6.
ร่างเล็กกำลังกระเย้อกระแหย่งเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนชั้นซึ่งสูงเหนือกว่าศีรษะเจ้าตัวไปมากกว่าฟุตได้นั้น เป็นภาพที่สะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาของคนหน้าหวานปานสตรีหากแท้จริงแล้วคือบุรุษ แผ่นฟ้ารู้สึกเหมือนเขาดูละครกำลังรีรัน หรือแผ่นหนังที่เอามาฉายซ้ำ เขาถึงได้เห็นภาพแบบเดียวกับที่เห็นไปเมื่อสามสี่วันก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ว้าย!!
หากแต่ครั้งนี้แผ่นฟ้าไม่ได้ทำเพียงแค่มองอีกฝ่ายหันหน้ากลับมาเอง เขารีบรุดไปคว้าเอาหนังสือที่เจ้าตัวคนเอื้อมสุดปลายแขนที่นอกจากทำอย่างไรก็หยิบไม่ถึง ยังจะพาให้หนังสือเจ้ากรรมเล่มนั้นร่วงตกใส่ศีรษะเสียอีก
จะเอาเล่มนี้หรือครับ
ลูกชายคนโตของภูผายื่นหนังสือเล่มนั้นส่งให้ทันทีที่อีกฝ่ายซึ่งรู้ตัวแล้วว่าไม่มีอะไรตกใส่บนศีรษะตนให้ต้องเจ็บตัวถึงได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่ช่วยเหลือ ใบหน้าเขาแดงระเรื่อขึ้นเล็กๆ ตอนเห็นหน้าปกหนังสือเล่มนั้น
ขอบคุณค่ะ.. อ้าว! วาสิฏฐีอุทานตอนเห็นใบหน้าชายหนุ่มที่ช่วยตนเองชัด คุณนั่นเอง..
จำผมได้ด้วยหรือครับ อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
ก็ที่ร้านยา..
ไม่ทันที่วาสิฎฐีจะพูดว่าต่อมาก็รู้จากพ่อเขาซึ่งเป็นเพื่อนกับพี่ชายเธอเองจึงทำให้จดจำพวกเขาได้ทั้งคู่ ผู้ชายหน้าหวานตรงหน้าก็รีบละล่ำละลักบอกเล่าด้วยกลัวว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิดขึ้นมาเสียก่อน
คนที่มาด้วยกันคือพ่อผมเองนะครับ แต่เวลาอยู่นอกบ้านท่านไม่ชอบให้ใครเรียกว่าพ่อ..
อ..เออ อ๋อค่ะ เห็นหน้าขาวๆ ที่แดงก่ำจรดใบหู วาสิฎฐีก็เข้าใจ พ่อลูกคู่นี้คงถูกเข้าใจผิดมาแล้วด้วยว่าแทบไม่มีส่วนใดของคนเป็นลูกที่ถอดแบบมาจากพ่อเลย ลูกชายคนโตของภูผาคงจะหน้าตาไปทางแม่ของเขาอย่างเดียวกระมัง
มาซื้อหนังสือเหมือนกันหรือคะ หรือว่าดูก่อนเฉยๆ หญิงสาวชวนคุยตามประสาคนที่มีนิสัยเข้ากับใครง่าย ยิ่งเธอรู้จักอีกฝ่ายมาก่อนแล้ว แม้จะแค่ผ่านทางพ่อเขาซึ่งเป็นเพื่อนกับติสรณ์..ลูกพี่ลูกน้องเธอก็เถอะ
ก็ว่าจะซื้อเหมือนกันแหละครับ เอาไว้สำหรับหาข้อมูลประกอบ..งานน่ะครับ คุณ..เอ่อ
วาค่ะ วาสิฎฐี.. เรียกวาเฉยๆ ก็ได้ ส่วนคุณ วาขอเรียกว่าฟ้าเหมือนที่คุณพ่อคุณเรียกเลยก็แล้วกันนะ
ครับคุณวา ชื่อจริงของผม แผ่นฟ้าครับ แผ่นฟ้ายิ้มขึ้นอย่างยินดี เขาสามารถคุยกับผู้หญิงตรงหน้าได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด มันน่าปลื้มใจน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่
เอ่อ.. ชอบอ่านนิยายพวกนี้หรือครับ
ค่ะ ใช่ค่ะ แต่ก็อ่านได้แค่ช่วงที่ว่างหรือวันหยุดเท่านั้น ดูเหมือนเป็นพวกเพ้อฝันเลยใช่มั้ย พี่ชายวาก็ชอบว่าแบบนี้ วาสิฎฐีไม่คิดว่างานอดิเรกของตนเองจะน่าอับอายอะไร มันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร การอ่านนิยายพาฝันเป็นความสุขส่วนตัวของเธอ แม้บางครั้งก็พอรู้หรอกว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอไม่มีแฟนกระทั่งอายุปูนนี้ก็เป็นได้
ไม่หรอกครับ ผมเองก็อ่าน แล้วก็..
จริงหรือนี่ หายากจังที่ผู้ชายจะอ่านนิยายแนวนี้ คุณฟ้าเคยอ่านเรื่องนี้หรือเปล่าคะ ของ คคนานต์ วาเคยอ่านงานเธอไปสองเล่มแล้วชอบ แต่สองเรื่องนี้ยังไม่เคยอ่าน นักเขียนหน้าใหม่ แต่เขียนสนุกใช้ได้เลยนะคะ หญิงสาวยื่นหนังสือในมือให้คนตรงหน้าดู ก็เห็นใบหน้าขาวๆ นั่นแดงระเรื่อขึ้น
ผม.. ผมเองแหละครับ แทบจะเป็นเพียงเสียงกระซิบออกจากปากผู้ชายหน้าหวาน..
อะไรนะคะ คุณทำไมเหรอ
คคนานต์คือ..นามปากกาของผมเอง ผมเป็นคนเขียนนิยายพวก..พวกนี้เอง
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แผ่นฟ้าคิดว่าตัวเองพูดคุยลื่นไหลกับหญิงสาวได้มากขึ้นแล้วแท้ๆ มาตอนนี้เขากลับรู้สึกเขินอายเพียงแค่จะบอกว่าตนเองเป็นนักเขียนนิยาย ซึ่งมันเป็นนิยายรัก นิยายพาฝัน.. ใครอื่นจะไม่คิดว่าผู้ชายทั้งแท่งจะเขียนนิยายแนวนี้ก็ไม่เป็นไร แต่เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าคิดไปแบบนั้นแม้แต่เพียงนิด
ตายล่ะ วาก็เลยปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ แนะนำนิยายให้เจ้าของนิยายเสียได้ แบบนี้เขาเรียกว่าจุดไต้ตำตอใช่มั้ยนะ งั้นดีเลย จะได้ขอลายเซ็นคนเขียนเสียเลย
แต่แทนที่จะได้เห็นสีหน้าประหลาดใจ วาสิฎฐีกลับมีรอยยิ้มยินดี กระตือรือร้นที่จะได้ลายเซ็นจากนักเขียนที่ตนชื่นชอบ เดินนำแผ่นฟ้าซึ่งเมื่อถามแล้วเขาไม่ต้องการหนังสืออะไรเพิ่มเติมนอกจากเล่มที่ถืออยู่ก่อนหน้าจะเดินเข้ามาหาเธอ ไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน จ่ายค่าหนังสือพร้อมๆ กับอีกฝ่ายก็จ่ายของตน เรียบร้อยแล้วก็ยื่นส่งให้เจ้าของบทประพันธ์เพื่อให้เซ็นลายเซ็นกำกับให้เธอ ตรงม้านั่งที่มักมีอยู่ทั่วไปในห้างสรรพสินค้า ไม่ห่างจากร้านหนังสือซึ่งเช่าพื้นที่ในห้างนี้มากนัก
<มีต่อค่ะ>