ช่วงสายของวันอาทิตย์ภายใต้อุณหภูมิต่ำของเครื่องปรับอากาศ ภาสพัทธ์พลิกกายไปฝั่งซ้ายพร้อมดึงหมอนใบใหญ่ใกล้มือมากอดไว้ ปลายจมูกโด่งฝังซุกลงไปจนได้กลิ่นหอมที่ติดอยู่บนหมอนใบนั้น ความตึงเครียดที่เบียดตัวมากับยามนิทราคล้ายกับค่อยๆ เบาบางลงจนเจ้าตัวรับรู้ได้ถึงความผ่อนคลาย ร่างใหญ่ขยับกายอีกนิดและรู้สึกว่านอนหลับสบายขึ้น ชายหนุ่มหลับต่ออีกครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพลิกตัวกลับไปมองที่โซฟาอีกฝั่งอย่างเคยชิน
ปา จารีย์มักจะตื่นก่อนเขาเสมอ แม้ในวันธรรมดา ผ้าห่มที่หล่อนใช้จะถูกพับเก็บอย่างเรียบร้อยและนำมาไว้ปลายเตียงตามคำสั่ง เจ้าของห้องที่คอยตามเก็บทุกรายละเอียดอย่างระมัดระวัง ดังนั้นเจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆ บนหมอนใบนั้นจะเป็นของใคร นอกไปเสียจากปาจารีย์...
เขาไม่แน่ใจนักว่าหญิงสาวตื่นและเก็บข้าวของมาวางหมอนไว้เคียงข้างเขากี่โมง แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือหมอนใบที่ตนซุกหน้าลงไป
เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังแว่วมา ทำให้คนที่ยังนั่งงุนงงกับตนเองต้องสะบัดผ้านวมออกจากกาย ลุกเดินไปดู สิ่งที่เห็นทำให้ความงุนงงและง่วงงุนหายวับไปในทันที
“อ้าว ตื่นสักทีนะตาพัทธ์”
“คุณป้า! พี่ดาว! พี่เดือน!” ทีท่าไม่ค่อยยินดีกับการมาของพวกตนทำเอาคุณเกษราอยากจะลุกจากเก้าอี้มาตีหลานชายสักเผียะสองเผียะ สีหน้าตำหนิเล็กๆ ของคนเป็นป้าทำให้เจ้าของห้องรู้ตัวแล้วยิ้มเก้อ “เออะ... เอ่อ... พี่เดือนกลับมาเมื่อไหร่ครับ” เขาเอ่ยถามพี่สาวคนรองของดิษพงศ์ที่แต่งงานไปใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวเยอรมันซึ่งนานๆ ทีจะกลับมาเยี่ยมญาติๆ ที่ประเทศไทย
“เมื่อคืนจ้ะ ลูกพี่ปิดเทอมแล้วน่ะ เลยพามาเยี่ยมคุณยายสักหน่อย กลับมาก็ได้ฟังวีรกรรมของใครบางคน... ไม่เบาเลยนะ” ดุจเดือนเอ่ยแซวญาติผู้น้องซึ่งอ่อนกว่าหล่อนสามปี
จากเดิม ภาสพัทธ์คิดว่าวันอาทิตย์คือวันพักผ่อนที่แสนวิเศษ แต่ดูแล้วอาทิตย์นี้ช่างหนักหนาเหลือเกิน ลำพังแค่ป้าเกษรากับดุจดาวพี่สาวคนเล็กของดิษพงศ์ก็ทำเอาเขาระแวงแทบแย่ นี่ดุจเดือนยังกลับมาอีก คราวนี้ภาสพัทธ์ได้แต่ภาวนาขอให้ ‘ดุจฝัน’ พี่สาวคนโตของบ้านนั้นอย่านึกคิดถึงบ้านอยากกลับประเทศไทยในเร็ววันนี้เลย เพราะรายนั้นรักธารทิพย์ยิ่งกว่าใคร จัดว่าอันตรายเลยล่ะสำหรับปาจารีย์
“นี่ยัยดรีมติดทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกอยู่ เห็นว่าอีกสองสามอาทิตย์คงเรียบร้อย มาช้าหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกนะ” ถ้อยคำบอกเล่าของคุณเกษราทำเอาคนฟังรู้สึกแข้งขาอ่อน ดูเหมือนสวรรค์ไม่ค่อยจะรับคำร้องของเขาบ้างเลย ยิ่งพอมองไปยัง ‘ศรีภรรยา’ ที่นั่งท้องโย้ชิมอาหารเหลาต่างๆ อยู่ระหว่างสองพี่สาวของดิษพงศ์แล้วก็ยิ่งเครียด จะไม่ให้ได้อย่างเครียดอย่างไรไหว เมื่อไม่มีใครในห้องนี้นอกจากเขาและปาจารีย์ที่ไม่เคยตั้งท้อง!
“ผมขอไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะครับ”
“เร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดซะหมด” คนเป็นป้ากำชับ
ภาสพัทธ์เดินกลับเข้าห้อง มุ่งตรงไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมาอย่างเร็วไว ไม่มีใครจะรับมือแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามได้ดีเท่ารายนี้อีกแล้ว
“ไอ้ดิษ ตื่น!”
“คุณดิษนัดแม่ปุ่นไว้เมื่อไหร่เหรอคะ” ปาจารีย์เอ่ยถามเจ้าของชื่อหลังจากสองหนุ่มช่วยกันต้อนผู้บุกรุกไปลองสปาแบบใหม่ของโรงแรมได้สำเร็จ
“พรุ่งนี้น่ะ ปุ่นอยากฝากอะไรไปไหม” คำถามของจีเอ็มหนุ่มทำเอาหญิงสาวหันซ้ายหันขวา หล่อนยังไม่เคยใช้เงินซื้ออะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ต้องใช้ประจำวันเลย
ภาสพัทธ์เห็นสีหน้าคิดไม่ตกนั้นแล้วก็พอจะเดาได้ เขาล่ะนึกแปลกใจนัก คนที่มีปัญหาการเงินรุมเร้าขนาดหล่อน เหตุใดจึงไม่มีความละโมบอยากได้อยากมีนอกเหนือจากค่าตอบแทนในการทำงาน ยิ่งในขณะนี้ที่ปาจารีย์มีสิทธิ์จะกระทำได้ในฐานะภรรยาของเขา หากเป็นผู้หญิงอื่นน่ะหรือ คงงัดสารพัดมารยามายั่วยวนเขาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ทว่าเจ้าหล่อนไม่... และอาจเพราะอย่างนี้กระมังที่ทำให้ภาสพัทธ์ รู้สึกเอ็นดูเด็กสาวคนนี้มากขึ้นทุกวี่ทุกวัน...
“ดิษ... ฝากจัดการเรื่องคุณนายทั้งสามทีนะ ฉันจะพาปุ่นออกไปข้างนอก หาข้ออ้างให้ด้วยแล้วกัน”
“ได้เลยพี่พัทธ์”
คนตัวเล็กที่ถูกพามาขึ้นรถอย่างงุนงงไม่วายถาม
“จะพาปุ่นไปไหนเหรอคะ”
“ซื้อของฝากให้ที่บ้านไง หรือไม่เอา?”
คิ้วบางขมวดเข้าหากันอย่างกังวล ค่าใช้จ่ายของเดือนที่แล้วหมดเกลี้ยงไปกับการจ่ายดอก งานจีเอสของหล่อนก็ยังไม่ถึงวันรับเงินเดือน อีกทั้งค่าจ้างจากโปรเจคนี้ก็เป็นเพียงตัวเลขที่หล่อนจับต้องไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะมีเงินจ่ายค่าของฝากได้อย่างไร
“แต่ปุ่น...”
“แม่ฉันคงไม่พอใจเท่าไหร่ ถ้ารู้ว่าลูกชายไม่ซื้อของอะไรไปฝากพ่อตาแม่ยายเลย” ชายหนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมา ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมว่าเรื่องราวของเขานั้นไม่ควรเล็ดลอดไปถึงบ้านของหญิงสาว “ถือซะว่าฉันฝากไปในนามเธอก็แล้วกัน” สีหน้าเรียบๆ ของคนพูดที่ดูจะตั้งอกตั้งใจถอยรถเป็นพิเศษนั้น ทำเอาคนฟังลอบยิ้มขัน
ปาจารีย์สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของภาสพัทธ์มาพักใหญ่แล้ว ภายใต้เปลือกนอกที่แสนกระด้างซึ่งเจ้าตัวสร้างขึ้นมา แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเลย ผู้ชายคนนี้มักจะสอดส่องดูแลใครต่อใครไปทั่ว ตำแหน่งซีอีโอของเขาไม่ได้ว่างนัก หากแต่ที่เห็นขยันเดินไปทั่วโรงแรมนั้นก็เพียงเพื่อมองดูว่าลูกค้าและพนักงานยังต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมอีกบ้าง เขาใส่ใจในทุกรายละเอียด คอยดูแลความรู้สึกของใครต่อใคร
ไม่ต้องมองไปไกลก็ได้ ดูอย่างที่เขาปกป้องน้องสาวและครอบครัวนี่สิ ทุ่มเทไปตั้งเท่าไหร่แต่คนเหล่านั้นกลับไม่อาจได้รับรู้ สีหน้าคิดมากของเขาเมื่อคืนไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร แต่หล่อนแน่ใจว่ามันต้องมาจากผลกระทบของเมกะโปรเจคครั้งนี้แน่ๆ
“ขอบคุณนะคะคุณพัทธ์” รอยยิ้มหวานๆ และแววตาซาบซึ้งที่เจ้าหล่อนส่งไปทำให้คนรับปรับอารมณ์ไม่ถูก เสมองไปยังกระจกส่องข้างทั้งที่ภายในลานจอดใต้อาคารหาได้มีรถอื่นวิ่งตามมาสักคัน
“ร้อนเหรอคะคุณพัทธ์ เหงื่อออกเชียว” มือเล็กหยิบทิชชู่ออกจากกระเป๋าจากนั้นจึงยื่นไปซับเบาๆ ที่ข้างขมับชายหนุ่ม ภาสพัทธ์สะดุ้งถึงกับเหยียบเบรกมิดชนิดที่สายเบลท์กระตุก
“มีอะไรเหรอคะ?!” ปาจารีย์ตกใจ ชะเง้อมองไปทั่ว
“เออะ... เอ่อ แมวน่ะ เมื่อกี๊มีแมววิ่งตัดหน้า”
“เหรอคะ ปุ่นไม่ทันได้มอง ไม่เป็นไรนะคะคุณพัทธ์ ไม่เป็นไร” มือบางยื่นมาลูบต้นแขนซ้ายปลอบใจเจ้าของรถเบาๆ ทำเอาเขาใจสั่นเข้าไปอีก มือใหญ่อีกข้างที่จับพวงมาลัยอยู่จึงละมาจับหลังมือเจ้าหล่อนเป็นการเตือนว่าให้พอได้แล้ว
ความอุ่นที่หลังมือส่งไอร้อนขึ้นมาถึงผิวหน้า ปาจารีย์รีบชักมือออกเมื่อรู้สึกถึงสองข้างแก้มที่ร้อนผะผ่าวพาให้ไม่กล้าสบตาภาสพัทธ์
ระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่ มารดาของภาสพัทธ์ก็โทรมา มีคำสั่งให้เข้าไปหาที่บ้านเทพธาราเดี๋ยวนี้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว คนเป็นลูกชายรู้ดีเชียวว่าน้ำเสียงร้อนใจของมารดานั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องธารทิพย์ที่พบเจอกันโดยบังเอิญเมื่อวานแน่ๆ
ชายหนุ่มหันไปมองดูปาจารีย์ที่ยังเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกของไปฝากครอบครัวอย่างใช้ความคิด หากจะพูดเรื่องนั้น มารดาของเขาคงไม่พอใจถ้าพาหล่อนไปด้วย แต่จะเอาไปปล่อยทิ้งไว้ที่โรงแรมก็ยังไม่ได้เพราะสามสาวคนสำคัญของดิษพงศ์คงไม่ยอมกลับง่ายๆ ครั้นจะให้ไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนหรือที่ไหนก็ไม่เหมาะ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดความลับแตกขึ้นมาจะพาลซวยกันทั้งหมู่คณะ
คิดไปคิดมาสายตาก็ปะทะเข้ากับกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่คุณเพชรรัตน์ชอบ เอาน่ะ... อย่างไรเสียตอนนี้ปาจารีย์ก็อยู่ในฐานะลูกสะใภ้ พาไปบ้านสามีสักทีจะเป็นไร คิดแล้วมือใหญ่ก็เอื้อมหยิบกระเช้ามาใส่รถเข็นทันที
“เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ ฉันจะพาเธอไปที่บ้านใหญ่” พอคนฟังหันมาเลิกคิ้ว ภาสพัทธ์จึงขยายความ “บ้านเทพธารา”
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ค. 54 16:21:13
|
|
|
|