Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 18 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10797233/W10797233.html

บทที่ 18

ท้องฟ้าโปร่งอยู่ดีๆ ฝนก็ปรอยลงมา อุปสรรคในการพาคนเจ็บกลับสู่หมู่บ้านอีกฟากก็ขลุกขลัก แต่เปล่าหรอก เหตุชะงักมันไม่ใช่ฟ้าฝน แต่เป็นเจ้าถิ่นยืนเรียงหน้ากระดานพร้อมปืนยาว

แต่ละคนจังก้าว่าข้าแน่ บางคนสะกิดหนวดเรียวเหนือริมฝีปาก อีกคนก็หรี่ตายียวน ปืนยาวก็แล้วแต่ลักษณะว่าใครอยากประกาศศักดาให้น่าครั่นคร้ามกว่ากัน เช่นว่า พาดบ่าท่าโก้ ทำทีเป่าปลายกลมๆ เหมือนจะปลอบประโลมลูกตะกั่วข้างในว่า 'เย็นไว้ไอ้เพื่อนรัก'

จะมีก็ชายวัยดึกร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำจัด ใบหน้าแลเหี้ยมเกรียม ตาเรียวใหญ่ทอประกายดุร้ายทรงอำนาจ ผมเผ้าก็ยาวปรกคอและหยิกไม่เป็นทรง

อาภรณ์ที่สวมก็ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีเข้ม คาดพุงด้วยผ้าขาวม้าผืนเก่าหน่อย และเป็นคนเดียวที่ไม่มีอาวุธ แต่แค่หรี่นิดๆ ก็ชวนให้สยองในอกไม่ใช่เล่นแล้ว

สามแสนลอบสำรวจทุกคนปราดเดียวจบภายใต้อากัปกิริยาเยือกเย็น เธอกลบเกลื่อนได้เนียนดี เพราะฝ่ายตรงข้ามมองไม่ออกเลยว่าเธอกลัวจับจิต

โดยเฉพาะกลัวคนไม่มีอาวุธที่ยืนเด่นสง่า ขนาบด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ข้างละสี่คน ถ้าเปลี่ยนเป็นโบว์ลิ่ง สามแสนคงทอยกลิ้งกระเด็นไปคนละทิศคนละทางแล้ว

"แหม ตำรวจยุคนี้มันดีเว้ย ทรวดทรงองค์เอวดูอ้อนแอ้น เป็นนายแบบนางแบบกันหมด หน้าตาหล่อเหลาสะสวย อาศัยรูปร่างทำมาหากินในอาชีพสมบุกสมบันแบบนี้ มันไม่เข้ากันเลยเว้ย"

ชายฉกรรจ์ฝั่งซ้ายและยืนชิดชายไร้อาวุธ ถากถางขึ้นเสียงดัง เพื่อนที่เหลือก็ช่วยสนับสนุนด้วยการหัวเราะระเบิดเถิดเทิง ผิวปากเฮฮาแถมท้ายด้วย

"วางไอ้หมอนั่นลง มันคงเป็นไอ้ผู้กองที่ตามไล่ล่าไอ้ปลวกแห้งของฉันใช่ไหม วางมันลง คำสั่งเว้ย"

นายขมิ้นทองหรี่ตาดุๆ เมื่อนายขิงเม้มปากเหมือนครั่นคร้าม แต่กลับแข็งขืนต่อคำสั่ง ในดงโจรแห่งนี้ ไม่เคยมีใครกล้ากำแหงกับหัวหน้าใหญ่ ไอ้ตำรวจหน้าอ่อน มันคงไม่รู้ละสิ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าหืออย่างนี้

"เฮ้ย ไปสั่งมันให้ใกล้หูหน่อย"

สามแสนใจหายวาบ กรีดอุทาน 'อุบะ' โครมครามในใจ นายขิงโดนตบเข้าไปฉาดใหญ่ ร่างสูงเท่ไม่ใช่แค่เซผงะ แต่ล้มเลย ผู้กองหมดสติบนบ่าก็พลอยร่วงตามไปด้วย

"พวกเราไม่ใช่ตำรวจ" ใบพลูรีบแว้ดออกไป โกรธมากที่เห็นนายขิงถูกทำร้าย "แล้วเราก็กำลังจะกลับหมู่บ้านของเรา ถ้าไม่นักเลงหมาหมู่นัก ก็หลีกทางไปดีๆ เว้ย อย่าให้สาวสวยอย่างใบพลูของขึ้นนะ บอกไว้ก่อน"

"นักเลงนี่หว่า"

"เออ" ใบพลูเท้าสะเอว กระชากเสียงทันควันใส่ไอ้หนุ่มหน้าไม่หล่อปากปีจอ "นักเลงไม่นักเลงก็ดูเอาเอง ปืนแปดกระบอก หยุดปากฉันได้หรือเปล่าล่ะ แกใช่ไหม ตบไอ้พี่ขิงของฉันน่ะ นี่แน่ะ"

เท้าเล็กแต่หยาบกร้านตามประสาสาวชาวป่า ยื่นไปทักทายยอดอกไอ้มือตบ เสียงทึบหนักดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของยอดอกกระเด็นวืดไปชนกับเพื่อน ไม่ล้มแต่มันเสียหน้า

"นังนี่ วอนเสียแล้ว"

"เฮ้ย อย่าหาเรื่อง พาไอ้ผู้กองกลับไป ขังมันไว้จนกว่าไอ้ปลวกแห้งของฉัน จะหนีข้ามพ้นฝั่งไทยไปก่อน"

นายขมิ้นทองสะกดศึกไม่สูสีด้วยเสียงอันดังก้อง อานุภาพของเสียง บ่งบอกถึงพลังอำนาจที่ตนมีอย่างเต็มเปี่ยม สามแสนกลืนน้ำลาย ชายฉกรรจ์หน้าดุคนหนึ่งอุ้มผู้กองพันยศพาดบ่าหยาบๆ

นายขิงตั้งท่าฮึดฮัดจะเข้าไปขวางก็โดนถีบไหล่ตัวกระเด็นไปอีก ครั้นขยับจะตอบโต้บ้าง ปืนยาวก็พร้อมใจกันเล็ง ท่าทางคนเล็งก็บอกชัดเลยว่า 'ไม่ปรานีเว้ย'

"เดี๋ยวค่ะ" สามแสนรีบสกัดด้วยเสียงกึ่งกลัวกึ่งกล้า "คือว่า สามแสนเป็นเพื่อนกับผู้กอง จะขังเขาก็ได้ แต่ต้องช่วยชีวิตเขาก่อน เขาถูกยิง หัวแตกด้วย อาการค่อนข้างสาหัส"

"ก็แล้วมันแปลกตรงไหน" หัวหน้าดงโจรลอยหน้าเถียงยียวน "สองฝ่ายปะทะกัน มันก็ต้องมีบาดเจ็บกันบ้าง ไอ้ปลวกแห้งของฉัน มันก็ถูกยิงหัวไหล่ ตอนนี้ ก็นอนบาดเจ็บอยู่เหมือนกัน หมดปัญหาแล้วใช่ไหม"

"ยังไม่หมด" สามแสนกลืนน้ำลาย สาวเท้าเข้าใกล้ร่างใหญ่อีกนิด "คือว่า สามแสนเป็นห่วง ลุงๆ จะช่วยชีวิตผู้กองไหมคะ"

"ลุงๆ " เก้าเสียงเชียวล่ะ ทวนพร้อมเพรียง แล้วหันมองหน้าสำรวจกันเองนิดหน่อย

"ก็.. " สามแสนยิ้มแห้งๆ "อยากให้เรียกอะไรก็บอกสิคะ สามแสนเรียกได้ แต่ขอร้องว่าให้ช่วยชีวิตผู้กองก่อน"

"อย่าไปห่วงชีวิตคนอื่นเลย ลมหายใจตัวเองก็เก็บไว้ให้ดีเถอะ เฮ้ย ไป"

พอสิ้นคำและเสียงทรงอำนาจ เหล่าชายฉกรรจ์ก็กรูมาหยุดข้างหลัง กระทุ้งปืนจี้บั้นเอว ตอนนั้นเอง สามแสนจึงค่อยสำนึกได้ว่า ตนและเพื่อนอีกสอง ก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้กองพันยศนัก

ฝ่ายตรงข้างคงไม่ยอมปล่อยตัวกลับแต่โดยดี คนโง่เท่านั้น ถึงคิดไม่ได้ว่า ถ้าปล่อยกลับ ตำรวจชุดใหม่ต้องแห่เข้ามาภายในไม่กี่วันแน่ๆ




ฝนปรอยๆ ค่อยทวีความหนาหนัก ทุกคนเดินตัวเปียกอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่จริงๆ แล้ว สามแสนไม่ค่อยชอบนักหรอก

อาจเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์เลวร้ายตอนฝนตกหนักก็เป็นได้ ทุกครั้งที่ย้อนระลึกไปถึงนาทีหวิดสิ้นสูญพรหมจรรย์ใต้ร่างหื่นกามสกปรกของไอ้ทรชนทั้งหก สามแสนเป็นต้องหน้าซีดมือสั่นอย่างหวาดกลัวเสมอ

ตอนนี้ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน หากทรชนทั้งเก้าพร้อมใจกันหยุดเดิน แล้วกรูมาฉุดกระชากสามแสนกับใบพลูเข้าไปย่ำยีในพงป่า ซึ่งมีมากมายทั้งสองฟากทางเดิน

เพื่อนรักรูปหล่อเพียงคนเดียว อยากช่วยก็คงทำไม่ได้หรอก ซึ่งก็เหมือนคราวก่อนนั่นล่ะ หากคืนนั้น พี่ชายโผล่ไปคนเดียว มันก็ไม่แน่ว่าเขาจะเอาชนะคนเลวหกคนได้ด้วยสองมือสองขา

'พี่ชายขา อยู่ที่ไหน มาช่วยสามแสนด้วย สามแสนกลัวมากเลย' เธอเม้มปาก พยายามกลั้นน้ำตา ไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ว่ากลัวมากเลย เหมือนที่ใจอ้อนหาพี่ชาย

"ไม่ต้องกลัวนะสามแสน อาดุก็อยู่ในนี้ ถ้าคนพวกนี้อยู่ในนี้ มันก็ต้องรู้จักอาดุบ้างละน่า" นายขิงเตร่มากระซิบ

"มันก็ไม่แน่หรอก" สามแสนกระซิบตอบ น้ำเสียงขึงสุขุมได้ดีมาก "เราไม่เคยรู้ว่าหมู่บ้านดงโจรมันกว้างใหญ่แค่ไหน พี่ชายอาจไม่อยู่ละแวกนี้ก็ได้"

"ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว หัดพูดให้มันดังๆ สาวสวยอย่างใบพลู ไม่ชอบให้ใครมาทำท่าเหมือนว่าตัวเองเป็นคนนอกสายตานะ จะบอกไว้ก่อน"

สามแสนร้อนท่อนแขน ใบพลูแถมาแทรกกลางแล้วตีเผียะเข้าให้ หล่อนหึงหวงแต่ยังไม่รู้ตัวหรอก ตอนนี้ก็ระบายความรู้สึกนั้นต่อสามแสน ด้วยการถลึงตากัดปากใส่ ก่อนจะหันไปกระทุ้งศอกกระแทกสีข้างนายขิง ตั้งท่าอาละวาดโดยไม่กลัวปืนข้างหลังสักนิด นอกจากไม่กลัว ยังหันไปตวาดเสียด้วยว่า

"เก็บเสียทีได้ไหม ไอ้ปืนบ้าพวกนี่นี่น่ะ มาจี้เอวฉันไว้ทำไม นึกว่าฉันจะหนีไปไหนได้หรือ พวกแกออกตั้งโขยง กลัวอะไรโง่ๆ "

แหวจบก็ปัดมันออกไป เท้าสะเอวพยักพเยิดเหมือนท้าทายให้เจ้าของปืนเอาเรื่อง แต่เพราะเสียงกระแอมหนักของหัวหน้าใหญ่ เจ้าลูกน้องจึงได้แต่บดกรามฝากแววตาอาฆาตไว้ก่อน

"ช่วยไม่ได้นะลุง แฟนฉันมันดุไปหน่อย" นายขิงได้ที ก็รีบสวมรอยขำๆ

"พี่ขิง" ใบพลูเหลียวขวับกลับไปแหวใส่หนุ่มหล่อพื้นเพแดนดงเหมือนกัน "อย่ามาทำเนียน ไม่สำเร็จหรอกเว้ย"

"เนียนอะไร ความจริงมันก็เป็นความจริงอยู่แล้ว จะมาเนียนมาหยาบอะไรกับพี่ มานี่ซิ"

อันที่จริง นายขิงก็เป็นอีกคนนั่นล่ะ ที่รำคาญบรรดาปืนที่ขยันจ่อติดบั้นเอว เขาลากแขนหวานใจ บังคับร่างนุ่มมาเสียดสี แล้วกระซิบเครียดใส่หู สาวเจ้าไปตรองเอาเองเถอะว่า เขาขู่หรือท้าทาย

"หุบปาก แล้วถ้าพี่ไม่สั่งก็อย่าเอะอะส่งเดชอีก เราน้ำน้อยและอยู่กลางถิ่นพวกมัน อวดกล้าไปจะตายเปล่า ถ้าไม่ฟัง พี่จะจูบอวด ไม่จูบเฉยๆ นะ จะลูบตรงโน้นตรงนี้ให้ทั่วเลย ไม่เชื่อก็ลอง"

"เชอะ"

"อืม"

สาวสวยอย่างใบพลูเชิดหน้าสะบัดพรืด สลัดร่างอย่างกล้าหาญ ย้ายมาควงแขนสามแสน หล่อนต้องแสดงให้เห็นว่า ไม่ยี่หระต่อคำขู่ร้อนแรง แต่เห็นว่าเหตุผลพอฟังได้ จึงยอมอ่อนข้อให้นิดหน่อย ถึงหล่อนจะหุบปากนับแต่นี้ไปก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า 'กลัวนะ'




แคร่ไม้ใหญ่ที่ตั้งเรียงติดกันถึงสามตัวหน้ากระท่อมหลังใหญ่ คือที่พักพิงชั่วขณะของเหล่าเชลย ผู้กองพันยศถูกโยนโครมหยาบๆ สามแสนสงสารเขามาก โชคดีที่เขาสลบ จึงไม่ต้องรับรู้กับแรงสะเทือนของความเจ็บปวด

"ลุงคะ มีใครพอจะช่วยผู้กองได้บ้าง เขาถูกยิง ช่วยให้ใครผ่าเอากระสุนออกมาหน่อยได้ไหม"

"ที่นี่เป็นถิ่นของไอ้ขมิ้นทองเว้ย ทุกคนต้องฟังคำสั่ง ไม่ใช่กำแหงมาออกคำสั่ง หุบปากไป ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะหมดความเมตตา ไม่แจกข้าวแจกน้ำเว้ย"

นายขิงวางมือลงบนบ่าบางของหวานใจ หรี่ตาคมนิดๆ คล้ายเตือนหรือสะกิดให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่า อย่าลืมในสิ่งที่เขาขู่หรือท้าทายไว้ก่อนหน้านี้ เขาเห็นแล้วนี่ ว่าหล่อนเผยอปากตั้งท่าจะแว้ดอะไรบางอย่าง นิสัยหล่อน มันก็นักเลงเอาการอยู่ โดนเจ้าถิ่นลูบเหลี่ยมลูบคมเข้า ก็เลยอยากสำแดงอาการของขึ้น

ใบพลูตวัดค้อนฉุนเฉียว ปัดมือใหญ่ลงหยาบๆ นายขิงยิ้มเครียด หล่อนอยากแสดงท่าทีกระด้างใส่ความปรารถนาดีของเขาแค่ไหนก็ได้ เขารับได้หมดล่ะ ขอให้เชื่อฟังกันบ้างก็พอ

เวลานี้ มันไม่ใช่นาทีของการอวดความกล้าหาญ นักเลงจริง ต้องตั้งสติและหาทางรับมือกับภาวะวิกฤติอย่างสุขุม ไม่ใช่แว้ดๆ ท้าตีท้าต่อย แบบนั้นมันจะได้อะไร นอกจากตายเปล่า

"เอาล่ะ แกไปบอกพวกผู้หญิงให้มันช่วยจัดสำรับมาแจกๆ ไอ้พวกหน้าหล่อหน้าสวยนี่หน่อย แบ่งกำลังกันให้ดี เฝ้าไว้ อย่าให้ลุกไปไหนได้"

"นาย ได้มาแล้ว กวางตัวใหญ่เลย เขางามเชียว งานนี้ขายได้กำไรอื้อเลย"

ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน หน้าตาดูจะเบิกบานกับการได้คร่าชีวิตของกวางป่าตัวหนึ่ง

สามแสนนึกถึงตัวเอง ห้าปีก่อน หากไม่เป็นเพราะว่าเจอกวางป่าเขาสวยตัวนั้น เธอก็คงไม่หลงป่า จนได้มาเจอพี่ชาย แล้วถ้าเธอกับเขาไม่เจอกัน วันนี้ เธอก็น่าจะเตร็ดเตร่กับเพื่อนในห้างสรรพสินค้า หรือไม่ก็กำลังวุ่นวายกับการไปเรียนต่อเมืองนอก ไม่ใช่มาตกที่นั่งเป็นเชลยในดงโจรแห่งนี้

"เออ ก็ดี" หัวหน้าตอบไม่ยินดียินร้าย "เสียเวลาไปดักซุ่มตั้งสองสามวัน ถ้ากลับมามือเปล่า ฉันจะสับมือแกนั่นแหละ ไปขายแทน"

"แหม หัวหน้าก็" ลูกน้องทำเสียงแห้ง แต่ก็รีบหันเหความเคืองด้วยการแย้มเรื่องอื่น "อ้อ ตอนขากลับ เจอไอ้ดุด้วยนะ มันไปช่วยหาสมุนไพรมาให้น่ะ"

"เออ"

นายขมิ้นทองส่งเสียงรับรู้เหมือนรำคาญ พลางหันไปรับกระบอกไม้ไผ่จากลูกน้องอีกคนมาเขย่าเบาๆ ก่อนจะยืดคอกรอกน้ำด้วยท่าทางกระหายเสียจัง ไม่สนใจสักนิดว่าเชลยลอบมองกับกลืนน้ำลาย เพราะกระหายเหมือนกัน

แต่สามแสนไม่ใช่มองเฉยๆ เพราะถ้าหูไม่ฝาด เธอเหมือนจะได้ยินชื่อพี่ชายหลุดจากปากลูกน้องตัวใหญ่คนนั้น

"ขอถามอะไรหน่อย" เธอแหย่เสียงออกไปอย่างขลาดๆ "คือเมื่อกี้นี้ สามแสนเหมือนจะได้ยินชื่อไอ้ดุ"

ไม่ทันขาดคำ เจ้าของชื่อก็โผล่ตัวเองมาเฉลยข้อกังขาแบบกระจ่างแจ้งเต็มตา สามแสนตาโตลิงโลด แต่ก็ยังช้ากว่าใบพลู ที่ลุกผลุงไปกอดแขนดีอกดีใจใหญ่ แนบแก้มฉอเลาะให้ชาวโจรมองกันงงๆ แต่ก็แปลออกว่าไอ้ท่าทางหวานฉ่ำแบบนั้น มันหมายถึง 'โถ มาแล้วหรือ พ่อทูนหัว พ่อยอดขมองอิ่ม'

ภภีมเลิกคิ้วงุนงงกับไออุ่นตรงต้นเขน เขาโยนย่ามที่ตุงไปด้วยสมุนไพรตึกลงบนแคร่ เห็นว่ามีคนเจ็บนอนสลบอยู่ ก็ก้มลงพินิจนิ่ง พอเงยหน้าขึ้นก็ปะเข้ากับตาโตของสามแสน หัวใจก็พลันกระตุก ลอบร้องแตกตื่น 'ตายแล้ว นั่นมันดวงตาของชุลียาชัดๆ '

"อาดุอยู่ที่นี่หรือจ๊ะ แหม โชคดีจัง ใบพลูจะได้ไม่ต้องทนรำคาญกับไอ้พวกป่าเถื่อนพวกนี้ โจรอะไรก็ไม่รู้ รังแกได้กระทั่งคนสลบ ผู้หญิงไม่มีทางสู้ ผู้ชายไม่มีอาวุธ กระจอก"

นายขิงหรี่ตาขุ่น พอเจอหวานใจตัวจริง แม่สาวจอมซนในดวงใจก็เริ่มกำแหง ไม่ยอมสยบต่อคำขู่อีกแล้ว

ดูหล่อนทำสิ กะหนอกระแหนน่าหมั่นไส้จริงๆ เจ้าของต้นแขนยังดูจะตั้งรับไม่ได้อยู่เลย หน้าทื่อตาตื่นไม่หาย แขนใหญ่ก็เลยไม่ขยับหนี แต่อีกสักประเดี๋ยวเถอะ ลองว่ารู้สึกตัว รับรองได้ว่าสาวสวยอย่างใบพลูต้องหน้าแตกแน่

'นั่นปะไร นึกแล้วเชียว' นายขิงร้องกับใจตัวเอง อยากตบเข่าให้ดังๆ สักฉาด ให้มันสาแก่ที่ใจคาดเดาแล้วตรงเป้งๆ เลย

ทันทีที่ภภีมรู้สึกตัว เขารีบสลัดแขนออกหยาบๆ ปรายตาตำหนิสาวชาวดงจอมรุ่มร่ามแวบหนึ่ง แล้วค่อยส่ายฝีเท้ามาหยุดตรงหน้าสามแสน เท้าสะเอวเหมือนเอาเรื่องก่อน จากนั้น ก็ตามด้วยพยักพเยิดแทนคำถาม

"สามแสนมาตามหาพี่ชาย"

"มานี่เลย"

"เฮ้ย" นายขมิ้นทองรีบปราดมาขวาง เมื่อไอ้หนุ่มดุฉวยแขนแม่สาวตัวเล็ก ตั้งท่าพาลากไปไหนสักแห่ง "เชลยเว้ย ห้ามพาไปไหนส่งเดช" เสียงแข็งแต่ก็ฟังออกว่าเป็นมิตรอยู่ บอกเบาๆ

"แกอย่า" ภภีมชี้หน้า "นี่มันน้องสาวฉันเว้ย เชลยอะไร เด็กสองคนนั่น ก็มาจากหมู่บ้านฟากโน้น หลีก"

"ไอ้ดุ"

"เออ"

นายขมิ้นทองเลิกคิ้ว ลอบร้องด่าในใจ 'ไอ้เวร' แต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายพาไหล่เฉียดอก ลากแม่สาวเชลยตัวเล็กไปอย่างอาจหาญ ตาขุ่นดุร้ายก็ได้แต่มองตามจนลับหายไปหลังป่าละเมาะโน่น จึงค่อยเหลียวขวับกลับมาจ้องตาคาดคั้นเชลยที่เหลือ หนึ่งหนุ่มหล่อหน้างอ กับหนึ่งสาวสวยหน้าคว่ำ

"ตกลงว่าแกสองคนไม่ใช่ตำรวจจริงๆ "

"เออ"

หนุ่มสาวกระแทกเสียงพร้อมเพรียง ก่อนหันมองตากัน ฝ่ายหญิงตวัดค้อน แล้วหน้าเชิดเมินใส่ ฝ่ายชายก็ส่ายหัวสุดระอา แต่ก็เมินหน้าใส่เหมือนกัน ท่าทางคล้ายจะงอนๆ กันอยู่ในที

"เป็นอะไรกันวะ"

หัวหน้าดงโจรถามฉุนๆ ตอนนี้ ค่อยเริ่มรู้สึกถึงอาการเวียนหัวกับหนุ่มสาวบ้านป่าคู่นี้เข้าบ้างแล้ว อ้อ ไม่ใช่สิ หนุ่มสาวอีกคู่หลังป่าละเมาะโน่นด้วย วันนี้มันวันซวยอะไร ออกจากหมู่บ้าน ก็ตั้งใจแค่ว่าจะช่วยไอ้หลานชายนักโทษแหกคุกสืบเสาะร่องรอยไอ้ตำรวจที่มันกำแหงตามไล่ล่าเข้ามาถึงในถิ่น

แต่พอเจอ กลับพ่วงด้วยหนุ่มสาวหน้าแฉล้มหล่อถึงสามคน เจ้าตัวก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ตำรวจ แต่วิสัยโจรก็ต้องหวาดระแวงไม่เชื่อง่ายๆ ไว้ก่อน ตอนนี้เป็นยังไง ไอ้ที่นั่งปั้นปึ่งใส่กัน ก็เป็นชาวป่าในหมู่บ้านฟากโน่น ส่วนแม่ตัวดีปากหวาน กลับกลายเป็นน้องสาวไอ้ดุขวางโลกไปเสียฉิบ

"นี่จะไม่ตอบใช่ไหมวะ" หัวหน้าเค้นเสียงกร้าวใส่ฉุนๆ

"เออ"

แล้วสองเสียงก็พร้อมใจกันกระแทกกระทั้นกลับมาอย่างไม่กลัวเกรงอีก หัวหน้าดงโจรเลยส่ายหัว หลิ่วตากับลูกน้อง ทำนองว่า 'เฝ้าไว้ให้ดีเว้ย' ตัวเองก็ฉวยย่ามสมุนไพร พาเดินลิ่วๆ อ้อมไปด้านหลัง ซึ่งก่อกระท่อมหลังเล็กอีกหลัง ไว้สำหรับพักผ่อนนอนเล่น หรือทำครัวกันแถวนั้น

'คงจะเป็นเพราะไอ้นายดุกระมัง' นายขมิ้นทองคาดเดาไปตามเรื่อง ร่างสูงใหญ่นั่งบนขั้นบันไดที่ทอดขึ้นชานกว้างกำลังดีหน้ากระท่อมหลังเล็ก

ตอนไปช่วยซ่อมสะพานทางฝั่งโน้น คงไปป่าวประกาศล้างสมองชาวบ้านหมดแล้วว่า ดงโจรมันดุแต่ชื่อ หรือแม้แต่หัวหน้าขมิ้นทองคนนี้ มันก็ถอดเขี้ยวเล็บหมดแล้ว ไอ้ที่ต้องขยันทำหน้าดุเสียงกร้าวอยู่เรื่อย ก็เป็นเพราะว่า ต้องควบคุมดูแลลูกน้องให้ยำเกรงเท่านั้นเอง

ถ้าความจำไม่ชุ่ยเกินไป นายขมิ้นทองก็ไม่ลืมหรอกว่าตนล้างมือจากอาชีพโจรมาร่วมสิบปีเศษแล้ว ก่อนหน้านี้ เคยจี้ปล้น จนเป็นที่ครั่นคร้ามของชาวบ้านไปทั่วป่า ยังดีอยู่ว่า ตนไม่นิยมฆ่าคน ฉุดคร่าผู้หญิงมาย่ำยี ก็ไม่ชอบ ไม่เคยทำ

แต่ 'ไอ้ปลวกแห้ง' นี่สิ เป็นหลานชายดุร้ายตามรอยบิดา ซึ่งโดนตำรวจยิงตายในขณะหลบหนีเข้าเขตพม่า ตนในฐานะลุง ก็ต้องดูแลกันต่อ อบรมสั่งสอนให้แค่จี้ปล้น ไอ้ตัวแสบก็ดื้อรั้นเข่นฆ่าชาวบ้าน จนโดนต้อนไปให้ตำรวจจับในท้ายที่สุด

แต่ก็ดูเอาเถอะ ระเห็จเข้าไปนอนตีพุงในคุกขนาดนั้นแล้ว ยังอุตส่าห์อุตริแหกคุกหนีกลับมาดงโจร ให้ไอ้ลุงแก่ๆ คนนี้ เวียนหัวเล่นเสียอย่างนั้น 'เฮ้อ นิสัยดื้อด้าน แก้ยาก' ก่อนจะปิดภวังค์ หัวหน้าดงโจรก็อดด่าหลานชายในใจไม่ได้




ภภีมก็ยากด่าอย่างนั้นเหมือนกัน เขาหรี่ตาดุ เขม็งนิ่งอยู่บนวงหน้าผุดผาดเหมือนชุลียา ท่วงท่าเท้าสะเอว เม้มปากสลับกับเลียบ้างกัดบ้าง ทำให้สามแสนนึกยั่นพิกล เธอพยายามปั้นยิ้มให้หวาน ให้สวย และให้ถูกใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลงท่าทีเคืองๆ ลงเสียที

"สามแสนถูกโจรพวกนั้นจับมาค่ะ" เธอไม่รู้จะพูดอะไร จึงโพล่งลอยๆ ออกไป

"พวกเขาไม่ใช่โจรอีกแล้ว เป็นแค่เจ้าถิ่น" ภภีมตอบเสียงเย็น ตรึงท่วงท่าดุไว้อย่างแข็งขัน

"อ้อ ค่ะ สามแสนก็ว่าอย่างนั้น เพราะพวกเขาไม่ยิงสามแสน ไม่ยิงนายเรก ไม่ยิงใบ.. "

"ทำไมไม่กลับบ้าน หยุด" เขาชี้หน้าด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็ยังเท้าสะเอวขึงขัง "อย่าเดินเข้ามา ตอบคำถามฉันว่า ทำไมไม่กลับบ้าน"

"สามแสนมาตามหาพี่ชาย จะพา.. "

"พรุ่งนี้กลับบ้าน สามแสน หุบปาก ฉันไม่สนใจว่าเธอจะดื้อปัญญาอ่อนแค่ไหน แต่พรุ่งนี้ เธอต้องกลับบ้าน"

สามแสนชะงักปากที่ตั้งท่าจะเถียง เธอโดนน้ำเสียงขรึมดุสะกดให้กลัว เขาหันหลังให้อีกแล้ว แต่ก็ปกปิดวิถีหายใจลึกๆ หลายหนไม่ได้

"สามแสนไม่กลับหรอก ถ้าพี่ชายไม่กลับด้วย" กลัวก็กลัวล่ะ แต่เรื่องให้ละทิ้งความมุ่งมั่น สามแสนไม่ทิ้งเด็ดขาด

"ฉันจะพาเธอกลับไปส่งเอง เธอเลือกเอาเองก็แล้วกันว่า อยากกลับเข้าเมืองแล้วคอยังตั้งได้ดีอยู่ หรือว่าจะกลับไปให้ไอ้หมอมันผ่าตัดดามเหล็กให้สักสองสามเส้นแทนกระดูกที่ฉันบิดเล่นจนหักสักสองสามท่อน"

คนโดนขู่ห่อปาก นิ่วหน้ายุ่งยากใจ ทำไมเขาดื้อรั้นอย่างนี้หนอ แล้วทำไมเธอต้องหลงรักพี่ชายคนนี้ด้วย คุณหมอแสวงบุญเตือนแล้วเตือนอีกว่า ปล่อยเขาไป ให้เขาได้อยู่กับชีวิตที่เขาเลือกแล้ว ทำไมเธอไม่เชื่อฟัง แต่กลับดั้นด้นเข้ามา เพียงเพื่อจะให้ตัวเองประจันหน้ากับความผิดหวังซ้ำซาก

สองหูก็ต้องฟังแต่เฉพาะวาจาเย็นชาห่างเหิน หมางเมินก็ยังพอทน แต่เชือดเฉือนแทบทุกวลีนี่สิ พี่ชายเขานึกไปไม่ถึงหรือยังไงว่า 'สามแสนเจ็บเป็น และเจ็บมากด้วย ที่หัวใจด้วยนะ'

ภวังค์ที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าลง ค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับฝีเท้าที่ยกเนือยๆ กลับออกมาจากป่าละเมาะ ทันเห็นพี่ชายช่วยแบกร่างผู้กองพันยศ เดินไปไหนก็ไม่ทราบ

เพื่อนสนิทรูปหล่อกับใบพลูคนสวย ก็ตามหลังไปติดๆ สามแสนเอียงหน้ามองอยู่อึดใจเดียว ก็ค่อยเร่งตัวเองว่า 'ตามไปสิ ยังจะมัวยืนทำอะไรอยู่อีก'




'อ้อ ที่แท้พี่ชายก็พาผู้กองพันยศมารักษาตัวที่กระท่อมหลังกะทัดรัดของตัวเองนี่เอง' สามแสนกระหยิ่มใจเล็กน้อย เมื่อคิดว่าตนไม่ต้องตกเป็นเชลยในกระท่อมหลังใหญ่ของหัวหน้าดงโจร เธอกวาดตาสำรวจรอบบริเวณ แล้วยิ้มตื้นตันระคนอบอุ่น

ห้าปีก่อน เธอตื่นขึ้นในห้องนอนขนาดไม่กว้างไม่แคบ มันเป็นห้องสำคัญมากเลยของกระท่อมหลังกะทัดรัด แต่ตั้งสงบอยู่ในหมู่บ้านฟากโน้น ดูสิ ห้าปีให้หลัง สามแสนได้กลับมาเจอกับกระท่อมหลังเดิม สภาพภายนอกมันเหมือนเดิมทุกอย่าง แค่ว่าย้ายจากฟากโน้นมาอยู่ในดงโจรเท่านั้นเอง

"พี่ชายสร้างกระท่อมหลังนี้เองหรือคะ" เธอถาม ขณะก้าวขึ้นบันไดตามหลังใบพลู

"ไม่ต้องซักไซ้ได้ไหม ใครสร้างแล้วทำไม เกี่ยวอะไรกับเธอ นี่มันกระท่อมของอาดุนะ ไม่ใช่ของเธอสักหน่อย"

นายขิงแตะแขนเพื่อนสาว สบตาขอโทษแทนอยู่ตลอดเวลา สาวใจดีก็เม้มปากยิ้ม เธอไม่เคยถือสาหรอก เสียงแว้ดแหวของใบพลู เป็นเพียงอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ คล้ายฝนที่ชอบตกขัดจังหวะ และทำให้การเดินทางออกตามหาพี่ชายต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว

ซึ่งก็เท่านั้นล่ะ จะไม่มีอุปสรรคขวากหนามใดๆ มาหยุดชะงักความตั้งใจมุ่งมั่นของสามแสนได้อย่างถาวร เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่าสามแสนจะไม่ยอมหยุดดาหน้าแม้แต่ก้าวเดียว

ทุ่งทะเลแหหนามกี่ผืนต่อกี่ผืน ก็อย่าได้หมายว่าจะกีดขวางและกางกั้นหัวใจรักของสามแสน ไม่ให้ว่ายแหวกฟันฝ่าจนเข้าถึงตัวพี่ชายได้ 'ไม่มีทาง ไม่มีวัน'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 18:21:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com