Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 19 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10808588/W10808588.html

บทที่ 19

ท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสเลย เมฆก้อนใหญ่ ท่าทางจะอุ้มน้ำฝนไว้ข้างใน จนลอยตัวเองไม่ค่อยจะไหว สีก็เลยพานอึมครึมเป็นเทาหม่น

สามแสนนั่งห้อยเท้าเล่นหน้าชาน มองพี่ชายกับนายขิงช่วยกันผ่าฟืน สองหนุ่มต่างวัยขะมักเขม้น จนไม่ทันสังเกตว่าโดนจ้องเพลิน กระทั่งกรอบหน้าขรึมของพี่ชายเงยขึ้นเพื่อสลัดเหงื่อแถวหน้าผาก ตอนนั้นล่ะ ที่ดวงตาชาเย็นค่อยเหลียวมา แล้วกระทบแววตาภักดีของสามแสน

"อาจะไปดูว่าใบพลูต้มน้ำเดือดหรือยัง จะเตรียมสมุนไพรให้ต้มด้วย ขิงผ่าฟืนคนเดียวไปก่อนนะ"

"ครับ"

หนุ่มหล่อรับคำนอบน้อม ขัดแย้งกันจังกับใจที่อคติ สายตาที่มองตามร่างสูงก้าวยาวๆ ผ่านหน้าชาน ผ่านหน้าสามแสน และไม่แวะเก็บรอยยิ้มน่ารักของเธอแม้แต่สักเสี้ยววินาที พราวไปด้วยเครื่องหมายลบ เขากวักมือเพื่อนผู้น่าสงสาร ให้ลงมาช่วยผ่าฟืนสนุกๆ

"อย่าหาว่าเราก้าวก่ายเลยนะ แต่เราอยากให้สามแสนทบทวนเสียใหม่ อาดุไม่เหมาะสมและคู่ควรกับสามแสนเลย จริงๆ นะ" เขาชวนสนทนา นึกขำท่าทางหยิบขวานทะมัดทะแมง มีแรงจะยกจะฟันหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

"ใช่ พี่ชายอายุสี่สิบ แต่สามแสนยี่สิบเศษ ห่างกันเยอะเลย ถ้าดันทุรังจะครองคู่กันให้ได้ มันต้องเกิดปัญหาช่องว่างระหว่างวัยแหงๆ "

"สามแสน" นายขิงลากเสียง ฉุนที่โดนเพื่อนสาวเหน็บแนมด้วยเสียงน่ารัก

"ความรักจะสอนให้เราอดทนและก้าวผ่านปัญหาไปเอง" เธอกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม "อย่าถามนะว่าวิธีไหน เอาเป็นว่า สามแสนจะไม่หันหลังให้พี่ชาย ไม่ว่าใครจะคัดค้าน ทักท้วง ทัดทาน หรืออะไรก็ตามที่มันหมายความว่าอย่า"

"สามแสน"

"สามแสนรักพี่ชาย" สามแสนกล่าวต่อ รอยยิ้มนุ่มนวลบอกถึงความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนในจิตใจ "สามแสนบอกพ่อกับแม่อย่างนี้ บอกพี่หมออย่างนี้ บอกคุณตาคุณยาย ซึ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่ของพี่ชายอย่างนี้ กับพี่บุษบง คู่หมั้นของพี่ชาย สามแสนก็บอก"

"เราไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกคนห้ามปรามสามแสนไม่ได้"

"ทุกคนห้าม เพราะทุกคนถอดใจไปหมดแล้ว ไม่มีใครตั้งความหวังว่าพี่ชายจะยอมออกจากป่า ทุกคนจึงห้ามสามแสนด้วยเหตุผลนั้น"

นายขิงลอบทึ่งกับความมุ่งมั่นของเพื่อนสาว เขาหายแปลกใจแล้วว่า ทำไมสามแสนไม่ยอมชายตาแลหนุ่มหล่อเฟี้ยวคนไหนเลย

เธอเป็นคนสวย อุปนิสัยร่าเริง มองโลกในแง่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมมาก คุณสมบัติดีๆ เปรียบได้ดั่งทางผ่านของสายเสน่หาหลายเส้น มันผ่านเข้าไปตั้งเยอะแยะ แต่สามแสนก็ไม่เคยเลือกมันเลย

'เพราะความรักมั่นคงนั่นเอง' สามแสนก็เหมือนกับเขานั่นล่ะ เธอมีความรักที่มั่นคงต่อพี่ชาย เขาก็มีสิ่งนั้นมั่นคงต่อใบพลู

แต่มันก็แปลกอีก เพราะคนที่ตัวเองมั่นคงด้วย กลับเพิกเฉยและมองข้ามราวกับสิ่งนั้นมันไร้ค่า นายดุหันหลังให้สามแสนครั้งแล้วครั้งเล่า ใบพลูก็หมั่นกระด้างกระเดื่อง ขยันประกาศว่า 'ใบพลูรักอาดุคนเดียวเท่านั้น'

"อุ๊ย ฝนลงเม็ดแล้วล่ะ เราย้ายฟืนกันดีกว่านายเรก"

ภวังค์ไม่เชิงหม่นหมองเสียทีเดียวหายวับไปพร้อมกับเสียงเตือนใสๆ นายขิงหัวเราะเบาๆ เขาขำที่เห็นเพื่อนสาวหอบฟืนเต็มอก แต่มันก็หนักและทำให้เธอเดินปัดเป๋ไปบ้าง

"ไม่ต้องหรอกสามแสน เราทำเอง สามแสนไปช่วยต้มสมุนไพรในครัวเถอะ"

เขาตะโกนไล่หลัง รอยยิ้มขบขบสะดุดกับร่างสูงของนายดุ มันบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอบอุ่นประหลาดขึ้นในใจได้ยังไง กับเพียงแค่ได้เห็นว่า หนุ่มใหญ่หน้าขรึมช่วยย้ายฟืนไปหอบไว้เอง แล้วพยักพเยิดไล่สาวงามให้รีบเข้าไปหลบฝนในกระท่อม



ฟืนจำนวนมากถูกย้ายมาเก็บในห้องครัว หญิงสาวหัวเราะกับเสียงโครมๆ ของมัน นึกถึงคืนฝนตกเมื่อห้าปีก่อน พี่ชายขนฟืนขึ้นๆ ลงๆ ก่อเสียงระทึกให้ใจหายใจคว่ำ สุดท้ายก็ต้องยึดมือใหญ่อุ่นๆ ของเขาไว้เป็นเสาหลัก ไม่อย่างนั้นคงหลับไม่สนิท

สมุนไพรกลิ่นฉุนมากกำลังเดือดได้ที่อยู่ในหม้อดินใบใหญ่ อีกหม้อก็ใกล้จะเดือด ใบพลูกำลังง่วนอยู่กับมัน ทุกครั้งที่สามแสนชะโงกหน้าเข้าไปดูหรือสูดกลิ่น หล่อนมักจะเหลือบมาตวัดค้อนชิงชังเสมอ

"ทำอะไรไม่เป็นก็หลีกๆ ไปเสียให้พ้น อย่ามาเกะกะกีดขวางการทำงานของคนอื่น ผู้หญิงในเมืองก็อย่างนี้แหละ หยิบโหย่ง เก่งแต่เป็นคุณหนู กรีดนิ้วชี้จะเอาไอ้นั่น กระดิกจะเอาไอ้นี่ ทุเรศ"

"ใบพลู" นายขิงออกมาจากห้องครัว ได้ยินเข้าก็ร้องเอ็ด

"ทำไม ไม่จริงหรือ เชอะ"

สามแสนส่งยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม เธอยังไม่ทันได้ต่อปากต่อคำกับสาวสวยอย่างใบพลู เพราะพี่ชายสกัดได้จังหวะพอดี เสียงเคร่งตะโกนสั่งให้ยกกะละมังสองใบตามเข้าไปในห้องนอน นายขิงก็ถูกเรียกเหมือนกัน คนร้องสั่งยกหม้อน้ำร้อนนำหน้าไปก่อนแล้วหลายก้าว



ผู้กองพันยศนอนสลบเหมือดหน้าซีดเหมือนคนตาย ภภีมทำความสะอาดร่างกายให้เสียหมดจด คนเจ็บไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย แค่คลุมด้วยผ้าห่มผืนบาง ตอนนี้มันก็ชุ่มด้วยเลือดที่ซึมจากบาดแผลใหญ่

ท้ายทอยไม่ค่อยน่าวิตก เป็นแค่แผลแตกธรรมดา หนุ่มใหญ่จัดการพอกสมุนไพรให้เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่กระสุนที่ฝังเอวนี่ล่ะ

"ดูได้ใช่ไหมสามแสน" เขาถามขึ้น

"ค่ะ พี่ชาย" เธอตอบ แล้วมองเขาหยิบมีดไปลนไฟ

"คอยช่วยซับเลือด" เขาสั่งเสียงเคร่งแต่ลอยๆ  ตวัดตาแวบเดียว ก็เห็นหนุ่มสาวเหลือบมองกันเองอย่างลังเล จึงสำทับให้หายกังขา "ทั้งคู่นั่นแหละ"

จากนั้น การผ่ากระสุนสดๆ แบบไม่ต้องมากพิธีก็เริ่มต้นขึ้น ผู้กองพันยศโชคดีที่สลบใสลยาวนาน ไม่ต้องรับรู้และทรมานกับความเจ็บปวด

สามแสนหรี่ตาหวาดเสียว คลื่นไส้นิดๆ กับกลิ่นคาวเลือดที่ทะลักเยอะเกินเหตุ เธอไม่กล้าเผยอาการโจ่งแจ้ง เกรงว่าพี่ชายจะดุ แต่เขาเห็น แล้วก็ไม่ได้ดุอะไร นอกจากบอกว่า

"ทนไม่ไหวก็ไปอ้วกตรงหน้าต่างโน่น"

"สามแสนยังทนได้ค่ะ"

"อืม"

เขารับรู้ โดยไม่สนใจว่าสามแสนย้ายร่างมาช่วยซับเหงื่อซึ่งผุดเต็มหน้าผาก อยากจะบ่ายหน้าหนี แต่มันก็ไม่มีจังหวะ เพราะรู้สึกได้ว่าปลายมีดสัมผัสกับกระสุนในบาดแผลเข้าแล้ว

"หยิบผ้าไปแช่กับยาที่ต้มบนเตาซ้ายมือนะ ส่วนอีกหม้อบนเตาขวามือ บอกใบพลูให้กรองผ้าขาวใส่กระบอกไม้ไผ่ไว้สักสามสี่กระบอก ยาหม้อนั้นกินได้ตลอดเวลา ร้อนอุ่นเย็นก็กินได้หมด"

"ค่ะ แล้วผ้าที่แช่.. "

"ยกขึ้นมาบนนี้"

"เราไปช่วยนะ"

"ไม่ต้อง" ภภีมตัดน้ำใจนายขิงทันควัน "ขิงช่วยอาทำความสะอาดคนเจ็บ ให้ผู้หญิงทำคงไม่เหมาะ เด็กสาวๆ เห็นอะไรดีๆ เข้า ใจจะแตกเสียเปล่าๆ "

"แหม พี่ชาย" สามแสนทำหน้ามุ่ย แล้วเถียงน่ารัก "สามแสนไม่ใช่สาวใจเปราะขนาดนั้นน่า ในร่างกายของผู้ชายคนหนึ่ง มันจะมีอะไรดีๆ นักหนาเล่า"

"สั่งอะไรก็ไปทำ"

นายขิงอมยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหนุ่มใหญ่หน้าดุ ก่อนหน้านี้ก็แค่เฉียดไปเฉียดมา คุยกันแบบจ้องหน้าจ้องตาแบบนี้ ก็ไม่ค่อยจะมี แต่วันนี้กลับได้เห็นกรอบหน้าเข้มของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

ก็ต้องบอกตามประสาผู้ชายด้วยกันว่า นายดุหล่อคมคายนัก ตอนหนุ่มๆ น่าจะเฟี้ยวมากกว่านี้ หรือแม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ ลองให้มายืนประชันกันแบบจะจะ เขาเองก็น่าจะถูกลดระดับลงเป็นที่สองล่ะ

'ขนตาแพนั้นงอนและดกได้ใจจริงๆ ' นายขิงนึกอิจฉาขณะลอบสำรวจเงียบๆ เขาไม่ทราบหรอกว่าสามแสนเองก็เคยแอบพิศถึงขั้นชื่นตาฉ่ำปอดกันมาแล้ว

ห้าปีก่อนโน้น เธอโดนหนามตำเท้า พี่ชายต้องแบกขึ้นหลังพาไปไล่ไก่ป่า เธอไม่สนใจเลยว่า วันนั้นจะมีอาหารตกถึงท้องไหม นอกจากเร่งรีบกอบโกยกรอบหน้าของพี่ชายมาไว้เป็นความทรงจำ แล้วสิ่งที่ประทับใจให้คิดถึงบ่อยที่สุด ก็หนีไม่พ้นขนตางอนดำดกเป็นแพนี่ล่ะ

"หน้าเขาซีดมากเลยอาดุ จะตายไหมนี่" ภวังค์อิจฉาถูกเก็บ เพราะตอนพบว่าหน้าคนเจ็บไร้สีเลือดจนกลายเป็นขาวซีดน่ากลัว

"ก็ถ้าใจเสาะอ่อนแอ แค่ว่ากระสุนฝังเอวนัดเดียวกับท้ายทอยแตกนิดหน่อย ก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ"

"ทำไมพูดอย่างนั้นครับ" นายขิงอดแย้งอย่างไม่พอใจไม่ได้ "ร่ายกายของคนเรามันเหมือนกันที่ไหน เป็นตำรวจนะครับ ไม่ใช่คนเหล็ก จะนัดเดียวหรือหลายนัด แต่ถ้าขึ้นชื่อว่ากระสุน มันก็ทำให้ตายได้ทั้งนั้น อีกอย่าง ก่อนจะมาถึงที่นี่ เขาก็เสียเลือดมากอยู่"

"อืม"

"อาดุนี่พูดจาไม่เข้าหูเลย" หนุ่มรุ่นลูกต่อว่าตรงๆ "ผมไม่เข้าใจว่าพ่อชอบอาดุได้ยังไง หรือชาวบ้านก็เหมือนกัน ทำไมถึงอยากให้อาดุกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านกันนัก"

"ไม่แปลกหรอก คนคนหนึ่งจะให้ถูกใจคนทุกคนไปหมดทุกด้าน มันเป็นไม่ได้ ขิงอาจไม่ชอบที่อาพูดทื่อๆ ตรงๆ แต่ลุงแม้นกับชาวบ้านคงจะชอบ เพราะคิดไม่เหมือนขิง"

"หรือครับ"

หนุ่มหล่อประชด ตาขุ่นก็ชำเลืองไปยังกะละมังที่สามแสนยกกลับมาวางใกล้ๆ ไอร้อนจากยาต้มลอยเป็นริ้วบาง สีเข้มเกือบดำในนั้น เห็นแล้วน่าขนลุก

"ฮื่อ" ภภีมลอยเสียงกระด้าง หยิบผ้าที่แช่ขึ้นมาบิด มันก็ร้อนอยู่ แต่ก็พอทนได้ "ทุกคนคงจะมองว่า คนพูดทื่อๆ ตรงๆ มันน่าคบ เพราะใจไม่กลิ้งกลอก ผิดกับคนอีกประเภท ที่ดัดจริตพูดแต่คำหวาน แต่ใจรอจังหวะเชือดเฉือน"

"อาดุหมายถึงใครครับ" นายขิงถามอีก พลางช่วยยกร่างคนเจ็บตะแคงนิดๆ ยังทันเห็นหลังสามแสนย้อนกลับออกไปไวๆ

"ตัวอย่างทั่วๆ ไป ไม่เจาะจงใครหรอก" ภภีมก็ตอบทุกคำ พลางโปะผ้าแช่ยาลงบนแผล "ทั้งที่คนประเภทนั้น ก็มีอยู่จริง ภายนอกดูดี มีน้ำใจ มีเมตตา แต่ภายในกลับซ่อนจิตใจที่เหี้ยมโหด"

"อาดุหมายถึง.. "

"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เอาล่ะ เสร็จแล้ว ปล่อยคนเจ็บสลบต่อไป ขิงเก็บของพวกนี้ลงไปล้างข้างล่าง อาจะออกไปล่าไก่ป่าสักสองสามตัวนะ ถ้าอยู่คนเดียว ก็คงไม่เดือดร้อน ผักหญ้าแถวนี้ก็ต้มเกลือกินได้ แต่นี่แห่กันมา ไม่รู้จะมาทำพระแสงอะไรนักหนา"

'บ้าจริงเว้ย' นายขิงด่าฉุนๆ ในใจ สาดตาขุ่นตาขวางมองตามร่างคนพูดที่ลุกฉับออกไปแล้ว ไอ้เรื่องพูดจามะนาวไม่มีน้ำ ยังพอให้อภัยอยู่ล่ะ แต่ไอ้การแดกดันไร้ไมตรีนี่สิ ฟังแล้วเคืองจัง ใครที่ไหนอยากจะเข้ามาในดงโจรเล่า หากไม่ติดว่าเป็นห่วงสามแสน เขาไม่มาให้เหนื่อยหรอก

มันน่าสงสัยเหลือเกินว่า ที่เขาเห็นๆ อยู่นั้น คือตัวตนจริงๆ ของหนุ่มใหญ่ใช่หรือเปล่า คนอะไรก็ไม่ทราบ บทจะอบอุ่น ก็สัมผัสได้จนใจคับพอง บทจะเย็นชา ก็ห้วนกระด้างน่ากระทืบ สามแสนหลงรักมั่นคงเข้าไปได้ยังไง เธอนึกว่าตัวเองจะมีความสุขยั่งยืนกับผู้ชายเข้าใจยากคนนี้ ได้จริงๆ หรือ

นายขิงอาจจะทอนความคิดแรงร้อนในใจลง หากได้เห็นว่าในหัวใจร้าวแหลกของภภีม ปรากฏภาพของบิดามารดายืนสงบบนระเบียง แล้วมองลงมายังร่างเจ็บปวดทรมานของชุลียากลางสนามหญ้า ท่ามกลางสายฝนที่โถมลงอย่างคลุ้มคลั่ง

นี่คือบาดแผลฉกรรจ์ มันถูกจารด้วยความแค้น และลบเลือนให้จางหายไม่ได้ด้วยกาลเวลา ความตายคือยางลบชั้นดีที่ภภีมเฝ้ารอ แต่มันก็ไม่เคยมาเยือนให้ชื่นใจ

มีแต่คนอื่นนั่นล่ะ หมั่นมาปรากฏอาการปางตายให้เขาเยียวยาต่อชีวิต ชาวบ้านก็มี สัตว์ป่าบางตัวก็มี สามแสนเมื่อห้าปีก่อนโน้นก็มา วันนี้ ผู้กองพันยศก็โผล่สภาพร่อแร่ตัวซีดหน้าขาวมาอีก

ความเย็นชาแข็งกระด้างภายนอก ทำให้ดูเหมือนว่าภภีมหลุดพ้นจากความทรงจำคับแค้นได้แล้ว หากแต่ในความเป็นจริง เขาคือเชลยตลอดกาลในวังวนพิศวาสพยาบาท

หัวใจแตกสลายไม่เคยหยุดคร่ำครวญ ชุลียาคือเงาเสน่หาที่อยากโอบกอดตลอดเวลา และสามแสนก็คือนิยายรักฉบับใหม่ ที่เขาไม่เคยเต็มใจหันหลัง เพื่อให้มันได้พบกับ 'บทอวสาน'

และนี่ก็คือความเจ็บปวดที่ใครก็ไม่มีวันเข้าใจ ซึ่งภภีมก็ไม่ยี่หระ เพราะเขาไม่ได้สลัดเมืองเข้าป่าเพื่อหาใครสักคนมาเข้าใจ เขาต้องการแค่ปลักเดียวดายสักแห่ง ไว้สำหรับจมจ่อม และทิ้งขว้างลมหายใจไปวันๆ มันหมดวันไหน ก็คงได้ทักทายกับความตายที่ปรารถนาอย่างสมใจวันนั้น



หนุ่มใหญ่ใจสิ้นสูญเดินอ้อมมาด้านหลังกระท่อม ตั้งใจลุป่าโปร่งไปยังป่าไผ่ไม่ไกลมาก แถวนั้นกระต่ายเยอะ หากล่ามาได้สักตัว ก็น่าจะเป็นอาหารมื้ออร่อยสำหรับตัวเองและแขกจอมซนทั้งหลาย

แต่ภภีมก็ไม่เคยลืมว่า ห้าปีก่อน สามแสนวุ่นวายแค่ไหนกับการฝังกระต่าย แล้วยืนสำรวมหนึ่งนาที ส่งดวงวิญญาณของมันไปสู่สุคติ เขาจึงเลือกที่จะล่าไก่ป่ามาแทนเพื่อตัดปัญหา

ดวงตาขรึมหรี่ลง สองเท้าพลอยชะงักกึก ใบหน้าเย็นชาย้อมรอยยิ้มเอ็นดูอย่างเผลอตัว สามแสนคนเก่งของเขา โก่งคออาเจียนอยู่ตรงนั้น ตอนอยู่ในห้อง ยังปากเปราะว่าทนได้อยู่เลย

'อืม เธอกินยาหรือ' สมองผุดคำถาม แล้วพานระแวงไปว่าเธอป่วยไข้ ความอาทรห่วงใย มันผลักสองขาให้เดินเข้าหาอย่างลืมตัว และอย่างเร็วเสียด้วย

"เป็นอะไร แล้วนั่นยาอะไร"

ข้างในมันล้นหลั่งด้วยความรักความห่วง แต่ข้างนอกมันถูกฉาบด้วยความกระด้างจอมปลอม สามแสนเงยหน้าขึ้น คอแทบจะตั้งบ่ากับความสูงของพี่ชาย

"นี่พี่ชายสูงขึ้นหรือเปล่านี่ ห้าปีก่อน พี่ชายไม่สูงเท่านี้เลย" แทนที่จะตอบคำถาม เธอกลับย้อนถามในสิ่งที่สงสัย

"เป็นอะไร แล้วนั่นยาอะไร" เสียงเคร่งข้างนอกยังปักหลักคำถามเดิมมั่นคง หัวใจข้างในก็หวั่นไหวเข้าไป เต้นตึกตักให้โครมครามเข้าไว้

"สามแสนถามพี่ชายว่า พี่ชายสูง.. "

"สามแสน ฉันถามอะไรก็ตอบเถอะ"

"ปวดหัว"

"ทำไมปวดหัว"

"ไม่สบาย"

"ทำไมไม่สบาย"

"โดนฝน อ้อ โดนตบด้วย"

"อะไรนะ" แล้วร่างที่ยืนจังก้าก็ร่วงลงมาเลย "ใครตบ" คำถามนี้ มาพร้อมกับตาวับวาวดุร้ายเชียวล่ะ

"พี่ชายตบ"

สามแสนตอบ กระแสวาบหวามมันหลั่งไหลมาเอง ตั้งแต่ใบหน้าพี่ชายหย่อนลงมาให้ชื่นใจกันใกล้ๆ แสงตาก็พราวความห่วงใยจัง

"ตบลงมาที่หัวใจของสามแสน ด้วยการหันหลัง หันหลัง และหันหลัง สามแสนเจ็บมากเลย เจ็บจนไข้ขึ้น ดูสิ หน้าแดงมากเลยใช่ไหม"

"เด็กบ้าเอ๊ย"

สามแสนหัวเราะ ไม่โกรธที่โดนเขาจิ้มหน้าผากยันหยาบจนเกือบหงายหลัง เขาชอบทำอย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย เธอรีบจับมือใหญ่ รั้งร่างสูงที่ลุกฉับฉุนเฉียวไม่ให้ผละหนี ทางหนึ่งก็ใช้เหนี่ยวตัวเองให้ลุกมายืนประจันหน้า

"จะไปไหนคะ ควงหน้าไม้แบบนี้ ล่าไก่ป่าอีกใช่ไหม ให้สามแสนไปด้วยได้ไหม สามแสนสัญญาว่าจะไม่เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปเหยียบหนามอีก"

"ไม่ต้องหรอก" เขาบอกเสียงอ่อน แต่ก็ไม่ลืมสลัดมือใหญ่ออก "อยู่ดูแลคุณผู้กองของเธอทางนี้เถอะ ฉันไปไม่นาน"

"ไม่นานของพี่ชาย มันเชื่อไม่ค่อยจะได้เลย" สามแสนยอกย้อนเสียงกระเง้ากระงอด

"ใช่ ฉันเป็นคนอย่างนั้นล่ะ หลีก"

"สามแสนไปด้วยนะ สามแสนสัญญาแล้วไงว่า จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พี่ชาย สามแสนโตแล้วนะคะ ทางนี้ก็มีนายเรกกับใบพลูดูแลผู้กองอยู่แล้ว สามแสนไม่อยากให้ตัวเองเป็นก้างขวางคอคู่รักเขาจะจู๋จี๋กัน"

"ใครกับใคร"

"ก็นายเรกกับใบพลูไง นายเรกน่ะรักใบพลูจะตายไป พี่ชายไม่รู้ใช่ไหมล่ะ แต่สามแสนรู้ นายเรกก็รู้ คนอื่นก็รู้ ว่าใบพลูรักพี่ชาย จองพี่ชายไว้เป็นเจ้าบ่าว"

สาวน่ารักร้อง 'อ้าว' ในใจ คลี่ยิ้มขำๆ พี่ชายทนฟังความจริงไม่ได้อีกแล้ว เขาน่าสงสารมากเลย ที่ไม่ยอมดิ้นรนพาตัวเองออกไปจากบ่วงรัดของอดีต ชุลียาคือเงาว่างเปล่า แต่เขาก็ขยันวิ่งไล่ จะตามจับกลับมาครองให้ได้

ในขณะที่ความรักสดใสของใบพลู ความรักมั่นคงของเธอ ความคิดถึงอย่างสำนึกผิดของบิดามารดา ความคะนึงหาแกมเฝ้าหวังของบุษบง ความระลึกถึงแกมห่วงใยของคุณหมอแสวงบุญ มันคือความจริง แต่เขากลับหันหลังหนีครั้งแล้วครั้งเล่า

"สามแสน หยุด หยุดเลย หยุด" เสียงเคร่งกำราบหมด ทั้งตัวสามแสนและภวังค์ข้างใน ตาหรี่ดุสะกดฝีเท้าดื้อรั้น "กลับกระท่อมไป" เขาไล่ห้วนๆ

"ไม่กลับ" เธอดื้อรั้น แต่รอยยิ้มอ้อนก็น่ารัก "ถ้าพี่ชายห้ามความตั้งใจของสามแสนได้จริง เราก็ไม่มายืนจีบดุๆ กันตรงนี้หรอก จริงไหมคะ"

"หยุดตรงนั้น อย่าเดินมาอีก"

ภภีมใจสั่น กระแสปรารถนามันพลุ่งแรงกล้า กายเขาร้อนไปหมด ทำไมสามแสนไม่ยอมเข้าใจความลำบากใจระคนขมขื่นของเขาเสียที

ทำไมไม่รีบกลับบ้าน แล้วทิ้งเขาไว้เป็นความหลัง คิดถึงเป็นครั้งเป็นคราวก็พอแล้ว ไม่ต้องดั้นด้นเข้ามาก่อความปั่นป่วนให้ละอองเสนห่าของเขามันฟุ้งกระจายอย่างนี้

"แล้วเมื่อกี้นี้ ว่าอะไร จีบอะไร พูดให้มันดีๆ นะสามแสน ฉันไม่คิดพิเรนทร์แบบนั้นกับเธอหรอกนะ"

แม้ใจจะสั่นวาบหวาม แต่ก็ไม่ถึงกับลืมท้ายประโยคร้อนแรงของสาวงาม เขาไม่อยากแก้ตัว แต่หารู้ไม่ว่า น้ำเสียงที่มันรวนๆ กลับทำให้สามแสนรู้สึกอย่างนั้นล่ะ

"แล้วคิดกับใครคะ"

"ไม่มี"

สาวมั่นคงในความรัก ระบายยิ้มกว้าง คำตอบฉะฉานทันควัน มันฟังแล้วชุ่มชื่นใจดีแท้ ก็รู้นั่นละว่า ในหัวใจแหลกร้าวดวงนั้น ถูกประคับประคองไว้ด้วยเงาของชุลียา

สามแสนไม่ต้องการขับไล่เงาเดิมออกไป แต่ขอมีส่วนร่วมประคับประคองใจดวงเดียวกัน ไว้ด้วยความรักของตัวเองบ้าง เชื่อว่าชุลียาต้องเข้าใจ และเปิดทางให้แบบฉลุย เหลือก็แต่เขานี่ล่ะ ดื้อดึง ดันทุรัง ขยันก่อกำแพงขังตัวสูงท่วมหัว บากบั่นเสี้ยมความแค้นให้แหลมคมอยู่เสมอ

หว่านล้อมให้เขาหยุดสิ่งที่คิดที่ทำคงไม่ได้ เธอจึงต้องทำเอง ทำทุกอย่างเพื่อทลายกำแพงผืนนั้น แล้วส่งความรักจากใจเธอ ข้ามไปพักพิงในใจเขา ทำได้สำเร็จวันไหน ก็จะปาดความแค้นยาวนานของเขาให้บิ่นทื่อไม่เหลือเสี้ยน

"เราอย่ามามัวเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยค่ะ เดี๋ยวฝนตกอีกนะ ฟ้ายังมืดๆ อยู่เลย รีบไปกันดีกว่า"

"เมื่อกี้นี้บ่นปวดหัว กลับกระท่อมไปพักผ่อนเถอะสามแสน ฉันไม่อยาก.. "

"สามแสนปวดหัวเฉยๆ ค่ะ กินยาแล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว และถ้าได้ไปไล่ไก่ป่า.. "

"ล่า" ภภีมว่าจะไม่ขัดแล้วเชียว แต่อดไม่ได้

"ค่ะ ล่าไก่ป่า" สามแสนรีบแก้ตัวขำๆ กลั้วหัวเราะสดใส "พอได้เหงื่อ อาการปวดหัวก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ไปกันเถอะค่ะ สามแสนสัญญาว่าจะเดินตามหลังไปเงียบๆ จะไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าพี่ชายไม่อนุญาต"

"ถ้าทำได้อย่างนั้นจริง มันก็คงไม่ใช่เธอหรอก"

สาวงามเลิกคิ้ว เม้มปากยิ้ม ไม่นึกว่าจะโดนประชด เสียงเขาตึงแต่น่ารักดี ความอบอุ่นจากข้างใน คล้ายจะแผ่รังสีนุ่มออกมาทางกิริยาปรายตารำคาญ แล้วสุดท้าย เขาก็สาวเท้านำหน้า นี่ล่ะ พี่ชายของสามแสน พี่ชายหน้าดุ ปากร้าย แต่หัวใจข้างใน 'ดีมาก' สำหรับสามแสนคนนี้

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 54 10:40:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com