Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 20 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10817844/W10817844.html

บทที่ 20

เพราะเจ้ากวางเขาสวยตัวนั้น สามแสนจึงเผลอใจเดินตามมันเข้ามา เธอนิสัยไม่ดีดังเคย เพียงเพราะความสนใจใคร่รู้ พี่ชายจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

เขาล่าไก่ป่าได้หรือยังก็ไม่ทราบ แต่ที่ทราบคือ เวลานี้เธอหยุดตัวเองไว้ตรงนี้ และน่าจะเป็นป่าแปลกที่โอบล้อมให้เธออาจต้องวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเมื่อห้าปีก่อนอีก

"พี่ชาย" เธอตะโกนก้อง สองเท้าเริ่มย่างไปตามพื้นชื้น "พี่ชายคะ ได้ยินสามแสนไหม"

การตะโกนซ้ำๆ สองสามครั้ง สะท้อนกลับมาเพียงความว่างเปล่า เบื้องบนคือแสงแดดรำไร ประกายจุดเล็กๆ ของมัน บอกสามแสนว่าอีกสักประเดี๋ยวก็น่าจะค่ำแล้วล่ะ ลมแรงขึ้น อากาศก็เริ่มเย็น บรรยากาศก็โรยความวังเวงลงมา สามแสนกลืนน้ำลาย ใจระทึกกับคำว่า 'หลงป่า' ที่กระซิบอยู่ในใจหวั่นๆ

"ทำไมสามแสนนิสัยไม่ดีอย่างนี้นะ ทำไมไม่จำว่าตัวเองเกือบตายเพราะเผลออกเผลอใจกับสิ่งยั่วยุ โง่จริงๆ สามแสนเอ๊ย นี่ถ้าหลงป่าอีก จะอายุสิบเจ็ดหรือยี่สิบสอง ถ้าไม่เจอพี่ชาย มันก็ตายเหมือนกันล่ะ"

เธอพูดคนเดียวไปตลอดทาง ต้องไม่ให้ความเงียบมาอยู่เป็นเพื่อน มันจะเป็นตัวการบั่นทอนความเข้มแข็ง แล้วก็ผลักเจ้าความกลัวมากๆ มาบีบขย้ำหัวใจ ภาวะอย่างนี้ เธอต้องตั้งสติ กลัวได้ แต่อย่าเยอะนัก

คราวนี้สภาพของเธอแย่กว่าเมื่อห้าปีก่อนอีก หากหลุดออกไปจากวงเวียนป่าแปลกแห่งนี้ไม่ได้ภายในวันนี้ คืนนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เธอต้องหิวตายแน่ๆ เพราะลูกอมที่มีความหวาน พอจะให้พลังงานทดแทนเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่มีสักเม็ดเลย น้ำดื่มสักครึ่งขวดก็ไม่มี

"ไม่น่าเลยสามแสน" เธอบ่นตำหนิตัวเองอีก ขณะหย่อนนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง "น่าจะสะกิดบอกพี่ชาย แล้วชวนมาด้วย เขาต้องตามใจอยู่แล้ว"

แล้วเธอก็หัวเราะกับความคิดเข้าข้างตัวเองท่อนท้ายๆ พี่ชายน่ะหรือจะตามใจ เขาดุออก ชอบขึงตาเครียด ปั้นหน้าเคร่ง ทำเสียงกระด้างชาเย็น เนื้อตัวก็หวงไม่ยอมให้แตะ

ป่านนี้ เขาคงยังไม่รู้ตัวหรอกว่า เคยเผลอมากอดมาจูบสามแสน ด้วยท่าทางโหยหาเร่าร้อน มันเป็นความทรงจำวาบหวามที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต สามแสนไม่คิดจะลืม แต่ก็ไม่ปัดความจริงออกไปว่า คนที่พี่ชายกอดจูบคืนนั้น ไม่ใช่ตัวเอง หล่อนคือชุลียา

หลังจากหายเมื่อยขา สามแสนก็เป่าลมพรู ทิ้งภวังค์เรื่อยเปื่อยไว้ใต้ต้นไม้นี่ล่ะ แล้วมุ่งหน้าย้อนกลับทางเดิม ลมพัดแรงจนใบไม้ปลิวฟุ้ง เธอภาวนาขออย่าให้ฝนตก ขอให้พี่ชายสะดุดใจกับความเงียบจนหันหลังกลับ แล้วพบว่าสามแสนหายไปแล้ว ขอให้เขารีบเร่งตามหา 'จนเจอ'

"พี่ชายขา สามแสนอยู่นี่ พี่ชาย ได้ยินสามแสนแล้ว ขานรับสามแสนด้วย สามแสนอยู่ตรงนี้ค่ะ พี่ชายขา พี่ชาย"

ตะโกนเต็มเสียง ปอดขยายจนจะแตกอยู่แล้ว คำตอบของสามแสนก็คือความว่างเปล่าดังเดิม เธอคิดว่าจำต้นไม้ต้นหนึ่งได้ จึงปรี่ไปสำรวจขึ้นๆ ลงๆ แล้วเดินลึกเข้าไปตามทางคดเคี้ยวข้างหน้า ในใจก็บอกตัวเองว่า ตอนขามา ทางมันไม่ได้คดเคี้ยวแบบนี้หรอก

"หรือว่าผิดทาง" เธอถามตัวเอง แล้วหยุดเดิน "ถอยกลับเถอะสามแสน ไปตั้งต้นที่ต้นไม้ต้นนั้นอีกทีเถอะนะ"

ร่างอรชรเริ่มก้าวถอยหลัง สายตาสำรวจมองย้ายซ้ายขวา พอส่ายหน้าหมุนตัวกลับ ก็ปะเข้ากับร่างใครก็ไม่ทราบ สูงใหญ่เหมือนยักษ์ สวมเสื้อคอกลมสีหมากสุก กับกางเกงชาวเลสีเดียวกัน ลำคอใหญ่ห้อยสร้อยโซ่เส้นเชื่อง บนบ่าพาดปีนยาวกระบอกเก๋เชียว

สามแสนเงยหน้าขึ้นแม้จะหวาดกลัวแตกตื่น แต่ก็เก็บภาพที่เห็นได้หมดจดภายในชั่วเสี้ยวนาที ใบหน้าสี่เหลี่ยม เคราดก ผมหยักศกสีน้ำตาลยาวรกปรกต้นคอ เหนือริมฝีปากหนาพาดหนวดเข้ม ซึ่งยิ่งขับให้กรอบหน้านั้น แลดุร้ายน่าสะพรึงกลัวขึ้นอีก

"มาเดินทะเล่อทะล่าแบบนี้ เป็นตำรวจหรือนกต่อตำรวจวะอีหนู แหม ไอ้พวกเวรนี่จริงๆ ไม่รู้จักเข็ดจับหลาบหรือไงวะ สองสามวันก่อนก็โดนยิงหมกวิญญาณไว้ในพงโน่น วันนี้อีกแล้ว โผล่มาอีกแล้ว"

"อะไรนะคะ" สามแสนคราง พลางเหลียวไปตามทิศที่คนพูดพยักพเยิด เธอเห็นพงป่าละเมาะแล้วล่ะ

"แล้วตกลงนี่ยังไง จะมารับศพเพื่อน หรือจะมาอยู่กับเพื่อนละอีหนู"

"มะ.. ไม่ใช่.. คือ.. คือสามแสนหลง.. "

"เอาเถอะ ไหนๆ ก็โผล่มาแล้ว นังตัวดีของฉัน มันก็ออกไปหาข่าวพอดี มีอีหนูไว้แก้ขัดก็ไม่เลว ทรวดทรงก็พอใช้ได้ ฟัดเล่นๆ ก็น่าจะพอเพลิน ไปกันเถอะ"

"ไม่ค่ะ ไม่ใช่ ปล่อยสามแสนก่อน"

สาวหลงป่าร้องลั่น น้ำตาไหลแล้วล่ะ คราวนี้กลัวจริงๆ ฝืนทำเข้มแข็งหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เธอไม่โง่ ไม่ไร้เดียงสา จนแปลความหมายหลายคำพูดของฝ่ายโน้นไม่ออก

"ลุงคะ สามแสนหลงป่าเฉยๆ กำลังจะหาทางกลับออกไป ลุงเชื่อสามแสนเถอะ สามแสนไม่ใช่ตำรวจ ทำไมลุงต้องกลัวตำรวจด้วย"

"เอ๊าะ อีหนูนี่ถามแปลก โจรกับตำรวจมันเคยเป็นพวกเดียวกันด้วยหรือวะ นี่มันดงโจรนะเว้ย ชาวบ้านทั่วไป ไม่กล้าโผล่หัวมาแหยมหรอก เว้นเสียแต่ไอ้พวกตำรวจ ส่งพรรคพวกเข้ามาสอดแนม บางทีก็เป็นสาวๆ นกต่อ"

"สามแสนไม่ใช่"

"ใช่หรือไม่ใช่ ฉันก็มีวิธีพิสูจน์หาความจริงได้ โจรอย่างฉัน มันไม่ได้เถื่อนได้ใจอย่างเดียวนะเว้ย มันฉลาดมากด้วย บอกให้รู้ไว้"

สามแสนสะดุดอะไรก็ไม่ทราบ ไม่อยากไปสนใจ แต่เพราะตัวเองล้มลมนี่ล่ะ ทำให้สายตาได้ปะทะเข้ากับปลายเท้าของใครอีกคนที่โผล่พรวดมาสกัด อึดใจเดียว มือใหญ่ก็ยื่นมากุมแขน แล้วกระชากตัวขึ้นหยาบๆ

"พี่ชาย"

ใครจะมาตำหนิสามแสนก็เชิญเลยนะ สามแสนจะไม่เถียงไม่แก้ตัว เพราะในเวลานี้ พี่ชายเหมือนสวรรค์ทั้งห้วง ที่หล่นตุบลงมาห้อมล้อมสามแสนให้ไกลห่างจากน้ำมือคนชั่ว สามแสนจะกอดพี่ชายไว้อย่างนี้ แน่นอย่างนี้ จะไม่ปล่อยเลย

"พวกเดียวกัน" อีกฝ่ายลอยหน้าถามยิ้มๆ ท่วงท่ายังตรึงความยโสโอหังในฐานะเจ้าถิ่น ปืนก็ยังพอใจพาดบ่านิ่ง

"น้องสาวฉันเอง ฉันมาจากปลายดงโจรฝั่งโน้น เรามาหาอาหาร แต่น้องสาวฉันบังเอิญหลงเข้ามาในนี้"

"เออ มันเป็นความบังเอิญที่น่าเชื่อดี ไปกันเถอะ"

"เราไม่มีเจตนาล้ำถิ่น มันเป็นความบังเอิญจริงๆ " ภภีมพยายามอธิบาย

"เฮ้ย อย่ามาลูบเขี้ยวเสือถึงในถิ่นเว้ย หน้าตาอย่างฉัน มันมีตรงไหนบอกแกหรือว่าฉันโง่ เดินหน้าเว้ย อีหนูมานี่"

สามแสนกรีดร้องตกใจ ร่างโปร่งโดนกระชากห่างอ้อมกอดอบอุ่นของพี่ชาย เขาหรี่ตาดุแต่ก็ไม่ลนลานกับภาวะคับขัน เธอเสียใจวูบหนึ่ง ที่ตัวเองซุกซนไร้สาระ จนกลายเป็นต้นเหตุชักนำความเดือดร้อนมาสู่ อ้อ ไม่ใช่ความเดือดร้อนอย่างเดียว ยังมีอันตรายที่คาดเดาไม่ได้รออยู่ข้างหน้าด้วย

"พี่ชาย" เธอเรียก พลางดึงมือใหญ่ไว้ ตอนนี้ลำคอเล็กโดนล็อกด้วยท่อนแขนเจ้าถิ่นแล้ว

"อย่าทำร้ายผู้หญิง จะให้ไปไหนก็บอก" ภภีมต่อรองเสียงต่ำลึก

"เดินหน้าเว้ย สั่งให้หยุดเมื่อไหร่ ก็ค่อยหยุด ไป"

สามแสนนึกแปลกใจว่าทำไมพี่ชายยอมแต่โดยดีง่ายเกินไป มันไม่น่าจะใช่นิสัยดุๆ ของเขาเลย เธอเชื่อว่าลำพังเจ้าถิ่นร่างยักษ์คนนี้ หากปะทะกำลังกันตัวต่อตัว พี่ชายก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยง เขาน่าจะลองสักตั้ง ดีกว่ายอมให้อีกฝ่ายขู่จนหงออย่างนี้

แต่พอลุทางคดเคี้ยวออกมาเท่านั้นล่ะ ข้อกังขาก็กระจ่างแจ้ง ที่แท้ลูกสมุนของเจ้าถิ่นยืนเรียงหน้ากระดาน อวดร่างยักษ์กันตั้งสี่ห้าคน ปืนสั้นปืนยาวมีกันครบ แบบนี้พี่ชายก็ตัดสินใจถูกแล้วที่ยอมหงอไว้ก่อน

"พี่ชาย" เธอเรียกอีก มือเล็กก็พยายามกุมมือพี่ชายไว้

"ไม่มีอะไร โจรแค่ไม่กี่คนเอง"

ภภีมปลอบใจส่งเดช ไม่กี่คนก็จริง แต่เขาคนเดียว คงอวดเก่งดุเดือดด้วยไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้ ในหัวมันมีอาชีพเดียวที่อยากเป็นก็คือ 'หมอ' สมัยเด็กๆ ก็คร่ำเคร่งเรียนหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย โตเป็นหนุ่มก็หมกมุ่นกับตำรา กระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย และติดคณะที่ตัวเองใฝ่ฝันได้อย่างสมใจ

ชีวิตที่วนเวียนอยู่กับโรงเรียน ห้องสมุด บ้าน ผ่านไปและผ่านไปโดยเขาไม่รู้สึกเบื่อ กระทั่งพบรักกับชุลียาในบ้านนั่นล่ะ พฤติกรรมที่วนเวียนก็เปลี่ยนไปเป็นมหาวิทยาลัย ห้องสมุด บ้าน และ 'ชุลียา'

ชีวิตเรียบง่ายและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่มุ่งมั่นของภภีมในวันวาน ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ทั้งหมดนั้น มันก็พังทลายลงไม่เหลือแม้แต่ซากให้ระลึกถึง ด้วยการกระทำเหี้ยมโหดภายใต้จิตที่ไร้สิ้นคุณธรรมของบิดามารดา เขาแค้นมากจนบรรยายให้ใครเข้าใจไม่ได้

เวลาที่คนเราแค้นใครสักคน พยาบาทและอาฆาตแรงกล้า ก็ย่อมปรารถนาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน แล้วนิสัยแบบเขา ก็นิยมวิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน

ถ้าชุลียากับเลือดในอกก้อนแรกสิ้นสูญด้วยน้ำมือคนอื่น เขาคงไม่ต้องเร้นกายซ่อนช้ำอยู่ในป่ามานานร่วมยี่สิบปีอย่างนี้ แค่เดินหน้าลุย แก้แค้นให้สาอกสาใจ ติดคุกติดตะรางก็ช่างปะไร ขอปลิดชีวิตไอ้คนเลวที่มันย่ำยีชีวิตสุดที่รักจนดับกลางสายฝนได้เป็นพอ

แล้วทำได้หรือเปล่าเล่า ดูเสียก่อนว่า คนที่ทำไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นบุพการีที่เขาแสนรักแสนกตัญญู ยอมตามอกตามใจไปเสียหมดทุกเรื่อง ยกเว้นความรักกับชุลียา

ที่เขาแข็งข้อยืนกราน เท่านี้เองใช่ไหม การแข็งกร้าวเป็นครั้งแรกของบุตรชายคนนี้ ทำให้บิดามารดาถึงกับตอบโต้แตกหักด้วยการพรากสุดที่รักให้จากตายไปอย่างอำมหิต

ในเมื่อแก้แค้นไม่ได้ ก็ต้องหันกลับมากระหน่ำซ้ำเติมชีวิตของตัวเอง เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้ ปกป้องภรรยาคนหนึ่งก็ไม่ได้ เลือดในอกก้อนหนึ่ง ก็ประคับประคองให้ออกมาลืมตาดูโลกก็ไม่ได้ คนอย่างเขา เป็นอะไรอีกไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ นอกจาก 'ซากที่รอเวลาตาย'

แต่ซากที่รอเวลาตาย ก็ไม่เคยลืมอีกว่า อาชีพที่ใฝ่ฝันก็คือการเป็นหมอ ได้ช่วยชีวิตและยึดเหนี่ยวลมหายใจของคนอื่นให้อยู่ต่อไป แม้จะซ่อนเร้นอยู่ในป่า แต่ด้วยแรงฝันที่ไม่เคยดับ เขาจึงขวนขวายและสรรหาแต่ความรู้ที่เกี่ยวกับการช่วยชีวิต ป่าแปลกผืนใหญ่ สอนให้เขารู้จักสมุนไพรมากมาย

ลุงแม้นก็มีส่วนช่วยให้เขาได้เรียนรู้วิธีการสกัดสมุนไพรมาใช้ประโยชน์ ยี่สิบปีกับการทิ้งเมืองทิ้งอาชีพที่ใฝ่ฝัน แต่เขาก็แทบจะไม่ได้ต่างไปจากหมอเถื่อนคนหนึ่ง เคยช่วยชีวิตทั้งคนสัตว์ไว้มากมาย

และด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทำให้เขาตระหนักว่า หมออาจจะบู๊ได้ แต่ก็ต้องมีขอบเขตและรู้จักประมาณตน เรื่องที่จะให้เขาอวดอัศวิน ต่อกรกับหนุ่มร่างยักษ์พร้อมอาวุธเกินสามคนขึ้นไป เขาไม่ขอทำ

"ฉันไม่หนี" เขาสลัดความคิดเคร่งขรึมในใจทิ้ง "คืนน้องสาวมาให้ฉัน แต่ถ้ากลัวฉัน ก็บอกตรงๆ "

"อ๊ะ ไอ้หนุ่ม พูดท้าทายแบบนี้ อยากลองดีก่อนถึงถิ่นไอ้เสือหรือไงวะ"

"ตัวต่อตัวหรือเปล่าล่ะ" ภภีมย้อนเรียบๆ

"ไอ้หนุ่ม" เจ้าถิ่นกระชากเสียง เริ่มจะโกรธๆ ที่อีกฝ่ายทำท่าทำเสียงลบเหลี่ยม

"หรือเปล่าล่ะ"

ภภีมก็ยังย้ำเรียบๆ หากแต่ข้างใน ก็หายใจไม่ค่อยสะดวกหรอก เพราะเจ้าลูกสมุนส่งเสียงคำรามหมั่นไส้ หากลูกพี่แค่พยักหน้า ทั้งหมดก็อาจกรูมารุมกระทืบ แต่ก็ไม่หรอก ลูกพี่ก็อยากรักษาหน้าอยู่

สามแสนจึงค่อยได้กรีดร้องแผ่ว ร่างปลิววืดกลับสู่อ้อมอกปลอดภัยของพี่ชาย เธอยิ้มทั้งน้ำตา บอกไม่ถูกว่า ความรู้สึกในตอนนี้ มันอบอุ่นหรือวาบหวามซาบซ่านกันแน่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายโอบกอดและรัดแน่น เขาเป็นห่วงเธอมากใช่ไหม นี่คือความรู้สึกที่เขามีต่อสามแสน มันซ่อนอยู่ในนี้ใช่ไหม

มือเล็กทาบลงตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นแรง แนบแก้มเย็นซึมซับกับจังหวะตึกๆ ใต้แผงอกแกร่ง อยากให้เขากอดไว้อย่างนี้ตลอดไป ไม่ใช่แค่หยิบยื่นในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ความฝันของสามแสน มันจะมีโอกาสเป็นจริงไหม

"ไม่เป็นไรใช่ไหม"

เขากระซิบถาม เสียงของเขาอาทรและอบอุ่นมากเลย สามแสนรีบสั่นหน้า สบตาสำนึกผิดกับขอโทษแทนคำพูด เขาพยักหน้าดั่งว่าอ่านออกและเข้าใจความหมาย จากนั้น ก็โอบไหล่ปลุกปลอบ พลางพาเดินเนิบ ข้างหน้ากั้นด้วยลูกสมุนตัวยักษ์ ข้างหลังขวางด้วยลูกพี่ตัวเบิ้ม

"พี่ชายมาได้ยังไงคะ" เธอกระซิบถาม

"แล้วเราล่ะ สะเออะเข้ามาได้ยังไง" ภภีมย้อนกลับ

"สามแสนตามกวางมา" เธอสารภาพเสียงอ่อยๆ

"ฉันก็ตามเรามา" ภภีมสวนทันควัน

"จริงหรือคะ"

"นี่ อย่าให้มันมากไป ฉันเป็นใคร ไม่ใช่เพื่อนเล่น จำเป็นอะไรต้องโกหกเธอ หุบปากเสียที สามแสน หุบปาก"

สามแสนเผยอแล้วค้าง เสียงสะกดของเขามันขึงขังและดุจัง เธอค้างอยู่อย่างนั้นล่ะ จนเขาหมั่นไส้หรือรำคาญก็ไม่ทราบ ต้องช่วยบีบจีบเนื้อปาก เธอนิ่วหน้าฉุนใส่ เขาก็พยักพเยิดเหมือนจะด่าว่า 'อย่ามาเรื่องมาก'



ทันใดนั้น เสียงปืนก็ดังปังขึ้น มันก้องทั่วราวป่า ลูกสมุนตัวยักษ์รีบปราดไปจ่อปืนจังก้า แต่ภภีมกลับฉวยจังหวะไม่คาดฝันนั้น รีบดีดเท้าไปข้างหลัง ปัดปืนในมือลูกพี่ หล่นหรือไม่หล่นก็ช่าง เท้าข้างเดิมก็ดีดพลั่กเข้าปลายคางใหญ่

สามแสนอ้าปากตาค้าง เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นผู้ชายต่อยตีดุเดือดจริงๆ เธอถอยกรูดไปหามุมเหมาะๆ ตั้งหลัก เจอแล้วก็ทรุดลงนั่งยองๆ มองพี่ชายเล่นบทบู๊อย่างตื่นเต้น เขาเก่งมากเลย ไม่นึกว่าคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต จะยังหลงเหลือเลือดนักสู้ไว้ในห้องหัวใจอับเฉาอีก

ไอ้เสือเสียหลักตั้งแต่โดนเล่นงานจู่โจมครั้งแรก กว่าจะตั้งหลักได้ ก็โดนพี่ชายสอยไปตั้งสองสามหมัด แต่พอได้สติ และตั้งรับได้ เจ้าตัวก็ไม่ทำให้เสียชื่อหัวหน้าโจรใหญ่ เพราะพี่ชายก็เพลี่ยงพล้ำไปสองสามหมัด โดนเตะสีข้างดังพลั่กๆ

เสียงปืนยังดังอยู่ มันระรัวจนแก้วหูสามแสนร้าวไปหมด พี่ชายโดนถีบกระเด็นวืดมาล้มตรงหน้า ไอ้เสือตัวยักษ์โผมาตามซ้ำด้วยมาดอาฆาต สามแสนไม่รู้จะทำยังไง จึงถลันตัวเข้าไปขวาง

ภภีมใจหายวาบเลย ถ้าคนดีโดนปลายเท้าโหดเหี้ยมกระแทกเต็มเหนี่ยว รับรองว่าคอต้องหักแน่ เขารีบยืดแขนขวาปัดป้องว่องไว สะท้านสะเทือนจนชาไปเลย กับแรงกระแทกหนักแน่นและร้อนฉ่า มืออีกข้างก็รวบเอวบางพาบิดเหวี่ยงกลิ้งหลุนๆ ไปทับพงหญ้า เธออาจเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าคอหัก

"ไอ้สารเลวเอ๊ย" ไอ้เสือคำรามเดือดดาล

"เออ"

ภภีมรับคำสั้นๆ พร้อมกับยันถีบกระแทกหว่างขาเต็มแรง แล้วดีดตัวขึ้นเหวี่ยงหมัดกระแทกโหนกแก้ม หางตาเห็นปืนยาวหล่นทับพงหญ้า จึงพุ่งกระโจนไปคว้าแล้วเหวี่ยงด้ามแข็งฟาดท้ายทอยเปรี้ยงเข้าให้

เขาไม่ยินดีที่เห็นร่างยักษ์ทรุดฮวบ เพราะตราบใดที่ยังโลดโผนอยู่ในเขตดงโจรฝั่งนี้ อันตรายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกวินาที

"สามแสนไปเร็วเข้า"

เขาตะโกนพร้อมกับกวักมือ ตัวเองวิ่งนำไปก่อน เสียงปืนยังดังรัวอยู่ แต่คนยิงไม่รู้ไปแอบยิงกันตรงไหน ซึ่งจะตรงไหนก็ช่างเถอะ เขาไม่สนใจว่าสองฝ่ายจะเป็นคู่กรณีแค้นกันมาก่อนหรือเปล่า แค่อยากขอบใจคนยิงปืนนัดแรก เพราะเสียงของมัน คือนาทีทองให้เขาพลิกวิกฤติกลับมาเป็นโอกาส

"พี่ชายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

"เป็นห่วงสามแสนไง ไปเถอะ อย่าปากมากนัก"

เขาติเหนื่อยๆ ฉวยข้อมือคนดีได้ ก็พาวิ่งเหมือนหลับหูหลับตา แต่สามแสนรู้ว่า เขาจำเส้นทางในป่าได้ดี คงไม่มั่วเหมือนสามแสนแน่ๆ

"เหนื่อยหน่อย แต่หยุดยังไม่ได้นะสามแสน อดทนหน่อยนะ"

"ค่ะ พี่ชาย"

สองเสียงแบ่งปันความห่วงใยลึกซึ้งผ่านลมหายใจหอบเหนื่อย เสียงปืนดังรัวถูกทิ้งไว้ข้างหลัง มันเบาลงทุกขณะ เพื่อบอกให้หนุ่มสาวโล่งใจว่า ตนวิ่งห่างจากจุดเกิดเหตุมาไกลโขแล้ว



ริมลำธารสายไม่คุ้นตานัก คือที่พักเหนื่อยชั่วครู่ชั่วยาม สาวหอบฮักๆ ปรี่ไปนั่งยองๆ วักน้ำมาลูบหน้าลูบแขน เหนื่อยแทบขาดใจเลย

"นี่เราอยู่ที่ไหนคะ ตรงไหนของป่า"

"ดงโจรนี่แหละ"

"ของลุงขมิ้นทองหรือเปล่าคะ"

"ยังหรอก พ้นราวป่าโน่นไปก่อนถึงจะใช่ หายเหนื่อยหรือยัง เราต้องรีบไปต่อ อยู่ในเขตของพวกมัน วางใจไม่ได้"

"ค่ะ พี่ชาย"

ช่างเป็นสาวว่าง่ายน่ารักนัก ภภีมวาบหวามใจเหลือเกิน ทุกครั้งที่ได้ยินคนดีอ่อนน้อมยอมความ

ดูไปแล้ว เธอก็มีส่วนเหมือนกับชุลียานั่นล่ะ ชอบตามใจเหมือนส่งเสริมให้เขานิสัยเสีย ปรารถนาสิ่งใดก็ต้องได้สิ่งนั้น ไม่เว้นแม้แต่กายผุดผ่อง แค่เขาบอกว่าอยากได้ ชุลียาก็ยอมพลีให้ไม่อิดออด แต่กับเรื่องนี้ สามแสนไม่น่าจะอ่อนข้อได้เท่ากับหล่อน



แสงตะวันหรี่ลงทุกขณะ สีเขียวของป่าแลหม่นอึมครึม แต่เท้าสองคู่ก็ยังคงซอยย่ำไปตามทางแคบๆ หญิงสาวเหนื่อยมาก นี่ถ้าพี่ชายไม่จูงไม่ลาก ก็คงหยุดวิ่งไปตั้งนานแล้ว ละอองฝนโปรยปรายลงมาทันทีที่พ้นป่าโปร่ง ลุข้ามเข้ามาในเขตดงโจรของนายขมิ้นทอง

"ฝนตกค่ะพี่ชาย" เธอตะโกนบอกอย่างตื่นเต้น

"ไม่เคยเห็นหรือ" ภภีมแดกดันกลับมา

"เคยค่ะ สามแสนก็แค่บอก"

"ตาฉันไม่ได้บอด"

ภภีมหยุดวิ่ง ปล่อยข้อมือเล็ก สามแสนทราบทันทีว่าปลอดภัยแล้ว เพราะเขาเริ่มเดินเนิบไม่แยแสฝนที่ตกซู่ๆ ลงมา แต่ก็ดีเหมือนกัน สามแสนไม่เคยเจอฝนกลางท้องทุ่งโล่งแบบนี้สักครั้งเลย

เธอยิ้มกว้าง กางแขนเหยียดออกจนสุด แหงนหน้าคอตั้งบ่า ปล่อยให้มันรับน้ำฝนเย็นฉ่ำเต็มที่ ภภีมหันมามองแล้วอมยิ้ม ไม่รู้สึกตัวสักนิดว่า ในแววตาฉายความรักเผลอไผลสว่างไสวเชียว

"สวยจังเลยค่ะพี่ชาย" เธอร้องบอก น้ำเสียงสดใสร่าเริง ทำท่าเหมือนจะลืมไปว่า ตนเพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกมาหยกๆ "สามแสนไม่เคยเห็นฝนสวยๆ กลางที่โล่งๆ แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ เราเล่นน้ำฝนกันเถอะค่ะพี่ชาย มาเร็ว"

"ไม่" ภภีมเสียงแข็งต่ำ ไม่เออออ

"มาน่า เลิกเก๊กสักสองสามนาที ไม่มีใครเห็นหรอกค่ะ สามแสนรับรองได้ มาเล่นน้ำฝนกับสามแสนเถอะ"

"ไม่ เอ๊ะ สามแสน บอกว่าไม่ไง สามแสน เอ๊ะ เด็กบ้านี่"

เด็กบ้าไม่สนใจเสียงเอ็ดฉุนเฉียวตั้งมั่นซุกซนทั้งลากทั้งฉุด แต่พี่ชายก็ขืนตัวยักท่า เธอเลยจี้เอวเข้าให้ เขาสะดุ้งแล้วร้อง 'อุ๊บ' พลางเบี่ยงตัวหนีเป็นการใหญ่

"หยุดนะสามแสน หยุด ฉันบอกว่าหยุด สามแสน หยุด สามแสน"

ตวาดไปเถอะ ตะคอกให้คอหอยแตก สามแสนก็ไม่กลัวหรอก เธอจ้องจี้เอวบังคับให้พี่ชายเล่นน้ำฝนด้วยให้ได้ มันเป็นอะไรไปหรือ แค่เล่นน้ำฝนสักสองสามนาทีแก้เหนื่อยเท่านั้นเอง และจากตรงนี้ มันก็ไม่ได้ไกลจากกระท่อมมากไม่ใช่หรือ ก็ลองว่ายังอยู่อีกไกลสิ เขาคงไม่เดินเนิบอย่างนี้หรอก

"ไม่หยุดอีก ฉันตบคว่ำเลยนะ"

"เอ้า ก็ตบสิ ตบได้ก็มาตบ ตบเลยๆ "

ภภีมหัวเราะ ฉุนจริงฉุนจัดกับการจงใจจี้เอวของแม่จอมซน ตั้งใจว่ารวบตัวได้เมื่อไหร่ จะพาดตักตีก้นเสียให้สาแก่ใจหงุดหงิด ตอนแรกก็ทันคว้าข้อมือเล็กไว้ได้แล้ว แต่เธอก็ปราดเปรียว สลัดหลุดแล้ววิ่งหนี ไม่ยอมจำนนง่ายๆ เขาจึงต้องออกแรงวิ่งไล่กันหน่อย

แล้ว ณ ปลายดงแห่งนั้น ภาพน่ารักๆ ก็พลันอุบัติ หนุ่มสาวต่างวัยวิ่งเย้าวิ่งหยอกกันกลางสายฝน ท้องทุ่งโล่งที่เจิ่งนองไปด้วยสายน้ำ เปรียบได้ดั่งอิสรภาพผืนใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้หัวใจสองดวงโลดแล่นเคียงคู่ มันปลอดโปร่งเริงร่ากว่าวันคืนใดๆ ที่ผ่านมา

สามแสนหัวเราะเสียงดัง ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข สนุกสนานเสียจังกับการวิ่งยั่วให้พี่ชายตามไล่ตามจับ บางครั้ง เห็นเขาหยุดเท้าสะเอว เอียงหน้า หรี่ตาดุๆ เธอก็กวักมือเร่ง ลอยหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่บ้าง กระตุ้นให้เขาออกแรงวิ่งกันอีกยก

ท่าทางก็อยากจับตัวเธอให้ได้ แล้วถ้าจับได้ เขาก็ต้องหาเรื่องลงโทษแน่ สามแสนไม่กลัวหรอก อยากลงโทษอะไรก็ว่ามาเถอะ ขออย่างเดียว อย่ามาสั่งให้สามแสน 'กลับบ้าน'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 20:26:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com