Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 13).........เทพธิดาบอด ติดต่อทีมงาน

=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 13…….เทพธิดาบอด
: GTW
=============


ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10725334/W10725334.html

เฟรี่ความจำเสื่อมชั่วคราว เลยรับบทคนรับใช้ในตึกของปีศาจขาว
ส่วนปีศาจเดินทางออกจากดินแดนของตัวเองเพื่อไปหายามารักษาเฟรี่


----------------


ไม่หรอก......เชร่าพูดในใจไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน....คุณเฟรี่เป็นคนรับใช้ไม่ได้หรอก ชะตาลิขิตชีวิตมาแบบนั้น เพียงแต่นี่เป็นการเปิดพรมแดนทางจิตใจขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง พรมแดนด้านใสสะอาดบ่งบอกถึงตัวตนแท้จริงในการสัมผัสถึงจิตวิญญาณของตัวเองและค้นพบหัวใจของตนเอง

“งั้นได้เลย พวกเรามาลุยกัน”

แล้วในห้องครัวก็ครึกครื้นขึ้น จากผีมือพี่เลี้ยงแสนดีและลูกมือจากเบื้องบนคนดี



**********


แม่น้ำแห่งความตายเยือกเย็นอ้างว้างและมีหมอกควันลอยปกคลุมเหนือผิวน้ำลางเลือนชั่วนาตาปี  ท่ามกลางกลุ่มหมอกควัน เรือแจวคร่ำคร่าเก่าแก่ลำหนึ่งค่อยลอยเคลื่อนผ่านม่านหมอกไปด้วยความเร็วอันน่าแปลกใจ เมื่อเทียบกับชายชราแจวเรือชุดดำผู้มีท่าทางอ่อนล้าราวกับจะหมดแรงหลุดร่วงลงไปในสายน้ำได้ทุกเมื่อ แต่มือกร้านซึ่งกุมด้ามพายกลับมั่นคงแข็งแรงเปี่ยมพลัง

หัวเรือสตรีชุดขาวผมขาวยาวสลวยสวยเลยไหล่มาถึงกลางหลัง และขอบตาสีดำสนิทตัดกับนัยน์ตาสีขาวไร้ตาดำเป็นบุคลิกภาพหนึ่งเดียวในอเวจี ปีศาจขาวผู้ลึกลับ นางนั่งสงบนิ่งเหมือนกำลังจ้องมองผ่านหมอกควันออกไปไกลแสนไกล สายลมและไอหมอก ลอยปะทะใบหน้าสัมผัสรู้สึกเย็นชื้นพัดผ่านเป็นระยะ

ทั้งสองพากันเงียบงัน ไม่มีใครเอ่ยปากตลอดเวลาเมื่อออกจากฝั่ง ต่างฝ่ายต่างรู้บทบาทของตนเอง

อาณาเขตของปีศาจขาวสามด้านเป็นขุนเขาสูงเสียดฟ้าด้านหน้าเป็นสายน้ำแห่งความตายไหลออกจากขุนเขาด้านหนึ่งโค้งหายเข้าไปในขุนเขาอีกด้าน เป็นปราการธรรมชาติชั้นดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรือแจวลำน้อยจะไม่ได้ข้ามไปยังฝั่งตรงกันข้าม หากพอออกจากฝั่งก็เลี้ยวไปทางขวามือและล่องเรือตามแม่น้ำเรื่อยๆมุ่งหน้าสู่เทือกเขาสูงทะมึนซึ่งใกล้เข้ามาทุกที

หลังผ่านความเงียบงันมานาน ในที่สุดปีศาจขาวก็เอ่ยปากขึ้นเบาๆเหมือนไม่ได้จงใจจะพูดคุยกับใครว่า

“นานแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้ไปหานาง”

“สี่ปี”

ชายชราแจวเรือตอบขึ้นลอยๆเหมือนไม่ได้จงใจตอบใครเป็นพิเศษเหมือนกัน ขณะพูดออกมาดวงตาในเบ้าลึกก็ไม่ได้จ้องมองสิ่งใดเป็นพิเศษ นอกจากหันหน้าไปทางสายน้ำหัวเรือโดยไม่เคยหันไปมองอย่างอื่น ไม้พายจุ่มวาดลงไปในสายน้ำอันมืดดำเต็มไปด้วยความตาย

“สี่ปี..”

ปีศาจขาวทวนคำช้าๆ ราวกับพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ นิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อไปว่า

“ถ้าข้าไม่ไปหานาง นางก็ไม่มีวันออกมาหาข้า นางขังตัวเองอยู่ในขุนเขาตลอดเวลาไม่ยอมออกไปไหน น่าแปลกว่าคนบางคนพอใจจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง หลบหนีผู้คนตลอดไป”

“นางไม่ได้หลบผู้คน... นางหลบหนีตัวเอง”

ชายชราเอ่ยปากแย้งขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง แต่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาดชนิดหนึ่ง

“นั่นสินะ แต่ใครบ้างล่ะจะหลบหนีตัวเองพ้น หลบหนีหัวใจตัวเองพ้น ต่อให้เตลิดหนีไปไกลแสนไกลก็ไม่มีวันหนีพ้น ว่าแต่ท่านล่ะ เมื่อไรจะเลิกหนีเสียที”

ประโยคหลังเป็นการเจาะจงถาม เจ้าของเรือผู้ลึกลับนิ่งอึ้งไปนานกับคำถามนี้ ทั้งสองต่างเข้าใจดีว่าการจะหลบหนีใจตัวเองให้พ้นความจริงไม่ต้องเตลิดหนีไปไหน จะหนีใจตัวเองพ้นก็ต้องหนีด้วยใจเช่นกัน เป็นเหตุผลง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้วกลับลำบากยากเย็นเพราะอารมณ์อันเหนือเหตุผลของจิตใจ แต่ก็เพราะความที่อารมณ์เหนือเหตุผลนี่ล่ะ เป็นสิ่งสร้างสีสันให้กับชีวิตไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบก็ตาม ทำให้ชีวิตแตกต่างจากเครื่องจักรกลชนิดใด ๆ

คนทั้งสองเหมือนมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกันมายาวนาน ชายชราแจวเรือดูเหมือนในชีวิตนี้ไม่ปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่าการพายเรือท่องไปตามสวยน้ำวนเวียนไปมาอย่างไม่รู้จบสิ้น

เรือลำน้อยผ่านม่านเมฆลึกเข้าไปในหุบเขาชะโงกเงื้อมลึกเข้าไปทุกทีราวกับจะค้นหาจุดจบของสายน้ำ ท้องฟ้าเบื้องบนถูกบดบังด้วยแนวเขามากขึ้นทุกที จนในที่สุดก็พบว่าสายธารแห่งความตายไหลหายเข้าไปในอุโมงค์มืดดำราวกับเป็นปากของอสูรนรก รอการกลืนกินเหยื่อผู้พลัดหลงเข้ามา

สายธารแห่งความตายนี้จะไปสิ้นสุดแห่งหนใดสุดจะคาดคะเน

หัวเรือปราดจอดบนหาดทรายขาวบริเวณทางเข้ากับบรรยากาศมืดครึ้ม ปีศาจขาวลุกขึ้นพลางเดินลงจากหัวเรืออย่างเยือกเย็น สายลมพัดเส้นผมสีขาวปลิวพลิ้วเล่นลม บางส่วนเคลียคลอปรกประระใบหน้าให้ความรู้สึกดูแล้วทั้งพิกลทั้งพิสดาร ทั้งสวยงามทั้งน่ากลัวผสมผสาน เป็นภาพลักษณ์ของสตรีผู้ลึกลับคนนี้

เลยหาดทรายออกไปเป็นทิวสนประหลาดซึ่งประกอบด้วยกิ่งก้านตายซากหงิกงอดำคล้ำราวถูกเผาผลาญด้วยไฟนรกจนบิดเบี้ยวทรมาน ด้านหลังเป็นหน้าผาสูงชันขึ้นไปจนหายไปในหมู่เมฆดำ มีปากถ้ำขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง ภายในดำมืดไร้แสงสว่าง

ปากถ้ำมีสตรีนางหนึ่งยืนเดียวดาย

ถ้าผู้มาเยือนคือสีขาวสว่าง สตรีนางนี้คือสีดำมืดมน  ชุดเสื้อแขนกว้างของนางเป็นชุดสีดำทั้งหมดปราศจากสีอื่นปะปน เส้นผมของนางดำสนิทยาวเหยียดพลิ้วไสวในสายลม ตัดกับใบหน้าและผิวขาวซีดจนน่ากลัว ดวงตาของนางปิดสนิท

ไม่ใช่ว่านางไม่ลืมตา นางไม่เคยลืมตาเนิ่นนานมาแล้ว

โลกของนางคือความมืด

เป็นภาพลักษณ์ผิดแผกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ปีศาจขาวเดินเข้าไปอย่างช้าๆแบบไม่รีบร้อนจนใกล้ในระยะห่างสองสามวา มาตรว่านัยน์ตาไม่สามารถสังเกตเห็นแววตาทั้งคู่ได้ แต่ก็คล้ายต่างฝ่ายรับรู้ถึงบางอย่างของฝ่ายตรงกันข้ามได้

นิ่งงันในสายลมเป็นสายลมหวนพัดมาจากแม่น้ำก่อนพัดขึ้นเบื้องบน  หอบธุลีไปในสายลมโรยรายปรายโปรยละอองไอเย็นจับกายจับใจ

ไม่ได้คล้ายมิตรสหาย ไม่ได้คล้ายศัตรูคู่อาฆาต

ไม่ได้พานพบประสบเจอเนิ่นนานแต่คล้ายเพิ่งเดินจากกันไปในวันวาน

เป็นความผูกพันพิสดารแตกต่างกลมกลืนคล้ายห่างคล้ายใกล้ ไม่เย็นชาแต่ไม่อบอุ่นสนิทใจ อะไรบางอย่างคล้ายเส้นใยบางๆกรีดตวัดวาดวงผ่านโชคชะตาเร้นร้าย

ปีศาจขาวเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า

“ท่านสบายดี”

เป็นคำทักทายง่ายๆ ไม่ว่าใครก็พูดแบบนี้ได้ แต่พอออกจากปากของผู้มาเยือนก็เหมือนมีความหมายพิเศษพิสดารลึกล้ำ คนผู้หนึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวนานแสนนานยังสามารถสบายดีหรืออย่างไร

สตรีนัยน์ตาบอดตอบว่า

“ข้าสบายดี”

ตอบเหมือนไม่มีอะไรแฝงลึก ใครๆ ก็สามารถตอบแบบนี้ได้ แต่พอสตรีนางนี้ตอบออกมา ก็คล้ายมีความหมายพิสดารประการหนึ่ง คนนัยน์ตาบอดสนิทอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายเพียงลำพังมาเนิ่นนาน ยังสามารถสบายดี  แต่พอฟังน้ำเสียงนั้น ก็เหมือนคนพูดกำลังสบายดีจริงๆ

“จำครั้งก่อนได้ไหม”

ปีศาจขาวถามขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ แต่มีความหมายบางอย่างแฝงเร้น

“เราเสมอกัน แต่เรายังยอมให้ยาท่านไป”

“วันนี้ ถ้าเสมอกันอีกล่ะ”

“ไม่ ท่านต้องชนะเท่านั้น”

ผู้มาเยือนถอนใจหนักๆ ยกมือเสยผมซึ่งปลิวปรกระใบหน้า ปีศาจขาวยามอยู่นอกเขตของตนเองแบบนี้ก็ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการดำรงตำแหน่งประมุขดินแดนแห่งความตาย ความเย็นชาของนางคล้ายสลายลงไปหลายส่วน คนมีบุคลิกภาพเช่นนี้ไม่ทราบว่าผ่านเรื่องราวมามากมายเพียงไร

“เทพธิดาบอด…ทำไมข้าต้องชนะ ท่านถึงจะยอม”

นั่นเป็นชื่อของสตรีผู้ลึกลึกอีกคนหนึ่ง หญิงสาวผู้ซ่อนตัวหลังความมืด

เทพธิดาบอด

คำเรียกนี้ย่อมไม่ธรรมดา หรือว่านางฟ้าตกสวรรค์ไม่ได้มีแค่เฟรี่เพียงคนเดียว ดวงดาวร่วงหล่นจากฟากฟ้าดารารายหรือไม่ได้มีเพียงดวงเดียว หากมีมากมายก่อนสลายวับท่ามกลางความมืดมนของอเวจี

หรืออเวจีก็อยู่ใต้ฟากฟ้าเดียวกันกับเบื้องบน?

ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ต้องมีฟากฟ้าไกล

“เพราะท่านชนะข้าตลอดมา ไม่เคยแพ้เลย”

นั่นเป็นคำอธิบายและคำตอบของเทพธิดาบอด

“ท่านรู้อย่างไรว่าข้าไม่เคยแพ้”

“ข้าไม่รู้ แต่ใจท่านรู้แก่ใจ”

คนชนะหรือคนแพ้ บางทีคนภายนอกตอบไม่ได้ นอกจากคนอยู่ในสถานการณ์นั้น คน ๆ หนึ่ง ถ้าไม่เอ่ยปากออกมาว่า พ่ายแพ้ ต่อให้คนอื่นมารุมชี้หน้าว่ากล่าวตัดสิน ใช่ว่าจะพ่ายแพ้จริง ๆ

คนๆหนึ่งถ้าจะยอมแพ้ก็ควรรับความยอมแพ้นั้นจากใจคนๆนั้นเอง  ไม่ใช่เพราะคนอื่นมาตัดสินให้

เป็นการยอมแพ้ทั้งกายและใจ จึงจะเป็นการยอมแพ้ที่ดี

เทพธิดาบอดใช้สายตาซึ่งไม่สามารถมองเห็น ประกายตาจับจ้องมาจากภายใน พลางถามอีกว่า

“วันนี้ ท่านก็มาขอยารักษาของเรา”

“ใช่”

“ให้เขา”

“เปล่า…ให้เธอ”

ร่างของเจ้าถิ่นสาวคล้ายต้องลม คำพูดไม่กี่คำของปีศาจขาวเหมือนจุดไฟกระตุ้นจิตใจของนางจนเดือดพล่าน แต่ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรออกมา จนฝ่ายมาเยือนต้องเป็นฝ่ายอธิบายเพิ่มเติมต่อไป

“เธอคนนั้น ตกมาจากสวรรค์ ตอนนี้กำลังแย่เพราะเลือดของเธอทำปฏิกิริยากับเลือดของไนท์”

สายลมยิ่งพัดไหวร่างในชุดดำสั่นสะท้าน สายลมกัดกร่อนทั้งร่างและจิตใจ

คนมีความหลัง โดยเฉพาะความหลังอันมืดดำ ต่อให้สงบนิ่งปานใดแต่ไม่มีทางหลีกเร้นความป่วนปั่นของคลื่นพายุภายในใจได้

“ไนท์เป็นอย่างไรบ้าง”  ถามด้วยเสียงพร่าไหว

“เขายังคงเป็นเขา เย็นชา เลือดเย็น เป็นไฟที่พร้อมจะปะทุเผาตัวเองก่อนจะให้ไฟนั้นลุกลามไปเผาผลาญคนอื่น เป็นคนพยายามหลบหนีตัวเองแม้รู้ว่าจะไม่มีทางหนีชะตากรรมพ้น... เหมือนท่าน……”

“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว”

น้ำเสียงของเทพธิดาบอดเย็นชา เสื้อผ้าขยายขึ้นราวประจุพลังมหาศาลขึ้นมาทันที

“ถ้าท่านชนะ เราให้ยาท่านไป หากท่านแพ้ ไม่ต้องกลับมาให้ข้าเจออีกตลอดกาล”

“ได้”

พอคำว่า ได้ ออกจากปาก ปีศาจขาวก็คล้ายตัวเชื้อเพลิงบรรจุพลังมหาศาลขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง ฝุ่นทรายรายรอบลอยขึ้นมาจากพื้นหมุนวนรอบทั้งสองราวอยู่ท่ามกลางใจกลางของพายุหมุน  ในมือของทั้งคู่ไม่มีอาวุธใดๆ ความจริงสตรีก็ไม่จำเป็นต้องพกพาอาวุธอะไรมากมาย เพราะมีอาวุธอันทรงประสิทธิภาพที่สุดอยู่ในมือและหัวใจแล้ว

เสียงดังครืนใหญ่ ฝุ่นทรายกระจายฟุ้งบดบังท้องฟ้า ร่างของปีศาจขาวกลืนหายไปกับบรรยากาศหม่นมัววุ่นวาย เศษฝุ่นหินร่วง ร่างในชุดขาวพุ่งลงมาตามเศษธุลีในสายลม  เศษฝุ่นถึงพื้น พลังแหลมคมถึงตัวเทพธิดาบอด กรงเล็บทั้งสิบ กลับกลายเป็นประกายเกรี้ยวกราดสิบเส้นสิบสาย วาดตวัดผ่านมาจากฟากฟ้าไกล

เทพธิดาบอดยกแขนเสื้อยาวขึ้นเหมือนจะปิดใบหน้าให้พ้นจากเศษดินหิน สายตาของนางไม่อาจรับรู้ แต่จิตสามารถรับรู้  แขนเสื้อธรรมดา ท่าทางก็ธรรมดา แต่พลังไร้สภาพบางอย่างเบี่ยงเบนพลังแหลมคมของอีกฝ่ายซึ่งไขว้สลับซับซ้อนครอบคลุมลงมาไขว้เขวเฉไฉ ไปด้านหลัง

เสียงแตกเปรี๊ยะๆๆสะท้านสะเทือน…ถี่ยิบ อสนีบาตสิบสายฟาดกระหน่ำลงด้านหลัง หน้าผาสูงชันด้านหลังแตกปริเป็นทางสิบเส้นยาวเหยียราวโดนแส้มหากาฬฟาดผ่าน จนเป็นร่องลึกสลับสับสน เศษหินกระจายรายโรยก่อนถูกพลังไร้สภาพบดขยี้จนเป็นผุยผง มลายไปกับสายลม

มือขวาของนางฟ้าตาบอดพลิกกระแทกครืนออกไป

บรรยากาศฉีกแยกแตกออกเป็นช่องว่าง พลังจิตมหาศาลถล่มทลายออกไปแบบฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือนราวกับจะบดละเอียดฝ่ายตรงกันข้าม ช่องว่างหนึ่งเดียวนั้นคือหัวใจของปีศาจขาว

คนถูกโต้ตอบไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าใช้แขนเสื้อตนเอง ปาดผ่านใบหน้า รับการจู่โจม และโต้ตอบในคราเดียวกัน

ครืน!

ขุนเขาสะท้านสะเทือน

ปีศาจขาวหมุนคว้างไปในอากาศหลายรอบ แต่ละรอบจะส่งดอกเหมยสีดำกระจายออกมา เป็นเลือดที่ไหลหลั่งไม่ขาดสาย

เทพธิดาบอดยังคงยืนหยัด แต่แล้วปากของนางก็มีเลือดไหลออกมาเป็นธารเลือดไม่ขาดสาย ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดลงคุกเข่าบนพื้น แต่สีหน้าไม่ยอมสยบ

ปีศาจขาวร่อนร่วงลง เท้าแตะพื้น เซถอยหลังไปหลายก้าว เลือดสีดำจากมุมปากตัดชุดสีขาว ขัดแย้ง รุนแรง

บาดเจ็บพอ ๆ กัน

ปีศาจขาวหลั่งเลือดสีดำ เทพธิดาบอดหลั่งเลือดสีแดง

หนึ่งคุกเข่า หนึ่งยืนหยัด แต่ดูแล้วไม่แตกต่างกัน

การต่อสู่ไม่ยืดยาวไม่เนิ่นนาน ในเวลาไม่กี่พริบตา ต่างฝ่ายเหมือนทุ่มเทชีวิตและจิตใจพลังทั้งหมดทั้งมวลออกมาจนหมดสิ้นในเวลากระชั้นสั้น

คนนั่งคุกเข่ามองคนก้าวเท้าเข้ามา พยายามลุกขึ้น แต่เท้าดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง คนเดินเข้ามาหาอยู่เบื้องหน้าแต่ร่างกายกลับไหวเอนไม่มั่นคง แบบนี้บอกผลแพ้ชนะได้อย่างไร

มือของปีศาจขาวพลันยื่นออกมา

“ลุกขึ้น”

กระแทกเสียงห้วนๆ ก้มหน้าเหมือนมองอีกฝ่าย

“ข้าไม่อยากลงมือกับคนนั่งคุกเข่า”

“แล้วที่ยืนอยู่มั่นคงแข็งแรงแค่ไหนกัน”

“ก็พอจะดึงท่านขึ้นมาได้”

ปีศาจขาวบอกพลางยื่นมือลงไป เทพธิดาบอดจำเป็นจำใจต้องกัดฟันยกมือต้านรับ คว้าจับฝ่ามือนั้นไว้แน่นไม่ยอมแพ้แม้สักน้อยนิด

“พอทั้งสองกุมมือกัน แผ่นดินไหวครืน หินดินทรายกระจายเป็นวงกว้าง ดงไม้ด้านหลังถล่มโครมคราม เศษไม้ลอยหวิดหวิวส่งเสียงเสียดประสาท ผนังหน้าผาบางส่วนพังทลายลงมา ต้นไม้หลายต้นระเบิดขาดกลาง หมุนคว้างลอยขึ้นไปในอากาศก่อนระเบิดออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยจากพลังปะทะกันอันรุนแรง

แต่มือทั้งสองไม่ได้ปล่อยจากกัน เทพธิดาบอดพลิกข้อมือเหวี่ยงร่างของปีศาจขาวฟาดลงกับพื้น

.....ทั้งสองล้มลงกับพื้น ...เคียงข้างกัน

…………………..


ห้องอาหาร

ไนท์นั่งวางมาดอยู่ในห้องอาหาร รออาหารแสนอร่อยจากแม่ครัวจำเป็น  ตอนนี้ใครเห็นก็คงอดหมั่นไส้ไม่ได้กับท่าทางแบบนั้น แต่ปีศาจหน้ากากไม่สนใจใครอยู่แล้ว

ในครัว คนรับใช้จอมเก่ง กระซิบกับลูกมือคนใหม่ผู้ยืนเก้กัง ทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ

“จะให้วางยาหรือยัง ตอนนี้เหมาะมาก รับรองยาที่ใส่ไป คุณไนท์ไม่รู้เรื่องหรอก ไม่เกินคืนนี้ถ้าเขากินอาหารลงไป พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว”

คนความจำเสื่อมหน้าเสีย ในใจเต็มไปด้วยความสับสน

นี่เป็นโอกาสดีแล้ว

วางยาไปเลย

ตายๆๆไป………………..!!!!

ไม่ต้องมากวนประสาท

แต่น้ำตาเจ้ากรรมพาลไหลออกอีกแล้ว บ้าชัดๆ แบบนี้

“นี่ๆๆ..เป็นอะไรไป”

สาวใช้คนเก่งเอามือแตะบ่า กึ่งปลอบใจกึ่งเตือนสติ หากประกายตามีแววซ่อนยิ้ม

“ เข้มแข็งสิ ไม่ลงมือตอนนี้หาโอกาสยากมากแล้วนะ ขอบอก....อ้าว แล้วร้องไห้ทำไม”

“ใครร้องไห้”  สาวตกสวรรค์ถามลอยๆเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่น

เสียงถามอ่อยๆ แบบไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้

“ห้ามขี้แย... รู้ไหม คนขี้แยจะถูกจับย่าง”

อะไรกัน ที่นี่มันนรกขุมไหน เอะอะ ก็จะเผาจะย่าง

“รอก่อนนะ”

บอกเสียงแผ่ว เชร่าเลิกคิ้วทำเป็นถามอีกแล้ว

“รออะไรไว้ก่อน”

“อย่าทำแบบนั้น”

พูดจบพลันรู้สึกวิงเวียนจนร่างเซซวนไปมาก่อนจะทรุดลงกับพื้น เชร่าวิ่งเข้าไปประคองอย่างตกใจ นี่เธอล้อเล่นรุนแรงมากเกินไปหรือเปล่านะ..นางฟ้าคนนี้รู้จักกันไม่นาน แต่ทำไมรู้สึกผูกพันนับถือรักใคร่อย่างบอกไม่ถูก สาวนางฟ้าจอมดื้อคนนี้มีดีอะไรกันนะ

“ตุณ..เอ๊ย..เฟรี่ เป็นอะไรไป”

ร้องเรียกเสียงดัง เขย่าตัวไปมา นางฟ้าคนเก่งตาปรือ ส่ายหัวไปมาราวอยู่ในห้วงความฝัน  งึมงำบอกว่า

“อย่าไปวางยาไนท์นะ”

โถ... สาวใช้นึกในใจ ไม่ได้จะทำแบบนั้นสักหน่อย ต่อให้ใครมาสั่งก็ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน ก็แค่อยากล้อเล่นเฉยๆ ไม่มีเจตนาร้ายแม้แต่นิดเดียว  อยากให้คุณเฟรี่เข้าใจตัวเองเท่านั้น

“อาหารอยู่ไหน”

ตัวปัญหาโผล่มาพร้อมกับเสียง และหน้ากากขาวไร้อารมณ์  แต่คำพูดซึ่งกำลังจะตามมาพลันขาดหายเมื่อเห็นร่างอ่อนล้าในอ้อมแขนของเชร่า นักรบปีศาจยืนตัวแข็งไปชั่วขณะ

แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 11:19:25

แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 11:15:56

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 05:31:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com