Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 16 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10780077/W10780077.html

บทที่ 16

เช้าตรู่ที่ปราศจากเมฆฝนมาก่อความหวาดระแวง ช่างสวยกระจ่างน่าประทับใจยิ่ง

สามแสนสูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสดชื่น เมื่อคืนนี้ กว่าจะข่มตาหลับได้ ต้องหลบมานั่งพิงเสากลมร้องไห้เงียบๆ จนดึกดื่น คำถามท้าทายชะตาแห่งรัก มันผุดวูบวาบเหมือนเงาพรายมาลอยฉวัดเฉวียน น้ำตาทุกหยดก็หมดปัญญาจะช่วยหาคำตอบ

กระทั่งศีรษะถึงหมอน น้ำตาแห้งลง แววตาของสามแสนจึงค่อยเผยความมุ่งมั่นอีกครั้ง

สายลมอะไรก็ช่างเถอะ มันหอบมาเพียงวูบเดียว พอจากไปก็ทิ้งละอองหนาวเหน็บไว้ แต่พอต้องลงสู่ผิว สามแสนก็พลันระลึกถึงไออุ่นในอ้อมกอดสุดท้าย แม้ว่าคุณหมอแสวงบุญจะเล่าว่าเธอละเมอ แต่พี่ชายก็กอดเธอไว้จริงๆ

ละอองหนาวเหน็บของสายลมระลอกนั้น ทำปฏิกิริยาอะไรกับไออุ่นในความทรงจำหรือเปล่า คำตอบมันถึงได้ผุดโผล่ อวดความสว่างไสว ขับไล่ความมืดออกไปจากใจกระสับกระส่าย

"ไม่ใช่ว่าสามแสนไม่เคารพพี่ชายนะคะ แล้วก็ไม่ใช่ว่าสามแสนจะไม่กลัวพี่ชายด้วย แต่ปณิธานของสามแสนมันเต็มที่ให้พี่ชายได้แค่สั่นคลอนเท่านั้นค่ะ"

เธอพูดกับแสงแดดบางตรงปลายเท้า ยิ้มให้อย่างน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามองความชุลมุนแถวลานครัว เหล่าแม่บ้านแม่ครัวเริ่มวุ่นวายกับภารกิจปากท้องกันอีกแล้ว เสียงตะโกนเรียกหาโน่นนั่นนี่ดังโหวกเหวก สามแสนก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเสนอตัวเข้าไปช่วยแล้วล่ะ แต่ป้ามาลีมาฉุดแขนลากออกมา อ้างว่า 'เกะกะ'

ทำไมทุกคนชอบมองว่าสามแสนไม่เอาไหน โดยอ้างความเป็นชาวกรุงมาเป็นเครื่องตัดสิน พี่ชายก็เหมือนกัน เมื่อห้าปีก่อน เขาก็ทิ้งสายตาดูแคลน ตอนสามแสนอาสาจะช่วยทำกับข้าว

แต่ก็อย่าไปถือโทษเลย เพราะทุกคนรวมทั้งพี่ชาย รู้จักสามแสนน้อยเกินไป รูปร่างโปร่งมันแลบอบบาง มือไม้เรียวเล็กก็นุ่มนิ่ม ผิวผุดผ่องก็นวลเนียน สิ่งเหล่านี้กระมัง ที่ทุกคนเห็นแล้วฟันธงความเชื่อของตัวเองว่า สามแสนหยิบโหย่ง ทำอะไรไม่เป็นแหงๆ

ควันฟุ้งลอยขึ้นจากเตาใหญ่ สูงขึ้นไปปะปนกับละอองเล็กๆ ที่ส่องประกายระยิบระยับกลางแสงแดดนุ่ม

ตอนมองตามมันไป หญิงสาวอดที่จะระลึกถึงควันจากชานครัว ลอยผ่านหน้าต่างห้องนอนในกระท่อมเมื่อห้าปีก่อนไม่ได้ ควันมักจะลอยมาพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหาร ตรงลานครัวนี้ก็เหมือนกัน กลิ่นแกงป่าหอมฉุยแล้ว กลิ่นข้าวสุกก็หอมแข่งกันเลย

ใบพลูโผล่ใบหน้าบึ้งตึงมากระแทกนั่งบนแคร่ กระแทกถาดผักตึกลงด้วย ตาสวยแต่ขวางๆ ซัดมาขึงเขม่น นับแต่หล่อนรับรู้จุดประสงค์การมาที่นี่ของสามแสนแล้ว ดูเหมือนว่ามิตรภาพจะกลายเป็นสายน้ำที่แห้งขอดไปในทันทีทันใด ในแววตาคู่นั้น มันวับวาวไปด้วยแรงชิงชัง แต่เธอก็ยังคงไม่ถือสาอยู่ดี

"ตื่นมา ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือยัง ที่นี่เขามีแต่คนอารีอารอบ ช่วยงานโน่นนี่กันคนละไม้คนละมือ ไม่ใช่ตื่นมาก็มายืนอาบแดดเป็นคุณหนู ทุเรศ"

"ใบพลูจะหาเรื่องสามแสนแต่เช้าอย่างนี้เลยหรือ"

"แล้วจะทำไม" สาวหาเรื่องแหวเสียงข้นเชียว ตาก็ดุข้นเหมือนกัน ร่างเล็กลุกฉับมาจังก้าเท้าสะเอว "รู้ไว้เสียด้วยนะว่า นี่น่ะมันถิ่นของฉัน แล้วถ้าเธอไม่อยากเดือดร้อน ไม่อยากเจ็บตัว ก็รีบไสหัวกลับบ้านกลับเมืองเธอไปเสียเร็วๆ "

"จะพูดให้เหนื่อยทำไม ก็รู้อยู่แล้วว่าสามแสนจะไม่กลับไปคนเดียว"

"เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ฉันบอกว่าเดี๋ยวก่อน"

เสียงลอดไรฟันมันฉายอารมณ์พลุ่งพล่าน มือเล็กแต่สัมผัสหยาบบนต้นแขน ทำให้สามแสนต้องนิ่วหน้า เธอถูกกระชากจนต้องหมุนกลับหลังและเซเล็กน้อย

"สาวสวยอย่างใบพลู ไม่ใช่ใครจะมาเดินหนีหน้าได้ง่ายๆ รู้เอาไว้เสียด้วย" หล่อนประกาศ

"สามแสนไม่อยากทะเลาะกับใบพลู อ้อ.. " สาวชาวกรุงชี้หน้า "อย่าบังคับให้สามแสนต้องตอบโต้ สามแสนจะขออธิบายให้เข้าใจก่อนว่า สามแสนไม่ใช่คุณหนู มือสองข้างนี้ตบเป็น ขาสองข้างนี้ก็เตะเป็น และถ้ามันจำเป็น ก็กระทืบเป็น"

"นี่เธอกล้าขู่ฉันหรือ"

"ทำไมหูของใบพลูมันไม่ค่อยรู้เรื่องเลย สามแสนก็บอกออกชัดแล้วนี่ว่าอธิบาย แล้วที่สามแสนเฉยๆ ไม่ถือสา ก็เพราะว่าสามแสนชอบมีเพื่อนมากกว่าศัตรู อะไรที่พอจะยอมได้ สามแสนก็ยอมๆ ไป แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นหนัก สามแสนก็ยินดีจะหนักด้วย"

"สามแสน"

"โดยเฉพาะเรื่องของพี่ชายนะใบพลู สามแสนสามารถหนักได้จนกว่าพลังชีวิตจะหมด สามแสนจะพาพี่ชายกลับบ้าน เขาต้องกลับบ้านกับสามแสน ใบพลูหรือใครก็ขัดขวางความตั้งใจของสามแสนไม่ได้ อย่า"

ใบพลูตัวสั่น กัดปากอย่างโกรธเลยล่ะ ฝ่ามือที่เงื้อง่าอย่างดี ตั้งใจว่าฟาดเปรี้ยงลงไป แก้มข้างนั้นต้องแดงเป็นรอยนิ้วแน่ๆ แต่ดูสิ เหมือนมันโดนเสียงปรามต่ำลึกสะกดจนอยู่หมัด นอกจากเงื้อง่าสั่นๆ แล้ว เจ้าของมือก็ลืมที่จะลดมันลง

"อะไรกันน่ะ" นายขิงโผล่มาขวางกลางลำ สายตาเรียวเลี้ยวซ้ายทีขวาที แล้วค่อยหยุดที่สาวสวยในดวงใจ "ยกมือทำไม จะตบตีใครแต่เช้า อย่าเกเรให้มันมากนัก สามแสนของขึ้นแล้วจะรู้สึก"

สาวงามหัวเราะเบาๆ เธอไม่ถึงกับระอุดุเดือดขนาดนั้นหรอก เพื่อนหนุ่มรูปหล่อโม้เกินเหตุ แต่ในเมื่อเขามาห้ามศึกก็ดีแล้ว เธออยากปลีกตัวไปหาพี่ชาย ตั้งใจแวะชงกาแฟหน่อย ทางนี้ก็ปล่อยให้หนุ่มรักเดียวใจเดียว สะสางกับนางในดวงใจกันไป

ตอนนี้ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมหนุ่มดงรูปหล่อ จึงตาบอดกับสาวชาวกรุงไปเสียทุกราย เพราะแท้จริงแล้ว เขาต้องการเก็บดวงตาคู่นั้นไว้ฉายแววภักดีต่อคู่เสน่หาชาวดงด้วยกันนี่เอง

"หวานใจเราเอง สามแสนอย่าถือสานะ ใบพลูแก่นแก้วแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พ่อแม่ก็ยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาได้อบรมสั่งสอน แต่ใบพลูก็เป็นคนดีนะ ใจกว้าง ใจนักเลง แล้วก็.. "

"แล้วก็รักพี่ชายอย่างหัวปักหัวปำ"

เธอหัวเราะเบาๆ ขบขันเสียงใสของตัวเอง ตอนนั้น ก็รีบเสริมเพื่อนหนุ่มไปอย่างรู้อกรู้ใจ เขาสารภาพความในใจฉะฉาน เยินยอใบพลูเต็มเสียง และมันเป็นเสียงที่แสดงถึงความภาคภูมิใจต่อหวานใจเหลือเกิน แม้ว่าตอนปลายๆ ของเสียง จะฟ้องความหม่นลึกๆ ในใจคนพูดให้เธอจับได้ก็ตาม

เธอคิดว่าพอจะเข้าใจจิตใจของเพื่อนหนุ่มอยู่บ้าง ลองเปรียบเทียบกับตัวเองในขณะนี้ เธอก็รักพี่ชายมาก แต่พี่ชายก็ปักใจมั่นคงในรักแรก หัวใจดวงนั้นเต็มไปด้วยเงาของชุลียา รักคนที่เขาไม่รักเรา มันขมขื่นอย่างนี้ล่ะ และเธอก็เชื่อว่าเพื่อนหนุ่มรูปหล่อก็ต้องรู้สึกอย่างนี้ด้วย

"เราไม่ยอมแพ้หรอกสามแสน" เขายังบอกถึงความตั้งใจแน่วแน่ให้เธอพยักหน้าสนับสนุนหงึกๆ "เราจะเอาชนะหัวใจของใบพลูให้ได้ จะขับไล่เงาของอาดุไปให้พ้น"

"นายเรกเกลียดพี่ชายหรือ"

"เอ้อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะสามแสน" เขารีบแก้ตัวพัลวัน "เราหมายถึง ถ้าจะเอาชนะหัวใจของใบพลู มันก็ต้องเขี่ยเงาของอาดุออกไปให้หมดก่อน เราจะเกลียดเขาทำไม เขาเป็นคนดี ชาวบ้านที่นี่ก็ชอบพอเขาอยู่นะ โดยเฉพาะพ่อ ชอบเขามาก ทาบทามให้เขาเป็นผู้นำหมู่บ้านคนต่อไปด้วยซ้ำ"

"พี่ชายคงไม่เอาด้วยหรอก"

"ใช่ พ่อก็บอกอย่างนั้น เขาปฏิเสธ พ่อบอกว่า เขาไม่ได้ตั้งใจเข้ามาอยู่ป่าเพื่อมีชีวิต เราก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจหรอก อยู่ยังไงล่ะ อยู่แบบไม่ตั้งใจมีชีวิตน่ะ"

"สามแสนเข้าใจพี่ชายดี"

"แต่ดูท่าทางเขาเหมือนไม่ค่อยเข้าใจสามแสนเลย ไม่เต็มใจที่จะเจอสามแสน แถมยังออกปากไล่ให้กลับบ้านอยู่เรื่อยไม่ใช่หรือ คนอะไร ขวางโลกเป็นบ้า ก็สมแล้วที่ระเห็จออกไปอยู่ในดงโจรเสียได้"

รอยยิ้มมุ่งมั่นค่อยๆ จางลง ริมฝีปากเม้มสุขุม กาแฟชงเสร็จแล้ว มันร้อนและหอมกรุ่นอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ ภวังค์ทั้งหมดจบลงเพียงเท่านั้น พร้อมกับข้อสรุปที่สามแสนมีให้ตัวเอง ทำนองว่า 'พี่ชายไม่ได้ตั้งใจระเห็จตัวเองไปอยู่ในดงโจร แต่เพราะเขาคาดการณ์แม่นยำต่างหากว่า สามแสนต้องตามเข้ามาแน่ๆ '



อากาศแถวลำธารปลอดโปร่งกว่าแถวที่พัก โขดหินใหญ่ที่พี่ชายชอบขึ้นไปนั่งทอดอารมณ์ว่างเปล่า

ชาวบ้านสองสามคน ทยอยยกอุปกรณ์ในการซ่อมสะพานมาวางเรียง บางคนหันมายิ้มทักทาย บางคนพยักพเยิด โบกมือให้ แต่ก็มีบางคนที่ร้องทักสวัสดีอย่างไมตรี หญิงสาวต้อนรับทุกไมตรีนั้น ด้วยรอยยิ้มสว่างสดใสของตัวเอง

เธอวางกระบอกไม้ไผ่ลงบนแคร่ยาวที่พี่ชายอาศัยนอนตอนกลางคืน แต่เมื่อคืนนี้เขาอยู่เวร เธอจึงเดาว่าเขาคงไป เดินเล่นเตร็ดเตร่แถวราวป่าตรงไหนสักแห่งเพื่อขับไล่ความง่วง ลุงแม้นโผล่หน้ามาอวดรอยยิ้มมิตรภาพ ตอนเธอนั่งลงพอดี เสียงทุ้มหนักทักทายอย่างอารมณ์ดีว่า

"ยังไงล่ะแม่หนู เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ"

"เตรียมตัวอะไรคะ"

"อ้าว ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไง นายดุมันบอกอย่างนั้นนี่"

"พี่ชายบอกหรือคะ"

"อืม นี่ลุงก็เพิ่งจะแยกตัวมาจากไอ้นายพรานเมื่อกี้นี้เอง มันก็เตรียมตัวเสร็จแล้วนะ กินข้าวเช้ากันก่อนนา เสร็จสรรพแล้วค่อยออกเดินทาง เดี๋ยวจะให้แม่ครัว ทำข้าวพกข้าวห่อให้ไปกินกลางทางด้วย"

"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ สามแสนไม่ได้บอกเลยว่าจะกลับบ้านวันนี้"

ลุงแม้นหรี่ตามองรอยยิ้มสับสนของแม่หนู แกอดเวทนาไม่ได้ เพราะรู้เต็มอกนั่นละว่า ไม่ใช่ความคิดของเธอ

เพราะเมื่อคืนนี้ นายดุไปปลุก อ้างว่ามีเรื่องอยากหารือ แต่แล้วก็กลายเป็นว่าเจ้าตัวโพล่งๆ ในความตั้งใจของตัวเองจนจบ แกไม่ต้องพูดอะไรสักคำ นอกจากพยักหน้า แล้วก็ปิดบทสนทนาด้วยคำคำเดียวว่า 'เออ'

"ไม่เข้าใจผิดหรอกแม่หนู มันเป็นความต้องการของนายดุเขาน่ะ แม่หนูก็อย่าดื้อเลยนะ"

"พี่ชายอยู่ไหนคะ สามแสนจะคุยกับเขาเอง" น้ำเสียงของสาวชาวกรุงเริ่มขุ่นนิดๆ แล้ว แววตาก็เริ่มกระวนกระวาย

"แม่หนูสามแสน" ลุงแม้นถอนใจ พลางดึงแขนให้เจ้าตัวนั่ง ทั้งที่ร่างโปร่งก็เพิ่งจะผลุงขึ้นไม่ถึงอึดใจ "อย่าว่าลุงอย่างโน้นอย่างนี้เลยนา ลุงเองก็ไม่ค่อยจะรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องของนายดุกับแม่หนูนัก แต่ว่า.. "

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สามแสนเข้าใจดี พี่ชายก็เป็นอย่างนี้ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวสามแสนจะคุยกับพี่ชายเอง ลุงแม้นไม่ต้องกังวลนะคะ"

"มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก" ชายชราพยายามจะอธิบาย "นายดุเขาไม่อยากให้แม่หนูอยู่ที่นี่อีก เขาอยากให้แม่หนูกลับบ้าน แม่หนูเชื่อเขาเถอะนะ อย่าดื้อรั้นให้เขาอึดอัดใจเลย"

"เขาอยู่ไหนคะลุงแม้น" สามแสนรู้สึกสังหรณ์ใจกะทันหันกับสีหน้าสีตาของคนแก่ เธอเรียกเสียงเข้ม "ลุงแม้นคะ"

"ไปแล้ว กลับดงโจรไปแล้วตั้งแต่เมื่อกลางดึกโน่นแน่ะ อย่าได้คิดอ่านกล้าหาญตามเข้าไปเชียว ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่มย่ามที่นั่นหรอก มันเป็นที่อยู่ของพวกโจรใจร้าย ไอ้นายพรานมันก็คงไม่ยอมตามใจแม่หนูหรอก"

ผู้นำหมู่บ้านรีบดักคอปิดกั้นความดื้อรั้นของสาวงามไว้หมด เพราะอ่านสีหน้าตระหนกเพียงแค่วูบเดียวนั้นออก

ดวงตาสวยคู่นั้น มันพราวจ้าไปด้วยประกายไม่ยอมแพ้ แกเห็นแล้วก็หนักใจนักหนา นายดุก็เหลือเกิน กับผู้หญิงตัวบางเท่านี้ ไม่รู้จะใจจืดใจดำไปถึงไหน ใจคอจะหันหลังอย่างไม่ล่ำลาไปอีกสักกี่หนกี่ครั้งกัน



ร่างน้อยถูกทิ้งไว้ตามลำพังกับแคร่ที่เจ้าของจะไม่กลับมาอาศัยนอนอีก พี่ชายหันหลังให้สามแสนอีกครั้งแล้วใช่ไหม เขาแอบหนีไปตอนกลางดึก ไม่ยอมล่ำลากันก่อน

เขารู้กระมังว่า สามแสนต้องไม่ยอมแน่ๆ เขาจึงใช้วิธีนี้ซ้ำสอง เป็นเพราะสามแสนไม่ได้นอนจับมือเขาไว้ใช่หรือเปล่า ไม่ใช่หรอก เพราะเมื่อห้าปีก่อน สามแสนจำได้ว่า นอนจับมือเขาไว้ แต่เขาก็ยังทอดทิ้งไม่เหลียวหลังได้เลยนี่

สองมือประสานกันจรดไว้ใต้คาง ดวงตาอับเฉาพริ้มลงบดบังความผิดหวัง หัวใจสะเทือนรุนแรง และน้ำตาที่ไหลเป็นสายเล็กๆ อย่างเงียบๆ ก็คือเครื่องบอกถึงความเสียใจสุดซึ้ง

สามแสนขอใช้เวลาสักครู่ ตั้งสติให้มั่นคง และใคร่ครวญว่า ดงโจรมันใหญ่แค่ไหน

เท่าผืนป่าทั่วทั้งโลก หรือเท่าผืนฟ้า หรือเท่าผืนมหาสมุทร มันซ่อนอยู่เบื้องหลังกำแพงภูเขาหลายร้อยทิวหลายพันเทือกหรือเปล่า แล้วถ้าสามแสนจะดั้นด้นเข้าไปให้ได้ คนในดงโจรจะมีปัญหาอะไรไหม จะดาหน้ามาขัดขวางสามแสนยังไงบ้าง

"เพราะเธอ"

ภวังค์ตั้งสติถูกทำลายแตกเปรื่อง เสียงแว้ดแหลมของใบพลูก้องสะท้านเข้ามาในโสต แล้วตามด้วยเสียง 'ฉาด' หนักหน่วง สาวชาวป่าเหวี่ยงฝ่ามือแบบสุดแรงเกิด รวดเร็วเสียจนนายขิงคว้าไว้ไม่ทัน เขาเบิกตากว้าง ตกใจที่เห็นเพื่อนสาวกระเด็นวืดลงจากแคร่ ลงไปฟุบร่างกลางดิน

"ฉันเกลียดเธอ ได้ยินไหม ฉันเกลียดเธอ เพราะเธอทำให้อาดุต้องกลับเข้าดงโจรไปอีกแล้ว ฉันเกลียดเธอ"

เสียงแหลมกรีดก้อง แข่งกับการโผลงคร่อมแล้วตบตีศัตรูหัวใจอย่างเกรี้ยวกราด ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็พากันตกใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สาวสวยอย่างใบพลู ถึงได้ออกอาการของขึ้น ทำร้ายสาวชาวกรุงประหนึ่งจะให้ตายคามือ

"พอแล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ ใบพลู หยุดเดี๋ยวนี้ พี่บอกว่าหยุดไง"

นายขิงปราดเข้าช่วยเหลือทุลักทุเล เขาตวาดกรอกหู แต่สาวโกรธจัดก็หน้ามืดหูหนวกตาบอดไปแล้ว เวลานี้ ขอกระหน่ำโทสะให้สาแก่ใจก่อนเถอะ หล่อนร้องกรี๊ดอย่างเจ็บปวด ตอนร่างเล็กถูกกระชากเหวี่ยงไปกระแทกกับเหลี่ยมหินพอดิบพอดี นายขิงไม่อยากทำหรอก แต่ห้ามด้วยปากไม่ไหว

"ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมสามแสน" เขาถามพลางประคองเพื่อนมานั่งบนแคร่ มองเธอปัดเศษดินเศษหญ้าบนท่อนแขนด้วยความรู้สึกสงสาร

"ไม่เป็นไรหรอกนายเรก ไปดูใบพลูเถอะ สามแสนจะไปเก็บของ"

"เก็บของ" นายขิงทวน มองตาอย่างลังเลแกมหวาดระแวง

"สามแสนจะไม่ยอมให้พี่ชายหันหลังให้เป็นหนสอง สามแสนจะตามไปตำหนิเขาให้ถึงดงโจรว่า เขาตัวโตเสียเปล่า แต่หัวใจกลับเล็กเท่าปลาซิวปลาสร้อย แค่จะยอมรับว่ารักแรกมันแตกสลายไปนานถึงยี่สิบปีก็ไม่กล้า แค่จะเผชิญหน้ากับความรักของสามแสน ก็ไม่กล้า"

"รักอะไร เธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาประกาศหน้าด้านว่ารักอาดุ เขาเป็นหวานใจของฉัน ใครที่นี่ก็รู้กันทั่ว ฉันต่างหากรักอาดุ แล้วอาดุก็เป็นของฉันคนเดียว รู้เอาไว้เสียด้วย ไอ้ผู้หญิงชาวกรุงหน้าด้าน"

"พอแล้ว" นายขิงตวาดหนัก พร้อมกับยกท่อนแขนขวางร่างเล็กที่ลุกปรี่มาหมายทำร้ายซ้ำ

"ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้าน อย่าแส่ หลีกไปโว้ย ไสหัวไปเลยนะไอ้พี่ขิง ก่อนจะโดนฉันเตะหน้าเข้าให้ หลีก"

ท่อนแขนพ่อหนุ่มถูกกระชากเกรี้ยวกราดเลย สามแสนไม่ได้นึกกลัวกับโทสะร้อนแรงของสาวป่าดง เธอลุกแล้วผลักไหล่ใบพลู แค่พอว่าให้มีช่องให้เธอก้าวผ่านไปได้

ใครอยากทะเลาะกัน อวดศักดาความเก่ง ความยิ่งใหญ่ ก็ตามสบายเถอะ เธอจะเก็บข้าวของ แล้วดั้นด้นเข้าสู่ดงโจร ไม่มีคนนำทางก็ไม่เป็นไร เธอมีหัวใจทระนงดวงนี้เป็นเข็มทิศไม่ใช่หรือ



ลุงแม้นกับนายเก่งกาจตาโตใส่กัน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนแว้ดๆ ของใบพลูคนสวย ไล่หลังร่างโปร่งที่ก้าวอย่างสง่า ลัดเลาะไปตามช่องระหว่างลานครัวกับเพิงพัก

"อะไรกัน" นายพรานคนเก่งฉวยแขนบุตรสาว มองหน้าแดงจัด ตาวาววับ อย่างไม่เข้าใจ

"ไม่ต้องมาอะไรกัน" บุตรสาวแหวกลับอย่างโกรธเชียวล่ะ "เพราะพ่อนั่นแหละ พ่อพานังนั่นมา มันทำให้อาดุต้องกลับดงโจร สะพานยังซ่อมไม่เสร็จเลย แต่เขาทนอยู่เห็นหน้าไม่ได้ เขาถึงได้หนีมันไป แล้วมันก็ทำให้ใบพลูอดเห็นหน้าอาดุไปอีกนานเลย ปล่อยใบพลูนะพ่อ ใบพลูจะไปตบมัน"

"ปล่อยก็ได้ แต่แกต้องโดนพ่อตบก่อน เอาไหม ใจเว้ย มาลากคอลูกสาวสติแตกของแกไปหน่อย ล่ามโซ่เลยนะ ถ้ามันอยากจะบ้า ก็ให้มันบ้าติดเสานั่นแหละ"

สามีตะโกนเรียกภรรยา ตาแข็งกระด้างขึงปะทะกับตาวับวาวดุร้าย เพิ่งจะเห็นฤทธิ์เดชบ้าผู้ชายของใบพลูเต็มตาก็วันนี้ ตอนฟังนางใจเล่า ก็ยังสองจิตสองใจไม่อยากเชื่อ แต่ตอนนี้คงต้องเชื่อแล้ว

"ฉันจะไปดูคุณสามแสนหน่อย รายนั้นก็ดื้อเงียบออก เฮ้อ นายดุนี่มันมีดีอะไรของมัน ผู้หญิงแย่งกันชอบจัง"

นายพรานบอกแกมบ่นกับลุงแม้น แกเหวี่ยงใบพลูไปติดอกมารดาที่มารอรับ อดขำไม่ได้ ที่เห็นบุตรสาวโดนหยิกถี่ๆ เจ้าตัวถูกลากออกไประเบิดเสียงกรี๊ดๆ ใกล้เตา

แกหันกลับมา ค่อยสังเกตเห็นนายขิงมองตามไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก รายนี้ก็อีกคน หลงรักเข้าไปได้ยังไงกับสาวสวยอย่างใบพลูของแก แม่ตัวดีไม่น่ารักสักนิดเลย

"คุณสามแสนจะทำอะไรครับ" แกสาวเท้ายาวๆ ไม่กี่ก้าว ก็มาทันเห็นสาวงามเก็บข้าวของลงกระเป๋าเป้

"สามแสนจะเข้าไปตามพี่ชายในดงโจรค่ะ ลุงเก่งกาจ" เธอเรียกเสียงเข้มหนัก สะกดปากที่เผยอจะทักท้วง "อย่าเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุเลยค่ะ ไม่มีใครขัดขวางความตั้งใจของสามแสนได้ทั้งนั้น"

"ดงโจรมันเป็นถิ่นอันตราย ไม่ค่อยมีใคร.. "

"สามแสนไม่กลัว และจะดีใจมากถ้าได้เจอกับมันอีก เพราะมันเป็นตัวชักนำให้สามแสนได้ไปเจอกับพี่ชายเมื่อห้าปีก่อน" เธอตัดบทเด็ดเดี่ยว ฉวยกระเป๋าเป้แล้วลุกขึ้น

"อย่าทำอย่างนี้เลยแม่หนู" ลุงแม้นเข้ามาสมทบ แกห้ามปรามด้วยเสียงว้าวุ่นพอสมควร "เข้าใจเจตนาดีของนายดุมันหน่อยเถอะ มันไม่อยากเห็นแม่หนูมาตกระกำลำบากในป่า แม่หนูเพิ่งเรียนจบไม่ใช่หรือ อนาคต.. "

"สามแสนจัดการกับอนาคตของตัวเองได้ค่ะ สามแสนไม่เคยลืมว่าตัวเองยังต้องทำอะไรอีกเยอะ ที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ด้วยความรู้ที่สามแสนร่ำเรียนมา"

"เอ้อ ถ้าอย่างนั้น มันก็ดีแล้วนี่" ลุงแม้นเริ่มเสียงหรี่ๆ เพราะเกรงใจเสียงย้อนคมของอีกฝ่าย

"ค่ะ มันดีแล้ว" เธอสำทับพร้อมกับออกเดิน "สามแสนมีเป้าหมายให้ตัวเองเสมอ แล้วก็รู้ดีว่า ควรจะทำแต่ละเป้าหมายให้สำเร็จลุล่วง สามแสนจะพาพี่ชายกลับบ้าน นี่คือเป้าหมายแรกที่สามแสนตั้งใจจะทำมานานถึงห้าปี"

"คุณสามแสนครับ" นายเก่งกาจซึ่งเดินตามมาติดๆ เรียกเหมือนทัดทาน ใจจริงอยากฉุดแขนฉุดมือ แต่เกรงใจ

"ฟังนะคะ" สามแสนหยุดเดิน แล้วหมุนตัวกลับด้วยมาดทระนง "สามแสนจะทำเป้าหมายแรกให้สำเร็จลุล่วง ถ้าไม่สำเร็จ เป้าหมายหลังจากนั้น ก็คงต้องรอกันต่อไปอย่างไม่มีกำหนด"

"คือ.. "

"คนทุกคนอยู่ได้ก็เพราะว่ามีหัวใจ ถ้าสามแสนไม่มีพี่ชาย สามแสนก็ไม่มีหัวใจ แล้วสามแสนจะขับเคลื่อนตัวเองต่อไปอีกได้ยังไง จะไปขุนพลังจากไหนมาทำคุณงามความดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อคนอื่น หรือเพื่อตัวเอง"

"เอ้อ.. "

"มันก็ไม่ต่างอะไรจากพี่ชาย ที่อยู่อย่างซังกะตาย ทิ้งลมหายใจไปวันๆ สามแสนจะไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้น และจะเป็นคนฉุดพี่ชายให้หลุดพ้นออกมาจากสภาพนั้นเหมือนกัน"

"พอเถอะพ่อ ลุงกาจ" นายขิงถอนใจ แล้วปรามผู้ใหญ่ "อย่ากดดันสามแสนอีกเลย ให้ขิงคุยกับสามแสนเองเถอะ"

"สามแสนไม่มีอะไรจะคุยอีกแล้วล่ะ นายเรก"

"ไม่เป็นไร สามแสนไม่มี แต่เรามี ขอเวลาให้เราคุยด้วยสักห้านาที มันคงไม่ทำให้ดงโจรเคลื่อนย้ายไปไหนหรอก จริงไหม ไปกับเราเถอะ"

ลุงแม้นรีบเดินมาแตะแขนบุตรชายรูปหล่อ แกสบตาเหมือนจะขอความช่วยเหลือ ทำนองว่า 'เกลี้ยกล่อมให้สำเร็จนะเว้ย' บุตรชายก็พยักหน้าเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า 'รู้แล้ว จะทำให้ดีที่สุด'

เพื่อนรักพากันเดินหายไปทางพงไผ่ที่กั้นเขตไว้สำหรับอาบน้ำ ใบพลูกัดปากตาวาวอยู่บนแคร่ หล่อนปัดถาดผักที่วางอยู่หลายถาดออกห่างอย่างหงุดหงิด ใจยังไม่หายเดือดดาล และอีกใจก็ร้อนประหลาดด้วยไฟหึงหวง

หล่อนเป็นอะไรของหล่อนก็ไม่ทราบ ทันทีที่ทราบจากลุงแม้นว่า หนุ่มใหญ่หวานใจกลับดงโจรไปตั้งแต่กลางดึก หล่อนก็สติแตก วิ่งปราดไปตบตีสามแสนตัวต้นเหตุ แต่พอเห็นนายขิงควงแขนสาวชาวกรุงหายไปหลังพงไผ่ ใจมันก็รุ่มร้อนขึ้นมาอีก อยากตบซ้ำ ด้วยข้อหา 'แย่งผู้ชาย' เหมือนเดิม

คงเพราะความรู้สึกสับสนเช่นนี้กระมัง ทำให้หล่อนนั่งไม่ติด และจำต้องลุกพรวดพราดตามหนุ่มสาวไปให้ได้รู้ได้เห็นกันจะจะว่า มีธุระปะปังอะไรนักหนา ถึงต้องไปคุยกันเสียไกลลิบ นางใจกำลังกวนผักต้มในหม้อใบใหญ่ ว่าจะร้องห้ามก็ไม่ทันอีก

นายเก่งกาจกับลุงแม้น ซึ่งเดินย้อนกลับมาลานครัว ก็พลอยเห็นไปด้วย แต่คนเป็นบิดาคร้านจะใส่ใจ เพราะเชื่อว่านายขิงคงจะกำราบกันได้

ลุงแม้นก็แค่หัวเราะขำๆ แกชินแล้วล่ะ ด้วยว่าเห็นฤทธิ์เห็นเดชกันทุกวัน ต่างจากบิดาที่เก่งแต่ตะลอนทั่วพงสิบทิศสมฉายา เลยอาจจะตั้งรับกับพยศบุตรสาวไม่ค่อยจะมั่นคงนัก

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:44:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com