Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว Sci-Fi ตอนที่ 2 ติดต่อทีมงาน

ใต้ดินลึกลงไปในตำแหน่งอันเคยเป็นที่ตั้งของวอชิงตัน ดีซี แห่งอดีตสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายมาเป็นสถานที่ตั้งของ 'สภานวโลกา' หนึ่งในอำนาจสูงสุดของยุคปัจจุบัน มันคือหมู่อาคารใต้ดินอันเป็นสถานที่ทำงานของผู้คนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่มาของความสงบสุข เรียบร้อยของโลกในทุกวันนี้

ไอมานเด้ รอนโนวิช หรือ ไอรอน เจ้าของสมญา หญิงเหล็ก ซึ่งยึดครองตำแหน่ง 'ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์' มาอย่างยาวนานถึงสามสิบปี กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตน และจ้องเข้าไปในจอภาพที่ถูกปรับให้ตรงกับระดับสายตา ในระยะห่างที่พอเหมาะ

ปีนี้เธออายุได้ห้าสิบเก้าปีแล้ว เธอเป็นคนที่มีรูปร่างท้วมแต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ผมที่ตัดสั้นของเธอขาวโพลนจนมองดูเหมือนกับสีเงิน ใบหน้ามีรอยยับย่นเพราะไม่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมตกแต่งแต่อย่างใด เธอต้องการจะปล่อยให้ทุกอย่างในร่างกายนี้เป็นไปตามธรรมชาติ ยกเว้นเพียงหัวเข่าข้างซ้ายที่ถูกเปลี่ยนเป็นของเทียมไปเมื่อสี่ปีก่อน เพราะอาการปวดของมันส่งผลกระทบถึงการทำงาน

สำนักวิทยาศาสตร์เริ่มต้นขึ้นจากการเป็นหน่วยงานเล็กๆ มีหน้าที่ออกขุดค้นไปตามเศษซากของโลกเก่าซึ่งถูกทำลายล้างลงจนเกือบหมดสิ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สาม ในช่วงเวลานั้นเหล่ามนุษย์ที่รอดมาได้ ต่างต้องดิ้นรนเพื่อหาทางมีชีวิตต่อไปอย่างยากลำบาก มันเป็นช่วงเวลาที่ถูกเรียกขานว่า 'ยุคมืดที่สุด'

เทคโนโลยีที่สูญหายไปค่อยๆ ถูกกู้คืนมาได้ทีละน้อยๆ และภายใต้การนำของไอรอน พวกเขาก็ได้ทำการค้นพบครั้งสำคัญที่เรียกกันในภายหลังว่าเป็น 'การฟื้นฟูโลก' และสำนักงานแห่งนี้ก็กลายเป็นกำลังหลักที่ผลักดันให้สภานวโลกาได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้ที่เหลือรอด และกลายเป็นหน่วยงานที่ทรงอำนาจอย่างทุกวันนี้

เธอกำลังพูดคุยอยู่กับใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะอยู่ห่างไกลออกไปอีกซีกโลก ในด้านหนึ่งเขาอาจเป็นผู้ที่มีอำนาจไม่เป็นรองเธอเลยแม้แต่น้อย ศาสนจักรแห่งศาสนาจักรวาล คืออีกขั้วของอำนาจสูงสุดบนโลกใบนี้ มันเป็นศาสนาที่ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความสิ้นหวังในช่วงยุคมืดที่สุด อันเป็นการรวมตัวของศาสนาทั้งหมดเท่าที่เคยมีมา และกลายสภาพเป็นบางสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน

มันได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนโดยไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าคุณจะเคยนับถือศาสนาใด หรือเป็นคนเชื้อชาติไหน ทั้งหมดต่างเป็นหนึ่งเดียวกันได้ภายใต้จักรวาลอันไพศาล ไม่มีพระเจ้า ไม่มีเทพ ไม่มีเทวดา ไม่มีศาสดา มีเพียงธรรมชาติ และจักรวาลเพียงหนึ่งเดียวนี้เท่านั้น

“...ท่านจะไม่ยอมให้ดิฉันได้เห็นหน้า ในขณะที่เรากำลังพูดคุยกันหน่อยหรือคะ”

บนหน้าจอที่เธอกำลังมองดูอยู่ มีเพียงภาพจุดสีขาวจำนวนมากที่กำลังลอยวนเป็นวงโค้งอยู่ภายในวงกลมสีดำ ภาพที่ทุกคนคุ้นตา จุดสีขาวแทนดวงดาวที่กำลังหมุนวนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในวงกลมสีดำอันเป็นตัวแทนของจักรวาล สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของศาสนจักร

ถ้าหากเป็นภาพนิ่งก็จะเป็นวงกลมสีดำที่มีจุดสีขาวจำนวนมากเรียงเป็นรูปวงรีอยู่ภายใน ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกันนั่นเอง

“คุณก็รู้ว่ามันเป็นกฏ เราไม่อาจเปิดเผยใบหน้าให้ใครพบเห็นได้...และเราคิดว่ามันก็ไม่แตกต่างอะไรกับใบหน้าปลอมๆ ที่คอยขยับปากตามที่คุณพูดอย่างไร้อารมณ์ ซึ่งเรากำลังคุยอยู่ด้วยนี้เลยแม้แต่น้อย”

ไอรอนแบะปาก และรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่เห็นการกระทำนี้ของเธอ เขาเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ใบหน้าจำลองถูกนำมาใช้ในการเจรจาทางไกลเช่นนี้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามพบเห็นอาการผิดปกติบนใบหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้

เธอแทบจะไม่เคยใช้มันเลย แต่เนื่องจากทางศาสนจักรได้ส่งภาพจุดที่เต้นไปมาเหล่านี้มาแทนใบหน้าของ อวตาร หัวหน้านักบวชฝ่ายกิจการภายนอก เธอจึงส่งภาพของใบหน้าจำลองไปให้เขาดูเช่นกัน

ภายในศาสนจักรนั้นมีตำแหน่งที่สำคัญอยู่เพียงสามตำแหน่งเท่านั้น คือ 'จักรวาลตาร' ซึ่งใช้เรียกผู้นำสูงสุด กับหัวหน้านักบวชฝ่ายกิจการภายใน และหัวหน้านักบวชฝ่ายกิจการภายนอก ซึ่งจริงๆ แล้วอาจบอกได้ว่า มีเพียงสองตำแหน่งหลังเท่านั้นที่มีอำนาจอย่างแท้จริง

จักรวาลตารแม้จะถูกกำหนดให้เป็นตำแหน่งของผู้นำสูงสุด แต่ก็เป็นไปในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น หากเป็นเรื่องภายในศาสนจักรเอง อำนาจในการสั่งงานทั้งหมดจะตกอยู่กับฝ่ายกิจการภายใน นอกเหนือจากนั้นแล้วก็จะเป็นของฝ่ายกิจการภายนอก อย่างเช่นการติดต่อกับผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์แห่งสภานวโลกาในวันนี้

เธอตัดสินใจยกเลิกการใช้ใบหน้าจำลอง และปล่อยให้เขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ ซึ่งความจริงแล้วก็แทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย เพราะใบหน้าจำลองของเธอก็ไม่ได้ผ่านการตบแต่งให้ดูสวยงามขึ้นเลยแม้แต่น้อย และใบหน้าจริงของเธอในตอนนี้มันก็เย็นชาเรียบเฉยแบบเดียวกัน

“อา...ขอบคุณมาก ที่ให้เกียรติ แต่เราคงไม่อาจให้คุณเห็นหน้าได้อยู่ดี”

เธอยักไหล่อย่างไม่แยแส

“เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ”

“เราเข้าใจว่ายังคงเป็นเรื่องเดิมใช่หรือไม่”

“ถูกต้องแล้วค่ะ เรื่องของท่านศาสตราจารย์  จันทร์ ดุริยดารา ที่เราเคยคุยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง”

“เราคิดว่ามันจบไปแล้ว ทางสภาเองก็ประกาศยอมรับเอกสารทั้งหมดอย่างเป็นทางการแล้วไม่ใช่หรือ”

ใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ คล้ายมีอาการกระตุกเล็กน้อย

“...ใช่ค่ะ ทางสภาพึ่งออกประกาศเมื่อสักครู่นี้เอง ว่าเอกสารที่ศาสตราจารย์มอบร่างกายให้ทางศาสนจักรเผาทำลายนั้น เป็นเอกสารที่ถูกต้องสมบูรณ์ทุกประการ...”

เธอย้อนนึกถึงคำพูดของตัวเองในที่ประชุมซึ่งพึ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ 'ถึงมันจะเป็นเอกสารของจริงทั้งหมด แต่เราก็ต้องยับยั้งเรื่องนี้เอาไว้ก่อน' น่าเสียดายที่เธอไม่อาจเปิดเผยข้อมูลลับของทางสำนักงาน จึงไม่อาจโน้มน้าวท่านประธาน และคนอื่นๆ ในที่ประชุมให้คล้อยตามได้

แต่อาจจะไม่ได้มีเพียงแค่นั้น สาเหตุที่ทุกคนในที่ประชุมพากันต่อต้านเธอ อาจเป็นเพราะพวกเขาต้องการท้าทายอำนาจที่มีมาอย่างยาวนานของเธอก็เป็นได้ ถึงแม้เธอจะสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาเป็นอย่างมาก แต่การมีตัวตนอยู่ของเธอก็สร้างความไม่สบายใจให้กับใครอีกหลายคน ซึ่งเรื่องนั้นเธอเองก็รู้ และรู้มานานแล้ว

เนื่องจากเอกสารหลักฐานที่ทางศาสนจักรส่งมานั้น มีความถูกต้องน่าเชื่อถือ ทุกคนจึงรวมหัวพากันไม่สนใจในข้อเรียกร้องของเธอในครั้งนี้ สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาการประกาศออกไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

“...ซึ่งทางศาสนจักรของท่านก็ได้ทำการชาปณกิจร่างของท่านศาสตราจารย์ไปแล้ว ก่อนที่จะมีการประกาศรับรองออกมาเสียอีก”

มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากทางฝั่งคู่สนทนาให้เธอได้ยิน

“ขออภัยด้วย เราไม่ได้ตั้งใจ...ก็ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าเอกสารทั้งหมดนั้นถูกต้อง และทายาทเพียงคนเดียวของอาจารย์ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอให้เนิ่นช้าออกไปอีก เพราะในเอกสารก็มีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าให้จัดการทุกอย่างโดยเร็วที่สุด”

“ดิฉันจะถือว่าเรื่องนั้นจบไปแล้ว”

“...คุณกำลังทำให้ผมงง”

เธอยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ก่อนขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง โดยใช้ข้อศอกทั้งสองข้างท้าวไปบนโต๊ะ พร้อมกับยื่นตัวไปข้างหน้าในลักษณะของการคุกคาม จอภาพก็ปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เหมาะสมตามไปด้วย แต่การมองดูจุดสีขาวที่ลอยวนเวียนไปมาในวงกลมสีดำ ทำให้ไม่รู้ว่าจะกดดันเขาได้หรือไม่

“ดูเหมือนว่าทางศาสนจักรจะได้กระทำการบางอย่างที่เกินกว่าคำสั่งเสียของท่านศาสตราจารย์ที่ระบุเอาไว้ในเอกสารใช่ไหมคะ”

คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปครู่หนึ่ง

“...ใช่”

รอยยิ้มของเธอขยับกว้างขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง

“ตามสัญญาพิเศษที่ทางศาสตราจารย์ จันทร์ ดุริยดารา ทำเพิ่มเติมไว้กับสำนักวิทยาศาสตร์ มีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ผลงานทุกอย่างที่เกิดขึ้น
จากตัวท่าน ในระหว่างที่สัญญาฉบับนี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทางสำนักงานทั้งสิ้น”

“...คุณคงไม่ได้หมายความว่า...”

“ดิฉันหมายความอย่างนั้นแหละค่ะ เพชรที่ได้มาจากร่างของท่านศาสตราจารย์ก็ถือเป็นผลงานอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้นดิฉันจึงต้องการให้ท่านส่งมอบเพชรเม็ดนั้นให้กับทางสำนักงานในทันที”

เสียงทางปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง

“ตอนนี้กระบวนการสร้างเพชรคงยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าเรียบร้อยเมื่อไรทางเราจะรีบจัดส่งไปให้...”

รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าของเธอสลายหายไปทันที เธอรู้จักน้ำเสียงแบบนั้นดี เธอไม่ควรเดินเกมแบบหวังให้โชคช่วยเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเธออายุมากกว่าแต่ก่อน อาจบางทีเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นในสภาอาจรบกวนจิตใจมากกว่าที่คิด แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เธอก็ได้ก้าวพลาดครั้งใหญ่ไปเสียแล้ว

“...เราก็อยากจะตอบแบบนั้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ในสัญญาดังกล่าวคงไม่ได้ระบุเอาไว้ด้วยว่า ให้มีผลต่อไปแม้ผู้ทำสัญญาได้เสียชีวิตไปแล้วก็ตามด้วยหรอกนะ”

“และอีกอย่างหนึ่ง เพชรที่ได้จากเถ้ากระดูกของอาจารย์ก็ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิของทางศาสนจักรแต่อย่างใด แต่เป็นของทายาท ลูกชายเพียงคนเดียวที่มีชื่อว่า ประพันธ์ ดุริยดารา...ถ้าหากคุณต้องการมันมากขนาดนั้น เราว่าลองติดต่อเด็กหนุ่มคนนี้เองจะดีกว่า”

ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ไอรอนจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของเธอในครั้งนี้

“ดิฉันคงขอรบกวนท่านเพียงเท่านี้ค่ะ”

“สวัสดี ขอจักรวาลจงคุ้มครองคุณ”

“สวัสดีค่ะท่าน”

ภาพสัญลักษณ์เลือนหายไป ในขณะที่หน้าจอเคลื่อนขึ้นไปซ่อนอยู่บนเพดาน เธอนั่งค้างอยู่ในท่าเดิมอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเอนร่างพิงพนักเก้าอี้ตัวเก่าหนานุ่มที่คุ้นเคยมาหลายสิบปี พร้อมกับใช้นิ้วมือขวาบีบนวดที่ขมับทั้งสองข้าง 'หรือฉันจะแก่เกินไปแล้ว'

“...ทรีด”

“คะท่าน”

เสียงเลขาของเธอที่มีชื่อเรียกว่าทรีดดังขึ้นภายในห้อง แต่เจ้าของเสียงนั้นยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่หน้าห้องโดยไม่ได้ขยับไปไหน การพูดคุยในครั้งมีเพียงเสียงโดยไม่มีภาพ แต่ทั้งคู่ก็ทำท่าเหมือนกับกำลังนั่งคุยกันอยู่ต่อหน้า

“ตอนนี้สถานการณ์ของเราเป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังปกติดีอยู่ค่ะท่าน”

เธอรู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย 'ยังพอมีเวลา อาจจะแก้ไขทุกอย่างได้ทัน' นอกจากปัญหาเฉพาะหน้าที่ดูเหมือนจะยังไม่ลุกลามออกไป เธอก็ยังมีปัญหาใหญ่อีกข้อหนึ่งที่ต้องการคำตอบ แต่ผู้ที่สามารถจะให้คำตอบกับเธอได้ก็ไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว 'เกิดอะไรขึ้นบนนั้นกันแน่ ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ด้วย'

ตราบใดที่ยังไม่ได้คำตอบในเรื่องนี้ เธอก็ยังไม่อาจวางใจได้

“...เรื่องของเด็กคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

“ทริกไปถึงโรงเรียนอพอลโลเรียบร้อยแล้วค่ะท่าน”

ทุกความคิดที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอกระโดดหนีหายไปในทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น

“เธอว่าอะไรนะ”

“...ทริกไปถึงโรงเรียนของเด็กคนนั้นเรียบร้อยแล้วค่ะท่าน”

“ใครให้เธอส่งทริกไป”

“...ก็ท่านบอกว่าทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าจะได้เพชรกลับคืนมา ถ้าอย่างนั้นทริกก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับงานนี้ที่สุดค่ะ”

เธอยกมือขึ้นบีบนวดขมับของตัวเองอีกครั้ง ทริกที่กำลังพูดถึงกันอยู่นี้คือเจ้าหน้าที่พิเศษฝีมือดีคนหนึ่งของทางสำนักวิทยาศาสตร์ งานที่เธอได้รับมอบหมายแทบไม่เคยผิดพลาด เพียงแต่เธอคนนี้มีข้อเสียที่ร้ายแรงอยู่ประการหนึ่ง

“...จะให้แจ้งยกเลิกปฏิบัติการไหมคะท่าน”

ไอรอนเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“ไม่ต้อง...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเอาเพชรเม็ดนั้นกลับมาให้ได้”

“ค่ะท่าน”

#####

ชายหนุ่มผิวคล้ำ ที่มีผมดำสนิท ตัดกับชุดรัดรูปสีขาวสะอาดตาที่สวมใส่อยู่ ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปยังมุมห้องที่มีกรงเล็กๆ แขวนห้อยอยู่ ภายในนั้นมีนกพิราบสีขาวตัวหนึ่งเกาะคอนอยู่อย่างเหงาหงอย

นกเป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบจะไม่สามารถรอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สามได้เลย เพราะที่อยู่ที่อาศัยของพวกมันคือท้องฟ้ากว้างที่ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยฝุ่นกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตราย

พิราบขาวตัวนี้มีคนไปพบเข้าโดยบังเอิญ จึงนำมามอบให้กับทางศาสนจักร ถึงแม้สภาพภายนอกของมันจะดูเหมือนเป็นปกติดี แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น เพราะความจริงแล้วมันกำลังนับถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไป และเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลอีกครั้ง

“ไม่สมกับเป็นเธอเลย”

เขารำพึงกับตัวเองเบาๆ ในขณะที่ยื่นนิ้วเข้าไปในกรงนกอย่างลืมตัว ถึงแม้จะพึ่งรับมือกับไอรอนมาเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหญิงเหล็กผู้นี้ และไม่แปลกใจเลยที่เธอยังคงอยู่ในตำแหน่งสำคัญได้ในทุกวันนี้ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะลนลานจนพลาดท่าอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะวิธีการสุดท้ายที่ดูไม่คล้ายกับตัวเธอเลยสักนิด

เขาปลดกรงนกลงมาแล้วหิ้วมันเดินออกไป 'เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังซ่อนอยู่ และฉันคงไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปได้' เขายกกรงขึ้นแล้วพูดคุยเบาๆ กับพิราบขาว

“ไปเถอะ เจ้าจะได้โบยบินเป็นครั้งสุดท้าย วิญญาณอิสระเช่นเจ้าไม่สมควรจะมาถูกกักขังเอาไว้ในกรงเล็กๆ แบบนี้”

ไม่น่าเชื่อว่าอวตารที่เป็นถึงหัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอก ผู้ทรงอำนาจแห่งศาสนจักร จะเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่เกินยี่สิบปีคนหนึ่งเท่านั้นเอง

#####

หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดสั้น พร้อมเรือนร่างอวบอัดที่ซุกซ่อนกล้ามเนื้อแข็งแรงเอาไว้ภายใต้ชุดปฏิบัติการสีดำสนิทอันเป็นเอกลักษณ์ของสำนักวิทยาศาสตร์ ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าสู่โรงเรียนอพอลโลอย่างไม่มีปัญหา ตามปกติแล้วแม้จะไม่มีเอกสารอย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่พิเศษเหล่านี้ก็มักจะได้รับความเกรงใจอยู่เสมอ ถ้าหากคำขอเหล่านั้นไม่มากจนเกินไป

จุดที่เธอใช้จอดรถ และเดินทางเข้าสู่อพอลโลนั้นเป็นเส้นทางสายหลักของโรงเรียนที่มีขนาดพอๆ กับเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เมื่อลงลิฟท์ความเร็วสูงจากทางเข้าแคบๆ ที่พื้นผิวโลก ผ่านระดับป้องกัน ก็จะเข้าสู่ระดับของการอยู่อาศัยซึ่งอยู่ลึกลงไป อันเป็นการช่วยลดผลกระทบที่จะได้รับจากฝุ่นกัมมันตภาพรังสีนั่นเอง

เธอขยับแว่นตาดำที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบอย่างลืมตัว ไม่ว่าจะเป็นภารกิจเล็กหรือใหญ่ เธอก็จะรู้สึกตื่นเต้นก่อนการปฏิบัติงานอยู่เสมอ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอมีชีวิตชีวาทุกครั้ง ซึ่งผิดกับการเข้ารับฟังการบรรยายสรุปหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ที่จะเต็มไปด้วยคำตำหนิติเตียนที่ทำให้เธอหดหู่

เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ

“ภารกิจในครั้งนี้คือ การติดต่อกับ ประพันธ์ ดุริยดารา หรือชื่อเรียก คีย์ ให้ยอมส่งมอบเพชรที่สร้างขึ้นจากเถ้ากระดูกของ จันทร์ ดุริยดารา ให้ทางสำนักงาน...”

ทริกยิ้มให้ตัวเอง เธอชอบงานแบบนี้จริงๆ ให้ตายสิ

“...โดยไม่จำกัดวิธีที่ใช้”

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 54 12:38:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com