เย้ๆๆๆๆๆ ในที่สุดเราก็ได้เป็นเพื่อนเค้าในเฟสแระ เสียงอุทานในใจดังขึ้นเมื่อได้เข้าไปดูในเฟส วันที่ 26 มิถุนายน 2554 (เพื่อนเราแอดไปเอง) เปรียบเหมือนยาบำรุงที่ผู้ป่วยอย่างเราได้รับการเยียวยาครั้งแรกถึงมันไม่ใช่ยาใช้รักษาอาการเจ็บทางใจของเราก็ตาม แต่มันทำให้เราชุ่มช่ำใจขึ้นมาอีกครั้งหลังได้สนทนากันใน social network อย่าง facebook ไม่นึกเลยว่าสรรพคุณของมันจะรักษาเราได้ นับจากวันนั้นเป็นต้นไป ความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างเรากับน้องเค้าก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ คล้ายๆกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาแต่รากของต้นไม้นั้นยังไม่ตาย เมื่อมีคนมารดน้ำใส่ปุ๋ยมาก็ค่อยๆผลิดอก ออกใบอีกครั้ง....ทำให้กิจวัตรในแต่ละวันของเราเปลียนไปเลย จากคนที่เคยอยู่คนเดียวเพราะเราเพิ่งผิดหวังมาไม่นานนี่เอง เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยล่ะ ทุกๆเช้าประมาณ 06.20น.จะหยิบโทรศัพท์แล้วปลุกเขา"ตัวเองตื่นรึยังอ่ะ" บางครั้งก็ได้ผลบ้างและไม่ได้ผลบ้างเพราะส่วนใหญ่เขาจะตื่นก่อนที่เราโทไปปลุกเสียอีก ฮ่าๆ หรือเป็นเพราะเราตื่นสายเอง ทั้งที่แต่ก่อนเราไม่เคยจะตื่นก่อนเจ็ดโมง หลังจากเคารพธงชาติครั้งนี้แหละเราเป็นฝ่ายรอบ้าง รอเสียงเรียกเข้าของมือถือ เพราะน้องเค้าจะหยิบโทรศัพท์มาเหมือนกันแล้วบอกเราว่า"ถึงโรงเรียนแล้วนะตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ คิดถึงจังเลย" เมื่อถึงตอนพักเที่ยงรับประทานอาหารเสร็จเราก็ได้ยินเสียงสวรรค์ในมือถือเราอีกครั้ง หยิบกดมารับสายทันใด ก็เหมือนดอกไม้กำลังผลิบานทุกที "ทานข้าวยังค่ะ,ทำงานเหนื่อยมั๊ย" โถ่ๆๆ แม่เจ้าทั้งๆที่เวลานั้นเป็นช่วงที่ระอุ เหมือนทำงานในสมรภูมิรบเลย (ลืมบอกไปเราทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง) ทั้งเสียงเด็กร้อง เสียงคนแก่คราง ทำให้เราหงุดหงิด แต่ได้ฟังประโยคคำถามเหล่านี้ผ่านสายโทรศัพท์แล้วความเหน็ดเหนื่อย เบื่อหน่ายไม่รู้มันไปซ่อนอยู่ไหน พักเทียงเราไม่ทานข้าวเลยก็ว่าได้ อิ่มอก อิ่มใจ กล่าวไปถึงตอนที่เราเลิกงานน้องเค้าก็เป็นเวลาเลิกเรียนพอดีเสียงสวรรค์นี้ก็ดังขึ้นอีกแระ.....สรุปว่าเราได้คุยกันเกือบๆทุกชั่วโมงเลย ทำไมต้องว่าอย่างงั้นล่ะ ขณะที่น้องเค้ากำลังเปลี่ยนคาบเรียนยังได้คุยกัน คิดเอาเองนะช่วงนั้นจะเป็นเวลาที่มีความสุขใจแค่ไหน...แต่แล้ววันรุ่งลาวันฟ้าหม่น วันที่เราไม่อยากพบก็มาถึง 6 กรกฎา ได้รับข่าวว่าเธอยังลืมแฟนคนที่เธอคบมายังไม่ได้เลยซึ่งไม่ใช่ตัวเรานะ....เขาเป็นรุ่นพี่ของน้องคนนี้เอง เพิ่งจะจบ ม 6 ไปปีที่แล้ว...เราไม่ขอลามไปถึงบุคคลอื่นแล้วกันนะ....ทำให้เราเหงาไปชั่วขณะหนึ่ง....เหมือนกับฝนที่ทิ้งช่วง ใบไม้ที่กำลังผลิบาน กลีบก็ร่วง ใบก็โรย เอ๊ะ เราต้องทำใจนะ!! ต้องให้กำลังใจตัวเอง สู่ๆห้ามถอยมาถึงขนาดนี้แล้ว...ใครจะไปรู้ล่ะในที่สุดความพยายามของเราก็บังเกิดขึ้นอีกหน วันที่ 14 กรกฎา เราได้รับข้อความเข้ามือถือขึ้นชื่อเจ้าของข้อความว่า จุ๊บแจง!! "ตกลงเราเป็นแฟนกันใช่ไหม" ไชโยยยยยย เสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่ยาบำรุงเหมือนตอนแรกนะ มันเป็นยารักษาเลยล่ะ ยารักษาคนป่วยอย่างเราให้หายเป็นปลิดทิ้ง....ความดีใจในตอนนั้นทำให้เราไม่ทันระวังตัว ไม่ได้เผื่อความเจ็บเอาไว้ มอบรักให้เค้าไปหมดใจ ยังจำได้เลย 14.10 เป็นเวลาที่เราและเขาได้ตกลงกันเป็นแฟน รวมเวลาประมาณ สาม สัปดาห์ที่เราคุยกัน บ้านก็กลายเป็นบ้านไม่เป็นสุสานฝังตัวเองเหมือนก่อน ที่ทำงานก็กลายเป็นสนามรักไม่ใช่สนามรบกับคนไข้เหมือนเช่นเคย....
...อีกแระ!! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย วันเดียวที่เขาบอกว่าเราคบกันเป็นแฟน เสมือนเป็นวันสิ้นโลก แทบสิ้นใจเขาจบการสนทนากับเราทันที ฟ้าฝ่าลงมาตรงขั้วหัวใจอีกครั้งและครั้งนี้ถึงจุดอวสานรัก เมื่อไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย ทุกหนทางเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าทางโทรศัพท์ พร้อมการส่งข้อความบ้าง facebook หรือไปหาถึงที่บ้าน .....เราทำไรผิดไปเปล่านะ!! ไม่นะครั้งสุดท้ายที่วางสายไปก็คุยกันด้วยความเข้าใจแล้วว่าเราจะคบกัน บทสุดท้ายเราซึ่งเป็นผู้ป่วยยาที่บอกว่าได้รับรักษาแล้วเป็นเพียงการรับประทานอาหารแสลงเข้าไปเท่านั้น แต่คิดไปเองว่ามันคือยารักษา เมื่ออาหารแสลงทำพิษอาการป่วยก็ทรุดลงทันที..........
...........เจ็บหัวใจน้อตัวข่อย ล้มสวอยลงบรรทมแท่น ทั้งแขน-ขา อ่อนแฮงเมื่อยล้า น้ำตาย้อยสิตืมแถม น้อคราวนี้.....
แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 17:27:03
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 09:34:49
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 11:51:20
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 11:30:42
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 11:11:36
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:54:46
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:42:44
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:41:46
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:40:56
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:38:08
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:37:25
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:32:47
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 06:32:17