2 เธออยู่ที่ไหนในโลกใบนี้
จะทำยังไงดี... จะทำยังไงดี... แองจี้แย่แล้ว!
เธอแพ้ท้องอวกแตกทั้งวัน เวียนหัวอ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น อย่างงี้จะช่วยปั้นเมฆรุ่นลุงสิบออกจากคุก หยุดยั้งแผนการยึดครองโลกของพี่พล แล้วรีบเผ่นกลับไปหาปั้นเมฆในโลกอดีตให้ทันอย่างที่คิดไว้ได้ยังไง
อา... คิดถึงปั้นเมฆจังเลย อยากกลับไปซุกไซร้ในอ้อมกอดเขา กระซิบบอกข่าวดี แล้วออดอ้อนขอรางวัล ไม่อยากจะคิดเลยว่า เขาจะดีใจขนาดไหนน้า... เฮ่อ... หวังว่าคงไม่ได้ติดอยู่ในโลกปัจจุบันจนกลับไปไม่ทันนะ
ตาทัพพีล่ะก็ใจร้าย สั่งย้ายเธอออกจากยุ้งข้าวมาอยู่บ้านเดียวกับเขา เพื่อเฝ้าดูเธอไม่ให้คลาดสายตา... ที่ไม่น่าเชื่อคือ ข้าวขวัญก็ย้ายมาอยู่ด้วยช่วยเฝ้าเธออีกแรง แองจี้ไม่รู้ว่า นำทัพพ์พูดกับข้าวขวัญยังไง
ตอนนี้ เรื่องป้าจี้ เราคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอ... เราต้องมาช่วยกันคิดหาทางช่วยลุงสิบก่อน นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ข้าวขวัญยอมเชื่อเขา
อีกอย่าง... เราอยากให้เธอมั่นใจว่า เรากับป้าจี้ไม่มีอะไรกันจริงๆ... แต่ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อ ล่อให้พ่อเด็กตัวจริงออกมา ถ้าไอ้หมอนี่รักป้าจี้ ยังไงมันต้องโผล่มาแน่
แต่ยัยจี้เส้นยืนยันว่า ยังไงเขาก็ไม่มา เธอเตรียมตัวเตรียมใจเป็นพ่อดีกว่า... ข้าวขวัญกัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตา
ทำไมมันจะไม่มาล่ะ ...ถ้าเธอท้องลูกเรา แต่ถูกลุงสิบกีดกันขังไว้ในบ้าน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ เราก็จะเข้าไปรับเธอกับลูกมาอยู่ด้วยกันจนได้
แล้วน้ำตาที่หญิงสาวกลั้นไว้ก็พังทลายลงมา
แต่เธอก็ยังคิดจะทิ้งฉันไปแต่งงานกับหญิงอื่น
...
นำทัพพ์ได้แต่ถอดถอนใจ พอดีป้าจี้ไม่ใช่หญิงอื่นน่ะสิ เขานึกในใจ แต่ไม่อาจพูดออกไปได้ จึงปล่อยให้เสียงสะอื้นเบาๆ ของหญิงสาวที่เขารักซึบซาบเข้าไปกัดกร่อนหัวใจช้าๆ
น่ากลุ้มใจจริงๆ... นำทัพพ์กับข้าวขวัญต้องมามีปัญหากันเพราะเธอกับไอ้ตัวจิ๋วในท้องเป็นต้นเหตุ อยู่บ้านเดียวกัน แต่แทบจะไม่พูดจามองหน้ากันเลย คิดแล้วแองจี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากตีพุงตัวเองดุลูกว่า... จะมาเกิดก็ไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา ไม่รู้มาทำไมตอนนี้ ดูสิ สร้างความร้าวฉานให้กับพี่ๆ...
อืม... พี่ๆ งั้นเหรอ? แองจี้เจอคำว่า พี่ เข้าไป ชักสะดุดใจ...
ตอนแรกที่เธอรู้ว่าลุงสิบคือปั้นเมฆ ก็ช๊อคจนไม่ทันได้คิดอะไรสลบไปเสียก่อน ตื่นมา รู้ว่าตัวเองท้อง ก็ดีใจจนลืมสงสัยอะไรบางอย่างไป...
ข้าวขวัญเป็นลูกลุงสิบ... ลุงสิบคือปั้นเมฆ...
เมื่อ A = B และ B = C ดังนั้น... A = C ...ข้าวขวัญเป็นลูกของปั้นเมฆ...
ส่วนเธอก็กำลังท้องลูกของปั้นเมฆ... อ่า... อย่าบอกนะว่า ยัยแม่มดคือ...
ม่ายยยยย!!! ไม่นะ... ไม่เอานะ ลูกสาวแบบนี้ แองจี้ลูบพุงของตัวเอง ปลอบใจ... คงไม่ใช่หรอกน่า ลูกของนางฟ้าย่อมต้องน่ารัก อ่อนหวาน สดใสซี่ จะออกมาเป็นแม่มดอย่างงี้ได้ไง
แต่ว่า... ถ้าชีไม่ใช่ลูกของปั้นเมฆกับเธอ ก็แปลว่า ปั้นเมฆมีลูกกับหญิงอื่น!
อ๊ากกกกกกก
ก!!! ไม่ย๊อม ไม่ยอมๆๆๆๆๆ ไม่ยอมเด็ดขาด
นี่นี่... แองจี้สะกิดเรียกเจ้านายเก่าโดยไม่คำนึงถึงมารยาทอย่างเคย เพราะถือดีว่าเธอเป็นเมียพ่อของชีเชียวนะ ...แม่ตะเองชื่อไรอ่ะ?
ข้าวขวัญงุนงงกับยัยจี้เส้น ที่จู่ๆ ก็มาถามคำถามแปลกๆ ที่สำคัญ มันเป็นคำถามสะกิดปมด้อยของเธออย่างแรง แม้แต่นำทัพพ์ก็ยังมิบังอาจแตะต้อง
เธอจะถามทำไม มีปัญหาอะไรกับชื่อพ่อแม่ฉันนักหนา หา?
หนอย... กล้าดุใส่เมียพ่อเธอเหรอ อย่าให้รู้นะว่าเป็นลูก เดี๋ยวเหอะ หม่ามี๊จับตีให้ตายเล้ย คอยดูดิ
ขอโทษค่ะ งี๊ด
กร่างอยู่แค่ข้างใน ที่ไหนได้ โดนดุก็จ๋อยแล้วยัยจี้เอ๋ย ...จี้แค่อยากรู้ว่า แม่ตะเองชื่อ ฟ้า หรือเปล่าเท่านั้นเองค่า
ประโยคนั้น ทำให้ข้าวขวัญถึงกับอึ้งตะลึงไป กลับเป็นฝ่ายเขย่าร่างบางถามด้วยความตื่นเต้น...
ทำไม... ทำไมเธอถึงคิดว่าแม่ฉันชื่อฟ้าล่ะ? เธอรู้เรื่องอะไรของแม่ฉันงั้นเหรอ?
ตายแล้ว แองจี้ เธอหลุดปากอะไรออกไปแบบนี้ได้ยังไง?
แล้ว... แล้ว... ใช่ชื่อ ฟ้า รึเปล่าล่ะคะ? น่า... ขอหน่อย นิดเดียวเอง คงไม่ถึงกับหลุดความลับออกไปหรอกมั๊ง
ฉันไม่รู้... แองจี้รู้สึกใจหายวูบ เมื่อข้าวขวัญส่ายหน้าช้าๆ ...ฉันก็เล่าให้เธอฟังหมดแล้วว่า ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแม่แท้ๆ เป็นใคร มีแต่คนโน้นคนนี้ร่ำลือกันจนไม่รู้เรื่องไหนเป็นเรื่องจริง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นลูกพ่อแท้ๆ รึเปล่า ข้าวขวัญตอบเสียงเศร้า
อา... จริงสินะ ข้าวขวัญอาจจะเป็นลูกที่ปั้นเมฆเก็บมาเลี้ยงก็ได้ จะว่าไป ก็น่าสงสารชีเหมือนกันนะ
ถึงเราพ่อลูกจะหน้าเหมือนกันมาก แต่ฉันก็เคยได้ยินหลายคนพูดว่า แม้แต่หมายังหน้าเหมือนเจ้าของที่เลี้ยงมันได้เลย
งั้น ทำไมถึงไม่ลองตรวจดีเอ็นเอดูล่ะ ถ้าไม่อยากไปโรง บาล ให้ทับบี้น้อยช่วยก็ได้ เครื่องไม้เครื่องมือออกจะครบ
ข้าวขวัญส่ายหน้าช้าๆ... ฉันกลัว...
เธอกลัวที่จะรู้ความจริง ถ้าเกิดว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวลุงสิบขึ้นมา... ไม่นะ... ขอร้องล่ะ เธอไม่มีมีแม่ แต่อย่างน้อย ก็ขอให้มีพ่อสักคนเถอะนะ
โถ... หนูข้าวขวัญ ...ด้วยความเวทนา แองจี้จึงสัญญากับตัวเองว่า เธอจะต้องรีบช่วยปั้นเมฆรุ่นลุงสิบออกมาโดยด่วน แล้วกลับไปยุคอดีตเบ่งลูกสาวออกมา ตั้งชื่อว่า ข้าวขวัญ จากนั้นก็เลี้ยงเจ้าตัวน้อยให้ดี ทีนี้ ยัยแม่มดก็จะมีแม่เป็นนางฟ้าที่แสนจะน่ารักอย่างแองจี้ ไม่โตขึ้นมาเป็นแม่มดโรคจิตที่ไม่ค่อยปกติแบบนี้ ตาทัพพีก็จะไม่ปวดกบาลล้านแปดด้วย เหอๆ
เดี๋ยวก่อน
แล้วถ้าเกิดลูกในท้องเธออกมามีติ่งน้อยห้อยติดมาด้วยล่ะ แว๊กกก... ยัยแม่มดก็จะกลายเป็นกระเทยแปลงเพศ!? ตาทัพพีของป้าจี้น่าสงสารที่สุดเล้ย
คิดไปคิดมา...ชักสับสน ข้าวขวัญกับลูกในท้องเธออาจจะเป็นคนละคนกันก็ได้? งั้นเจ้าหล่อนเป็นลูกใคร มาจากไหน ทำไมถึงไม่มีแม่? แล้วเธอล่ะ แองจี้... เธอไปอยู่เสียที่ไหน? ต่อให้ข้าวขวัญจะใช่หรือไม่ใช่ลูกเธอก็ตาม ถ้าเธอกลับไปยังโลกอดีต ใช้ชีวิตอยู่กับปั้นเมฆมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน... ก็ต้องมี ป้าฟ้า ภรรยาของลุงสิบสิ แต่ทำไมไม่มีเธออีกคนบนโลกใบนี้ล่ะ?
แม้แต่ชื่อ ฟ้า ข้าวขวัญก็ยังไม่รู้จัก แปลว่า ปั้นเมฆไม่เคยแม้แต่เอ่ยชื่อเธอให้ลูกของเขาฟัง มันหมายความว่ายังไง?
คำตอบนี้คงมีคนคนเดียวที่ตอบได้... ลุงสิบหรือปั้นเมฆในยุคปัจจุบันนั่นเอง!
แต่ว่า...ไม่ได้! แองจี้จะเจอลุงสิบไม่ได้เด็ดขาด!!!
ใจจริง... เธออยากเจอเขาเหลือเกิน แหม... ถ้าใครมีโอกาสได้เห็นหน้าตาสามีตัวเองล่วงหน้าตอนเขาอายุเฉียดห้าสิบล่ะก็ คงไม่มีใครไม่ตื่นเต้นอยากเห็นหน้าเขาหรอกมั๊งคะ ที่สำคัญ เธอจะได้ซักถามความจริงทุกอย่างที่ค้างคาใจด้วย
แต่ถ้าฟ้าเจอกับปั้นเมฆรุ่นลุงสิบในยุคนี้ล่ะก็จะเกิดอะไรขึ้นลองคิดดูซี่...
โพล๊ะ!
ความลับแตก!!!
ปั้นเมฆอาจจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ ว่าทำไมสามสิบปีผ่านไป เธอยังหน้าตาเหมือนเดิมเช๊ะ เพราะเขาเห็นเธอหน้าตาแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เหมาเอาว่าเธอเป็นนางฟ้าของเขาอยู่แล้ว (ก็ไม่แน่นะ เด็กๆ น่ะหลอกง่าย แก่ๆ ท่าจะยาก) แต่ตาทัพพีกับข้าวขวัญต้องสงสัยแน่ ว่าทำไมลุงสิบถึงได้รู้จักเธอ อา... ไม่ใช่แค่รู้จักเฉยๆ นะ ยังเคยๆ ...หุหุ... กันด้วย ...อร๊าย... อายเค้าจัง
แล้วถ้าความลับแตกโพล๊ะในยุคนี้ สัญญาที่ให้ไว้กับพระแม่โพสพและกามเทพก็จะเป็นโมฆะ เธอก็จะกลับไปหาปั้นเมฆวัยกระเตาะของเธอในยุคอดีตไม่ได้อีกต่อไป
ไม่นะ ไม่ไม่ไม่... แองจี้ไม่ยอม แค่คิด เธอก็แทบทนไม่ไหว อยากกระโดดกระพ้อมหนีไปตอนนี้เลย
แต่ว่า... มันคาใจ... ถ้าเธอกลับไปอยูกับเขาในยุคอดีต... แล้วทำไมในโลกยุคนี้ไม่มีเธอ?
ความรู้สึกกลัวเร้นลึกผุดพรายขึ้นมา เมื่อนึกถึงที่ข้าวขวัญเคยเล่าว่า เธอไม่แน่ใจว่าแม่ตายไปแล้วหรือเปล่า
หรือว่า... ฟ้าของปั้นเมฆ... ตาย!!! เธอตายแล้วทิ้งข้าวขวัญไว้ให้เขาเลี้ยงคนเดียว
แต่ถ้าบวกกับอีกกรณี... ข้าวขวัญไม่ใช่ลูกสาวเธอ เป็นไปได้มั๊ยว่าเธอตาย ปั้นเมฆก็เลยแต่งงานใหม่กับแม่ข้าวขวัญ? แล้ว... แล้ว... ลูกในท้องเธอเล่า อยู่ไหน? หรือว่า... ตายทั้งกลม!
...พี่เมฆ.......ขา............................... (เห็นภาพแองจี้อุ้มลูกมือยาวยืดลอยมาแต่ไกลมั๊ยคะ แง้ น่ากลัวอ่ะ)
คิดมาถึงตรงนี้ แองจี้ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว เธอต้องรู้ความจริงให้ได้ ไม่อย่างงั้นเธอกลับไปใช้ชีวิตกับปั้นเมฆวัยกระเตาะไม่เป็นสุขแน่ มีทางไหนบ้างที่จะสืบรู้ความจริงเรื่องนี้โดยที่ไม่ต้องเจอปั้นเมฆรุ่นลุงสิบมั๊ยนะ?... แล้วแองจี้ก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้... คุณย่า!
เธอลืมคุณย่าไปได้ยังไง... ถ้าลุงสิบคือปั้นเมฆ คุณย่าก็คือแม่ฝนคนสวยน่ะสิ!
ต๊าย... ไม่น่าเชื่อว่า นางเอกสาวสวยแห่งตำนานรักทุ่งรังสิตจะกลายเป็นหญิงแก่หูหนวก สังขารไม่เที่ยงของแท้ แต่เมื่อนึกดูดีๆ แล้ว คุณย่าก็ยังเหลือเค้าหน้าของแม่ฝนอยู่บ้าง เพียงแต่เธอไม่เคยสังเกตมาก่อนเท่านั้น อ่า...แต่เรื่องหน้าตายังไม่สำคัญเท่ากับ... อีกหนึ่งปริศนาที่เกิดขึ้นมา ไหนปั้นเมฆบอกว่าแม่ของเขาตายไง ยังโทรศัพท์คุยกันว่า หลังงานศพ เขาจะอยู่กรุงเทพช่วยป้าทำงานจนกว่าจะหาคนอื่นทำแทนแม่ที่จากไปได้ แต่ทำไมคุณย่ายังอยู่บ้านลุงสิบล่ะ?
หรือว่าปั้นเมฆโกหกเธอด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง?... ไม่งั้นเขาก็อาจจะเข้าใจอะไรผิด แม่ฝนไม่ได้ตาย แค่ประสบอุบัติเหตุ สูญเสียความทรงจำ เลยกลับบ้านไม่ถูก (นางเอกทุ่งรังสิตเวอร์ชั่นเกาหลี) หลายปีผ่านไป พอจำทางกลับบ้านได้ค่อยกลับมา แต่หูที่หนวกรักษาไม่หาย ส่วนคนที่ตายไป ปั้นเมฆจัดงานศพให้ คือหญิงอื่นที่เสียโฉมจนหมอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแม่ฝน? (นางเอกทุ่งรังสิตเวอร์ชั่นฮอลีวู๊ด)
ไม่รู้ล่ะ คุณย่าน่าจะตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งเรื่องราวของปั้นเมฆกับเธอด้วย
จะบ้าเร๊อะ ข้าวขวัญโวยวายเมื่อแองจี้ชวนชีไปหาคุณย่าที่บ้าน ...หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว
? ทำไมต้องโมโหด้วยนะ
คุณย่าฉันเสียไปตั้งนานแล้ว!
เย้ยยยยย! แองจี้ได้ยินแล้วร้องลั่นบ้าน ...อย่าล้อเล่นอะไรน่าขนลุกอย่างงั้นสิค้า ไม่ได้ล้อเล่นนะ คุณย่าน่ะ โดนรถชนตายไปตั้งแต่ก่อนฉันเกิดอีก
อ้าว... แล้วทำไมตะเองยังเล่าให้จี้ฟังเลยว่า ตอนเด็กๆ คุณย่ามาเยี่ยม?
ก็ที่ฉันเห็นน่ะ... ข้าวขวัญกระซิบตอบเสียงเบาราวกับกลัวคุณย่ามาได้ยิน ...ก็เหมือนกับที่เธอเห็นนั่นแหละ!
แว๊ก...!!! แปลว่า ที่แองจี้เดินไปคุยกับคุณย่ามาตลอดนั่นคือ... ผะผะผะ ผี...!!!!!!!
ตอนเด็กๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณย่าใจดีที่มาเล่นด้วยน่ะ ตายไปแล้ว แค่สงสัยว่าทำไมพ่อมองไม่เห็นคุณย่า ต้องถามฉันแล้วเอารูปถ่ายของคุณย่ามาให้ดูว่า คนที่ฉันเห็นเหมือนกับคนในรูปหรือเปล่า พอฉันบอกว่าใช่ พ่อก็สบายใจ สอนฉันว่าเวลาคุณย่ามาให้ไหว้สวยๆ เล่นด้วยได้ คุณย่าใจดี แต่อย่าตามคุณย่าไปละกัน
อึ๋ย... ขนลุก
ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าไม่บอก ก็ไม่รู้หรอกว่าแกไม่ใช่คน ฉันว่าแกไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว ทำตัวเหมือนยังมีชีวิตอยู่ แถมแก่ลงไปตามวัยได้อีกต่างหาก... พ่อบอกว่าที่คุณย่าหูหนวก น่าจะเกิดจากกระจกรถแทงทะลุหูตอนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ...พอฉันโตขึ้น ก็ค่อยๆ รู้ความจริง คุณย่าก็ไม่ค่อยมาให้ฉันเห็นอีก
มิน่าล่ะ ตอนที่แองจี้เจอข้าวขวัญที่หน้าบ้านลุงสิบเช้าวันนั้น... พอเธอบอกว่า มาคุยกับคุณย่าตามประสาผู้หญิงรักเด็ก ชีฟังแล้วถึงได้ทำท่าตกใจเหมือนกลัวอะไร...
ใช่สิ... ฉันก็ตกใจแน่ล่ะ เธอเห็นคุณย่า ยังไม่เท่าไหร่ แต่บอกว่าสื่อสารกับคุณย่าได้ สนิทกันถึงขั้นมานั่งเม้าที่บ้านฉัน มันน่ากลัวมั๊ยล่ะนั่น
ฮือๆ... น่ากลัวเซ่ เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เจอคุณย่าครั้งแรก ไอ้พวกหมาๆ ที่เดินตามมาหอนกันใหญ่
แล้ว... แล้ว... ทำไมอ่า... ตอนป้าจี้เล่าให้ทับบี้น้อยฟังว่า ไปคุยกับเจ้าของบ้านหลังนั้นมา ทับบี้น้อยก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นคุณย่า? แองจี้รีบหันไปถามนำทัพพ์ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเตรียมเอกสารสำหรับช่วยลุงสิบอยู่ ...หรือทับบี้น้อยก็เห็นคุณย่าเหมือนกัน? อะไรจะเฮี๊ยนปานนั้นคะ
ทัพพ์ไม่เคยเห็นหรอก อยากเห็นจะตาย ทับบี้น้อยเงยหน้าขึ้นมาตอบ ...ทัพพ์มีเรื่องอยากถามตั้งหลายเรื่อง... ตายแล้วไปไหน... จิตวิญญาณกับเซลล์สิ่งมีชีวิตสัมพันธ์กันยังไง... สมกับเป็นทับบี้น้อยจริงๆ
ที่ทัพพ์เค้าเดาได้ว่าเป็นคุณย่าเพราะฉันเคยเล่าเรื่องคุณย่าให้เค้าฟัง ข้าวขวัญเป็นคน ตอบ
แต่ทำไมทับบี้น้อยดูไม่ตื่นเต้นเลย เหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ?
ก็มีหลายคนเห็นคุณย่าน่ะสิ พวกที่เค้ามาอบรมน่ะ คุณย่าชอบโผล่มาคุยด้วย โอ๊ย...ถูกหวยกันเป็นแถวเลย นำทัพพ์บอกยิ้มๆ
บอกแล้วว่าคุณย่าใจดี
อ้าว แม่ฝน... ทำไมไม่เห็นใบ้หวยให้จี้รวยมั่งเลย อุตส่าห์คอเดียวกันแท้ๆ รักเด็กกรุบๆ ที่ทัพพ์แปลกใจน่ะ คือนักรบโบราณอะไรที่ป้าจี้เจอในยุ้งข้าวมากกว่า ไม่เห็นมีใครเคยเจอเลย นำทัพพ์พูดขึ้นมาทำให้แองจี้นึกถึงปริศนาคาใจได้อีกเรื่องหนึ่ง...
ในเมื่อปั้นเมฆยังมีชีวิตอยู่เป็นลุงสิบ งั้นเย็นวันนั้น ผีนักรบหนุ่มโบราณที่เธอเห็นในยุ้งข้าว นั่น... คืออะไร?
ขวัญไปไหน?
แองจี้ขำทับบี้น้อย เข้าบ้านมาถึงไม่เห็นข้าวขวัญอยู่ก็ร้อนขึ้นมาเชียว น่าแกล้งจริงๆ
ไปหาแฟนเค้าสิ
...
อู๊ย! ...ดูหลานชายดิฉันทำหน้าสิค้า หึงเค้าล่ะซี่
ทับบี้น้อยจะรับเป็นพ่อเบบี๋ของป้าจี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ จะไปแคร์ทำไมยัยแม่มดไปหาคุณพล?
เมื่อเห็นท่าทางหัวใจสลายของหลานชาย ป้าจี้ก็ชักใจอ่อน ...ล้อเล่นน่า... ชีไปทำงาน
ทำงาน?
เอ้า งงได้อีก... วันนี้วันจันทร์นะ บริษัทไม่ปิด อาทิตย์ก่อน ชีลางานมาอยู่ที่นี่เกือบทั้งอาทิตย์ ลานานกว่านี้ บริษัทชีเจ๊งพอดี นอกจากทับบี้น้อยจะรับเลี้ยงดู ก็รีบๆ บอกให้ชีปิดกิจการ ลาออกมาเป็นแม่บ้าน คอยทำอาหาร ถูนวดให้ทับบี้สิ
บ้า! ...หุหุ ดูซิเขิน ป้าจี้พูดถูกใจอ่ะเด้
หรือว่า เคยบอกแล้ว แต่ชีหนีไป เพราะไม่อยากให้เสี่ยเลี้ยง?
ป้าจี้!!!
กรี๊ด! ช่วยด้วยค่า ทับบี้ทำท่าจะกระโดดมาขบหัวป้าจี้แล้ว
ไปรู้อะไรมาจากไหน?
ก็ทับบี้น่ะงี่เง่า แทนที่จะบอกรักเค้าแล้วก็ขอแต่งงาน ดันพูดจาเฮงซวยไม่เข้าหู ไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงเค้าชอบได้ยินอะไร เดี๋ยวป้าจี้เขียนบทให้ ...ขโมยของปั้นเมฆไปใช้ก็ได้ หวานน่ารักซ้า ป้าจี้ใจละลาย
ไม่ต้องยุ่งน่า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ใครเล่าอะไรให้ฟัง ไอ้พี่:-)ใช่มั๊ย
(:-)... ซวยกรูอีก พี่:-)บ่น)
ไม่บอก เอาเป็นว่า ป้าจี้รู้ละกัน ว่ายัยแม่มดของทับบี้น้อยน่ะ เค้ารักเดียวใจเดียว หนุ่มๆ พวกนั้นน่ะ เป็นแค่กระสอบทรายของชีเท่านั้นแหละ ...ส่วนคุณพลน่ะ ไม่ต้องห่วงเลย หลอกใช้ชีไม่ได้ง่ายๆ หรอก
เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่นำทัพพ์ได้ยินข้าวขวัญพูดกับคุณพลในโทรศัพท์ เขาโมโหจนไม่ทันได้คิดอะไรทั้งนั้น... แต่หลังจากลงโทษเธอจนสมใจแล้ว มาใช้สติ คิดพิจรณาดู เขาไม่อยากจะเชื่อว่าข้าวขวัญที่เขารักเป็นคนอย่างงั้นเหมือนกัน
ชีพยายามจะไปเจรจากับคุณพล ...ทับบี้ก็รู้นี่ว่า พี่ชายทับบี้เป็นยังไง... แองจี้แอบเซ็งเหมือนกันที่มีพี่ชายร่วมสายเลือดเป็นแบบนี้
ตอนแรกชีก็ไม่แน่ใจ ว่าทับบี้น้อยเอาข้าวที่นี่ไปทำงานวิจัยให้ทรูฟู๊ตจริงหรือเปล่า ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกัน แต่พอคุณพลใช้ให้เธอมาจิ๊กงานวิจัยใหม่ๆ ของทับบี้ ชีก็เลยจับได้ว่า พี่น้องสองคนไม่ได้สุมหัวกันหักหลังลุงสิบ
แต่ทำไมเธอ...
อ๋อ... ชุดลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ที่ทับบี้น้อยฉีกของเค้าซะกระจุยชิมิ? อิอิ
แค่ขาดนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับกระจุย... เย้ย!!!... นี่ป้าจี้รู้ได้ไง... ชายหนุ่มโวยวาย แต่ป้าตัวน้อยของเขาแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ ทำหน้าที่ กาวประสานหัวใจ ต่อไป
ก็ชีเห็นว่ายังไงๆ ทับบี้ก็โตขึ้นมาในบ้านท่านเจ้าสัว กลัวว่าทับบี้จะไม่ช่วย ก็เลยใช้แผนที่คุณพลชี้โพรงให้กระรอกไว้ เอาตัวเข้าแลก ฟังดูงี่เง่าเน๊าะ ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงฉลาดระดับเอ็มดีบริษัทจะคิดได้แค่นี้ ป้าจี้ว่าจริงๆ ชีอยากฟันหลานชายป้าเลยหาข้ออ้างมากกว่า แต่... หุหุ... ทับบี้น้อยก็ชอบใช่ม๊า... หาข้ออ้างจับยัยแม่มดมาลงโทษเหมือนกาน คริคริ
ป้าจี้!!! นำทัพพ์พูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวมารวมอยู่ที่หน้าหมดแล้ว ...อย่าบอกนะว่า ป้าแอบดู?!
ไม่ได้แอบดู๊ ...แต่ป้าจี้รู้หมด คิคิ สองคนทำอารายกานบ้าง ป้าจี้ไม่ว่าหรอก ป้าจี้ช๊อบ ป้าจี้เชียร์... 555 ไม่ต้องอายน่า...
เด็กบ้า นี่หัดเป็นแม่สื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ หา? ผลักไสทัพพ์ไปให้คนอื่น ไม่อยากแต่งกับทัพพ์ขนาดนั้นเชียวรึ? สงสัยพ่อเด็กตัวจริงท่าจะหล่อมาก...?
หล่อซี่ ป้าจี้รักจะตาย...
งั้นไปพาเค้ามาเร็วๆ
อ๊าย... เข้าตัว เด้งกลับมาประเด็นเดิมได้ยังไงกันเนี่ย ต้องรีบเบี่ยงเบน...
ที่ป้าไม่อยากแต่งกะทัพพ์เพราะ กลัวกกน.ขาด ต่างหาก
ป้าจี้ เดี๋ยวตีให้ตายเลย ทะลึ่ง!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ค. 54 21:34:55
|
|
|
|