Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 8 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10695968/W10695968.html

===============================================

        บานทวารห้องนั่งเล่นส่วนพระองค์ของเจ้าชายกันนาร์ค่อยๆ แง้มเปิดออก บุรุษหนุ่มเจ้าของห้องเดินพระพักตร์ง่วงงุนเข้าไปภายในอย่างไม่ค่อยเต็มพระทัยนัก เวลานี้นับว่ายังเช้าอยู่มาก แสงเงินแสงทองเพิ่งจะเรื่อเรืองขึ้นจับขอบฟ้าทางทิศตะวันออก น้ำค้างยังคงค้างอยู่บนยอดหญ้า กลิ่นดอกไม้กลางคืนบางชนิดยังอวลกรุ่นอยู่ในบรรยากาศ ...แล้วใครกันหนอช่างมาขอเข้าเฝ้าพระองค์ในยามเช้าตรู่เช่นนี้ได้

       เจ้าชายกันนาร์ทอดพระเนตรไปรอบห้อง แม้ม่านกำมะหยี่สีเลือดหมูจะถูกรูดเปิดออกทุกด้านเผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทาเข้มภายนอก หากภายในห้องยังต้องตามไฟเอาไว้เพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอ แขกของพระองค์นั่งรออยู่แล้วบนเก้าอี้ผ้าไหมยกดอกตัวยาว ขนาบสองข้างด้วยเก้าอี้เท้าแขนบุนวมนุ่มเข้าชุดกัน เว้นช่องตรงกลางไว้สำหรับตั้งโต๊ะไม้ตัวเตี้ย ด้านบนฝังกระดานหมากรุกเป็นหินอ่อนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำสลับขาว มีตัวหมากทำด้วยคริสตัลและทับทิมเจียระไนฝีมือประณีตจัดเรียงไว้พร้อม

       พอผู้เป็นแขกเหลียวมาเห็นพระองค์เข้า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อก็คลี่ออกเป็นรอยยิ้มประจบ ไม่ต้องเห็นหน้ากันถนัด เจ้าชายก็พอจะเดาได้แล้วว่าผู้ที่กล้าปลุกพระองค์แต่เช้าเป็นใคร

       “อรุณสวัสดิ์” เจ้าหญิงกาอิยาห์เอ่ยทักพี่ชายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

       ผู้เป็นพี่ไม่ตอบ หากตั้งท่าจะเดินย้อนกลับเข้าสู่ห้องนอนตามเดิม

       “พี่กันนาร์ใจร้าย น้องอุตสาห์มานั่งรอตั้งนานนะคะ”

      “รอที่ไหน เจ้ามาปลุกข้าชัดๆ... เอ้า ก็ได้ มีอะไรก็รีบว่ามา”

       เจ้าชายกันนาร์จำใจเสด็จข้ามห้องมาทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ยังว่างอยู่ พระองค์รู้สึกแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะตามปกติแล้วเจ้าหญิงกาอิยาห์ไม่ใช่คนที่จะตื่นเช้าขนาดนี้ได้

       “มีอะไรก็พูดมาสักทีสิกายย์” ทรงร้องเร่งเมื่อเห็นว่าน้องสาวยังเอาแต่นั่งเหลียวหน้าเหลียวหลังเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง

       “เมลล่ะคะ”

       ชื่อนั้นกระทบความรู้สึกของคนฟังเข้าอย่างจัง

       “เมลของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่”

       “อ้าว”

       “ไม่ต้องมาอ้าว ข้าให้อาจารย์ของเจ้าพักอยู่กับพวกนักบวชที่เรือนแถวโน่น”

       ดวงพักตร์นวลใสของเจ้าหญิงกาอิยาห์มีร่องรอยผิดหวังปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง

       “งั้นน้องก็ไม่มีธุระกับพี่กันนาร์แล้ว ไปนอนต่อเถอะค่ะ”

       นางตัดบทง่ายๆ ด้วยการลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปที่ประตูห้องเพื่อเตรียมตัวกลับ ทิ้งให้ผู้เป็นพี่นั่งอ้าปากค้างมองอยู่กับที่

       “เจ้ามาปลุกข้าแต่เช้าด้วยเรื่องแค่นี้หรือ”

       “ก็น้องนึกว่าเมลอยู่กับพี่นี่นา เอ้า น้องขอโทษก็ได้”

       เจ้าชายกันนาร์ไม่ใส่พระทัยกับคำขอโทษของน้องสาว พระองค์รีบเสด็จตามไปขวางหน้านางเอาไว้ก่อนที่จะก้าวพ้นไปจากห้อง

       “เดี๋ยวก่อนสิกายย์ เจ้าจะรีบไปไหน อย่าบอกนะว่าจะไปหาเจ้าหมอนั่น”

       “เจ้าหมอนั่น...” เจ้าหญิงกาอิยาห์ทวนคำเหมือนไม่เข้าพระทัย หากพอนึกได้ว่าพี่ชายน่าจะหมายถึงใคร รอยยิ้มซุกซนก็ผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์

       “ใช่แล้วละค่ะ น้องกำลังจะไปหา ’เจ้าหมอนั่น’ แหละ”

       “เจ้าจะรีบไปทำไมตั้งแต่ฟ้าเพิ่งจะสาง ไว้รอพบเขาตอนข้าพาไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทไม่ได้หรือ”

       “ไม่ได้ค่ะ” น้องสาวตอบทันควัน พร้อมกับให้เหตุผลที่ทำให้คนเป็นพี่แทบลมจับ

       “น้องอยากเจอเมลนี่นา ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว...คิดถึงออก”

       เจ้าชายกันนาร์ขมวดพระขนงอย่างไม่ชอบพระทัย จ้องมองวงพักตร์งามน่ารักของน้องสาวด้วยอาการคิดหนัก...ในฐานะที่พระองค์เป็นพี่ จะปล่อยให้นางไปพบปะพูดคุยกับเจ้าหนุ่มรูปหล่ออย่างร้ายกาจคนนั้นตามลำพังได้อย่างไร ต่อให้ไม่ใช่เวลาเช้ามืดอย่างเดี๋ยวนี้แต่เป็นตอนบ่ายแดดร้อนเปรี้ยงก็เถอะ ถึงเจ้าหญิงกาอิยาห์จะมีนางข้าหลวงติดตามไปด้วยหมดทั้งตำหนักพระองค์ก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี

       สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ต้องยอมแพ้ หันไปตรัสกับน้องสาวอย่างเสียไม่ได้

       “เอาละกายย์ ข้าจะพาเจ้าไปเอง...”


     
       เจ้าชายกันนาร์พาพระขนิษฐาขี่ม้าเข้ามาจนถึงบริเวณลานโล่ง หน้าอาคารสีขาวหม่นซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนสมุนไพรเขียวขจี แม้เวลานี้จะยังเช้าอยู่มาก หากบรรดานักบวชส่วนใหญ่ต่างก็วุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมสมุนไพรสำหรับปรุงยาถอนพิษเพื่อช่วยชีวิตองค์ราชา พวกเขาจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะแปลกใจกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของแขกหนุ่มผู้สูงศักดิ์

       พระองค์ตวัดร่างลงจากหลังม้า จูงมันไปผูกไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างห้องปรุงยาก่อนจะรับร่างของน้องสาวลงมาสู่พื้น ทรงกวาดสายพระเนตรมองหานักบวชหนุ่มชาวแลมพ์ตันในหมู่ชายสวมชุดยาวกรอมเท้าที่ง่วนอยู่กับการดูแลต้นพืชในสวน เมื่อไม่พบ จึงพาเจ้าหญิงกาอิยาห์เสด็จต่อไปยังเรือนแถวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องพระพักตร์ พระองค์ต้องเสียเวลาเดินวนเวียนตามหาเขาอยู่ครู่ใหญ่ จึงพบว่านักบวชที่ดูไม่ค่อยจะเหมือนนักบวชผู้นั้นนั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านหลัง ตั้งอกตั้งใจมองดูเจ้าเด็กขอทานใช้ดาบไม้ในมือฟาดเข้าใส่ท่อนฟืนที่ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ใหญ่เหนือศีรษะ ปากก็ตะโกนให้คำแนะนำเด็กหนุ่มไปด้วย

       เจ้าชายกันนาร์ส่ายพระพักตร์อย่างรับไม่ได้ เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ นักบวชสอนการใช้อาวุธให้ผู้อื่น แล้วดูหมอนั่นแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าสิ เหมือนนักบวชเสียที่ไหน พระองค์ตั้งท่าจะกระแอมให้อีกฝ่ายรู้ตัว หากไม่ทันคนเป็นน้องที่ส่งเสียงเรียก ‘เมล’ เสียดังลั่นพร้อมกับถลกกระโปรงวิ่งถลาตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม พอถึงตัว เด็กสาวก็โผเข้ากอดจนฝ่ายที่เพิ่งจะลุกขึ้นเหลียวหน้ามามองเกือบจะเสียหลักล้มกลิ้งไปด้วยกัน ดีแต่ฝ่ายนั้นอ้าแขนโอบรับร่างเล็กบางเอาไว้ทัน

       คนเป็นเจ้าหญิงแย้มสรวลพระเนตรหยี ส่งเสียงใสแจ๋วราวระฆังเงินรัวใส่เจ้าของอ้อมแขนเป็นชุด

        “เมล ข้าดีใจจังที่เจ้ามาได้ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยให้เจ้าฟังเยอะแยะเลย จริงสิ เจ้าเป็นยังไงบ้าง แล้วพี่เกลด้าล่ะสบายดีหรือเปล่า เจ้าชายเอเดรียนกับพี่เขยของข้าด้วย พวกเขาสบายดีใช่มั้ย ข้าคิดถึงเจ้ากับทุกๆ คนเหลือเกิน เจ้ามาถึงลินเด็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วสินะ ทำไมถึงไม่รีบไปพบข้าล่ะ…”

       คนถูกโผเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัวขยับกายอย่างอึดอัด ไม่รู้จะเลือกตอบคำถามไหนก่อนดี พอเงยหน้าขึ้นก็ปะทะเข้ากับสายตาเขียวปัดของชายหนุ่มผู้มีเค้าหน้าละม้ายเด็กสาวในอ้อมแขนอย่างจัง ชายผู้นั้นกำลังจ้องเขม็งมาที่นางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ประกายบางอย่างในดวงตาสีม่วงคมกริบบอกให้รู้ว่าเขาไม่พอใจขนาดหนัก หญิงสาวนึกถึงสภาพของตนเองกับเจ้าหญิงกาอิยาห์ขึ้นมาได้ จึงรีบคลายวงแขนออกโดยเร็วพร้อมกับยิ้มแห้งๆ

       เจ้าหญิงกาอิยาห์เหลียวมองตามสายตาของเพื่อนสาว พอทอดพระเนตรเห็นสีหน้าบูดบึ้งของผู้เป็นพี่ก็ทรงพระสรวลคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

       “นั่นกันนาร์พี่ชายของข้าเองแหละ...” เด็กสาวขยายความด้วยเสียงกระซิบ “กันน์เค้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ชายน่ะเมล แต่อย่าเพิ่งบอกความจริงออกไปตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวกันน์จะช็อกตายไปเสียก่อน”

       ถึงคนเป็นเจ้าหญิงไม่สั่ง เมลิอานาร์ก็ไม่มีความคิดที่จะพูดอะไรออกไปอยู่แล้ว เพราะสารรูปของนางตอนนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นผู้หญิงก็คงไม่มีใครเชื่อ

        “กายย์” เจ้าชายกันนาร์เอ่ยเรียกน้องสาวด้วยเสียงหนักกว่าปกติ “มาหาข้าทางนี้”

       เจ้าหญิงกาอิยาห์ยอมทำตามคำสั่งของผู้เป็นพี่อย่างว่าง่าย แล้วถือโอกาสแนะนำอีกฝ่ายให้พี่ชายรู้จักเสียเลย

       “พี่กันนาร์ นี่เมล เป็นคนที่น้อง... เอ่อ...สนิทที่สุดตอนอยู่แลมพ์ตัน”

       “ยินดีที่ได้พบ” เจ้าชายกันนาร์ตอบรับเสียงห้วน

       “เช่นกัน...พ่ะย่ะค่ะ”

       เมลิอานาร์งึมงำคำลงท้ายอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงนักพลางค้อมกายลงต่ำ เมื่อยืดกายขึ้นอีกครั้งนางก็เหลียวหาเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันหวังจะแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จัก ทว่ายังไม่ทันจะอ้าปาก เจ้าตัวแสบก็หันหลังเดินหนีเข้าบ้านพักไปเสียแล้ว

       “เฮ้ เดี๋ยวสิ ซิส...บ๊ะ เจ้าหมอนี่”

       “ใครน่ะเมล”

       เจ้าหญิงกาอิยาห์ชะเง้อมองตามร่างของหนุ่มน้อยวัยไล่เลี่ยกันไปด้วยความสนพระทัย

       “เพื่อนของเจ้าหรือ?”

       “เด็กเลี้ยงม้าที่บ้านพักคนเดินทางน่ะเพ..พ่ะย่ะค่ะ ชื่อซิส เขาโดนเถ้าแก่ไล่ออกก็เลยขอติดตามหม่อมฉ..เอ๊ย...กระหม่อมมาด้วย ถ้าไม่เป็นการรบกวนองค์หญิงจนเกินไปนัก กระหม่อมก็อยากจะขอฝากซิสไว้เป็นเด็กรับใช้ที่นี่สักคน”

       “ได้ซี่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ใช่มั้ยพี่กันนาร์”

       เจ้าหญิงกาอิยาห์หันไปเขย่าแขนพี่ชายกึ่งถามกึ่งขอร้อง

       “ก็ได้ ข้าจะจัดการให้เอง ท่านนักบวชไม่ต้องเป็นห่วง”

        เมลิอานาร์ขยับจะยิ้มรับความเอื้อเฟื้อของชายหนุ่ม หากต้องเปลี่ยนเป็นย่นหัวคิ้วแทนเพราะสะดุดหูกับบางถ้อยคำในประโยค

       นักบวชอีกแล้วหรือ?

       ทำไมคนที่นี่ชอบคิดว่านางเป็นนักบวชกันนักนะ...

       หญิงสาวยังไม่ทันจะได้ปริปากพูดอะไรต่อ ก็พอดีเจ้าชายกันนาร์ทรงหันไปทางน้องสาวเสียก่อน

       “กายย์ เจ้ากลับตำหนักไปได้แล้ว”

       รอยยิ้มแจ่มกระจ่างบนพักตร์นวล ‘หุบ’ ลงทันควัน

       “อะไรกัน น้องยังคุยกับเมลไม่ถึงห้าประโยคเลยนะคะ ทำไมจะต้องรีบกลับ”

       “เจ้ายังมีวิชาประวัติศาสตร์กับลีลาศที่ต้องเรียนในช่วงเช้านี่ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าโดดหรอกนะกายย์ อีกอย่างตอนบ่ายเจ้าต้องเข้าเฝ้าท่านน้าพร้อมกับเจ้าหญิงลูเซียด้วย ลืมหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือไง”

       ‘หน้าที่’ ที่พี่ชายหยิบยกขึ้นมาเอ่ยอ้างในประโยคหลัง ทำให้คนเป็นน้องต้องยอมยอมจำนนโดยไม่มีคำโต้แย้งใดๆ อีก

       “เจ้าไปรอที่ม้าก่อน ข้าขอคุยธุระกับท่านนักบวชครู่เดียวแล้วจะรีบตามไป”

       เจ้าชายกันนาร์ออกคำสั่ง ทรงรอจนแน่พระทัยว่าผู้เป็นน้องสาวเดินห่างออกไปจนไม่มีโอกาสได้ยินบทสนทนาของพระองค์แล้ว จึงสาวพระบาทเข้าไปหานักบวชชาวแลมพ์ตัน

       “เอาละ ทีนี้มาว่าเรื่องของท่านกันต่อ...”

       พระองค์ยื่นพระพักตร์เข้าไปใกล้ชายหนุ่มจนพระนาสิกแทบจะชนกับจมูกของอีกฝ่าย ยังดีที่ทรงยั้งพระทัยเอาไว้ได้ ไม่ขยุ้มคอเสื้อของเขาติดพระหัตถ์ขึ้นมาด้วย

       “ไม่ว่าที่แลมพ์ตัน ท่านจะสนิทสนมกับกายย์มากแค่ไหน แต่ขอให้ช่วยจำเอาไว้ด้วยว่าที่นี่คือกรีนแลนด์ เพราะฉะนั้นอย่าให้มีภาพแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ถ้าข้าเห็นหรือได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อีกแม้แต่หนเดียวละก็ ท่านเตรียมตัวไสหัวออกไปจากกรีนแลนด์ได้เลย”

       เจ้าชายกันนาร์ขยับถอยออกห่างจากนักบวชหนุ่ม ใช้สายพระเนตรมองสำรวจเครื่องแต่งกายอันประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว และรองเท้าบู้ทหนังนุ่มของเขาอย่างตำหนิ

       “องค์ราชาทรงมีพระประสงค์ให้ข้าพาท่านไปเข้าเฝ้า หลังอาหารมื้อเที่ยงข้าจะรอท่านอยู่ที่ห้องปรุงยา อ้อ แล้วถ้าไม่ลำบากจนเกินไปนักก็ช่วยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดที่มันดูเข้าท่ากว่านี้ด้วย ถ้าท่านไม่รู้ว่าควรจะแต่งกายอย่างไร ลองถามจากพวกนักบวชที่อยู่รอบๆ ตัวท่านดูก็ได้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงจะมีเสื้อผ้ามากพอที่จะให้ท่านขอยืมสักชุดสองชุดหรอก”

       พระองค์ตรัสทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น แล้วทรงสาวพระบาทจากไปในทิศทางเดียวกับเจ้าหญิงกาอิยาห์ โดยไม่เบือนพระพักตร์กลับมามองคนที่ยังยืน ‘อึ้ง’ อยู่กับที่อีกแม้แต่แวบเดียว

จากคุณ : akihiro
เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 54 20:36:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com