Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxx บ่วงพันธการ..บทที่ ๗ xxx ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๖
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10743273/W10743273.html

............................................................

หลังจากได้ฤกษ์แต่งงานที่ด่วนสมใจอารดาแล้ว เมธิกาก็ยุ่งวุ่นวายในการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว เข้าคอร์ดอบตัว อบผิวเสริมความงามสารพัด ซึ่งทุกอย่างอารดาเป็นคนจัดการให้ทั้งสิ้น เพราะอยากให้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด จนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องเคียดแค้นอชิระเลย

และวันนี้ อารดาก็ส่งคนมารับเมธิกาไปที่บ้าน เพื่อลองชุดเจ้าสาวที่ส่งตรงมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งบุคคลที่รอเธอนอกจากอารดาแล้ว ยังมีทั้งช่างแต่งหน้า ช่างผม ช่างเสื้อ และยังมีอีกกลุ่มที่อยู่ในสวนกำลังวุ่นวายจัดแสง จัดฉากราวกับอยู่ภายในสตูดิโอ หญิงสาวได้แต่มองงุนงงกับความวุ่นวายนั้น ก่อนจะถูกพาเข้าห้องเพื่อลองเสื้อ..ในครั้งแรกเมธิกาคิดเล่นๆว่าชุดที่ส่งมานั้นจะเป็นสีแดงแป๊ดแบบที่เห็นในหนังจีนย้อนยุคเสียอีก แต่ในความเป็นจริง เธอกำลังยืนทึ่งอยู่หน้าชุดสีขาวกระจ่างตาเข้ารูป ชายระบายฟูฟ่องยาวเป็นหางปลา ประดับด้วยขนนกนุ่มสีขาวที่ออกแบบตกแต่งเป็นขนนกยูง และมันช่างสวยงามหมดจดจนอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปแตะต้องอย่างชื่นชม

แต่ไม่ทันไร บรรดาช่างทั้งหลายต่างเฮโลเข้ามามะรุมมะตุ้ม จับเมธิกาลอกคราบ แต่งหน้าทำผมเป็นการใหญ่ ส่วนช่างเสื้อก็จับโน่น เช็คนี่ละเอียดยิบอย่างไม่เกรงใจกันเลย..ไม่นาน เธอก็มายืนตะลึงงันอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ จ้องมองภาพหญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่สะท้อนออกมาตาไม่กะพริบ แทบไม่เชื่อ ว่าผู้หญิงที่แลสวยงาม อ่อนหวานจับใจที่เห็นอยู่ในขณะนี้ คือเธอ

จากนั้น ก็ถูกพาออกมานอกห้องให้อารดาได้เห็น..รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏชัดเต็มดวงหน้าของหญิงชรา ก่อนเรียกให้เธอเดินเข้ามาใกล้ เพื่อกวาดมองได้เต็มตา

“สวยจริงๆ” แล้วก็ก้มหน้าเปิดกล่องไม้เรียวยาวที่ถือในมือ เปิดผ้ากำมะหยี่ที่ห่อหุ้มออกเผยให้เห็นปิ่นมุกลวดลายวิจิตรแบบโบราณ

“อั๊วให้ลื้อนะ”

เมธิการับมาชื่นชมเพียงครู่ ช่างทำผมก็นำไปปักเข้ากับมวยผมของเธอ อารดามองด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและหันไปถามหาบุตรชาย

“อาเล่ยแต่งตัวเสร็จรึยัง”

“คอยอยู่ที่สวนแล้วค่ะ” หญิงรับใช้ที่คอยชื่นชมว่าที่นายหญิงคนใหม่ตอบออกมา ก่อนตวัดสายตากลับไปมองหญิงสาวอย่างชื่นชมอีกครั้ง

“อืม งั้นก็ไปกันเลย เดี๋ยวแดดหมด ภาพจะออกมาไม่สวย”


เมธิกาถูกประคับประคองมาที่สวน เพราะชุดมันช่างรัดรูปจนก้าวขาลำบากเหลือเกิน ส่วนชายกระโปรงก็ต้องมีคนคอยถือตาม ไม่อย่างนั้นคงได้เกี่ยวกิ่งไม้จนเสียหาย และพลางคิดว่า เรื่องที่จะเข้าห้องน้ำนั้นคงลืมไปได้เลย และนี่คืออีกหนึ่งความทรมานของการเป็นเจ้าสาว

“เจ้าสาวมาแล้วค่า”
ช่างแต่งหน้าที่อยู่ข้างกายส่งเสียงออกไป ให้อชิระที่กำลังยืนพูดคุยอยู่กับศราหันมา

ในอึดใจ เมธิการู้สึกแปลกๆที่อธิบายไม่ได้ แต่มันพาให้หัวใจสั่นหวิวพิกล ยามเมื่อร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีขาวก้าวเดินเข้ามาใกล้ ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่โอบทั่วร่างเขาดูกระจ่างตาเหมือนกับภาพในความฝัน และเมื่อเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจนสบกับดวงตาเรียวคมกริบ ริมฝีปากบางสีเรื่อขยับยิ้มละมุนละไม เธอก็รู้สึกอึดอัดเหมือนถูกแย่งอากาศหายใจ จนกระทั่งเขายื่นมือมาตรงหน้า เธอก็วางมือลงกลางฝ่ามือใหญ่อันแสนอุ่นให้เขาโอบกุมพาเดินไปที่ฉากอย่างเลื่อนลอย

“วันนี้คุณสวยมากนะ”

เสียงทุ้มกระซิบบอก พาให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเก้อเขิน ก่อนรีบเมินหนีประกายตาคมกล้า และเมื่อช่างภาพเริ่มลงมือถ่ายรูป สั่งให้ทำท่าต่างๆเธอก็เก้กังทำไม่ถูกใจ ช่างภาพจึงเดินมาจัดการด้วยตัวเองให้ร่างกายของเธอสนิทชิดเชื้อกับเรือนร่างสูงเพรียวมากขึ้น และเมื่อเรียวแขนแกร่งโอบกอดแม้จะไม่รัดแน่น แต่เธอก็ยังหายใจติดขัดกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายโชยเข้าจมูกเจือจาง หัวใจก็เต้นเร่าๆราวจะกระเด็นออกมานอกอก

เมธิกานึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ในใจ ทั้งๆที่จะต้องโกรธและเกลียดเขาให้ถึงที่สุด แต่เธอกลับเผลอใจหลงใหลไปกับเสน่ห์ของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย หญิงสาวพยายามตั้งสติยกอารมณ์เคียดแค้นมาข่มความหวั่นไหว

แต่ดูเหมือนว่า ความพยายามของเธอมันไม่ค่อยจะได้ผลเลย ในเมื่อ หัวใจของเธอยังคงเต้นรัวไม่หยุด ไม่หย่อนเสียที


กว่าจะถ่ายภาพเสร็จ แดดก็เริ่มอ่อนแสง และอารดาก็บอกให้เมธิการอทานอาหารเย็นด้วยกัน

“โอ้ย..อิ่มตื้อเลย”

และด้วยจากการที่ต้องไปไหนมาไหนกับอชิระในช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ความไว้วางใจค่อยๆแทรกซึมให้เมธิกาเผลอกระทำกิริยาอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างกับเวลาที่อยู่กับเพื่อนให้ชายหนุ่มได้เห็นบ่อยครั้ง อย่างเช่นครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เธอโพล่งออกมาพลางลูบท้องตนเองขณะเดินเคียงข้างเขาไปขึ้นรถ หลังมื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

“แปลว่า แม่ครัวบ้านนี้ทำอาหารรสชาติถูกปากคุณสินะ แบบนี้คงไม่มีปัญหาเวลามาอยู่ที่นี่”

เมธิกาเชิดหน้าวางฟอร์ม “เปล่าซะหน่อย ฉันแค่หิวมากเท่านั้นเอง เพราะมัวแต่มาเสียพลังงานให้กับเรื่องยุ่งๆอยู่ที่บ้านของคุณนี่ต่างหากล่ะ” แล้วก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งหน้าหงิก ปากก็ยังพร่ำบ่นไปเรื่อย

“ดูซิ ตั้งแต่พบคุณมาฉันไม่เคยเจอเรื่องดีๆเลย มีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวายตลอด ขนาดจะต้องแต่งงานยังไม่วายเดือดร้อน ต้องทำนั่นทำนี่ตามคำสั่งแม่ของคุณอีก ต้องขัดหน้าขัดตัวแทบทุกวัน แล้วไอ้ช่างบ้านี่ก็มือหนักชะมัดขัดซะแสบผิวไปหมดแล้ว พอฉันบอกให้เบาๆพี่แกก็เถียงกลับมาอีกว่าเดี๋ยวผิวจะไม่ผ่อง จะบ้าตาย ฉันล่ะเชื่อเขาเลย ร่างกายของฉันแท้ๆ แต่กลับไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย..”

อชิระขับรถไป ฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเธอไปพลางอย่างไม่ใส่ใจ แต่ไม่นานนัก เขาจำต้องเหลียวไปมอง เมื่อเสียงนั้นเงียบหายไป และเห็นว่าคนที่บ่นกระปอดกระแปดเมื่อครู่หลับไปแล้ว

ชายหนุ่มอมยิ้มและลดความเร็วของรถลงมาอีกหน่อย เพื่อลดแรงสะเทือนให้เธอได้หลับสบาย

สำหรับเขา ตลอดทั้งชีวิตคิดแต่เรื่องงาน แม้จะมีผู้หญิงคอยผลัดเปลี่ยนวนเวียนเข้ามาหลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่เคยติดใจห่วงหาอาวรณ์ใครเป็นพิเศษเลยสักคน เรื่องการแต่งงานจึงไม่มีในหัว แต่มาในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้สวมชุดเจ้าบ่าว ความรู้สึกมันเหมือนจะอึ้งๆไปพอสมควร และเมื่อได้เห็นเมธิกาในชุดเจ้าสาว แวบหนึ่งในใจเขามโนภาพถึง ลูกชาย ลูกสาวพากันวิ่งเล่นหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที และให้ขำในความคิดของตนเอง คงเป็นเพราะถูกมารดาเป่าหูเรื่องอยากอุ้มหลานมากจนเกินไป เขาถึงได้เผลอคิดอะไรเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเช่นนี้ เพราะรู้ถึงสาเหตุของความจำเป็นในการแต่งงานครั้งนี้ดี และที่สำคัญ เมธิกาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขารัก เขาคงไม่สามารถทำความฝันของมารดาให้เป็นจริงได้

แต่ลึกลงไปภายในใจ เขากำลังตั้งคำถามว่า หากการแต่งงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นมาจากความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ความรู้สึกของเขาจะยินดียินร้ายมากน้อยแค่ไหน
รวมทั้ง..ความรู้สึกของเธอ เขาก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน



บุริมทร์ส่งการ์ดเชิญนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เขาคบหาสมาคมด้วย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่ววงการสีกากี เพราะหลายคนนั้นรู้อยู่เต็มอกว่า เบื้องลึกเบื้องหลังของบุริมทร์นั้นกระทำการเย้ยกฎหมายมากแค่ไหน เพียงแต่ไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ และเมื่อมีอชิระ ชายหนุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีในฐานะเจ้าพ่อแถวหน้าของวงการธุรกิจมืดมาเสริมเขี้ยวเล็บให้อีก คราวนี้เรื่องที่คิดจะจับนายบุริมทร์ก็คงต้องโยนลงหลุมตอกตะปูปิดฝาโลงไปได้เลย

ทวีสินเดินเข้าห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งโต๊ะหรือหยิบจับอะไร ลูกน้องก็ชะโงกหน้าตื่นๆมาเรียก
“ลูกพี่ นายเรียกพบด่วน”

“เรื่องอะไรวะ”

“ไม่รู้ครับ แต่ว่าหน้าของนายงี้เครียดจนดำเลยล่ะ”

“เออ ๆ ขอบใจ”
และตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา ไม่กี่นาทีเขาก็รู้ถึงสาเหตุ เมื่อผู้เป็นนายโยนการ์ดเชิญลงตรงหน้าพร้อมน้ำเสียงฉุนเฉียวดังก้องตามมา

“นี่มันหมายความว่าไง”

ผู้กองหนุ่มยังคงยืนมึน รีบหยิบการ์ดฉบับนั้นมากวาดสายตาอ่านแล้วก็หน้าเหวอกับชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว และเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เห็นผู้เป็นนายกำลังจ้องตาเขม็งรอคำตอบ

“..คือ..ผมก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันครับ”

“อะไรนะ ! ไม่รู้เรื่องอย่างนั้นเรอะ” ท่านวินัยโกรธจัดจนแทบจะทุบโต๊ะเลยทีเดียว “คุณบอกว่าให้เขาเป็นสาย แต่ตอนนี้ผมว่าคุณถูกหลอกแล้วล่ะ ดีไม่ดี สองคนนั่นอาจจะทำธุรกิจด้วยกันแล้วมั้ง”

ทวีสินนิ่วหน้า ชั่วระยะเวลาแค่ข้ามเดือนเท่านั้น อชิระสามารถเข้าถึงเมธิกาถึงขั้นแต่งงานได้อย่างไร แล้วทำไมถึงไม่บอกให้เขารู้สักคำ หรือว่าเขากำลังถูกหลอกอย่างที่นายพูดก็เป็นได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ป่านนี้ทั้งนายบุริมทร์และอชิระคงรวมหัวกันหัวเราะเยาะเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เรื่องนี้ผมจะรีบหาคำตอบมาให้ได้ครับ”

ยืนยันหนักแน่น ก่อนรีบออกจากห้องของผู้บังคับบัญชา และขับรถตรงดิ่งไปหาอชิระที่บริษัท



“ท่านประธานออกไปข้างนอก แล้วจะไม่กลับเข้ามาอีกสำหรับวันนี้ค่ะ”
และนี่เป็นประโยคที่ทำให้เขาหัวเสียกับผู้ช่วยเลขาสาวคนนี้เป็นที่สุด

“แล้วเขาไปไหนครับ”

“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่ทราบ แต่ถ้าคุณอยากพบท่านจริงๆก็ต้องนัดล่วงหน้าค่ะ”

หญิงสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวานจนเขาไม่กล้าใส่อารมณ์ฉุนเฉียวกับเธอเลยจริงๆ แม้จะรู้ว่านั่นเป็นคำโกหก แต่ให้ตายเถอะ ! ทำไมที่สน.ไม่มีผู้หญิงเช่นเธอคนนี้บ้างนะ ไม่เช่นนั้นคงช่วยให้การทำงานรู้สึกกระชุ่มกระชวยได้ขึ้นอีกเยอะเลย

“ไม่เป็นไร แล้วผมจะหาทางติดต่อกับเขาเอง” ชายหนุ่มทำท่าจะหันเดิน แต่ก็หันกลับมาอีกครั้ง “อ้อ ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทหน่อยสิครับ”

หญิงสาวยื่นนามบัตรที่อยู่ของบริษัทส่งให้

“นามบัตรของคุณไม่มีหรือครับ เพราะผมคงมีเรื่องต้องติดต่อกับเจ้านายของคุณอีกบ่อยๆแน่ และทุกครั้งก็ต้องเจอคุณเป็นด่านแรก ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อผ่านโอเปอเรเตอร์อีก”

เขาเห็นดวงตาคู่สวยที่มองสบยังคงเจือด้วยความกังขา แต่ก็ยอมยื่นนามบัตรของเธอให้
ทวีสินรับนามบัตรนั้นมากวาดสายตาเพียงครู่ก็อมยิ้ม

“แล้วพบกันใหม่ครับ คุณผุสชา”



หลังจากที่ทวีสินออกจากบริษัท เขาก็พยายามกดโทรศัพท์หาอชิระอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายปิดเครื่อง จึงโทรศัพท์เข้าบ้านของชายหนุ่มถามเอาเบอร์ของศรากับคนรับใช้แทน เพราะสองคนนี้ตัวติดกันราวกับปาท่องโก๋

และก็เป็นจริงดังคาด ทว่าเขากลับถูกอีกฝ่ายตีรวนกลับมา
“เฮียยังไม่ว่างจะคุยด้วย แล้วค่อยโทรมาใหม่ก็แล้วกัน” ศราพูดแบบมะนาวไม่มีน้ำก่อนปรายหางตาไปยังพี่ชายที่นั่งอยู่กับทนายความของบริษัทและกำลังเซ็นเอกสารสัญญากับลูกค้า

“ผมแค่ต้องการคุยกับเขาไม่กี่นาทีเท่านั้น”

“เฮียกำลังเจรจาธุรกิจร้อยล้านอยู่ กะอีแค่ไม่กี่นาทีของคุณก็ทำให้พังได้แล้ว”

“ฮึ ! ธุรกิจร้อยล้านที่ทำกับพ่อตารึเปล่าล่ะ”

น้ำเสียงเย้ยหยันที่ลอย มาทำเอาคนฟังฉุนกึก “เฮ้ย ! พูดอย่างนี้ได้ไงวะ”

“เอ้า ก็พวกคุณแสดงเจตนาออกมาโต้งๆกันเลยนี่นา ผมแค่ให้เป็นสาย แต่พี่คุณกลับสวมรอยเข้าไปเป็นลูกเขยซะนี่ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมคิดว่าพวกคุณร่วมมือกันได้ไงล่ะ”

“นั่นมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ”

“คุณจะให้ผมเชื่อได้ไง ในเมื่อพวกคุณไม่เคยบอกอะไรผมเลย แม้แต่เรื่องงานแต่ง”

ศรากำลังจะสวนถ้อยคำตอบโต้ แต่อชิระเดินเข้ามาเสียก่อน
“มีอะไรรึ ก้อง”

ผู้ถูกทักลุกขึ้นยืนชำเลืองมองทนายความหนุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชายชั่วแวบ ก่อนตอบ “หมอนั่นโทรมาหาครับ”

อชิระพยักหน้าอย่างพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร ก่อนหันไปทางทนายความ
“คุณกลับไปได้เลย”

และเมื่อคล้อยหลังทนายความแล้วชายหนุ่มก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มือถือของน้องชายมาคุยกับอีกฝ่ายเสียเอง
“สวัสดี ผู้กอง”

“เฮ้อ ในที่สุดก็เจอตัวซะที”

“ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก คุณอยากจะพูดอะไรก็ว่ามาเลย”

“ได้ งั้นช่วยบอกเหตุผลดีๆในการแต่งงานของคุณหน่อยซิ ว่ามันเป็นแผนที่จะจับนายบุริมทร์ หรือว่า เป็นแผนที่จะทำให้คุณได้ร่วมธุรกิจกับนายบุริมทร์กันแน่”

“ผมยังไม่บ้าพอที่จะเลือกทำธุรกิจกับคนที่ถูกขึ้นบัญชีดำหรอกนะ”

“ใครจะไปรู้ ก็กลิ่นเงินน่ะมันเชิญชวนเหลือเกินนี่นา และมันก็สามารถทำให้คนดีๆหลงเป็นบ้าไปกับมันมานักต่อนักแล้ว”

“หึ แต่เผอิญผมไม่ใช่คนดีนัก ไม่อย่างนั้น จะถูกเลือกให้มาเสี่ยงตายกับงานนี้เรอะ แต่กลับมาไม่ไว้ใจกันแบบนี้ จะทำให้ผมเสียกำลังใจนะ คุณผู้กอง”

ทวีสินชักเริ่มลังเล..ตกลงแล้ว เขาสมควรที่จะเชื่อใจอชิระต่อไปอีกรึไม่?
“ถ้าเรายังอยู่ข้างเดียวกัน งั้นช่วยบอกความคืบหน้าอะไรก็ได้ ให้ผมชื่นใจบ้างซิ”

“ตอนนี้ยังไม่มี เพราะผมยังต้องทำมาหากิน อ้อ! แล้วถ้าไม่อยากให้แผนแตกก็ไม่ต้องโทร หรือไปหาที่บริษัทอีก คอยฟังข่าวอยู่เงียบๆพอ”

“คุณก็อย่าเล่นบทนินจานักสิ ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตาม”

“แล้วผมจะติดต่อกลับไป” อชิระยืนยันก่อนตัดสายทิ้ง และส่งโทรศัพท์มือถือคืนน้องชายพร้อมเสียงพึมพำขัดใจ

“คนพวกนี้ น่าเบื่อจริงๆ”

“คงอยากได้ผลงานไวๆมั้งเฮีย”

“ก็เพราะไอ้ความใจร้อนนี่ล่ะ มันถึงได้คว้าน้ำเหลว”


ทั้งสองไม่พูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งเข้ามานั่งภายในรถยนต์แล้ว อชิระก็พูดขึ้น
“นายเลือกคนคอยตามประกบสองพ่อลูกจับตาความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แล้วก็พยายามล้วงข้อมูลของบริษัทนั่นมาด้วย”

“ครับ”

“แล้วก็ส่งคนตามไอ้ผู้กองนั่นด้วย”

ศรานิ่วหน้า
“ตามไอ้ผู้กองนั่นด้วยเหรอเฮีย”

“ใช่ งานนี้ไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น แล้วเวลาจะติดต่อกันให้ใช้เบอร์โทรศัพท์อื่น..อั๊วไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด”

คนฟังพยักหน้า ก่อนจะเริ่มขับเคลื่อนรถยนต์ไปยังจุดหมายต่อไป


ต่อค่ะ

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:52:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com