ตอนที่ 2
การ์ดแต่งงานและซองสีชมพูในมือเรียวของหญิงสาวค่อยๆร่วงหล่นไปบนพื้นพร้อมกับหัวใจที่หล่นตามลงไปด้วย
ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่องที่แกล้งอำกันเล่นแบบแรงๆ เท่านั้นใช่มั้ย? ปุณณมี เงยหน้าขึ้น กะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา คำพูดของตุลยวัตเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมายังก้องอยู่ในหู ใบปอไม่อยู่ตั้งนาน ไม่กลัวว่าฉายมันจะแอบมีแฟนใหม่ไปแล้วเหรอ เขาต้องรู้อะไรที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับการ์ดแต่งงานของฉายะชาติแน่ๆ ทว่า ในเวลานี้ เธอต้องการคำอธิบายจากฉายะชาติเพียงคนเดียวเท่านั้น จะไม่คิด ไม่จินตนาการ ไม่เชื่อใครหรืออะไรทั้งนั้น นอกจากตัวเขา หญิงสาวรีบวิ่งขึ้นบันไดไปบนห้องนอนส่วนตัว แล้วใช้โทรศัพท์บ้านโทรไปหาใครสักคน ที่จะช่วยเหลือในสิ่งที่เธอต้องการได้
ฮัลโหล นิ ใบปอเองนะ ฉันอยากรู้ว่าวันนี้ฉายมีงานที่ไหนบ้าง
เฮ้ย ใบปอ โทรมาจากไหนเนี่ย อย่าบอกนะ ว่าแกกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว โอ๊ย คิดถึงแกจัง
เพื่อนรักตอนเรียนมัธยมของปุณณมี ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
เพิ่งกลับมาวันนี้แหละ นิ ตกลงวันนี้ฉายมีงานที่ไหนบ้าง
หญิงสาวเน้นเสียงอย่างร้อนใจอีกครั้ง
ฉาย คงยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าแกกลับมาแล้วน่ะ รู้สึกว่า วันนี้วงไลท์บลูจะมีมินิคอนเสิร์ต งานของคลื่นวิทยุน่ะ ช่วงเย็นๆถึงค่ำ
ปลายสายบอกสถานที่ซึ่งเป็นลานหน้าศูนย์การค้าย่านใจกลางเมืองที่ใช้จัดงานคอนเสิร์ตบ่อยๆ
ขอบใจนะ
ปุณณมีพูดตัดบทอย่างรวดเร็วก่อนจะวางสายโทรศัพท์แล้วรีบคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กออกจากบ้านไป สำหรับเธอ นิดา เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้เสมอ หลังเรียนจบสาขานิเทศศาสตร์ ก็เข้าไปทำงานด้านประชาสัมพันธ์ในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาตลอด และก็เป็นค่ายเดียวกับที่ ฉายะชาติและเพื่อนๆในวงไลท์บลูของเขาสังกัดอยู่ ระหว่างกำลังเดินทาง ภาพความทรงจำที่ให้ความรู้สึกหลายหลาย เมื่อครั้งยังเยาว์ ก็หวนกลับเข้ามาในห้วงความคิดของหญิงสาว ภาพวงดนตรีป๊อบร็อค ของฉายะชาติกับเพื่อนๆ ที่รวมตัวกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 และตระเวนแข่งขันตามเวทีต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่มี ทำให้วงไลท์บลูได้รับรางวัลมากมาย จนในที่สุดก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงในช่วงพวกเขาเรียนอยู่ปี 3 สำหรับฉายะชาตินั้น เขาเป็นทั้งมือกลอง และร่วมแต่งเนื้อร้องกับทำนองมากมายหลายเพลง ตั้งแต่ทำอัลบั้ม ถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่นหรือมีชื่อเสียงเท่ากับเพื่อนที่เป็นนักร้องนำของวง แต่เขาก็มีแฟนเพลงนิยมชมชอบอยู่ไม่น้อย แม้แต่ ปุณณมี เอง ก็ทั้งภาคภูมิใจและปลาบปลื้มใจไปกับความสำเร็จของเขา ราวกับเป็นความสำเร็จของตัวเธอเอง
ดีใจกับฉายด้วยนะ อัดเสียงแล้ว ทีนี้ต่อไปก็ต้องมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง เราขอเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของฉายนะ ห้ามมีใครมาแย่งตำแหน่งเราด้วย
เธอบอกอย่างร่าเริง หลังได้ฟังข่าวดีจากปากเขา ที่มาหาและรอบอกเธอเป็นคนแรก หลังเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัยกลับมาบ้าน
แต่ผมไม่อยากให้คุณใบปอเป็นแฟนคลับผม
ฉายะชาติแกล้งทำสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง
อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ จนเขาเห็นแล้วต้องยิ้มเอาใจ
ก็เพราะว่า คุณใบปอเป็นคนพิเศษของผมมากกว่าเป็นแค่แฟนคลับนี่ครับ ขอบคุณมากที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด ความสำเร็จของผมวันนี้ส่วนหนึ่ง ก็เพราะคุณใบปอเหมือนกัน
ทั้งสายตาและคำพูดของชายหนุ่ม ที่กำลังมองสบสายตาเธออย่างขอบคุณจากใจ ทำเอาปุณณมีถึงกับต้องหันหน้าหนีด้วยความเขิน ก่อนจะแก้เขินด้วยการใช้ม้วนกระดาษในมือตีที่ต้นแขนของเขา
ให้มันจริงเถอะ ต่อไปนะ พอออกอัลบั้ม เริ่มดังขึ้นมามีสาวๆคอยรุมตามกรี๊ดเยอะแยะมากมาย จะยังต้องการกำลังใจจากเราอีกรึเปล่าก็ไม่รู้
ไม่มีใครที่จะมีความสำคัญกับผมเทียบเท่าคุณใบปอได้อีกแล้วครับ กำลังใจจากใครอื่นที่ไหนก็ไม่มีความหมายทั้งนั้น ผมมีแค่คุณใบปอคนเดียวก็พอแล้ว
ขอบคุณนะ ฉาย ฉายก็เป็นกำลังใจที่สำคัญของเราเหมือนกัน เอ้อ นี่ เราทำตารางซ้อมดนตรีกับอ่านหนังสือสอบมาให้ ต่อไปนี้ ฉายต้องแบ่งเวลาให้ดีๆ เพราะว่าเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยมันก็หนักอยู่ แล้วก็อย่าลืมด้วยว่าทุกวันอาทิตย์ต้องมาติวภาษาอังกฤษกับเรานะ
ฉายะชาติยื่นมือไปรับม้วนกระดาษที่ปุณณมีส่งมาให้และมองตอบด้วยสายตาซาบซึ้งใจ กับความน่ารักและความมีน้ำใจของเธอที่มอบให้กับเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา
เสียงดนตรีบนเวทีที่ลานแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งหน้าศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง เป็นสิ่งแรกที่ปุณณมีได้ยิน เมื่อก้าวลงมาจากรถไฟฟ้า มองจากมุมนี้ หน้าเวทีผู้คนยังค่อนข้างบางตา เพราะดูเหมือนงานเพิ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่นาที่ผ่านมา หญิงสาวเดินไปตามทางเชื่อมต่อที่จะเข้าไปในศูนย์การค้า ระหว่างนั้น เสียงพิธีกรบนเวทีก็ประกาศว่า วงต่อไปที่จะได้พบก็คือ วงไลท์บลู ที่มาพร้อมกับอัลบั้มล่าสุด ปุณณมีเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนมายืนอยู่ด้านหน้าเวทีได้ในที่สุด ท่ามกลางเสียงกรี๊ด และเสียงเรียกชื่อศิลปินที่ชื่นชอบของบรรดาผู้มาชมคอนเสิร์ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ทั้งวัยมัธยม และวัยมหาวิทยาลัย หญิงสาวกวาดสายตามองสมาชิกวงไลท์บลูบทเวทีไปทีละคน เธอจำทุกๆคนได้ดี ตั้งแต่ตอนเริ่มรวมตัวกันใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น นักร้องนำ มือเบส มือกีต้าร์ มือคีย์บอร์ด และ มือกลอง จากวันนั้นถึงวันนี้ แนวเพลงของพวกเขามีความเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นตามกาลเวลาและประสบการณ์ ผ่านไปจนถึงเพลงที่สาม เธอถึงได้รู้สึกว่า ฉายะชาติที่นั่งอยู่หลังกลอง กำลังมองมาและพยายามจะสบตากับเธอ ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เธอก็อ่านความหมายนั้นไม่ออก จนกระทั่งพวกเขาลงจากเวทีไป และมีศิลปินกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทน ปุณณมี ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
พี่ครับ มีคนฝากนี่มาให้ครับ
เด็กผู้ชายวัยไม่เกินสิบขวบคนหนึ่ง เดินมาหาหญิงสาวตั้งแต่ตอนไหนเธอก็ไม่ทันสังเกต เด็กชายส่งกระดาษโน้ตในมือให้กับเธอแล้วก็หันหลังวิ่งหายไปกับผู้คนอย่างรวดเร็ว
มาเจอกันที่ร้านกาแฟข้างในฝั่งตรงข้ามบันไดเลื่อนได้มั้ย จะรอนะครับ
ฉาย
ปุณณมีอ่านเสร็จก็พับกระดาษเก็บใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากมาจากตรงนั้นเพื่อเข้าไปด้านในศูนย์การค้าโดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น เขา คงรอที่จะให้คำตอบเธออยู่สินะ
เพียงแค่เดินผ่านบานประตูกระจกเข้าไปด้านในศูนย์การค้า ปุณณมีก็มองเห็นร้านกาแฟที่ฉายะชาติบอกได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามองหา อาจเป็นเพราะเมื่อครั้งหนึ่งในอดีตเธอกับเขาก็เคยนัดเจอกันที่ร้านนี้เช่นกัน ปุณณมีเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งตัวตรงประสานมือวางบนโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่า เขายังเหมือนเดิม แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย โดยเฉพาะนัยน์ตาคมลึกที่แฝงความเศร้า และครั้งนี้ มันดูเศร้ากว่าที่เคยเห็นมากมายเหลือเกิน หรือ เขาจะไม่ดีใจ ที่เห็นเธอกลับมา ?
คุณใบปอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
ปุณณมี ไม่ได้สนใจคำถามหรือสายตาที่มองมาของฉายะชาติเลย หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามกับเขาและมองอย่างเอาเรื่อง แบบที่ชายหนุ่มคุ้นเคยมาตลอด ยามที่เธอไม่พอใจหรือไม่ได้ดั่งใจ เรื่องอะไรก็ตาม
ฉายดูไม่ค่อยดีใจเลยนะ ที่เจอเรา เราอุตส่าห์กลับมาก่อน เพราะอยากมาเซอร์ไพรส์ แล้วก็ได้เซอร์ไพรส์สมใจจริงๆด้วย เราจะรอให้ฉายพูดเองนะ พูดความจริงกับเรา อย่าโกหก
ฉายะชาติกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นัยน์ตาของเขาดูเศร้าและสับสน เหมือนมีหลายความรู้สึกปะปนกันไปหมด
จากคุณ |
:
Travel to the moon
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ก.ค. 54 17:36:29
|
|
|
|