Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผิดคน.... ติดต่อทีมงาน

ผิดคน..
ราสส์ กิโลหก

เวลาเย็นพระอาทิตย์อ่อนแสงลง
สมานขับรถเก๋งสภาพเก่ากลับจากที่ทำงาน จนอีกประมาณ 200 เมตรจะถึงหน้าบ้าน เขาเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาเมื่อสายตามองเห็น รถมอเตอร์ไซค์หลายคันจอดกันระเกะระกะบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งถัดจากบ้านพักของเขาไป พอเข้าไปใกล้จนจะถึงบ้านพักเสียงเพลงฝรั่งที่ฟังเนื้อร้องไม่ออก ดังสนั่นจนแสบหูทั้งอาการแน่นหน้าอกอันเกิดจากเสียงตึ๊บๆที่เขารู้สึกได้..
“อ้ายเวรพวกนี้มามั่วสุมกันอีกแล้ว” เขาบ่นพึมพำเบาๆ
                       
                                             **********************************

บ้านพักของสมานตั้งอยู่รอบนอกของตัวจังหวัดซึ่งความเจริญยังเข้าไปไม่ทั่วถึง พื้นถนนเป็นดินลูกรัง ท่อระบายน้ำยังไม่มี ยังดีที่มีน้ำประปาและไปฟ้าใช้ ทางเข้าบ้านเป็นซอยเล็กๆแยกจากถนนใหญ่ ความกว้างแค่ 5 เมตร สองฝั่งซอยมีบ้านเรือนปลูกสร้างอยู่ไม่มากนัก สำหรับบ้านของเขาอยู่ลึกเกือบสุดปลายซอยมีบ้านใกล้เคียงติดกันอีกหลังหนึ่ง  และถัดออกมาทางปากซอยประมาณ 100 เมตรจะมีกลุ่มบ้านอีก 4-5 หลังซึ่งตลอดทั้งซอยจะมีบ้านเรือนปลูกสร้างกันเป็นหย่อมๆแต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างเปล่ามากกว่า  บ้านหลังที่อยู่ติดกับบ้านของสมานแต่เดิมคือบ้านของพี่ชายเขาเองชื่อสมัย  สองพี่น้องมาซื้อที่ดินแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อนและปลูกบ้านพร้อมกัน อยู่กันมาได้ไม่กี่ปีพี่ชายซึ่งมีลักษณะนิสัยเกเรไปคบหากับพวกโจร ไปก่อเรื่องทั้งปล้นทั้งฆ่า หลายครั้งหลายหนจนถุกตำรวจจับได้ ต้องถูกจองจำอยู่ในเรือนจำจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านสมานมากนัก   กำลังรอการตัดสินคดีความซึ่งอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต  ลูกเมียอยู่ไม่ไหวต้องจำใจขายบ้านให้กับผู้อื่น คนที่ซื้อบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้อยู่เองแต่ได้นำไปให้คนอื่นเช่า ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรคนที่มาเช่าก็ถ้อยที่ถ้อยอาศัยกัน จนมาถึงคนเช่ารายสุดท้ายเป็นพ่อค้าขายของเร่ ต้องออกไปตะเวนขายของตามต่างจังหวัด นานๆจะกลับมาบ้านสักครั้ง แต่ได้ทิ้งให้ลุกชายวัยรุ่นชื่ออ้าย หวัง อาศัยอยู่ตามลำพัง

อันอ้ายหวังนั้นเป็นเด็กเกเรไม่เอาถ่าน คบแต่เพื่อนฝูงนิสัยไม่ดี เรียนหนังสือกว่าจะจบชั้นมัธยมได้ พ่อ-แม่ต้องไปกราบอาจารย์ที่โรงเรียน ขอให้ลูกได้เรียนจบ มันจึงจบออกมาได้ด้วยคะแนนคาบเส้น ไปสอบเรียนต่อสายช่างที่วิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัด ก็สอบไม่ผ่านเพราะสมองของมันเต็มไปด้วยถ่าน มันจึงถือโอกาสไม่เรียนหนังสืออาศัยไถเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆ..ที่สำคัญมันชอบพาเพื่อนมามั่วสุ่มในเวลาที่พ่อ-แม่ออกไปขายของ..
                                     
                                             ********************************************

จอดรถในบ้านเรียบร้อยขณะลงจากรถ สมจิตเมียของเขาเดินหน้ามุ่ยออกมาพูดว่า
“พี่..เด็กข้างบ้านพาพวกมามั่วสุม เสียงดังจนลูกสาวเราไม่ได้หลับได้นอน”
สมานแต่งงานเมื่ออายุสามสิบปลายๆและมามีลูกเมื่ออายุเกือบสีสิบ ส่วนสมจิตอายุน้อยกว่า 10 ปี สองผัวเมียเพิ่งมีลูกสาวคนแรก อายุ  2 ขวบ

“พ่อ-แม่ของมันคงใกล้จะมาแล้ว เดี๋ยวพี่จะไปพูดกับพวกเขา” สมานบอกเมีย

“ไปฟ้องพ่อ-แม่ แล้วไม่กลัวลูกเขาโกธรเอาหรือ พี่” สมจิตยังกังวลเพราะเธอต้องอยู่บ้านคนเดียวในช่วงที่สมานไปทำงาน

สมานมองหน้าเมียด้วยความสงสาร  มันไม่มีทางอื่นเพราะถ้าเขาเข้าไปพูดห้ามปรามด้วยตนเอง พวกมันคงไม่ฟังเพราะท่าทางแต่ละคนเอาเรื่อง..สักยันต์กันลายพร้อยเป็นตุ๊กแก คงมีประวัติเป็นศิษย์เก่าจากเรือนจำที่ไหนสักแห่ง

“เอาเถอะ พี่จะไปพูดกับ พ่อ-แม่เขาดีๆ คิดว่าคงฟังกันบ้าง ไป...เข้าบ้านกัน” สมานตัดบท

ต่อมาประมาณ 4 วันเป็นวันอาทิตย์  เป็นวันหยุด พ่อ-แม่อ้ายหวังเดินทางกลับบ้านในช่วงเช้า สมานได้ยินเสียงรถจอด จึงรีบเดินออกไปหา  .เขาเห็น ชายร่างใหญ่รุ่นรางคราวเดียวกับเขาเปิดประตูรถออกมา ที่เอวคาดกระเป๋าเงินแบบพ่อค้าทั่วๆไป

“สวัสดีครับ พี่”สมานพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อม
ชายร่างใหญ่หันมาตามเสียงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ตอบ ก่อนยิ้มด้วยอารมณ์ดี
“อ้าวคุณที่อยู่ข้างบ้านนั่นเอง มีอะไรหรือครับ”
“คือว่าผมอยากจะคุยอะไรกับพี่ หน่อยครับ”
“ธุระอะไร ค๊า!”  เสียงผู้หญิงดังมาจากข้างรถ เธอเป็นหญิงร่างอ้วนตัวกลมเป็นขนุน ทาปากแดงแจ๋
สมานหันไปตามเสียงพลางยกมือไหว้ทำความเคารพ.
“คือผมมีเรื่องจะคุยกับพี่ทั้งสองคนครับ”
สมานเล่าเรื่องความเดือดร้อนอันเกิดจากการกระทำลุกชายของพวกเขา พร้อมกับเล่าพฤติกรรมต่างๆให้ฟังจนหมดสิ้น สองผัวเมียนั้นทราบถึงนิสัยของลุกชายตัวเองดี เขาแสดงความเห็นใจและรับว่าจะไปพูดห้ามปรามให้ โดยได้ขอโทษสมานแทนลูกชายด้วย

กลับถึงบ้านสมานบอกกับสมจิตให้สบายใจได้เพราะ ดูท่าทางสองผัวเมียเป็นคนใจดีคิดว่าปัญหาต่างๆคงจะหมดไปในไม่ช้านี้

หลังจากพ่อ-แม่อ้ายหวังต้องออกเดินทางไปขายของเหมือนเคย  ในช่วงเย็นสมานกลับจากทำงานถึงบ้านตามปกติ เลี้ยวรถเข้าบ้าน ยังไม่ทันได้ลงจากรถ มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์หลายคันวิ่งมาจอดที่หน้าบ้านอ้ายหวัง  แทนที่จะดับเครื่อง แต่ตรงกันข้าม พวกมันบิดเร่งเครื่องรถทั้งที่จอดอยู่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว  เสียงดังปานฟ้าผ่าทำให้ลูกสาวของเขาตกใจร้องเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงรถ สมานก็ทำอะไรไม่ถูก สมจิตเมียของเขาอุ้มลูกออกมาหา.

“พวกเด็กข้างบ้านใช่ไหม ?พี่”

สมานกัดฟันด้วยความข่มขื่น ในชีวิตเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร เป็นคนชอบความสงบ ซึ่งต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิง  เขาจะทำอย่างไรถ้าออกไปตอนนี้คงมีเรื่องทะเลาะกันแน่ เขาไม่อยากเป็นแบบนั้น ลูกก็ยังเล็กและเมียอีกคน เขาต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว

เสียงเครื่องรถฯเงียบไปแล้ว เขาถอนใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้น
เปรี้ยงๆๆๆๆ เสียงปืนดังขึ้น ตามด้วยเสียงตะโกนอย่างโกธรแค้น
“อ้ายปากเสีย  สัตว์ อยู่ดีๆไม่ชอบ เดี๋ยวเจอดีแน่ เมิง” มันเป็นเสียงของอ้ายหวัง “ เฮ้ย ! พวกเราวันนี้เต็มที่ โว้ย !”
มันทำใจป้ำเลี้ยงพรรคพวก เพราะพ่อ-แม่เพิ่งทิ้งเงินเอาไว้ให้ใช้

พวกอ้ายหวังดื่มกิน เอะอะโวยวายกันทั้งคืน ทั้งยังมีเสียงตะโกนด่าและท้าทายเป็นระยะๆ มีการยิงปืนเสียงดังอีกหลายครั้ง เป็นการแสดงความยิ่งใหญ่เพื่อข่มขู่

แต่สมานก็ใจเย็นเขาอดทนจนกลายเป็นคนขี้ขลาดในสายตาของพวกอ้ายหวัง   สมจิต รู้สึกสงสารสามีมากเพราะเธอรู้จักใจของเขาดีว่าเจ็บปวดแค่ไหน ความจริงสมานไม่ถึงกับจะสิ้นเขี้ยวเล็บอะไร เขาเคยเข้ารับการเกณฑ์และได้รับการฝึกฝนมาพอสมควร แต่ความที่เป็นคนรักสงบ ไม่ชอบมีเรื่องมีราวกับใคร และที่สำคัญเขาเพิ่งมีลูกอายุแค่ 2 ขวบ มันเป็นห่วงอันใหญ่ที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาต้องออกนอกเส้นทาง
“พี่ใจเย็นๆนะ”
“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะเนี่ย ! ถึงกับยิงปืนขู่กัน” สมานมองหน้าเมียรักด้วยอารมณ์ที่ปั่นป่วน
“เราแจ้งตำรวจดีมั๊ย !พี่”
“ตำรวจมาก็คงทำอะไรมากไม่ได้เพราะพวกเขายังไม่ได้ทำผิดอะไร แค่ทำเสียงดัง”
“แล้วเราจะทนอยู่อย่างงี้ หรือไง ?”
คำถามอันนี้ทำให้สมานต้องคิดหนัก บ้านก็บ้านของเราแล้วจะหนีไปอยู่ที่ไหน พวกมันเป็นแค่คนเช่า เราจะหนีมันหรือ ?
                       

****************************************

สถานการณ์ของสมานย่ำแย่ลงทุกวันเพราะอ้ายหวังพาพวกมามั่วสุมหนักข้อขึ้น พวกมันขี่รถผ่านหน้าบ้านสมานก็ตะโกนด่า กันสนุกปากทำเหมือนสมานไม่อยู่ในสายตา

แล้ววันโลกาวินาศก็มาถึงจนได้ มันเป็นวิถีกรรมที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้

วันนี้เป็นวันพระ  พ่อ-แม่ อ้ายหวังกลับถึงบ้านเกือบสว่าง  พวกเขากะว่าในตอนเช้าจะพากันไปทำบุญที่วัดใกล้บ้านโดยจะชวนอ้ายหวังลูกชายจอมเกเรไปด้วย เนื่องจากมีหมอดูทักว่าลูกชายจะมีเคราะห์ถึงตาย สองผัวเมียมาถึงก็อาบน้ำอาบท่า และจัดเตรียมอาหารคาวหวานดอกไม้ธูปเทียนเพื่อไปทำบุญที่วัดตามที่ตั้งใจ และที่สำคัญต้องเอาตัวอ้ายหวังไปทำบุญที่วัดด้วย

“หวังๆๆๆๆ เฮ้ย ! อ้ายหวัง ตื่นๆๆๆ” เสียงพ่อของมันตะโกนจนลั่นบ้าน แต่อ้ายหวังก็ไม่ตื่นมันยังคงนอนกรนเสียงดังเย้ยคนที่เรียกเสียอีก เพราะเมื่อคืนมันกินเหล้าจนเกือบสว่างและเพิ่งล้มตัวนอน ก่อนที่พ่อ-แม่มันจะมาถึงบ้านไม่ถึงครึ่งชั่วโมง   ทั้งพ่อและแม่ มาช่วยกันปลุก มันก็ยังไม่ยอมตื่น ลากตัวมานั่งพอปล่อยมือมันก็ล้มตัวนอน จนคนปลุกต้องระอายอมแพ้ล่าถอยไป

“ช่างมัน พวกเราไปกันเองก็แล้วกัน ทำเผื่อให้มันคงได้” ผัวหันมาพูดกับเมีย

คนอย่างอ้ายหวังไม่เคยมีความคิดจะทำงานมันอาศัยเกาะพ่อ-แม่กินจนเคยตัว  ชีวิตประจำวันของมันคือกินแล้วก็นอน เรื่องดีๆไม่เคยคิด วันๆคิดแต่เรื่องชั่วๆ คบหาแต่พวกคนชั่ว  การที่ลูกที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ คงหนีไม่พ้นจากความรับผิดชอบของพ่อ-แม่ ที่ไม่อบรมสั่งสอน และป้องกันตั้งแต่ต้น แต่อย่างว่าเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ตามใจง่ายๆ ยิ่งเป็นลูกผู้หญิงจะยิ่งช้ำใจมากกว่า บางคนบอกว่า ถ้าลูกมีความประพฤติดีถือว่าเป็นบุญ แต่ถ้าลูกประพฤติตัวไม่ดีถือว่าเป็นกรรม ก็แล้วแต่จะคิดกัน
                                   
                                           *************************************

หลังจากพ่อ-แม่อ้ายหวังต้องออกไปเร่ขายของ เหมือนเคย
ช่วงเย็นใกล้ค่ำเสียงรถมอเตอร์ไซค์ หลายคันห้อตะบึงส่งเสียงแสบแก้วหู จากปากซอยจุดหมายคือหน้าบ้านอ้ายหวัง เสียงพูดคุยเอะอะโวยวายด่าพ่อล่อแม่ ด้วยความคึกคะนอง ด้วยมาดของผู้ยิ่งใหญ่มาพบกัน ต่อมาตามด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เสียงผู้คนหลายคนสังสรรค์เฮฮากันสนุกสนาน  จนเวลาล่วงเข้ายามค่ำคืน ความร้อนแรงของน้ำเมาเริ่มเปลี่ยนนิสัยของผู้ที่ดื่มมันเข้าไป  

คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสีเหลืองสดใสแสงจันทร์ส่องทาบลงมาไล่ความมืดมิดลงไปได้บ้าง เหมือนน้องๆดวงอาทิตย์  มันจึงเป็นเหมือนโคมไฟที่ให้ความสว่างแก่หน้าบ้านสองหลังที่อยู่ติดกัน

อ้ายหวัง เสื้อไม่ใส่ โชว์รอยสักของอาจารย์ขมังเวทย์ ที่โด่งดังในเรื่องความเหนียว มันนั่งอยู่ในวงเหล้า ในมือคือปืนขนาดเหมาะมือ กำลังดึงลูกปืนออกมาจากรังเพลิง หันไปบอกพรรคพวก

“นี่ขนาด .38 หัวระเบิดโว้ย ! ใครโดนเข้าไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”

อ้ายแดงไม่น้อยหน้า ควักปืนขนาด 11 ออกมาบ้าง “นี่โว๊ย ! กระบอกนี้กินมาหลายศพแล้ว ยิงช้างยังเซ” พร้อมกับขึ้นลำด้วยความชำนาญ “แถวๆนี้ใครมีอะไรบอกกุได้ กุไม่เคยกลัวใคร”

พวกขี้เหล้ายังมีความสุขกับการกินการโวโอ้อวด  จนกระทั่ง

นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง...

อ้ายหวังลุกยืนขึ้นด้วยความลำบากเพราะความเมา พอยืนได้มันควักปืนออกจากเอว เอามืออีกข้างหมุนลูกโม่เล่น

“เดี๋ยวกูจะออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อย” พรรคพวกไม่มีใครว่าอะไรเพราะอ้ายหวังชอบออกไปยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นประจำอยู่แล้ว

มันเดินโซเซออกมาที่ถนนหน้าบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงมาจากฟากฟ้าผ่านตัวอ้ายหวังจนเห็นเป็นเงาทาบลงไปตามพื้นดิน แต่เงานั้นมีแต่ตัวไม่มีส่วนหัวอยู่ด้วย

อ้ายหวังพร้อมกับเงาจันทร์ที่ไม่มีหัวเดินโซเซไปที่หน้าบ้านสมานคู่แค้นของมัน  ในบ้านนั้นปิดไฟเงียบ

“เฮ้ย ! อ้ายปากเสีย หดหัวอยู่ทำไมวะ แน่จริงออกมาเจอกุหน่อย ซิ !” ไม่พูดเปล่า ยกปืนที่อยู่ในมือชูไปที่ดวงจันทร์ เหนี่ยวไกปืน เปรี้ยงๆๆๆๆ....เสียงดังสนั่นลั่นซอย.. “นึกว่าแน่  อ้ายเวร เอ้ย !”

แต่...คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ

มีคนเดินออกมาจากบ้านสมาน เป็นชายวัยสี่สิบ ใส่เสื้อสีขาว ที่ไหล่มีย่ามผ้าสะพายอยู่ เขาเดินลิ่วออกมาที่หน้าบ้านตรงที่อ้ายหวังยืนถือปืนอยู่

พอเห็นหน้าคนที่เดินออกมา อ้ายหวังเอามือชี้หน้า “อ้อ ! อ้ายปากเสียนี่เอง วันนี้ไปกินดีหมีที่ไหนมา วะ ทำเก่งออกมาเจอกับ กู อยากตายหรือ ไง ?”

แต่ผู้ที่เดินออกมา พูดว่า “ เมิงนะซิจะต้องตาย อ้ายสัตว์”

เจอคำนี้เข้าไป อ้ายหวังถึงกับ งง มันไม่คิดว่าจากแมวเชื่องๆจะกลายเป็นเสือไปได้อย่างไร คนอย่างพวกมันก็เป็นแค่วัยรุ่นวัยคะนอง คุยโวโอ้อวด หากเห็นใครไม่กล้าสู้ด้วยก็ยิ่งย่ามใจ ข่มเหงรังแกด้วยความคะนอง

ในสถานการณ์ที่หนีไม่ออก จะถอยก็กลัวเสียหน้า  บวกด้วยเพราะความเมา และชะตามันจะต้องถึงฆาต  จึงยกปืนขึ้นเล็งทำท่าจะยิง แต่มันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง

เร็วยิ่งกว่านักเล่นกล ชายเสื้อขาวสลัดย่ามผ้าออกจากไหล่ มือคว้าวัตถุสีดำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แสงไฟสว่างวาบที่ปลายวัตถุสีดำพร้อมเสียงกัมปนาทตามออกไป ร่างอ้ายหวังกระเด็นหมุนเคว้งด้วยแรงปะทะที่รุนแรงจากหัวกระสุน ปืนเอ็ม 16  มันไม่มีโอกาสได้ร้องเพราะตายสนิท เลือดชั่วไหลทะลักเหมือนท่อประปาแตก

อ้ายนัดและ อ้ายแดง มือปืนขี้โม้ ได้ยินเสียงปืนที่ดังเป็นชุด รีบวิ่งออกมาพร้อมปืนในมือ  พอมองเห็นว่าเป็นอะไร จัดแจงหันหลังกลับเตรียมเผ่นหนี แต่คนเสื้อขาวกำลังบ้าเลือด เขาหันปากกระบอกปืนกดไกยิงใส่อย่างไมยั้ง จนทั้งสองนอนตายอย่างอนาถ  ..พวกที่เหลืออยู่ในบ้านหายเมาจนลายเสือหลุดจากตัว  โกยอ้าวหายหัวออกไปทางหลังบ้านจนหมด..

                                                  ***********************************

ช่วงเช้ามีข่าวใหญ่ นักโทษประหาร คือเสือสมัย รู้ข่าวพ่อตายที่บ้านต่างจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง ได้แหกคุกเมื่อเวลาห้าทุ่มเศษๆ เพื่อจะไปงานศพพ่อ และแอบแวะไปหาน้องชายที่บ้านตอนเที่ยงคืนแต่ไม่พบน้องชายเพราะน้องชายไปที่งานศพพ่อก่อนหน้าแล้ว   แต่ไปเจอวัยรุ่นเลือดร้อนที่ข้างบ้านน้องชาย เกิดทะเลาะกันจึง ยิงวัยรุ่นตายไป 3 ศพ ตำรวจกำลังติดตามจับdมอย่างใกล้ชิด เหตุที่รู้ว่าเป็นเสือสมัยเพราะเด็กที่รอดตายได้ยินมันตะโกนว่า กูคือเสือสมัยที่เพิ่งแหกคุกมา

เวลา 9.00 น..ที่บ้านงานศพพ่อของ สมัย และ สมาน พี่น้องฝาแฝด

สมจิตกำลังช่วยสามีถอดเสื้อ และถือแก้วน้ำมาให้กิน “เหนื่อยไหมพี่”

“เหนื่อยแต่ก็คุ้ม เดี๋ยวเสร็จงานพ่อ พี่จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกมันทั้งสามคน อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันเลย”

“ตอนนี้พี่สมัย อยู่ไหนละพี่”

สมานเอามือโอบไหล่เมียด้วยความสบายใจ

“ตอนที่พี่สมัยวางแผนแหกคุก ได้โทรมาบอกพี่ว่า จะหนีลงไปทางภาคใต้ ตอนนี้คงไปไกลแล้วละ ไม่มีโจรแหกคุกที่ไหน หวนกลับมายังบ้านญาติพี่น้องหรอก ยิ่งจะไปงานศพพ่อยิ่งเป็นไปไม่ได้ พี่เขาปล่อยข่าวมากกว่า”

“มีโทรศัพท์มือถือนี่ดีนะพี่ อยู่ในเรือนจำยังโทร คุยกันได้”

สองผัวเมียจอมโหดหัวเราะกันอย่างมีความสุข...  เพราะการแหกคุกของพี่ชายฝาแฝด ทำให้พวกเขามีความสุข...

                                                 ********************************

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 07:11:17

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 07:08:16

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 54 18:15:14

แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 54 09:18:32

แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 54 08:15:33

จากคุณ : สวนดอก
เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 54 08:11:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com