Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใต้เงาพระจันทร์ บทที่ 7 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 7

ในวันที่สามของการเดินทาง วาเลนและคริสต์พบโรงนาร้างแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้กับลำธารสายเล็กๆ หลังจากที่วาเลนสำรวจจนแน่ใจว่ามันถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างมานาน อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงก็ไม่มีบ้านเรือนผู้คนตั้งอยู่ ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะพักค้างแรมที่นี่จนกระทั่งถึงเช้า

“ถ้าพรุ่งนี้เราออกเดินทางแต่เช้าและไม่พักอีก ตอนพลบค่ำเราจะไปถึงคฤหาสน์บาโทรี่” วาเลนพูดขณะถอดเสื้อกั๊กออกและพาดมันไว้กับขอบผนังไม้ที่สูงเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเขา แสงแดดในยามเที่ยงที่ส่องเข้ามาระหว่างหลังคาผุพังทำให้เห็นเงาเรือนร่างใต้เสื้อสีขาวของเสือหนุ่มรางๆ

คริสต์มองเขาอย่างรู้สึกทึ่ง วาเลนตัวใหญ่ขึ้นกว่าวันแรกที่ทั้งสองพบกัน ตอนนี้เขาดูสูงใหญ่ ตระหง่านง้ำ น่าเกรงขามเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง แต่ก็ยังดูปราดเปรียวและเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าขย้ำใครก็ตามที่บุกรุกอาณาเขตหรือลอบทำร้ายเขาจากทางด้านหลัง

เขาพร้อมแล้วถ้าต้องต่อสู้กับปิศาจสักฝูง ส่วนเธอก็ทำได้แค่วิ่งหนีไปรอบๆ เหมือนตัวถ่วง

เด็กสาวสะบัดศีรษะเล็กน้อย ปัดความคิดที่จะนำพาตัวเองให้จมอยู่กับความหวาดกลัวออกจากจิตใจแล้วถาม “ทำไมเราไม่แอบเข้าไปในคฤหาสน์ตอนกลางวันล่ะคะ ฉันได้ยินมาว่าพวกผีดูดเลือดกลัวแสงอาทิตย์นี่นา”

“เพราะบาโทรี่ไม่ใช่ผีดูดเลือด” แต่แล้ววาเลนกลับนิ่วหน้าอย่างครุ่นคิด ยกนิ้วชี้ลูบคาง “ไม่เชิงเสียทีเดียว เพราะผมเคยเห็นดัชเชสบาโทรี่แขวนเด็กสาวคนหนึ่งไว้กับตะขอโดยที่หล่อนยืนเปลือยกายให้เลือดของเด็กคนนั้นไหลอาบร่าง”

“คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะคะ” คริสต์ตัวสั่นพลางลูบแขนของตัวเอง “ฉันไม่เข้าใจค่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาฆ่าเด็กสาว ลอนดอนเป็นเมืองใหญ่มีคนพลุกพล่านไม่ใช่หรือคะ” แล้วเธอก็เบิกตากว้าง “หรือว่าผู้คนในลอนดอนก็ไม่ใช่มนุษย์เหมือนกันหรือคะ”

วาเลนยิ้มพลางโคลงศีรษะ “ไม่ใช่หรอก คฤหาสน์บาโทรี่ไม่ได้อยู่ในลอนดอน แต่พวกเขาอาจจะมีคฤหาสน์อยู่ในลอนดอนก็ได้ ผมไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้เรากำลังเดินทางขึ้นเหนือ”

“โอ พวกเขาโกหก” คริสต์ปิดปากอย่างตื่นตระหนก “ฉันสงสัยอยู่แล้วเชียว ซาร่าก็ด้วย แต่ไม่มีใครฟังคำพูดของเราเพราะว่าฉันโง่และซาร่าก็ยากจน”

“คริสต์ คุณไม่โง่นะ” วาเลนเอ็ด แต่คริสต์ไม่ได้ฟัง เธอยังพร่ำพูดต่อไป

“แล้วยังมีน้องๆ ของซาร่าด้วย โอ ฉันได้ยินว่ามิสซิสกรีนยกลูกเล็กๆ สองคนให้เป็นลูกบุญธรรมของพวกบาโทรี่ไปแล้ว ลิซ่ากับจอร์แดนน้อย เด็กแฝดทั้งสองเพิ่งจะห้าขวบเท่านั้นเอง”

“คุณไม่ต้องห่วงเด็กแฝดหรอก พวกเขาปลอดภัยแน่นอน อย่างน้อยก็สักสิบปีล่ะนะ”

“ปลอดภัยหรือคะ”

วาเลนผงกศีรษะครั้งหนึ่ง “พวกเขาแบ่งเด็กๆ ไว้สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะถูกแนะนำกับสังคมว่าเป็นลูกๆ ของดยุคกับดัชเชสบาโทรี่ ส่วนอีกกลุ่มจะถูกซ่อนตัวไว้ เด็กทั้งหมดจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนถึงวัยหนุ่มสาว หลังจบฤดูกาลหาคู่ครองเมื่อไหร่ทั้งหมดก็จะถูกฆ่าและเปลี่ยนถ่ายร่างกายเพื่อเป็นดยุคกับดัชเชสคนใหม่ พวกบาโทรี่ใช้วิธีนี้ปะปนอยู่ในสังคมมนุษย์มานานแล้ว”

คริสต์เบ้ปาก นิ่วหน้าเพราะรู้สึกขยะแขยง “ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นล่ะคะ พวกเขามีลูกไม่ได้หรือ”

“พวกเขามีลูกได้แน่นอน อันที่จริงทั้งคู่มีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง หล่อนใจดีมาก” แล้ววาเลนก็เงียบไปครู่ ดวงตาเลื่อนลอยเหมือนกำลังคิดถึงอดีต ภาพนั้นทำให้หัวใจของคริสต์เจ็บแปลบขึ้นมา เขาหลงรักลูกสาวของดยุคบาโทรี่ใช่หรือไม่ “หล่อนจิตใจดีแต่อัปลักษณ์ บาโทรี่ทนเห็นลูกตัวเองไม่ได้จึงจับขังไว้ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์ แต่น่าเสียดายที่คุกของหล่อนขังหล่อนไม่ได้ เอลิซ่าเก่งมากเรื่องสะเดาะกุญแจ”

“คุณเคยพบหล่อนใช่ไหมคะ” คริสต์ถาม เธอนึกตำหนิตัวเองที่ห้ามความอิจฉาไว้ไม่ได้ วาเลนรู้กระทั่งชื่อของผู้หญิงคนนั้น ทั้งคู่สนิทสนมกันถึงขั้นไหน

“ใช่ ตอนผมยังเด็ก ผมเคยหลงทางอยู่ในคฤหาสน์นั้นเกือบสัปดาห์ เอลิซ่าช่วยผมให้หนีออกมาได้”

ยังเด็ก โอ... คำตอบนั้นทำให้คริสต์โล่งใจ “คุณคิดว่าเอลิซ่าจะช่วยเราตามหาพวกเด็กสาวไหมคะ”

“นั่นเป็นหนึ่งในแผนของผม” วาเลนยิ้ม “แต่แผนหลักคือผมจะเข้าไปก่อน ส่วนคุณต้องหารถม้าและเฝ้ามันไว้ในจุดลับตาคน ผมแน่ใจว่าวันที่เราไปถึง คฤหาสน์บาโทรี่จะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง พวกเขาชอบงานสังสรรค์และเต้นรำมาก เรียกได้ว่าจัดกันแทบทุกคืนเลยทีเดียว”

ทันใดนั้น ภาพงานเลี้ยงของเหล่าปิศาจก็ปรากฏขึ้นในหัวของคริสต์ อาหารมากมายทำจากเนื้อมนุษย์บนโต๊ะที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ไวน์ในแก้วคือเลือด และวาเลน วอห์น ในจานใบใหญ่ “ไม่ค่ะ” คริสต์สะบัดศีรษะแรงๆ พยายามขจัดภาพสยดสยองออกไป “ฉันไม่คิดว่าการบุกเข้าไปในงานเลี้ยงที่มีแต่ปิศาจจะเป็นความคิดที่ดีนัก”

“อย่ากังวลสาวน้อย งานเลี้ยงของบาโทรี่มีแต่พวกมนุษย์” วาเลนเสริมเมื่อเห็นสายตาสงสัยของเด็กสาว “พวกบาโทรี่ถือเป็นชนชั้นต่ำเมื่อเทียบกับปิศาจ พวกเขาเป็นแค่คนเฝ้าประตู และเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งของเขาในฐานะมนุษย์ ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาค่อนข้างจะชอบคบค้าสมาคมกับพวกมนุษย์มากกว่า”

“ค่ะ เขาเป็นดยุคที่ใครๆ ก็ยำเกรง” คริสต์เสริม “แต่อย่างไรฉันก็ไม่เห็นด้วยกับแผนที่ให้ฉันเฝ้ารถม้า คุณคิดว่ารถม้าคันหนึ่งจะบรรจุเด็กสาวได้มากเท่าไหร่”

วาเลนเลิกคิ้ว พยายามซ่อนยิ้ม “ใครกันที่กล่าวหาว่าคุณโง่”

“เอาเป็นว่าฉันจะไปกับคุณด้วย” คริสต์ตัดบท “บางทีเราอาจจะขโมยชุดสาวใช้สักชุด พวกเขาจ้างสาวใช้ที่เป็นมนุษย์ใช่ไหมคะ”

“ผมยังสงสัยอยู่” เขาเคยเห็นสาวใช้หรือคนงานในคฤหาสน์บาโทรี่แน่นอน แต่บางรายดูเหมือนตุ๊กตามากกว่ามนุษย์จริงๆ โดยเฉพาะพวกเด็กสาว “แต่ผมยังยืนยันแผนเดิมนะคริสต์ คุณเคลื่อนไหวได้ช้าและไม่มีเขี้ยวเล็บ ให้ผมหาพวกเด็กสาวตามลำพังจะสะดวกกว่ามาก”

“ฉันแค่อยากอยู่ใกล้คุณ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้” เด็กสาวพูดงึมงำ เธอปัดภาพวาเลนในจานอาหารออกไปจากสมองไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาถูกจับ เธอจะทำอย่างไรถ้าเขาตาย “คุณคิดว่าฉันควรเริ่มฝึกการต่อสู้ตอนนี้เลยไหมคะ”

“ผมไม่ใช่พวกเชี่ยวชาญการต่อสู้ที่มีแบบแผน เคล็ดลับเดียวของผมคือเล่นงานจุดตายให้รวดเร็วที่สุด” วาเลนบอก

“จุดตายหรือคะ”

“มีมากมายบนร่างกายมนุษย์ แต่ผมจะบอกคุณแค่จุดใหญ่ๆ” วาเลนชี้ที่กลางศีรษะ ขมับ ด้านหน้าของลำคอ กลางอก ใต้อกด้านซ้าย ลังเลอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะชี้ไปที่เป้ากางเกงของตน “ผมมีคำแนะนำสองข้อสำหรับคุณ หนึ่ง อย่าพยายามเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ให้หาอาวุธที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ไม้ แจกัน มีด อะไรก็ได้ ถ้าไม่มีให้ชกหรือเตะเต็มแรงตามจุดที่ผมบอก ถ้าเป็นผู้ชายเป้ากางเกงจะได้ผลดีที่สุดแล้ววิ่งหนีให้สุดชีวิต และสอง เมื่อถึงเวลาต้องต่อสู้ ห้ามลังเลเด็ดขาด”

คริสต์ใช้เวลาพอสมควรในการคิดตามคำแนะนำแรก ส่วนคำแนะนำที่สอง เธอนึกถึงตอนที่เธอกระหายเลือดและพยักหน้า บันทึกไว้ในใจว่าเธอต้องจดจำความรู้สึกนั้นไว้ให้ดี “มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ”

“หันหลังซะ” เขาพูดพลางถอดเสื้อ “ผมกำลังจะออกไปหาอาหาร”  

หาอาหาร นั่นหมายถึงว่าเขาจะเปลี่ยนร่างเป็นเสือ คริสต์หมุนตัวเพื่อให้เขาได้ถอดเสื้อผ้าอย่างสะดวกใจ เมื่อเสียงเสียดสีกันของเนื้อผ้าจบลง เธอก็หมุนตัวอีกครั้งและเห็นเพียงร่างเสือดำกระโจนออกไปทางชายป่า

วาเลนเป็นนักล่า อีกไม่ช้าเขาจะกลับมาพร้อมกระต่ายหรือไม่ก็นก ส่วนเธอ ได้แต่นั่งรออย่างไร้ประโยชน์ในโรงนา คริสต์คิดอย่างเศร้าใจ เป็นความจริงที่เธอไร้ประโยชน์อย่างมาก เธอไม่มีเวทมนตร์ แปลงร่างไม่ได้ ต่อสู้ไม่ได้ ที่แย่ยิ่งกว่าคือหาอาหารไม่ได้ บางทีเธอควรหันหลังกลับ ลืมพวกเด็กสาวและน้องๆ ของซาร่าซะแล้วเริ่มชีวิตใหม่ วาเลนต้องเข้าใจแน่นอน เพราะการแอบเข้าคฤหาสน์บาโทรี่ครั้งนี้มีเขาคนเดียวที่เสี่ยงชีวิต

แต่เธอจะไม่มีวันลืมดวงตาของซาร่าได้ เพื่อนผู้น่าสงสารซึ่งต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะเข้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง เป็นเครื่องระบายอารมณ์ที่กราดเกรี้ยวของแม่มดใจคอโหดเหี้ยมคนหนึ่ง

แม่มดที่โหดเหี้ยมและปิศาจที่ชั่วช้า โอ ถ้าเกิดว่าพวกบาโทรี่ร้ายยิ่งกว่าสองคนนั้นล่ะ

คริสต์หน้าซีด กุมศีรษะอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นภาพดยุคและดัชเชสบาโทรี่ร่างใหญ่ยักษ์ เขี้ยวยาวโง้ง กำลังฉีกเนื้อมนุษย์กินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของพวกเขาเรืองรองกระหายเลือดขณะเอื้อมมือไปหาวาเลน

“ไม่นะ อย่าคิด” เด็กสาวกระซิบเสียงเปลี้ยกับตัวเอง “อย่าคิดสิ แม่คนไม่ได้เรื่อง คริสต์ ดีแลน!” เธอสะบัดศีรษะอย่างบ้าคลั่งเมื่อสลัดภาพน่ากลัวไปไม่ได้ “แม่คนไร้ประโยชน์ ทำไมเธอไม่ตายนะ เธอน่าจะอยู่ตรงนั้นแล้วตายแทนซาร่าซะ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงตามร่องแก้ม คริสต์ปาดมันทิ้งด้วยปลายนิ้วแล้วกัดเล็บ “คิดสิ เธอทำอะไรได้บ้าง อย่าทำตัวไร้ประโยชน์ อย่ายืนนิ่งๆ เหมือนคนน่าสมเพช” เธอก่นด่าตัวเองขณะเดินไปเดินมา ทันใดนั้นเธอก็เห็นกองเสื้อผ้าของวาเลนที่สกปรกเต็มไปด้วยฝุ่น

ใช่แล้ว ถ้าอยากมีประโยชน์ เธอต้องเริ่มด้วยการซักผ้า

เสือดำเยื้องย่างอยู่รอบบริเวณโรงนาร้างพร้อมกับกระต่ายตัวหนึ่งในปากแต่ไม่ได้เข้าไป การเตรียมอาหารต้องจุดไฟและเขาไม่อยากให้สถานที่บังแดดบังลมต้องวอดวายไปเพราะความสะเพร่า จากหางตา เขาเห็นคริสต์อยู่บริเวณลำธาร เขาจึงวางกระต่ายไว้บนพื้นแล้วคำรามบอกเธอให้มาเฝ้ามันไว้ แถวนี้อาจไม่มีสุนัขหรือสัตว์กินเนื้ออื่น แต่เขาไม่อยากเสี่ยง

เด็กสาวโบกมือเป็นสัญญาณว่าเธอรับรู้แล้ว วาเลนจึงหันหลังกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง กระต่ายตัวเดียวไม่พอสำหรับสองคนและนับตั้งแต่พรุ่งนี้พวกเขาต้องเดินทางโดยไม่หยุดแวะพัก จึงควรตระเตรียมเสบียงไว้ล่วงหน้า แต่เมื่อเขากลับมาอีกครั้งกระต่ายก็หายไป มีกองไม้วางไว้อยู่แทนที่ คริสต์คงเอาไปเก็บ วาเลนคิดพลางวางกระต่ายตัวที่สองและวิ่งกลับเข้าไปในป่า

กระต่ายตัวที่สามใช้เวลาค่อนข้างนาน เมื่อวาเลนกลับมาเขาก็เห็นเด็กสาวกำลังโน้มตัวลงหยิบกระต่ายตัวก่อนหน้า สีหน้าของเธอซีดเผือดและเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยเลือดอย่างน่าตกใจ เขารีบวิ่งมาหา วางกระต่ายลงแล้วสูดดมไปทั่วร่างเธอเพื่อหาบาดแผล

“เลือดกระต่ายค่ะ” คริสต์บอกเสียงสั่น “ฉันเพิ่งแล่กระต่ายตัวแรกเสร็จ แต่คิดว่าตัวนี้คงง่ายกว่าเดิม”

เมื่อเสือดำจ้องหน้าเธอราวกับจะถามว่า ‘เธอกล้าแล่กระต่ายด้วยรึ’ เด็กสาวจึงเลียริมฝีปากที่แห้งผาก พยักหน้าแบบฝืนๆ และยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนพอกัน “ฉันต้องทำ จริงไหมคะ” แล้วเธอก็ปรับสีหน้าให้ดูร่าเริงขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังลำธาร “ไปอาบน้ำก่อนสิคะ ฉันเตรียมเสื้อผ้ากับสบู่ให้คุณอยู่ตรงนั้นแล้วค่ะ”

คริสต์ผลักขาหน้าของเสือดำเบาๆ เป็นเชิงบอกให้มันออกเดิน จากนั้นเธอก็รวบหูกระต่ายทั้งสองตัวเดินไปทางด้านหลังโรงนาร้างซึ่งเป็นจุดที่มองไม่เห็นลำธาร

และวาเลนก็จะไม่เห็นสีหน้าของเธอตอนชำแหละกระต่ายที่เหลือด้วย

เป็นความจริงที่การแล่กระต่ายตัวแรกไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ว่ามันจะตายไปแล้ว ดวงตาที่ลืมค้างทั้งสองข้างทำให้รู้สึกว่ามันยังมีชีวิตอยู่ มันกำลังจ้องหน้าเธอเพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาอยู่ใช่ไหม หรือมันกำลังสาปแช่งเธอ คริสต์พยายามปลอบตัวเองขณะลงมีดว่าเธอเคยกินเพื่อนพ้องของมันมาแล้วมากมายแต่ไม่สัมฤทธิ์ผล กลิ่นคาวเลือด เครื่องในที่นุ่มหยุ่น ขนหยาบกระด้างที่สัมผัสมือชวนให้เกิดความรู้สึกพะอืดพะอม เธอทั้งร้องไห้และกรีดร้องอย่างขยะแขยงกว่าจะแล่เนื้อกระต่ายออกเป็นชิ้นๆ ได้สำเร็จ

แล้วตอนนี้ โอ... สวรรค์ทรงช่วยด้วย เธอต้องทำแบบนั้นอีกสองครั้ง

เด็กสาวบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าพวกมันเป็นอาหาร เธอต้องกินเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ขณะจะบั่นคอกระต่ายตัวที่สอง เธอก็เห็นริมฝีปากของมันสั่นระริก หนวดกระดิกช้าๆ ราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนที่จะหายใจ พระเจ้าช่วย มันยังมีชีวิตอยู่ เธอทิ้งมีดและยกมือขึ้นปิดปากแน่น น้ำตาไหลพราก  

“ถอยไป” วาเลนสั่งพร้อมกับนั่งลงข้างเธอ เขาหยิบมีดแล้วเริ่มชำแหละกระต่ายด้วยความรวดเร็ว ระหว่างนั้นคริสต์ได้แต่นั่งอุดปากไม่ขยับเขยื้อน เฝ้ามองการกรีด แล่ หั่น ถลกหนัง จนกระทั่งกระต่ายทั้งสองกลายเป็นชิ้นเนื้อคล้ายเนื้อไก่ เสือหนุ่มรวบรวมซากที่เหลือไปทิ้งไว้ในจุดห่างไกลจากโรงนาร้างพอสมควรเพื่อป้องกันสุนัขหรือสัตว์กินเนื้ออื่นมาวุ่นวาย พอกลับมาอีกครั้ง เขาก็รวบรวมเนื้อทั้งหมดมุ่งตรงไปยังลำธารเพื่อทำความสะอาด ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าคริสต์จะขยับตัว เช็ดน้ำตาด้วยหลังมือแล้ววิ่งตามเขาไป

“ขอโทษค่ะ” เธอกระซิบขณะยื่นใบไม้ให้วาเลนวางเนื้อที่ทำความสะอาดแล้ว เขาบุ้ยใบ้ให้เธอวางมันลงข้างตัวเขาพลางถามกลับ

“เรื่องอะไร”

“กะ... กระต่ายค่ะ ฉะ... ฉันน่าจะแล่มัน” ด้วยตัวเอง เธอกลืนคำพูดที่เหลือลงคอพร้อมกับเม้มปาก อาการติดอ่างยิ่งทำให้เธอกังวลหนักมากขึ้น

“อย่าคิดมาก คุณไม่เคยฆ่าหรือชำแหละอะไร เป็นธรรมดาที่ต้องกลัว” วาเลนวางเนื้อชิ้นสุดท้ายไว้บนใบไม้แล้วมองหน้าเธอ อันที่จริงเขาอยากจ้องตา แต่ทำได้ยากเพราะเธอก้มหน้าอยู่ “ผมอยากรู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงทำ”

“ฉันอยากทำตัวเป็นประโยชน์ค่ะ” เธอกลืนน้ำลายพลางป้ายน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีก “สะ... สามวันที่ผ่านมา ฉันเอาแต่นั่งเฉยๆ รอให้คุณหาอาหารมาให้ ก่อไฟ แล้วก็หาที่ปลอดภัยสำหรับนอน ละ... แล้วเรื่องที่เรากำลังจะถึงคฤหาสน์บาโทรี่ ฉันอยากจะช่วยคุณได้บ้างค่ะ พะ... เพื่อให้พวกเราทั้งหมดรอดตาย”

วาเลนมองเด็กสาวแล้วโคลงศีรษะช้าๆ อย่างเห็นใจ - ใช่เลย คริสต์กลัวมากจนเครียดจัดและฝืนทำอะไรที่เกินตัว วาเลนแทบสาบานได้ว่าตอนนี้เธอเห็นภาพพวกบาโทรี่เป็นยักษ์มีเขี้ยวยาวโง้ง ตาเรืองแสงพร้อมเขาคู่หนึ่งบนศีรษะไปแล้ว หรือที่เลวร้ายกว่านั้น เธอคงเห็นภาพเธอ เขาหรือทั้งคู่อยู่ในจานอาหารพร้อมเสิร์ฟ อันที่จริงจินตนาการพวกนั้นก็ไม่ผิดนักหรอก เพียงแต่รูปลักษณ์น่ากลัวของตระกูลบาโทรี่ถูกซ่อนไว้อย่างดีภายใต้ใบหน้าอันงดงามตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ

“คุณคิดมากไปแล้ว สาวน้อย” วาเลนปลอบ “ลืมไปแล้วรึว่าผมสอนการเดินให้คุณ ฝีเท้าของคุณเงียบกริบและว่องไวเหมือนเสือตัวหนึ่ง พวกบาโทรี่จะไม่มีวันจับคุณได้แน่นอน”

“ฉะ... ฉันไม่ได้กลัวตัวเองจะถูกจับค่ะ ฉันกลัวว่าคุณจะถูกจับต่างหาก”

“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ผมไวมากและแข็งแรงด้วย พวกบาโทรี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”

คริสต์มองเขาด้วยสายตาไม่แน่ใจพลางสูดน้ำมูก วาเลนยิ้ม “อีกอย่างคุณไม่ได้ไร้ประโยชน์สักนิด พอผมออกไปล่าสัตว์คุณก็ซักผ้า เตรียมฟืน เตรียมสถานที่อาบน้ำให้ผม และผมแน่ใจด้วยว่าคุณเติมน้ำใส่กระติกจนเต็มแล้ว” เมื่อคริสต์พยักหน้าเร็วๆ เขาก็พูดต่อ “เห็นไหมว่าคุณไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย ที่ผ่านมาเป็นเพราะโอกาสยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง”

“ตะ... แต่ว่าฉันสู้ไม่เป็นนะคะ ถ้าเกิดพวกบาโทรี่มีจำนวนคนมากกว่า แล้วรุมเล่นงานคุณ...”

“ผมก็แค่กระโดดให้สูงและวิ่งให้เร็วเท่านั้นเอง” จากนั้นวาเลนก็เงียบ สีหน้าครุ่นคิดขณะลูบคางไปด้วย

“เอ่อ มีอะไรหรือคะ” คริสต์ถาม

“ผมเพิ่งคิดแผนสำรองออก” วาเลนพูดพร้อมกับยิ้ม “สิ่งจำเป็นคือการกระโดด และผมลืมไปว่ายังไม่ได้สอนเรื่องกระโดดให้กับคุณ”

จากคุณ : g_maru
เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 17:23:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com