ปลายหมอกและดอกหญ้า ตอนที่ 6
|
 |
ร้านกาแฟในบรรยากาศแสนอบอุ่นใจกลางอำเภอแถบชานเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ถูกเปิดตัวขึ้นอย่างเรียบง่าย ตัวร้านประกอบด้วยกระจกใสแลเห็นแสงไฟสีส้มอ่อนๆ จากด้านในโถงภายในร้านซึ่งมีมีสวนหย่อมและน้ำตกเล็กๆ ให้ลูกค้าเลือกนั่งในบรรยากาศธรรมชาติ ริมหน้าต่างร้านห้อยโปสการ์ดรูปแหล่งท่องเที่ยวสวยงามของเชียงใหม่ประดับสวยงาม ข้างฝาแปะกระดานสีดำที่ติดรูปภาพเมนูของร้านไว้ให้ลูกค้าสะดวกในการเลือกสรรร ถัดไปหน้าเค้าน์เตอร์รับออเดอร์เป็นที่วางสำหรับเครื่องชงกาแฟทรงสี่เหลี่ยมยาวและแก้วกาแฟรูปทรงสวยๆ หลากสีสัน หน้างานภูธนาในมาดเข้มสวมเสื้อสูทสีขาวทับเสื้อเชิ้ตฟ้าต้องรับแขกเหรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสถึงแม้จะตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้หลุดความมั่นใจไปได้ ภูธนายังคงประมาณตนเองเสมอว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ อายุก็ยังน้อยประสบการณ์ก็ยังไม่มากพอยังคงต้องฝึกฝนการเรียนรู้งานอีกมากในการทำธุรกิจ ไม่คิดเย่อหยิ่งจองหองอวดรู้ต่อผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อนไม่ว่าใครก็ตาม การเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ใหญ่โตหรือหรูหราจนเกินไปจะเป็นบันไดก้าวแรกให้เขาได้ลงมือทำงานอย่างจริงจัง ต้องเป็นนักบริหารที่กล้าตัดสินใจและรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวอย่างเช่นหุ้นส่วนที่เขาเลือกจะร่วมงานด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าท้ายความสามารถเป็นอย่างมาก ภูธนาแอบจินตนาการถึงผู้ร่วมหุ้นก็พอจะนึกภาพได้ว่าคงเป็นผู้หญิงที่มีอายุและมีประสบการณ์พร้อมที่จะให้คำแนะทางด้านการทำธุรกิจ แน่นอนถ้าหล่อนจะจับตามองเป็นพิเศษในเมื่อการทำงานร่วมกันก็ต้องมีความซื่อสัตย์และความไว้ใจ เขาต้องแสดงให้หล่อนได้เห็นว่าเขามีศักยภาพพอที่จะเป็นผู้บริหารร้านกาแฟแห่งนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ ภูธนายกมือไหว้ยิ้มค้างแต่กลับครุ่นคิดอะไรต่อมิอะไรในระหว่างที่ผู้ร่วมงานเริ่มทยอยกันเข้ามารวมทั้งสังกรเพื่อนสนิทของเขาที่เดินมาถึงต้องสะดุดกับเพื่อนหนุ่มที่ยืนยิ้มแววตาใสวาวแต่ไร้ชีวิตชีวา
"ไอ้ภูทำไมแกทำหน้าแบบนั้น"สังกรร้องทัก มองภูธนาที่หลุดออกจากจินตนาการ
"เปล่าคงตื่นเต้นน่ะนิดหน่อย"เขาตอบถึงแม้สีหน้าจะซีดไปเล็กน้อย สังกรแอบขันเพื่อนหนุ่มที่ยังยืนตัวลีบวิเคราะห์ได้พอดูว่าคงตื่นเต้นไม่น้อย
"โห อย่างแกนี่นะเกร็ง ทีอยู่ต่อหน้าสาวๆ ยังไม่กลัว"
"ก็นี่เขามีอายุแล้วนะ แล้วเขาก็เป็นหุ้นส่วนด้วยจะไม่เกร็งได้ไง ดูสิคนก็เริ่มเยอะแล้วด้วย"เขากวาดตาไปรอบๆ
"ใจเย็นๆ เพื่อน เดี๋ยวก็ชินไปเอง มาถึงวันนี้แล้วเขาไม่ถอนหุ้นออกเพราะแกดูไม่ดีหรอกนะ"สังกรตบไหล่เบาๆ เข้าใจความรู้สึกของภูธนา สังกรทำธุรกิจมาก่อนมองว่าเป็นปกติที่ผู้ลงทุนหน้าใหม่จะต้องพบเจอ มันอาจเป็นเรื่องท้าทายที่น่าตื่นเต้นเป็นธรรมดา ภูธนาและสังกรเหลียวมองคุณภูสิทธิกับคุณนราในชุดไทยผ้าไหมสุภาพที่เดินนวยนาถมาแต่ไกล ทั้งสองหนุ่มต่างพากันยกมือไหว้ผู้ใหญ่คนสำคัญของงานมาถึง คุณภูสิทธิรับไหว้เด็กๆพร้อมยกมือตบไหล่ลูกชาย
"เป็นไงเจ้าภูงานโอเคไหม"คุณภูสิทธิกล่าว ภูธนายิ้มรักษาสีหน้า
"เรียบร้อยดีครับพ่อ"
"แม่ดีใจนะจ้ะที่มาถึงวันนี้ซักที ลูกจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ชีวิตการทำงาน"คุณนรายิ้มจับแขนลูกชายให้กำลังใจ ภูธนายกมือขึ้นจับมือมารดาตอบ
"ผมดีใจมากครับ ที่งานสำเร็จได้ขนาดนี้เพราะคุณพ่อกับคุณแม่น่ะสิครับที่ทำให้ผมมีกำลังใจมาตลอด ผมรับรองครับว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง"
"ไม่หรอกที่มันมาถึงขนาดนี้ได้ก็เพราะแกตาภู งานวันนี้โอเคมากเลยนะ ไม่หรูเกินไม่เรียบเกิน”ภูสิทธิมองไปรอบๆด้วยแววตาภาคภูมิใจในตัวลูกชาย ภูธนาสบตากับมารดายิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ พ่อว่าปล่อยให้ลูกชายคนเดียวของพ่อดูแลไปก่อน เดี๋ยวพ่อจะพาแม่ไปชมข้างในหน่อย"คุณภูสิทธิบอกจับมือคุณนราหวานไม่มีเปลี่ยนพร้อมเดินเข้าไปในร้านเพื่อดูผลงานชิ้นเยี่ยมที่สร้างโดยฝีมือลูกชายคนเดียว ภูธนายืนพะว้าพะวงเรื่องการวางตัวรวมทั้งการทำหน้าที่ของตนเองในวันแรก ทั้งพ่อกับแม่ก็ไว้ใจให้เขาดูแลและจัดการงานทั้งหมดเขาจะต้องไม่ทำให้ผิดพลาดเพราะนั่นคือการพิสูจน์ตนเองต่อหน้าคนที่หวังจากเขา ภูธนาเหลียวมองสังกรที่อยู่ด้วยก็อุ่นใจอยู่บ้างเผื่อมีอะไรฉุกเฉินยังพอมีเพื่อนคู่คิดให้ช่วยเหลือ คุณภูสิทธิกับคุณนราจากไปแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มและสังกรต้อนรับแขกที่ทยอยมาร่วมงานอุ่นหนาฝาคลั่ง หนึ่งในนั้นมีพิมพาแขกคนสำคัญอีกคนที่เดินทางมาถึงเมื่อเห็นเป้าหมายก็มิรอช้ารีบตรงมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานพิมใจให้กับภูธนาทันท่วงที ดาวเด่นสวยพริ้งในชุดเดรสสั้นสีขาวสะอาด เกล้าผมดูดีทันสมัย แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด เย้ายวนหัวใจผู้ชายในงานต่างเหลียวมองกันถ้วนหน้าหล่อนดึงความสนใจใครหลายคนไปได้ชนะขาดรอยแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังต้องชื่นชมในความงามของเธอ ภูธนาอ้าปากค้างลืมตัวไปชั่วขณะเขาส่ายหน้าเล็กน้อยมองๆ เจ้าหล่อนไม่พลาดออกจากสายตา
"สวัสดีค่ะคุณภู"
"สวัสดีครับคุณพิม"เขายิ้มตอบหลงไปกับรูปโฉมสวยฉกาจ พิมพาส่งสายตาหวานให้กับภูธนาแต่ก็ถูกขัดเมื่อสังกรยื่นหน้าเข้ามาตอบรับแทน
"แหม คุณพิมสวยเชียวครับ ดูสิครับหนุ่มๆ ในงานพากันเหลียวหลัง วันนี้งานเปิดร้านกาแฟของเจ้าภูโชคดีจริงๆ นะครับที่มีสาวงามเข้ามาสร้างความสดชื่น"สังกรพูดชมเชยเจ้าหล่อนออกนอกหน้า พิมพาฝืนยิ้มเล็กน้อยถึงแม้จะไม่ได้ใส่ใจสังกร
"ขอบคุณค่ะคุณสังกร"
"แหมก็เรื่องจริงนี่ครับ สวยไม่สร่าง"สังกรยังชมไม่ขาดปาก แต่หล่อนกลับสบตาหวานให้ภูธนาต่อ
"เป็นอย่างไรบ้างคะ"
"สวยดีครับ”เขาตอบแต่พอรู้ตัวว่าตอบนอกเรื่องก็ต้องรีบรักษาหน้ากลับมาพูดเป็นงานเป็นการต่อแต่พิมพาไม่ได้คิดเช่นนั้นหล่อนกำลังดีใจที่เขาตะลึงในความงามของตนเข้าจริงจัง
“ก็เรียบร้อยดีครับ ขอบคุณมากนะครับที่มาร่วมงานในครั้งนี้"
"พิมไม่มีพลาดอยู่แล้ว"เจ้าหล่อนกล่าวพลางยิ้มพองามให้ดูว่าเซ็กซี่ ภูธนามองตอบราวจะกลืนกินด้วยแววตาเสือเจ้าเล่ห์
"ขอบคุณครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ"หล่อนยกมือขึ้นแตะแขนภูธนาสบตาร้อนแรงบอกความนัยน์ ภูธนาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะพยายามข่มใจไม่ให้คิดนอกใจคนที่เขารักแต่ก็อดไม่ไหวเมื่อเจ้าหล่อนมาให้ท่าถึงที่ บูรณาเดินเร็วๆ เข้ามาขัดจังหวะ ภูธนาสะดุ้งเล็กน้อยวางมาดนิ่งเลื่อนสายตามองตามอิงแก้วที่เดินตามมาด้วย
"พี่ภู ฮู้ดูดีจังวันนี้"น้องสาวเดินมาหยุดแทรกระหว่างพี่ชายกับพิมพา อิงแก้วเดินตามมาติดๆ ทำหน้าไม่ใส่ใจศัตรูตัวร้ายมากเพราะหล่อนสัญญากันตนเองแล้วว่าวันนี้สำคัญเกินกว่าจะมาเสียเวลากับภูธนาตัวแสบ
"จะมาก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ"เป็นคำพูดแรกที่ภูธนาตัดทอนอิงแก้ว หญิงสาวอ้าปากค้างแต่ก็ดึงสติกลับมาได้ก่อนจะพูดอะไรออกไป
"ใครกันแน่ที่จะมาก่อเรื่อง งานนี้สำคัญสำหรับฉันมาก ฉันไม่มีวันทำให้มันล่มหรอก"อิงแก้วว่าวางตัวนิ่งสงบจนภูธนานึกแปลกใจ
"อ้อ นี่รู้ตัวด้วยเหรอว่างานนี้สำคัญ"เขาตั้งแง่เพราะไม่คิดว่าหล่อนจะมาใยดีกับงานเปิดร้านของเขามากนัก อิงแก้วพยายามนับหนึ่งถึงสิบกัดริมฝีปากระงับความโกรธ
"ทำไมจะไม่รู้ นี่ฉันโตแล้วนะรู้อะไรควรไม่ควร"
"อ่อ รู้ตัวด้วยหรือว่าโต"เขากำลังยั่วโมโหทุกทางไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาก็กวนทุกวินาที บูรณายิ้มแหยๆ ก่อนจะลากแขนพี่ชายออกมาอีกทาง
"โธ่ งานของพี่ทั้งที่ คุยกันดีๆ นะคะจะได้มีแต่สิ่งดีๆ ”
"ก็เพื่อนเรามางานนี้น่ะจะก่อเรื่องอะไรบ้างไม่รู้"เขากระซิบตอบ เหล่ตามองอิงแก้วที่ชะเง้อหน้าอยากรู้อยากเห็น
"นะนะถือว่าบูรขอ"บูรณาทำสายตาออดอ้อนขอร้อง ภูธนาถอนหายใจตัดใจที่จะแกล้งอิงแก้ว
"นี่แล้วหุ้นส่วนพี่ล่ะ มาแล้วหรือยัง"เขาเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ บูรณากวาดตามองรอบงานก่อนตอบพี่ชายเสียงแจ้ว
"มาแล้วค่ะ"หล่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ สีหน้าภูธนาแสดงความตื่นเต้นเห็นได้ชัด
"จริงหรืออยู่ไหน พี่ยังไม่เจอเธอเลย"เขาหันมองซ้ายแลขวา บูรณายิ้มๆ เหลือบมองพี่ชาย
"แหม อย่าเพิ่งรีบร้อนสิคะ เดี๋ยวก็ได้พบ"บูรณาการันตรี ชายหนุ่มพยักหน้าทำใจเย็นพร้อมหันกลับมายังอิงแก้วที่ยืนกอดอกทำหน้าเชิดได้น่าหมั่นไส้ "เห็นนะว่างานนี้สำคัญจึงไม่คิดอยากจะมีเรื่องในวันนี้" ภูธนาบ่น ถึงแม้จะไม่ถูกชะตากับอิงแก้วแต่ก็รู้ดีว่าจะทำตัวอย่างไร เช่นเดียวอิงแก้วแสยะปากนึกหมั่นไส้ งานตัวเองก็ไม่ใช่ทำเป็นขี้ตู่
09.09 นาฬิกาได้เวลาฤกษ์งามยามดีของการเปิดร้าน แขกเหรื่อต่างพามารวมตัวกันหน้าเวทีลานเล็ก คุณภูสิทธิ์ขึ้นไปเปิดงานเล็กๆ น้อยๆ พร้อมกล่าวความยินดีให้กับผู้ลงทุนกาแฟทั้งสอง “ผมขอแสดงความยินดีกับการเปิดร้านไร่ชาญทิพย์ในวันนี้ จากจุดเล็กๆ เป็นนามธรรมจนกระทั่งเป็นรูปธรรมอย่าชัดเจนอย่างทีท่านๆ ได้เห็น เด็กทั้งสองคนนี้มีความฝันและความมุ่งมั่นที่คล้ายกัน จนมารวมแนวคิดนี้ไว้เป็นหนึ่งเดียวกันคือร้านแห่งนี้ซึ่งสร้างมาจากความรักในตัวกาแฟและบรรยากาศที่เรียบง่าย ผมอยากให้ทุกท่านร่วมกันเป็นสักขีพยานให้กับความฝันที่มาสำเร็จได้อีกขั้นหนึ่งนี้” ภูธนาและอิงแก้วยืมกุมมือตนเองที่เย็นเฉียบ หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะจะถึงเวลาที่ต้องพบกับหุ้นส่วนเสียที ช่วงเวลานี้ช่างยาวนานและลุ้นระทึกยิ่งกว่าดูหนังระบบทรีดี
"ขอเชิญทุกท่านพบกับหุ้นส่วนทั้งสองท่านของกาแฟไร่ชาญทิพย์ครับ" มาถึงวินาทีที่ทุกคนจะได้ยลโฉมหน้าเจ้าของร้านกาแฟทั้งสองเสียที เสียงปรบมือเกรียวกราว ภูธนาเหลียวมองคุณนราที่พยักหน้าให้กำลังใจ ทางด้านบูรณารีบผลักให้เพื่อนสาวเดินขึ้นไปอวดโฉมได้เสียที อิงแก้วมองซ้ายแลขวาเก้ๆ กังๆ อยู่บันไดทางขึ้น บูรณาโบกมือไล่ให้อิงแก้วรีบไปเพราะหวั่นผู้ร่วมงานจะแปลกใจที่ทั้งสองไม่ขึ้นไปเสียที ภูธนาและอิงแก้วต่างเดินแยกกันขึ้นเวทีคนละทางต่างรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน มือไม้สั่นเหงื่อแตกพลัก จะเป็นอย่างไรหนอผู้ร่วมทุนนั้น ต่างคนต่างเดินก้มหน้าจนมาหยุดกลางเวที ทั้งเขาและเธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดตั้งสติพร้อมเงยหน้าขึ้น ส่งรอยยิ้มหวานให้แก่กัน...แต่ทว่า
"เฮ้ย!! "เสียงภูธนา
"เฮ้ย!! "และเสียงอิงแก้วผสานขึ้นยกยืนชี้หน้าเหลอหลา อิงแก้วนิ่งหยุดมองเขาตะลึงงัน
"ขึ้นมาได้ไง"
"เธอมากกว่าขึ้นมาได้ไง"เขาถามเร็วปรื๋อ ชะงักงันกับบุคคลที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ศัตรูคู่อาฆาตยืนประจันหน้ากันบนเวทีต่างคนต่างเงียบไม่พูดจาอยู่พัก
"ก็นี่มันงานฉันนะ"อิงแก้วพูดเสียงค่อย ชายหนุ่มหัวเราะเยาะจะเถียงอะไรก็ติดที่ปากหมด
"งานเธองั้นหรือ นี่มันงานของพี่นะงานเปิดตัวร้านกาแฟไร่ชาญทิพย์"เขาสวนขึ้นน้ำเสียงเข้ม อิงแก้วกวาดตาไปรอบงาน
"ก็ใช่ไง แต่มันไม่ใช่งานพี่แต่มันเป็นงานของฉัน"
"งานของพี่"เขายังยืนกราน อิงแก้วไม่ยอมแพ้ตั้งหน้าตั้งตาแสดงความเป็นเจ้าของ
"งานของฉัน! " คุณภูสิทธินิ่งไปพักเหลียวมองเด็กทั้งสองมัวแต่ทะเลาะกันบนเวทีไม่อายสายตาใคร
"ตาภู หนูอิงเมื่อไรจะเปิดงาน แขกเขารอกันนานแล้วนะ"เพียงสิ้นเสียงของผู้ใหญ่ที่นับถือ ทั้งสองถึงได้รู้ความกันว่าทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจผิดกันมาตลอด ทุกคนรู้เรื่องหมดเว้นเจ้าของงานเพราะนั่นเป็นฝีมือของบูรณา
“พ่อรู้เหรอครับว่านี่คืองานของผมกับ...”ภูธนาพูดแล้วชี้ไปทางอิงแก้ว
“ก็ใช่สิ จะเปิดงานกันได้หรือยัง จะสงสัยอะไรในเมื่อเราสองคนก็เจ้าของร้านนี้ทั้งคู่”เขาและเธอหันมามองหน้ากัน
"เราจะดีกันเพียงแค่นี้แต่เมื่อลงเวทีไปเราต้องเคลียร์"ชายหนุ่มลดเสียงลงแทบกระซิบ เช่นเดียวกับอิงแก้วที่ยิ้มรับเข็ดฟัน
"แน่นอนอยู่แล้ว ก็นี่ร้านของฉันนี่"อิงแก้วสวนกลับส่งสายตาอาฆาตต่อกันก่อนจะฉีกยิ้มอย่างฝืดฝืนใจให้กับผู้ชม ร้านกาแฟไร่ชาญทิพย์ในฝันหวานกลับกลายเป็นนรกย่อมๆ เมื่อทั้งสองต่างสวมหน้ากากมีความสุขในการเปิดตัวร้านในวันนี้ อาจจะภูมิใจกับความสำเร็จแต่ก็ไม่เต็มที่นักในเมื่อหุ้นส่วนที่ว่ากลับกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 23:12:42
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ค. 54 21:57:57
|
|
|
|