(ต่อ)
นทีเดินเข้าบริษัทในช่วงหลังเที่ยง ด้วยสีหน้าแจ่มชื่นสดใส สุวิดาเดินออกจากโต๊ะออกมารับหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนถามด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
คุณทีไปไหนมาคะ มือถือก็ไม่เปิด สุโทรหาคุณเป็นร้อยสายแล้ว
หรือครับ นทีรับกึ่งถามพลางหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูเล็กทันสมัยจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทมาเปิดดู
นั่นสิ ผมก็คิดๆ อยู่ว่าทำไมวันนี้มือถือมันเงียบๆ พิกล ที่แท้ก็ปิดเครื่องอยู่นี่เอง เขาบอกอย่างอารมณ์ดีขณะที่เปิดประตูห้องทำงานโดยมีเลขาหน้าห้องตามเข้าไปด้วย
แล้วมีเรื่องอะไรล่ะคุณสุ เขาถามเมื่อนั่งบนโต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้วก่อนจะชี้มือไปยังแฟ้มหนาสามสี่เล่มที่วางอยู่มุมโต๊ะ
เกี่ยวกับเอกสารพวกนี้หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะต้องซีเรียสเลย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย หรือว่าคุณแม่นัดประชุมด่วน? ท้ายประโยคเขาถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจก่อนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเลขาส่ายหน้า
งานในแฟ้มไม่สำคัญหรอกค่ะ แล้วท่านประธานก็ไม่ได้เรียกประชุมด้วยค่ะ
อ้าว! แล้วทำไมถึงทำหน้าเหมือนมีเรื่องหนักหนาด้วยล่ะ เจ้านายถามอย่างแปลกใจ
เมื่อเช้าค่ะ เมื่อเช้าคุณแคทเธอมาที่นี่ เลขารายงานเร็วๆ ด้วยท่าทางกระวนกระวาย
พอรู้ว่าคุณทีไม่เข้าบริษัทเธอก็หงุดหงิดใหญ่ แล้วไล่บี้เอากับสุ หาว่าสุไม่ตั้งใจทำงาน ไม่ติดตามเจ้านาย พอโทรหาคุณไม่ติดก็มาจี้ให้สุโทรหาคุณให้ได้ ก่อนออกไป เธอยังขู่ด้วยนะคะว่าจะบอกให้คุณไล่สุออก เลขาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน ในขณะที่นทีส่ายหน้าอย่างไม่ถือเป็นสาระ
คิดมากไปได้คุณสุ แคทเขาไม่มีอำนาจมาสั่งคนนั่นคนนี่ให้ไล่ใครออกได้หรอก แล้วผมก็ไม่เคยคิดจะไล่พนักงานคนไหนออกด้วยเรื่องแค่นี้ด้วย
แต่คุณกับคุณแคทสนิทกันมาก เลขาไม่วายเป็นกังวล
เราสนิทกับแบบเพื่อนเท่านั้นแหละครับ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ เอาละ ผมจะทำงานแล้ว มีเรื่องอะไรอีกไหม นทีตัดบท ในขณะที่เลขาส่ายหน้า
งั้นคุณก็ออกไปทำงานเถอะ เจ้านายบอกก่อนจะหยิบงานมาเปิดดู สุวิดาก้มหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ
นทีถอนใจเฮือกใหญ่หลังจากประตูบานใหญ่ถูกปิดลง ชายหนุ่มเอนตัวพิงพนักด้วยสีหน้าครุ่นคิด ตัดสินใจ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
เขาไม่อาจตัดเพื่อนของเขาได้ เพราะช่วงเวลาที่อยู่อังกฤษนั้น แคทเธอลีนถือได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนและครูที่ปรึกษาของเขา เพราะเธออยู่อังกฤษมาตั้งแต่เกิดและสามารถพูดภาษาไทยได้ นทีไม่เคยลืมว่าใครเป็นคนพาเขาทัวร์มหาวิทยาลัยหรือเป็นไกด์พาเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ใครอื่นอาจมองเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับคนที่เพิ่งเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองถือว่า เพื่อน เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่จะทำได้ในตอนนี้คงมีแค่การถอยออกมาสักพักเพื่อรักษาระยะความห่างไว้ และการหายหน้าหายตาไปสักสองอาทิตย์คงทำให้ความสนิทสนมระหว่างเขากับแคทเธอลีนลดน้อยลงได้บ้างและตอนนี้เธอก็มาทำงานที่เมืองไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว เธอคงมีเพื่อนคนไทยเพิ่มขึ้นและคงไม่ได้มีเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวเหมือนก่อน
แผ่นหลังภายใต้ชุดสูทสีเข้มถูกดันออกจากพนักก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานในแฟ้มเล่มหนาด้วยสีหน้าและแววตามุ่งมั่นจริงจัง และหลังจากผ่านไปสามชั่วโมง เขาก็สามารถเคลียร์แฟ้มสามสี่เล่มได้หมด สีหน้าของเขาออกจะทึ่งเล็กน้อยเพราะใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดไว้ ก่อนจะกดอินเตอร์คอมมุมโต๊ะเรียกเลขา
ช่วยทำหนังสือมอบอำนาจให้ผมหน่อยครับ เรื่องมอบอำนาจให้ฉัตรเพชรเซ็นอนุมัติงานต่างๆ แทนผมเป็นเวลาสองอาทิตย์
นานขนาดนั้นเลยหรือคะ เลขาถามด้วยความแปลกใจ
เถอะครับคุณสุ ผมมีธุระนิดหน่อย ผมต้องการวันนี้นะครับ เขาตัดบทกับลูกน้องอีกครั้ง ก่อนจะสำรวจงานบนโต๊ะอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีงานอะไรคั่งค้างแล้ว
สิบห้านาทีหลังจากนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สุวิดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยแฟ้มเซ็นเอกสารในมือ นทีรับเอกสารนั้นมาอ่านคร่าวๆ ก่อนจรดปากกาเซ็น
งานทุกตัวส่งให้ผมทางเมลด้วยนะครับ ถ้ามีประชุมระหว่างนี้ รบกวนคุณสุพิมพ์รายงานส่งให้ผมด้วย เขาสั่งความอีกครั้งขณะที่ดันแฟ้มไปตรงหน้าคืนลูกน้อง
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีอันทันสมัยในยุคปัจจุบันที่ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น เขาไม่กังวลเรื่องงานเท่าไหร่นักเพราะผู้ที่มอบหมายงานให้นั้น เป็นคนที่ไว้ใจได้ที่สุด
สุยังไม่ทราบเลยนะคะว่าคุณทีจะไปไหน สุวิดาถามอย่างเกรงใจ
แถวๆ นี้แหละครับ ไม่ได้ไปต่างประเทศหรอก ผมขอไม่บอกนะครับเพราะต้องการพักผ่อนให้สบายที่สุด แต่คุณสามารถโทรหาผมได้ทุกเวลา
แล้วถ้าใครถามล่ะคะ เลขามีสีหน้าลำบากใจ เพราะคนเดียวที่จะถามก็คงมีแค่แคทเธอลีนเท่านั้น
เรื่องนี้ผมจะแจ้งกับคนที่เกี่ยวข้องเองครับ คุณสุสบายใจได้ นทีรับคำเชิงตัดบทพร้อมทั้งผายมือเป็นสัญญาณให้กับลูกน้อง ก่อนสุวิดาจะค่อยๆ ถอยออกจากห้อง
เดี๋ยวเรียกฉัตรเพชรมาหาผมด้วยนะครับ เจ้าของห้องพูดอย่างนึกขึ้นได้ ซึ่งเลขาก็พยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะปิดประตู
...................................
ไม่นานหลังจากที่สุวิดาเดินออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนประตูบานนั้นจะเปิดออกโดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ
สีหน้าของบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตู ทำให้ผู้ที่พบเห็นทราบโดยไม่ต้องถามว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ใด เพราะสีหน้าสีตาของฉัตรเพชรบ่งบอกอยู่แล้วว่ากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธและเคือง
นี่มันอะไรกันที นายจะไปไหน ชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐานที่ยืนค้ำอยู่หน้าโต๊ะทำงานถามทันทีเมื่อก้าวมายืนในห้อง
มีธุระนิดหน่อย นทีตอบเรื่อยๆ
เรื่องอะไรกัน ฉัตรเพชรถามก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกและกระแทกตัวลงนั่งอย่างหัวเสีย
เรื่องส่วนตัว ฉันต้องการเวลาพักผ่อน ระหว่างนี้คงต้องรบกวนนายทำงานแทนไปก่อน แต่ที่ฉันเรียกนายเข้ามาเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจนั่นหรอกนะ
แล้วเรื่องอะไร ฉัตรเพชรขมวดคิ้วถามเพราะน้ำเสียงท้ายประโยคของเพื่อนสนิทมีแววจริงจัง เคร่งขรึม
เรื่องนายกับยายภัส ประโยคคำตอบนั้นทำเอาฉัตรเพชรถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย สีหน้าเลิกลั่กและมองเพื่อนอย่างไม่แน่ใจ
เรื่องฉันกับน้องภัส เรื่องอะไรกัน
บังเอิญฉันไปรู้เรื่องเกี่ยวกับนายกับยายภัสมา เลยอยากได้ยินจากปากของนายว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า น้ำเสียงของนทีจับผิดเต็มที่แถมยังหรี่ตามองเพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์อีกด้วย
ก็... ฉัตรเพชรอักอึก ในขณะที่เจ้าของห้องทำงานเอนตัวพิงพนักพร้อมยกมือขึ้นกอดอก สายตามองอย่างคาดคั้นเร่งคำตอบ
ก็...ถ้านายหมายถึงเรื่องที่ฉันกับน้องภัสกำลังคบหากันอยู่ละก็ ฉันก็จะบอกว่าจริง ฉัตรเพชรยอมรับในที่สุด
นทีระบายลมหายใจออกมาเบาๆ พร้อมพยักหน้าไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่รสิตาพูด แต่เขาต้องการฟังคำยืนยันจากปากของเพื่อนสนิทว่ารักน้องสาวของเขาจริงๆ
ทำไมนายต้องปิดบังฉันด้วย เจ้าของห้องถามอย่างตัดพ้อ นายคิดว่าฉันจะเป็นพี่ชายใจร้าย เป็นเพื่อนใจร้ายที่คอยขัดขวางความรักของน้องสาวกับเพื่อนสนิทอย่างนั้นเหรอ
ไม่ใช่หรอก แต่เพราะน้องภัสขอไว้ต่างหาก เขากลัวว่าความเป็นเพื่อนระหว่างฉันกับนายจะหายไป ใครๆ ก็รู้ว่านายรักน้องมากแค่ไหน และฉันก็ไม่รู้ว่านายจะยอมรับมากแค่ไหนถ้ารู้ว่าฉันคิดอะไรกับน้องภัส ความเป็นเพื่อนระหว่างเราอาจเปลี่ยนไปก็ได้ ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่างให้มั่นใจที่สุดก่อน ฉัตรเพชรรีบพูด
ความลับของนายที่บอกว่าถ้าฉันรู้ ความเป็นเพื่อนระหว่างเราจะเปลี่ยนไป คือเรื่องนี้ใช่ไหม
ใช่ แต่พอนายบอกว่าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความเป็นเพื่อนระหว่างเราได้ ฉันก็สบายใจ และตั้งใจจะบอกนายในอีกสองสามวันนี่แหละ ไม่คิดว่านายจะรู้ก่อน...ว่าแต่ใครเป็นคนบอก น้องภัสหรือ ฉัตรเพชรถามอย่างไม่แน่ใจในท้ายประโยค เพราะมั่นใจว่านภัสสรไม่มีทางพูดเรื่องนี้ก่อนเพราะได้มีการตกลงกันแล้วว่าจะพูดพร้อมกัน
อย่ารู้เลย เอาเป็นว่าแหล่งข่าวเชื่อถือได้ละกัน นทีตัดบทเพราะถ้าเขาบอกออกไป อาจเกิดคำถามตามมาให้ตอบวุ่นวายก็เป็นได้ และเขาอาจพลั้งปากพูดออกไปว่า เขาไปหาความจริงจากรสิตาเมื่อคืน จนกระทั่งเช้าถึงได้ออกจากห้องของเธอ
เรื่องงานออกแบบของรสเป็นยังไงบ้าง
งานออกแบบบ้านของฉันใกล้เสร็จแล้ว รอแค่ลงเฟอร์นิเจอร์อย่างเดียว คุณรสเลยรับงานเพิ่มเป็นงานออกแบบร้านเสื้อให้คุณสมชาย รายนี้เรื่องมากเป็นที่กล่าวขวัญน่าดู ยังไม่ทันเริ่มงานก็เริ่มออกอาการให้เราตามใจอีกแล้ว ฉัตรเพชรพูดพลางส่ายหน้าไปด้วย
ถ้ารสจะไม่ไปดูร้านสักสองอาทิตย์จะเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า เจ้าของห้องถาม
ความจริงช่วงนี้คุณรสไม่ต้องไปที่ร้านก่อนก็ได้ เพราะฉันต้องตกลงเรื่องเงื่อนไขของสัญญากับเขาใหม่ อย่างน้อยก็คงสักสองสามวัน คุณรสน่าจะว่าง ฉัตรเพชรบอกเพื่อนพร้อมสายตาที่ส่งไปอย่างมีคำถาม
ฉันจะไปพักผ่อนกับรสสักสองอาทิตย์ ถ้ามีงานอะไร นายให้ทีมงานของเขาส่งข้อมูลไปทางเมลละกัน แล้วฉันจะบอกให้รสส่งงานกลับมาให้ทางเมล นทีตอบโดยไม่รอให้เพื่อนต้องถาม
นายกับคุณรสจะไปพักผ่อนกันสองอาทิตย์ ฉัตรเพชรทวนคำอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันอ้าปากถามความข้องใจ นทีก็พูดขึ้นเสียก่อน
ไม่ต้องถามว่าทำไมและเพราะอะไร เอาเป็นว่าทุกอย่างที่นายสงสัยเรื่องฉันกับรสถูกต้องทั้งหมด และทำตามที่ฉันบอก พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว
ทำไมถึงรีบร้อนนัก นายกำลังหนีอะไรอยู่ ฉัตรเพชรตั้งข้อสังเกต
คิดมากไปได้ ฉันแค่อยากพักผ่อนเท่านั้น...ไม่มีอะไรแล้วล่ะ นายออกไปทำงานเถอะ เจ้าของห้องตัดบทเชิงไล่เพื่อนแถมยังสำทับด้วยการผายมือไปยังประตูอีกด้วย ทำให้ฉัตรเพชรต้องจำใจลุกขึ้น
.......................................................
จากคุณ |
:
latics1
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ค. 54 09:36:27
|
|
|
|