Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ห์รักโนราห์ [นิยายจากมือใหม่หัดเขียน] ตอนที่ ๓-๔ ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ ๑  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10755942/W10755942.html

ตอนที่ ๒  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10784943/W10784943.html#14


<b>เล่ห์รักโนราห์ ตอนที่ ๓<\b>

โรงเรียนกวดวิชาย่านพงษ์เพชร ช่วงเบรคสิบนาทีก่อนจะเรียนวิชาถัดไป ในห้องเรียนเหลือเพียงเด็กสาวทั้งสองคนกำลังนั่งศีรษะชนกันเพื่อจ้องมองจอเล็กๆ ในกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ส่วนคนอื่นๆ ออกไปนั่งคุยกันด้านนอก สองสาวตั้งอกตั้งใจมองภาพถ่าย บางทีก็หัวเราะ บางทีชี้ชวนกันคุย ยิ้มปลื้มกับภาพที่เห็น

“พี่ชายเธอ เท่ห์มากเลย มีแฟนยังอะ” พรศิริหัวเราะ

“ยังไม่เห็น หรือไม่เคยได้ยินพี่เค้าพูดถึงผู้หญิงเลยนะ แต่ว่าไม่แน่ ต่อไปเราอยู่บ้านเดียวกันแล้ว สักวันคงได้เห็นละมั้ง”

“แล้วนี่ พี่ลีก็สวยนะ”

“อือ พี่ลีหนะสวยและขาว ไม่น่าจะเกิดทางใต้เลย ดูผิวสิเนี๊ยนเนียน”

“ใต้ไหน ใต้กรุงเทพฯ นิดเดียวหรือเปล่า”

“ไม่ใช่ แหม.. พี่ลีอยู่กระบี่ไง จำไม่ได้เหรอ”

“จำได้ แต่แกล้ง” เออ..รับซะหน้าตาเฉย ตวงพรเลยใช้ศรีษะตัวเองโยกไปข้างหน้า หน้าผากนูนๆ โขกกับหน้าผากแบนๆ พอได้เจ็บๆ คันๆ ยิ้มเย้ากันไปมา

“ว่าแต่เราจะได้เจอพี่ลีอีกไหม”

“เจอสิ วันนี้พี่ลีว่าจะมารับเราที่เรียนพิเศษ พาไปดูหนัง เราขอพ่อไว้ พ่ออนุญาตแต่ต้องให้พี่ลีไปด้วย”

“เราไปด้วยดิ”

“ไม่ได้ขออนุญาตล่วงหน้า แม่ไม่ว่าเหรอ”

“่ถ้าให้ไปด้วย เราจะโทรบอกแม่ และโทรบอกพี่ชายว่าไม่ต้องมารับ เพราะวันนี้พี่ชายว่าจะมารับเหมือนกัน”

“ฮั่นแน่ เดี๋ยวนี้มีพี่ชายคอยคุม”

“อ้ะ แน่นอนสิ แล้วทั้งหล่อทั้งเท่ห์แบบนั้น เราก็อยากอวด ส่วนพี่บอกว่าเป็นห่วงเราเลยบอกว่าจะมารับ”

“อยากไปด้วยจริงหรือเปล่า ชวนพี่เธอไปด้วยกันไหม ไปกันหลายคนสนุกดี”

“เนอะ.. แล้วเรามีเรียนอีกวิชาเดียวเอง โทรไปเดี๋ยวนี้ก็ได้”

“ฮื่อ เอาดิ เราจะโทรไปหาพี่ลีเหมือนกัน เค้านั่งรถเมล์มาอะ ว่าถึงไหนแล้ว”

*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~


เมื่อได้เวลาเลิกเรียน ออกมาถึงหน้าห้อง ‘พี่ลี’ นั่งรออยู่มุมหนึ่ง ในขณะที่ ‘พี่วิชญ์’ ก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่อีกมุมหนึ่งเหมือนกัน สองสาวแยกกันไปทำหน้าที่และเดินมาพบกันตรงกลางห้อง
“อ้าว ดูนั่งกันคนละมุมเลย ไม่รู้ทักกันหรือยัง” ตวงพรพูดกับพรศิริ แล้วแยกกันไป
“ไม่รู้เหมือนกันพี่ใครก็พี่ใคร รับผิดรับชอบกันเอาเองละกัน เหอๆ”

ทักพี่ตัวเองเสร็จมาเจอกันตรงกลาง

“สวัสดีค่ะ พี่วิชญ์” ตวงพรถือว่าพี่ชายเพื่อนก็เหมือนพี่ชายตัวเอง เรียกซะสนิทสนม

“สวัสดีค่ะ คุณ ..วิชญ์”

“สวัสดีครับ” ทักสองสาวเสร็จก็หันไปทางน้องสาว

“แล้วเราโทรบอกคุณแม่แล้วเหรอ ว่าจะไปดูหนัง”

“ขออนุญาตแล้วค่ะ แม่บอกว่าถ้าพี่วิชญ์อนุญาตก็ไปได้ จำได้พี่บอกศิริว่าวันนี้ไม่ไปไหนแล้ว งั้นพี่วิชญ์ไปกับเรานะคะ” ชายหนุ่มทำหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“อย่ารบกวนพี่เขาเลยศิริ เราไปกันเองก็ได้” ดวงตากลมโตมองมาทางเขาอย่างเกรงใจ พอสบตากันแก้มก็ร้อนวูบ จนออกสีชมพูระเรื่อ เสมองต่ำแค่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต พีรวิชญ์พยักหน้า ยิ้มน้อยๆ

“เอางี้ดีกว่า พี่ตัดสินให้ เราไป และไปกันหมดนี่แหละ พี่เลี้ยงเอง แต่ว่า...” เขาขมวดคิ้วอีก

“พี่ไม่เข้าโรงหนังนานแล้วนะ ศิริต้องเป็นคนจัดการเรื่องตั๋วหนัง เรื่องอะไรต่อมิอะไรนะ ไม่งั้นได้ขายหน้าว่าพาคนแก่มาแล้วทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
สองสาวประสานเสียงหัวเราะเบาๆ ในขณะที่ดาราวลียิ้มนิดๆ ต้องตกลงเลยตามเลย พากันยกขบวนไปโรงหนัง โดยเดินกันไปที่จอดรถของเขาใกล้ๆ โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้ มุ่งไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก

พีรวิชญ์จอดรถให้สาวๆ ลงตรงทางเข้าด้านหน้า หยิบเงินในกระเป๋าส่งให้น้องสาว เธอยกมือไหว้ก่อนรับ และนัดแนะว่าเจอกันที่หน้าโรงหนัง ซึ่งพรศิริย้ำแล้วย้ำอีกว่าเป็นชั้นห้า

สาวๆ ลงจากรถไปแล้ว เขาขับวนไปใต้อาคารห้างสรรพสินค้าเพื่อหาที่จอดรถ

เขาถอยรถเข้าจอดและมองเลขรหัสที่ติดอยู่บนเสาบริเวณใกล้เคียง จัดการล็อครถแล้วเดินเข้าประตูข้าง แล้วต้องยิ้มเมื่อเห็นอารดากำลังจูงมือเด็กหญิงวัยห้าขวบลงบันไดเลื่อนมา เด็กหญิงโบกมือกระโดดหยอยบนบันได เขารออยู่พอมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ก็ยกตัวเด็กหญิงขึ้นอุ้ม

“ว่าไง ฮึ”

“ลุงวิชญ์ ๆ ๆ” เด็กหญิงเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ท่าทางดีใจ

“วันนี้ทำไมมาปรากฎตัวแถวนี้ได้ล่ะ นักธุรกิจหนุ่ม”

“พาน้องมาดูหนัง”

“ฮั่นแนะ พอมีน้องหัดเข้าโรงหนังเชียวนะ”

“อือ พอดีไปรับเขาที่โรงเรียนสอนกวดวิชาใกล้ๆ นี่แหละ ดันหลุดปากบอกว่าไม่มีธุระที่ไหน เขาก็เลยจัดการชวนเพื่อน พากันยกขบวนมานี่แหละ”

“เพื่อนที่ไหนเหรอ” อารดาถามยิ้ม

“เพื่อนของยายศิริก็คือเด็กที่นั่งข้างๆ เธอวันงานแต่ง และพี่สาวของเพื่อนคนนั้นก็มาด้วย”

“อืม..เรื่องนี้น่าติดตามนะเนี่ย เสียดายว่าเราซื้อข้าวของเยอะแยะ ว่าจะทำกับข้าวกัน วันนี้ปะป๊ายัยหนูกลับเร็ว ไม่งั้นจะขอติดสอยห้อยตามไปดูซะหน่อย ฮิฮิ”

“ขนาดนั้นเชียว เดี๋ยวนี้เพื่อนฉันอยากรู้อยากเห็นกับเขาด้วย ไปเลยไป” เขาว่า ส่งตัวเด็กหญิงให้อารดารับไปอุ้มต่อ

“วันหน้าลุงค่อยไปเยี่ยมหนูที่บ้านนะคะ วันนี้ลุงมีนัดกับฉาวๆ “ เขาแกล้งพูดเพี้ยนตามภาษาของเด็ก

“แล้วลุงจะพาฉาวๆ ไปด้วยไหมคะ หนูจะได้เตรียมขนมไว้ให้”

“หลานลุงใจดีจริงๆ เอาไว้ค่อยโทรไปบอกล่วงหน้าก็แล้วกันนะ”

“บายลุงสิลูก”

“บะบายค่า”

“บายครับ” เขาจับมือน้อยๆ เขย่า พอสองแม่ลูกเดินลับตาไปก็รีบขึ้นบันไดเลื่อนไปหาโรงหนังที่นัดกันไว้กับพรศิริ

‘ฉาวๆ’ ของเขายืนรอกันอยู่ที่หน้าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่มีรูปดาราขนาดเท่าคนจริงตั้งอยู่ก่อนทางเข้าไปซื้อตั๋ว

“พวกเราว่าจะดู หนีตามกาลิเลโอ พี่วิชญ์อยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมคะ ต้องถามคนจ่ายตังค์ก่อน เกรงใจ”

“อะไรนะ” พีรวิชญ์ได้ยินไม่ถนัด เพราะเสียงประกาศจากห้างดังแทรกมาพอดี พรศิริเลยชี้ไปที่ป้ายโฆษณา และชี้ชวนให้เขาไปดูทีเซอร์ หรือหนังโฆษณาซึ่งจัดไว้ที่มุมใกล้ๆ ป้ายโฆษณา

“เอาเถอะๆ อยากดูอะไรกันก็ดู พี่ไม่เข้าโรงหนังมาเป็นสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าแวดวงเป็นไง ไม่ค่อยได้ตามข่าว ไปซื้อตั๋วเหอะไป” พรศิริลากแขนเพื่อนไปรอคิว ทิ้งให้หนุ่มสาวยืนรอ ชายหนุ่มหันหน้าเข้าหาจอ ส่วนหญิงสาวก็หันไปหาป้ายโฆษณา ส่วนสองสาวที่ไปซื้อตั๋วหันมาแอบดูหัวเราะกันคิกคัก

พีรวิชญ์เดินตามน้องๆ เข้าไปในโรงหนังในขณะที่สองสาวเริ่มตัวติดกันเว้นที่ว่างจำเป็นไว้ให้หนุ่ม-สาวนั่งติดกันอย่างเจตนา มีเสียงคุยกันเบาๆ ก่อนหนังฉาย แล้วก็ปิดโทรศัพท์มือถือ หลังจากจบเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อหนังเริ่มฉาย แม้จะตั้งใจดูหนัง แต่ก็อดชำเลืองดูเสี้ยวหน้าของคนข้างตัวไม่ได้

หนังฉายไปได้พักใหญ่ เขาได้ยินเสียงสูดจมูกเบาๆ ใกล้ตัว ท่ามกลางแสงสลัวเขาเห็นหยาดน้ำใสๆ หยดลงมาเงียบๆ บนแก้มนวล พอหันไปมองอีกด้านสองสาวกำลังเช็ดน้ำตาป้อยๆ เขาลอบถอนหายใจเบาๆ

กว่าหนังจะจบ เขาดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะคอยแต่จะลอบมองไปทางข้างบ่อยๆ รอยยิ้มของสามสาวเจิดจ้าเมื่อออกจากโรงหนัง วัยรุ่น เขาแอบถอนหายใจอีกแล้ว วัยที่เขากับพ่อผจญกับพิษเศรษฐกิจ จนต้องถอนตัวออกจากมหาวิทยาลัยเอกชน แล้วมาลงทะเบียนเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแทน เพื่อที่จะได้ช่วยพ่อทำงานอีกแรง กว่าจะกอบกู้ฐานะคืนมาได้ใช่ว่าจะง่าย แต่น่าขอบคุณทั้งโชคชะตา และกำลังใจของพ่อที่ทำให้ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ด้วยดี

“ว่าไง จะไปไหนต่ออีกไหม” ดาราวลีเป็นคนส่ายหน้าห้ามน้องของตัวเอง ในขณะที่พรศิริเห็น และไม่เห็นต่าง ถ้าพี่ลีเห็นว่าดี ก็ต้องตามนั้น เธอชื่นชมและศรัทธาพี่สาวของเพื่อนนับตั้งแต่วันแรกพบเสียแล้ว

“เราจะกลับกันแล้วค่ะ เชิญคุณกับศิริตามสะดวกก็แล้วกัน เราแยกกันตรงนี้เถอะค่ะ” เขามองหน้าน้องสาว ซึ่งเธอก็มองสบตา คำตอบในสายตาก็คือ ‘แล้วแต่พี่’

“แล้วมากันยังไงครับนี่”

“เรามารถเมล์ เดี๋ยวกลับรถเมล์ก็ได้ค่ะ ต่อเดียวเอง ไม่ไกลและไม่ยุ่งยาก แต่ทางคุณจะไกลกว่า ค่ำมากแล้วรถก็คงจะติด รีบไปดีกว่าไม่ต้องเป็นห่วง และอย่าไปส่งเลย เสียเวลาย้อนไป ย้อนมา” เขาพยักหน้าคิดตาม

“แต่ก็อย่างที่ศิริบอกไว้แต่แรก วันนี้พี่ไม่ได้ไปธุระที่ไหนต่อแล้ว เรากลับบ้านดึกนิดคงไม่เป็นไร เพื่อน้องสองคนจะได้สะดวก ถ้าเกรงใจก็เลี้ยงข้าวเย็นเราสองพี่น้องเป็นการตอบแทนก็ได้นี่นา”

“แต่...” ดาราวลีกำลังจะเอ่ยปากค้าน พรศิริรีบฉวยแขนเธอแล้วพาออกเดินนำ

“ไม่ต้องแต่ค่ะ พี่ลี พอดีเลย ศิริกำลังหิวพอดี แม่เดือนทำกับข้าวอร่อย ศิริเคยลิ้มรสแล้ว” เธอทำโอ่ราวกับพูดถึงแม่ของตัวเอง

“งั้นพี่ก็ได้ลาภปากแล้วสิงานนี้ ไป..รถจอดชั้นสอง” พีรวิชญ์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา รู้สึกแต่ว่าสบายใจที่ได้เป็นสารถีจำเป็น

                    *~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~

แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 54 17:29:08

แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 54 17:26:35

จากคุณ : สีน้ำฟ้า
เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 17:09:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com