เทย์เริ่มร่ายคาถาแล้ว ทำให้เอลาซซึ่งยืนอยู่อีกด้านของวงรู้สึกพิลึกมาก เขาไม่เคยคาดหวังว่าตนจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์ราวอัญเชิญปีศาจเช่นนี้ แต่เมื่อนึกอีกที เขาก็ไม่ใช่ผู้กล้าในนิทาน เป็นแค่คนธรรมดา เทย์เองก็ไม่ใช่จอมมาร พวกเขาเพียงพยายามสู้กับบางสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะสู้ไหวหรือไม่ พยายามปกป้องบางสิ่งที่เห็นว่าสำคัญ
"กลับมาภายในสามวัน" เทย์บอกอีกฝ่าย หลังจากนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเหงื่อกาฬของเขาไหล แสงจากวงสัญลักษณ์ยิ่งเรืองแรงขึ้น แรงจนรู้สึกได้ สิ่งสุดท้ายที่เอลาซเห็นคือใบหน้าเจ็บปวดของเทย์
และหลังจากนั้น ทั้งหมดก็วูบไป
..................................................................................................................................................................
โซลโทถูกนำมาส่งที่ฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน ไม่เห็นอะไรสักอย่างนอกจากหมอกที่ลงจนหนา ดูเหมือนท่านลุงที่แจวเรือจะสงสารเขาอยู่บ้าง จึงส่งอะไรถุงหนึ่งไม่ทราบมาให้ ยามเปิดออกดูก็เห็นว่าข้างในมีบางอย่างที่คล้ายขนม...ก้อนหยุ่น ๆ ขาว ๆ คล้ายขนมที่ทำจากข้าวเจ้า ตอนแรกโซลโทตกใจ เขาไม่กล้ากินอาหารในโลกของคนตายเพราะทราบว่ากินแล้วอาจจะไม่ได้กลับไป
"นั่นไม่ใช่อาหารในโลกนี้" ท่านลุงบอก "มาจากข้างบน นั่นคือของที่นายทะเบียนพยายามจะให้เจ้ากินเข้าไป...มันเป็นสิ่งที่ทำให้สงบใจลงได้เมื่ออยู่ในแดนคนตาย"
"มันคืออะไรหรือขอรับ" เจ้าของร้านเอชานยังคงไม่แน่ใจ
"อะไรที่เจ้าทำไว้บนโลก ตัวเจ้าเองก็จะได้แบบนั้น"
ยามท่านลุงถือพายมองมา โซลโทก็งงจนไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เขามองถุงนิดหนึ่ง คิดว่าเมื่อท่านลุงบอกว่ากินแล้วจะสงบใจ ก็ควรลองกินดูกระมัง ถ้าหากสงบลงได้อาจรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป พอนึกอย่างนั้นแล้วจึงหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปากตน
แต่พอกินเข้าไปก็รู้สึกแปลกจริง ๆ
เขาเพิ่งรู้ตัวว่าหิว มันไม่เหมือนหิวข้าว แต่มีความหิวอยู่แน่ ๆ ยามกินขนมเข้าไปจึงค่อยรู้สึกได้ว่าตนดีขึ้น ความรู้สึกกลัว ไม่สบายใจ ความเครียด ความไม่แน่ใจ ทั้งหมดทั้งปวงดูเหมือนจะเบาบางลง แปลกยิ่งนัก ทั้งที่ไม่รู้สึกอะไรที่ลิ้น บรรยายไม่ถูกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติเค็มหรือหวานกันแน่
"เป็นอย่างไร" คนแจวเรือถาม เห็นอีกฝ่ายเคี้ยวอยู่เต็มปากก็เดาได้อยู่แล้วว่ามันคงหิวแทบตาย
"ไม่รู้เหมือนกันขอรับ" เจ้าของร้านเอชานตอบอู้อี้
"ตอนยังอยู่โลกโน้น เจ้าเป็นคนมีน้ำใจ หรือไม่ใช่" อีกฝ่ายถามเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา "ถ้าหากเป็นคนมีน้ำใจ เมื่อมาถึงที่นี่ก็จะได้รับน้ำใจ อะไรที่เจ้าทำให้คนอื่น ก็จะได้ตอบแทน"
โซลโทที่ยังมีขนมคาปากทำตาปริบ ๆ
"เจ้าเป็นคนมีน้ำใจ ผู้ใดมีความกังวล มีความทุกข์ เจ้าเคยช่วยเหลือไว้" ท่านลุงวางคางบนปลายด้ามพาย "นั่นเป็นของอย่างเดียวกัน เพียงแปรรูปให้เหมือนอาหารเท่านั้น คนที่มาถึงนี่ต้องกลัวทุกคน จึงต้องทำให้จำได้ แม้ว่าส่วนใหญ่ในไม่ช้าก็ต้องลืม เพื่อจะได้ไปเกิดใหม่ แต่เมื่อสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทำ และผู้คนบนโลกนั้นได้ แม้จะรู้สึกอาลัย แต่จิตใจก็จะสงบลง"
โซลโทก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี แต่เขารู้สึกได้ว่าตนสงบลงจริง ๆ คล้ายระลึกได้ว่าตนอาจไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวดังที่เคยคิดไว้ อย่างน้อยเขาก็เชื่อมโยงกับคนอื่นได้ มีความทรงจำ มีสิ่งต่าง ๆ ที่เคยเรียนรู้จากคนอื่นมากมาย
"ข้าจะกลับไปให้ได้ขอรับ" ชายหนุ่มบอกคนแจวเรือ "ขอบคุณท่านลุง"
คนแจวเรือโบกมือ ยันพายกับฝั่งผลักออกไป ไม่ช้าก็สูญหายในหมอกไม่เหลือร่องรอย
...
เมื่อก้าวพ้นสายหมอกแล้ว โซลโทก็ออกจะงุนงง
เขาพบว่าตนอยู่บริเวณชานเมืองแห่งหนึ่ง เบื้องหน้ามีร้านมังกรอยู่หนึ่งร้าน...น่าจะเป็นร้านมังกร ไม่น่าเป็นอย่างอื่นได้ เพราะลักษณะหลายอย่างคล้ายกับร้านเอชาน แต่ว่าไปก็แตกต่างหลายอย่างด้วย เช่นตัวร้านใหญ่กว่าประมาณสองถึงสามเท่า สร้างโอ่อ่าภูมิฐานกว่า และด้านล่างตรงส่วนทำงานน่าจะจัดเป็นทางการกว่า ส่วนลานมังกรด้านหลังกะเอาด้วยสายตาน่าจะกว้างเกือบเท่าลานของร้านเฮเบล มีอาคารอื่น ๆ อีกเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร นอกจากนั้นมังกรที่เข้าออกร้านก็ไม่ใช่มังกรที่เขารู้จัก แม้มองหาจนทั่วแล้วกลับไม่พบหมารัฟ โมรา หรือพ่อเฒ่าเลย
ยามเดินเข้าใกล้ก็มีคนทักทายเช่นกัน แต่คนเหล่านั้นทั้งชายหญิงไม่ใช่คนที่เขารู้จัก โซลโทงงจนกระทั่งมีคนเรียกเขาเป็นเจ้าของร้าน ทำให้ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก ถึงอย่างนั้นพอนึกได้ว่านี่คงเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ ชายหนุ่มจึงทำใจกล้าเดินเข้าไป คนอื่นเปิดทางให้เขาโดยง่าย เข้าไปถึงส่วนทำงานก็พบว่าที่ทางเรียบร้อยคล้าย ๆ ร้านเฮเบล ยามเดินลึกเข้าด้านในยังพบส่วนที่กั้นห้องไว้เป็นพิเศษ คล้ายกับที่เขาเห็นห้องของท่านทาร์น ว่าไปแล้ว ที่หน้าห้องก็ติดชื่อเขาเหมือนกัน
"ห้องของข้าหรือขอรับ" ชายหนุ่มถามคนแถวนั้น ไม่แน่ใจอย่างยิ่ง แต่ส่งผลให้คนถูกถามหัวเราะ พูดกลับมาว่าไม่ใช่ห้องของท่านจะเป็นของใคร
โซลโทฟังอย่างนั้นแล้วเลยเข้าไปในห้อง ก็คงเป็นห้องของเขากระมัง ใหญ่โตคล้าย ๆ ห้องของท่านทาร์นที่ร้านเฮเบล เพียงแต่ไม่มีทั้งหัวสัตว์และอาวุธเหน็บข้างฝาเท่านั้น ชายหนุ่มยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแปลก ๆ ดังกล่าว พยายามทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น บททดสอบนี้เป็นแบบไหน จ้าวแห่งความตายต้องการให้เขาทำอะไร
จะให้เขาบริหารร้านหรือ เหมือนอย่างที่พระราชากับท่านทาร์นให้เขาทำ พอคิดอย่างนั้นแล้ว บททดสอบก็ออกจะธรรมดาเกินไปหน่อย เกือบทำให้รู้สึกผิดหวังด้วยซ้ำ โซลโทเตรียมใจมาว่าต้องเจออะไรที่เลวร้ายมาก ต้องต่อสู้ด้วยพละกำลัง มีปีศาจร้ายและอะไร ๆ น่ากลัวเหมือนในนิทาน แต่กลับมาเจอเรื่องแสนธรรมดาที่ต้องเจออยู่แล้วในชีวิตประจำวัน
...ว่าไปเขาก็ไม่ได้เหมือนผู้กล้าสักหน่อย นอกจากทำร้านมังกรกับเลี้ยงจามีก็ไม่ได้รู้อะไร...เจ้าของร้านเอชานเกาหลังคอแกรก ๆ ...ก็คงต้องได้แต่บททดสอบแบบนี้กระมัง...
แต่ให้บริหารร้านก็บริหาร คิดอย่างนั้นจึงจัดแจงรื้อเอกสารต่าง ๆ มาดู เขาดูบัญชีเป็นมานานมากแล้ว ว่าอีกอย่างคือเนื่องจากบุคลากรขาดแคลน และในจำนวนบุคลากรนั้นก็มีเทย์ที่ทำบางเรื่องไม่ได้เลย และมีท่านเจวานที่บังคับให้เขาทำทุกอย่าง โซลโทจึงเข้าใจระบบทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ตั้งแต่เรื่องจุกจิกอย่างการซื้อของที่จำเป็นเข้าร้าน การต้อนรับลูกค้า ไปจนกระทั่งถึงเรื่องอย่างเช่นว่าจะควบคุมราคาทุนและบริหารเงินอย่างไร เข้าใจเส้นทางและนิสัยของมังกร ดูจนหมดสิ้นแล้วยังพบว่าสถานการณ์ที่ร้านนี้ออกจะดีกว่าร้านเอชานด้วยซ้ำ
"ท่านเจ้าของร้าน" ใครคนหนึ่งเคาะประตูขอเข้ามา
โซลโทเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่รื้อลงมาเต็มโต๊ะ อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นคนขี่มังกร แต่แต่งตัวไม่เต็มยศ ใส่เพียงเสื้อกันลม และเพิ่มปลอกแขนหนังด้วย สงสัยจะเป็นผู้ดูแลคอกมังกรละมัง
"ขอรับ?"
เจอท่านเจ้าของร้านสุภาพใส่แบบนี้ อีกฝ่ายก็ผงะนิดหนึ่ง ก่อนจะนึกเรื่องที่ถามได้
"มังกรแก่ตัวนั้น จะให้ฆ่าทิ้งหรือทำอย่างไร"
โซลโทไม่คาดหมายว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้เลย
จากคุณ |
:
ลวิตร์
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.ค. 54 01:27:30
|
|
|
|