้มเพรากรีดร้องเสียงหลง เมื่อร่างของวัสอรร่วงดิ่งตูมลงสระ แรงกระแทกทำให้น้ำเกิดเสียงซ่าหนักๆ กอบัวและพันธุ์ไม้น้ำระส่ำระสายแยกตัวร้อนรน

เสียง 'ตูม' หนสอง เกิดจากพริ้มเพราเอง เธอกระโจนลงไป หวังจะช่วยงมร่างเหยื่อผู้น่าสงสาร แล้วอีกหนึ่งตูมที่ตามมาติดๆ ก็เป็นของปุราณ

มวลควันดำหนาที่ปรุรั่วเป็นริ้วเป็นสาย ยามนี้ยังคลุกเคล้ากับน้ำตาเลือดสีดำ แลอัปลักษณ์น่าสยดสยอง มันโยกไหวบิดเบี้ยวรุนแรงตามกระแสเดือดดาล เสียงโหยหวนที่มันกู่กรีดยืดยาน คล้ายดั่งสะใจยิ่งต่อความหายนะของสามชีวิต

ยิ่งได้เห็นสามีผุดโผล่ร้อนรุ่ม กวาดแขนส่ายตากระสับกระส่าย ปีศาจก็ยิ่งคับแค้นผิดหวัง

เขาเห็นนังเนื้อคู่แท้ ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อเขาแม้แต่สักสิ่ง มีค่าน่าเลือกกว่าหล่อน ซึ่งเป็นภรรยาที่ทุ่มเทหมดหน้าตัก อยากจะเกลียดเขานัก แต่แรงรักแรงพิศวาส มันก็หนาหนักเกินกว่าจะผลักไส

แม่อ่อนพลิ้วกายนวลมาลอยเหนือสระบัวหายนะ สีหน้าของนางสงบเยือกเย็น และท่วงท่าก็พรักพร้อมต่อการสลัดโลกใบเดิม นางเพียงแค่หวังว่า การเตือนสติครั้งสุดท้ายด้วยเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด ยังพอผ่อนหนักให้เป็นเบา

"ปล่อยฝนขึ้นมาเถอะค่ะ อย่าทำร้ายชีวิตคนอื่นเลยคุณสรัล นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณแล้วนะคะ"

"จะไปแล้วไม่ใช่หรือ ไปสิ เดี๋ยวสรัลจะตามไปทีหลัง อีกไม่นานหรอก แค่รอให้หลานสาวตัวแสบของแม่นมหมดลมหายใจก่อนเท่านั้น"

"วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของฝนหรอกค่ะ" แม่อ่อนเฝ้าบอกด้วยเสียงนุ่มนวล

"ใช่ วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของฉัน แล้วฉันก็ไม่ใจดีมากพอที่จะยอมให้คุณรังแกฝ่ายเดียว คุณมันเป็นปีศาจน่ารังเกียจ เป็นคนตายที่ดื้อด้าน เป็นผู้หญิงไทยที่เฮงซวยที่สุด ทั้งที่รู้ว่าปลดบ่วงกามมันต้องปลดยังไง แต่ก็ไม่ยอมปลด"

และนี่ก็คือเสียงของวัสอร เธอคือ 'นางกลางสายฝน' และ ณ ยามสางของสรัล ก็คงต้องพบกับจุดจบอย่างสิ้นเชิงแน่แล้ว ด้วยว่าแรงฤทธิ์ของผู้หญิงกลางสายฝน มันเปี่ยมอานุภาพชะล้างได้ชะงัดนัก

แม่อ่อนทอดถอนใจอยู่เบื้องหลังม่านฝนหนาหนัก ยามเงยหน้ามองแสงดาวเดือนที่ยังส่อง แต่ถูกบดบังกั้นขวางด้วยเมฆดำทึบ นางก็ได้แต่ใจหาย ด้วยว่าแสงสว่างแห่งเวลาของนาง มันก็หดมืดลงทุกขณะจิตแล้วเช่นกัน

"เชอะ นึกว่าแน่ ใจเสาะกว่าที่คิดนะนี่ เป็นไงยะ ตายแล้วหรือ" สรัลถากถางเยาะเย้ย ตาไร้แววถลึงชิงชัง

"ยัง ดูโน่นสิ" วัสอรพยักพเยิดลงไปบนฝั่ง ปุราณกับพริ้มเพรากำลังพยายามช่วยชีวิต ด้วยการผายปอด "ฉันรู้ว่าฉันดวงตก และรู้ว่าเมื่อพ้นเดือนเกิดไปแล้ว ดวงของฉันมันจะพุ่งแรง แถมยังได้เจอเนื้อคู่อีกด้วย"

"เพ้อเจ้อ"

"ก็แล้วแต่คุณจะคิด แล้วฉันก็อยากบอกว่า ฉันไม่ได้ยินดีนักกับการเจอเนื้อคู่ เพราะคิดว่าตัวเองอายุยังน้อย ยังอยากมีอิสระและใช้ชีวิตโสดให้คุ้มก่อน ทำงานหาเงินเลี้ยงแม่ก่อน แต่เมื่อชะตาของฉันถูกฟ้าลิขิตไว้อย่างนี้ ฉันก็ไม่บ่ายเบี่ยงล่ะ ส่วนคุณน่ะนะ คุณไม่มีสิทธิ์จะมาทึกทักว่าตัวเองเป็นเจ้าของคุณปูอีกแล้ว คุณตายแล้ว จงไปอยู่ในที่ที่คุณควรอยู่เสียเถอะ"

"สารเลว"

"คุณต่างหากสารเลว คุณยายเตือนสติตั้งกี่ครั้ง ฉันก็พยายามขอร้องคุณตั้งกี่หน คุณปูก็วิงวอนออกน่าสงสาร เขาเป็นผู้ชายที่ฉันรู้สึกสงสารที่สุดเลย เขาไม่ผิดหรอกที่เฝ้ารักคุณ เฝ้าคิดถึงคุณ เพราะคุณคือภรรยาที่เขารักหมดใจ แต่รู้ไหม เขาไม่เคยต้องการสิ่งที่คุณยัดเยียดให้เขา"

"วัสอร"

"ความสารเลวของคุณ มันก็อยู่ตรงที่ คุณใช้อำนาจที่ได้มาจากความรักของเขาไปทำร้ายเขา ทำให้เขาถูกคนอื่นมองว่าเขาบ้า แม้แต่ฉันก็ยังเข้าใจอย่างนั้น แถมพอรู้ตอนหลังว่าเขามีอะไรกับคุณ ฉันยังสะอิดสะเอียนเขาจะแย่ หลงด่าเขาสารพัดว่า เขาทำได้ยังไง มักมากในกาม และหักห้ามตัณหาจัดไม่ได้ จนถึงขั้นต้องสมสู่กับผีเชียวหรือ"

"หุบปากนะ"

"ฉันเป็นเนื้อคู่แท้ของเขา ไม่ว่าต่อไป เราสองคนจะอยู่กินกันด้วยความรักหรือไม่ ฉันก็จะอยู่กับเขา ปกป้องเขาให้แคล้วคลาดและห่างไกลจากปีศาจร้ายที่ถูกกิเลสความหลงเข้าครอบงำ แล้วเที่ยวได้ประกาศปาวๆ ว่า นี่ละความรัก"

"ไม่จริง" สรัลตะเบ็งเสียงโหยหวน มวลควันดำหนาเริ่มสั่นและแตกปริเป็นริ้วเป็นชิ้น

"จริง" วัสอรย้อนทันควัน "คุณเชื่อคุณยายเถอะนะ ทิ้งความรัก ความผูกพัน และความทรงจำงดงามไว้กับเขา ฉันรู้ว่าคุณปูรักคุณมากแค่ไหน ดีไม่ดี ตลอดชีวิตนี้ เขาอาจจะอยู่กับฉันโดยปราศจากความรักเสียด้วยซ้ำ แล้วฉันก็ไม่เสียใจสักนิด"

"เธอน่ะหรือไม่เสียใจ เชอะ มีผู้หญิงสักกี่คนจะมีความสุขแล้วดัดจริตประกาศว่าไม่เสียใจเลยที่สามีไม่รัก นอนร่วมเตียงด้วยทุกคืน แต่ในหัวใจของเขากลับผูกพันอยู่กับภรรยาเดิม หรือคนรักเก่า หรือผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง"

"ฉันตอบไม่ได้หรอกว่ามีกี่คน แต่ฉันตอบได้ว่า ฉันเป็นหนึ่งในนั้น แล้วเหตุผลง่ายๆ มันก็แค่ว่า ฉันยอมรับในสิ่งที่มันเป็น และพร้อมจะรอคอยให้ถึงวันที่มันเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าวันนั้นมันไม่มี ก็ไม่เป็นไร ฝนคิดอย่างนี้ถูกใช่ไหมคะคุณยาย"

ตอนท้าย หลานสาวผู้เข้มแข็งเหลียวไปขอคำยืนยันจากคุณยาย ซึ่งลอยร่างบางเบาเฝ้าฟังอย่างสงบและปลาบปลื้ม

นางหายห่วงแล้ว แม้จะตระหนักว่า ชีวิตของหลานสาวในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า จะต้องเผชิญกับความพิสดารที่คนน้อยคนนักจะได้เจอก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะว่า วัสอรมีจิตใจที่เข้มแข็งและแกร่งพอจะยอมรับในทุกสิ่งที่จะเกิดและจะเปลี่ยนอย่างมั่นคงนั่นเอง

"รีบกลับเข้าร่างเถอะ อย่ามัวโอ้เอ้ สงสารคุณปูหน่อย เขาเหนื่อยแล้ว พริ้มเพราจะเป็นเพื่อนที่ดีของฝนในวันนี้และวันหน้า อย่าทอดทิ้งเธอ เข้าใจไหมฝน"

"เข้าใจค่ะ"

"ยายต้องไปแล้ว ฝากลาคุณปูให้ยายด้วย มีความลับของฟ้ามากมายที่ยายพอรู้ในเวลานี้ แต่ก็เปิดเผยไม่ได้ นอกจากพอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า สักวันหนึ่ง เราต้องได้กลับมาพบกันอีก ดูแลตัวเองให้ดี ดูแลคุณปู ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็อย่าได้หันหลังและทอดทิ้งเขา เข้าใจไหมฝน"

"เข้าใจค่ะคุณยาย"

ประกายบุญมืดวับไปกลางสายฝน และนับจากนั้น แสงทะมึนแห่งรัตติกาลก็เข้าครอบงำเหนือท้องสระบัวอันเวิ้งว้าง ร่างไร้มวลของสรัลโฉบดิ่งลง หวังจะขัดขวางร่างเบาโปร่งของวัสอร

เธอโดนผลักด้วยพลังอำนาจที่ร้อนไปด้วยแรงแค้นแรงชัง กายโปร่งล้มแทรกผ่านกายแน่นของพริ้มเพรา แต่เจ้าตัวไม่รู้สึก ยังคงทอดตักให้วัสอรนอนหนุน แล้วเฝ้ามองปุราณผายปอดอย่างไม่ย่อท้อ

"รู้ไหมว่าฉันเป็นคนสู้คนที่สุดเลย แต่บอกไปคุณคงไม่เชื่อ จึงไม่สู้ทำให้คุณดูเลยดีกว่า"

'เผียะ' นี่คือข้อพิสูจน์ วัสอรตบฉาดเข้าให้แบบไม่กั๊กแรงเลยนะ มวลควันดำหนามีอันสั่นไหวรุนแรง แถมยังผงะห่างร่างเหยื่อหมดสติไปไกลโข

แต่ก็ยังว่องไวพอจะย้อนกลับมาเพื่อตอบโต้ ต่อให้ดวงวิญญาณต้องแหลกสลายเหลือเพียงละอองละเอียดยิบ หล่อนก็จะขวางการกลับเข้าร่างของวัสอรให้ถึงที่สุดล่ะ

กายเบาโปร่งจึงโดนผลักเซไปกระแทกกับปุราณอีกครั้ง วัสอรโกรธจัง แต่ก็ขำด้วยที่เธอไม่สามารถยุดยื้อแขนของเขาไว้ปักหลัก มันทะลุผ่านไปเลยอย่างน่าโมโห แล้วร่างใสก็ค่อยไถลไปลอยไม่เป็นจังหวะอยู่เหนือศีรษะร่างของตัวเอง

และแล้ว 'นาทีพิสดาร' ก็ย่างกรายมา ปรากฏรัศมีสีขาวนวลเปล่งบางเบาขึ้นตรงหว่างคิ้ว แล้วตามมาด้วยควันขาวละมุนลอยออกมาเป็นเส้นเป็นริ้ว วัสอรเบิกตากว้างอย่างอัศจรรย์ใจ สำนึกในแวบนั้นบอกว่า นี่คือ 'ประกายบุญและควันแห่งชีวิต' ของเธอ

แล้วมันก็ไม่ควรลอยเข้าไปกระทบกับมวลควันดำหนาของสรัลที่โฉบวืดลงมา เธอจึงรีบยื่นนิ้วไปเกี่ยวมันไว้ แล้วตลอดกายเบา ก็พลันสั่นครืน หมุนคว้างเป็นเกลียว ก่อนจะไหลวืดไปตามวิถีดึงดูดลี้ลับ

สรัลร้อนใจมาก หล่อนไม่คิดหน้าคิดหลัง นอกจากตัดใจพามวลควันดำหนาพุ่งกระแทกกับเกลียวควันขาวบางเต็มแรง ก็หวังแค่ว่า จะผลักร่างไร้มวลของวัสอรกระเด็นออกไป

หล่อนน่ะ หวังแค่นี้จริงๆ เพราะนี่จะเป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดวัสอรให้หายไปจากโลกใบนี้ โดยไม่ต้องอยู่กินกับสามีสุดที่รักอีกตลอดกาล

แต่ก็นี่ล่ะ คือบทลงโทษอันเฉียบเข้มของฟ้า ท่านปิดกั้นความรอบคอบของปีศาจ ที่บังอาจคิดท้าทายท่าน

จึงทำให้สรัลลืมคิดไปเลยว่า ริ้วควันที่ผุดจากหว่างคิ้วของวัสอร มันเป็นสีขาว มิหนำซ้ำ ยังถูกโอบล้อมไว้อีกชั้นด้วยประกายบุญเจิดจ้า ยามเมื่อร่างปีศาจพุ่งทะยานเข้าไปกระแทกเต็มเหนี่ยว จึงย่อมไม่อาจต้านอานุภาพคมกริบนั้นได้

สรัลใจหายวาบ แต่กลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องตระหนก เพราะมวลควันดำหนาเกิดอาการสั่นครืนรุนแรงแล้วแตกเปรื่องในทันทีทันใด

ละอองละเอียดยิบลอยฟุ้งเข้าไปปะปนกับมวลควันขาวนวลจนกลายเป็นเนื้อเดียว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มันกำลังไหลพรูดำดิ่งลงสู่หว่างคิ้วอย่างรวดเร็ว

"ฟื้นแล้วค่ะ" พริ้มเพราบอกอย่างตื่นเต้นลิงโลด

"ฝน เป็นยังไงบ้าง ตื่นซิ ฝน ตื่นเร็ว ฝน พูดกับฉันหน่อย ไม่เป็นไรใช่ไหม พูดกับฉันสิ อย่าเป็นอะไรไปนะ เธอเก่งไม่ใช่หรือ เธอเข้มแข็งออก พูดกับฉันเร็วเข้า พูดสิ"

ปุราณโล่งอกเหมือนพระมาโปรด เขาใจหายใจคว่ำ ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก หวาดกลัวว่าต้องสูญเสียสาววัยใสคนนี้ไป ตอนคว้าร่างที่ลอยเคว้งคว้างใต้ผืนน้ำมืด เขาดีใจมากแค่ไหน คงมีแต่สวรรค์กระมังที่รับรู้

แล้วนาทีนั้นล่ะ ที่สรัลได้หายวับไปจากห้วงคะนึง ยามนี้ ก็ได้แต่รั้งร่างเย็นชืดขึ้นมากอดแนบอก จูบแก้มซ้ายขวาจนร้อน ปากก็พร่ำเรียกละล่ำละลำ

"คุณปู ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ" ประโยคแรกแต่อ่อนล้าจัง เปล่งให้คนช่วยชีวิตรีบพยักหน้าตื้นตัน "ดีจัง คุณสรัลไปแล้วละคะ คุณยายก็ไปแล้ว สงสารคุณปูจัง ต่อไปนี้ จะไม่ได้เห็นคุณสรัลอีกแล้วนะ เสียใจไหม"

"ไม่.. ไม่เลย ไม่เสียใจเลย ปล่อยสรัลไป อยากไปไหนก็ไป ขอแค่ให้ฉันได้เห็นว่าเธอปลอดภัย แล้วกลับมาอยู่กับฉันอีกครั้ง ฉันก็พอใจแล้ว อยู่กับฉันนะ อย่าไปจากฉันนะ ฉันขอร้อง อย่าทิ้งฉันไปนะฝน อย่าไปจากฉันนะฝน"

พริ้มเพรายิ้มทั้งน้ำตา แม้จะหดหู่กับเสียงพร่ำสารภาพเครือสะท้าน กับแรงกอดรัดละล่ำละลักหากแต่เจือวิงวอนเช่นนั้นก็ตาม

เพราะอากัปกิริยาเช่นนั้น มันคล้ายดั่งเจ้านายหนุ่ม ต้องการจะเผยความในใจว่า หากชั่วชีวิตนี้ ไม่มีวัสอรอยู่เคียงข้าง เขาก็คงจะต้องอยู่ต่อไปอย่างว้าเหว่ และเดียวดายยิ่งเสียกว่าสามปีที่ผ่านไปหลายร้อยหลายพันเท่านัก

ก็ดีแล้ว หล่อนก็อยากเห็นเขามีความสุขอย่างยั่งยืนเสียที แล้วถ้าหากว่า วัสอรยังตั้งมั่นดึงดัน ต้องการจะไปจากเรือนริมน้ำให้ได้อยู่อีกละก็ หล่อนเอง หล่อนจะขอคุกเข่าวิงวอนให้เธอใจอ่อนเอง





จบสิ้นกันเสียที รัตติกาลอันโหดร้าย ฟ้าสว่างแล้ว แดดอ่อนลำแรกส่องมาถึงหน้าเตียงของวัสอร เจ้าตัวนอนอุ่นอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา

วินาทีแรกที่ลืมตาขึ้น เธอก็พบว่า ปุราณนอนหลับอยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาดูอิดโรยจัง แต่มุมปากกลับทิ้งร่องรอยของรอยยิ้มคลายกังวล อ้อ ยังมีแขนหนักข้างนี้ ก็พาดทับอยู่บนหน้าท้องของเธอด้วย

และเป็นเพราะว่าในจิตอันเร้นลึก มันถูกเติมเต็มด้วยความสงสารอย่างล้นปรี่ วัสอรจึงไม่กล้าขยับตัวแรงๆ ด้วยเกรงว่าเขาจะตื่น เธออยากให้เขานอนพักมากๆ นานๆ

"อืม ตื่นแล้วหรือ รู้สึกเป็นยังไง ดีนะ ที่ไม่มีไข้ บอกฉันซิ รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวไหม หิวหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง"

"คุณปูรู้สึกตัวง่ายจังคะ"

"ฉันเป็นอย่างนั้นล่ะ อีกหน่อยเธอก็จะชินไปเอง"

ปุราณย้อนอารมณ์ดี เขาคงเผลอหลับไป เชื่อว่าไม่น่าจะถึงสิบนาทีนะ เพราะวัสอรก็เพิ่งจะงีบหลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เอง ทำไมเธอตื่นเร็วจัง

"รู้สึกยังไงบ้าง" ถามซ้ำด้วยปาก แต่มือแขนที่ช่วยพยุง พานรั้งร่างอุ่นเข้ามากอดอย่างหวงแหน

"ฮื่อ ถามก็ถามสิ ทำไมต้องกอดด้วย"

วัสอรประท้วง หากแต่ร่างกายกลับเผชิญกระแสวาบหวามประหลาด รู้สึกซาบซ่านจัง ตอนเหลือบไปเห็นไรเคราเขียวจาง

"ไม่รู้สิ" ปุราณไม่ได้เล่นลิ้น เขาสารภาพจากใจเสียมากกว่า "ฉันระแวงแปลกๆ กลัวว่าเธอจะโดนเล่นงานไม่นาทีไหนก็นาทีไหนล่ะ ถ้าได้กอดไว้ ใจฉันมันก็อุ่นหน่อย"

"ฝนว่าชีกอมากกว่านะ ฝนเคยเห็นพวกผู้ชายในบาร์ที่แม่ทำงาน ก็ใช้ลูกไม้แบบนี้อ้อนพวกสาวๆ ที่สวยแต่โง่"

"เหมือนกันที่ไหน เธอไม่โง่สักหน่อย แล้วก็ไม่สวยด้วย แต่ก็ดีแล้ว ฉันพอใจที่เธอเป็นอย่างนี้"

"อ้อ เดี๋ยวนี้ เป็นคนยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แล้วหรือคะ"

"อืม ฉันมีบทเรียนแล้วนี่ การพยายามดึงดัน การเอาชนะธรรมชาติและวิถีความเป็นจริงในโลก มันเป็นความคิดโง่ๆ ที่เกิดจากความอ่อนแอของฉันเอง เพราะฉันทำให้.. "

ปากสวยถูกมือเล็กอุ่นแตะเบาๆ วัสอรไม่อยากฟังเขารำพันเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เธอมีความจริงบางอย่าง ต้องบอกให้เขารับรู้ ส่วนเขาจะยอมรับหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเขา

แต่สำหรับเธอ ก็ตามที่ได้บอกกับคุณยายไปแล้วทั้งหมด 'ยอมรับในสิ่งที่มันเป็น และพร้อมจะรอคอยให้ถึงวันที่มันเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าวันนั้นมันไม่มี ก็ไม่เป็นไร'  

"คุณสรัลเธออยู่กับเราค่ะ" เธอบอกออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กุมมือใหญ่ไว้ในทันทีที่เห็นแสงตาตระหนก "ตอนฝนหลับ ฝนฝันเห็นเธอร้องไห้ ดวงวิญญาณของเธอแตกสลายแล้วนะคะ เธอบอกว่า จากนี้ไป เธอต้องถูกกักขังอยู่ในร่างของฝน ไปจนกว่าฝนจะตาย"

"อะไรนะ" เสียงทุ้มสะท้าน มือใหญ่ในมือเล็กสั่นแรงขึ้น

"แต่เธอจะไม่มีพลังอำนาจใดๆ คุกคามฝนได้อีก เธอถูกฟ้าลงโทษให้ต้องอยู่กับเรา ฟ้าต้องการให้เธอสำนึกและยอมรับว่า ไม่มีใครฝ่าฝืนชะตาที่ฟ้าลิขิตได้"

"แล้วเธอเล่า เธอจะเป็นยังไง มันไม่ตลกเลยนะ ที่ในร่างของเธอจะถูกแอบแฝงแทรกปนด้วยร่างของปีศาจ"

วัสอรกลืนน้ำลาย เธอเองก็สับสนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฝันเห็น มันเป็นแค่ความฝันหรือความจริง แต่สรัลที่เธอเห็น ไม่ใช่ปีศาจ หล่อนเป็นมัณฑนากรคนสวย ที่ใบหน้าเศร้าหมองนั้น เนืองนองไปด้วยน้ำตาแห่งความอาดูรสิ้นหวัง หล่อนบอกว่า

"ฉันผิดเอง ฉันน่าจะเชื่อที่แม่นมเตือนสติครั้งแล้วครั้งเล่า เวลานี้ ฉันออกไปจากร่างเธอไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ยินดีสักนิดที่จะต้องอยู่ในนี้ เพื่อร่วมรับรู้ว่าเธอกับปูมีความสุขด้วยกันยังไง วัสอร เธอเข้าใจไหม ฉันต้องถูกขังอยู่ในร่างของเธออย่างยาวนาน จนกว่าเธอจะตาย มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไปไม่ใช่หรือ ใช่ไหมวัสอร"

"แล้วจะให้ฉันช่วยยังไง"

"สายไปแล้วล่ะ ฉันถูกฟ้าลงโทษอย่างนี้ ฟ้าคงอยากให้ฉันยอมจำนนและสำนึกว่า อย่าได้ดึงดันและอวดกล้าต่อท่าน อยากให้ฉันเข้าใจว่า ฉันต้องยอมรับในทุกสิ่งที่มันเกิดและเปลี่ยนแปลง ฉันเข้าใจ ฉันยอมรับแล้ว แต่มันก็สายไปแล้ว ฉันต้องอยู่กับเธออย่างไร้ตัวตน แต่กลับมีจิตที่รับรู้ตลอดไป สภาพอย่างนี้ มันช่างทรมานเหลือเกิน ใช่ไหมวัสอร"

"คิดเสียว่า คุณได้ในสิ่งที่คุณปรารถนาตลอดมาดีกว่าไหมคะ คุณอยู่ในร่างฉัน ก็เท่ากับได้อยู่กับคุณปู ฉันสัญญานะคะ ฉันจะดูแลคุณปูให้ดีที่สุด จะทำทุกอย่างให้เขามีความสุขมากที่สุด นี่คือสิ่งที่คุณต้องการอย่างสูงสุดไม่ใช่หรือ ขอให้คุณคิดเสียว่า ทุกอย่างที่ฉันทำ ก็คือทุกอย่างที่คุณทำ ความสุขที่ฉันได้รับจากคุณปู ก็คือความสุขที่คุณปูให้กับคุณผ่านตัวฉัน คิดแบบนี้ แล้วคุณจะทุกข์ทรมานน้อยลง นี่คือวิธีเดียวที่ฉันจะแนะนำเพื่อผ่อนหนักเป็นเบาให้คุณได้"

"ได้ ฉันจะคิดอย่างที่เธอบอก เธอสัญญาแล้ว ต้องทำให้ได้อย่างที่สัญญานะ ฉันรักปูมาก ฉันต้องการเห็นเขามีความสุข ฉันไม่เคยต้องการทำร้ายและทำลายชีวิตของเขาอย่างที่แม่นมหรือเธอกล่าวหา ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อให้ได้กลับมาอยู่กับเขาเท่านั้น"

"ค่ะ ฉันเข้าใจ ปลดความห่วงลงนะคะ แล้วอยู่ในร่างของฉันอย่างสงบ เราจะไม่ระรานหรือทำร้ายจิตใจซึ่งกันและกัน แต่เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ความสุขของเราจะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่อาจขาดใครคนใดคนหนึ่งได้ ทุกๆ ก้าวต้องมีฉัน มีคุณปู และ.. "

'สรัล' สองเสียงกล่าวพร้อมเพรียงอย่างหดหู่เจือตื้นตัน ความฝันของวัสอรจบแล้ว และปุราณก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีข้อแม้

เขากอดวัสอรอย่างซึ้งใจ หัวใจพองโตอย่างอิ่มเอม เกิดความสุขปริ่มล้นจนต้องยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อแม่บ้านวัยใสยอมกอดตอบอย่างสนิทสนม และด้วยสัมผัสที่เขาซึมซับได้อย่างหมดจดว่า 'ผูกพันยิ่ง'

ยามที่โน้มลงจุมพิตหน้าผากวัสอรอย่างขอบคุณ และยามที่สายตาพร่ามัวด้วยหยาดน้ำแห่งความปีติ ทอดไปยังประกายแดดนอกหน้าต่าง ปุราณก็บอกกับตัวเองอยู่แต่ในใจว่า

'ฉันสัญญานะฝน แม้วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ฉันอาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของความรักของเธอ แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน หัวใจดวงนี้ ก็พร้อมจะรอจนกว่าเธอจะให้ และพร้อมจะรอนับแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ฉันจะได้เรียกเธอว่า ที่รักของฉัน'

แล้วในตอนท้าย ปุราณก็ผุดรอยยิ้มหดหู่ เขาไม่ลืมหรอกว่า ยังมีภรรยาผู้พรากจาก และเหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเศร้าสร้อยอีกคน ที่เขาต้องขอบคุณอย่างซึ้งใจ

'ขอบคุณนะครับสรัล ขอบคุณความรักของคุณ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเป็นผู้ชายที่ทั้งโชคดีและโชคร้ายในเวลาเดียวกัน เราจะทำอย่างที่ฝนแนะนำ เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ความสุขของเรา จะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่อาจขาดใครคนใดคนหนึ่งได้ ทุกๆ ก้าวต้องมีผม มีฝน และมีคุณ'

จบบริบูรณ์

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 54 08:15:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com