ปรียทรรศิกากัญญาวดีหลับพระเนตรลงเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหยัดวรองค์บางขึ้นตรง แววเนตรที่เปิดขึ้นอีกครั้งเข้มแข็งสมขัตติยะของราชกุมารีแห่งอมริสา!
...............................................
ข้าฯ ในนามผู้แทนพระองค์ ขออัญเชิญพระบรมราชโองการของเจ้าหลวงเขมทัตแห่งปรมินทร์มาประกาศ ณ ลานประหารแห่งนี้ว่า...
ปอยเกศาเส้นเล็ก ละเอียดดุจไหมชั้นเลิศหลุดลงมาจากมวย ระเรื่อยมาคลอเคลียดวงพักตร์หวานซึ้ง เนตรระยับหวานมองตรงไปด้านหน้าแน่วแน่ โอษฐ์บางราวกลีบมาลีคลี่แย้มสรวลน้อยๆ ให้กับผู้คนมากมายที่อยู่เบื้องหน้าลานกว้าง เสียงเซ็งแซ่นับหมื่นล้วนกรีดตะโกนไม่ยินยอม ดวงหน้าแห่งทุกผู้ล้วนนองเนืองด้วยน้ำตา เสียงตะโกนก่นด่าแลเพรียกหาวรองค์บางที่ประทับเด่นเป็นสง่ากึกก้อง กลบสรรพสำเนียงใดๆ ที่ออกมาจากปากของ ผู้แทนพระองค์แห่งเจ้าหลวง เสียสนิท
เนื่องจากหญิงผู้นี้ ได้กระทำตัวเป็นภัยแก่ชาติแลราชบัลลังก์แห่งองค์เจ้าหลวง นางและพี่สาวของนางได้ซ่องสุมกำลังพลเป็นจำนวนมาก เพื่อก่อการกบถต่อองค์เจ้าหลวงผู้ทรงมีพระเมตตาแก่พสกนิกรทุกผู้ในแผ่นดิน...
รอยแย้มสรวลเหยียดกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ผู้อยู่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงประกาศของ ผู้แทนพระองค์ เริ่มต้นตะโกนด่าอีกครั้งด้วยถ้อยคำรุนแรงยิ่งขึ้น เป็นผลให้ทหารที่ยืนรักษาความสงบอยู่ตรงนั้นใช้ดาบทั้งฝักฟาดแรงๆ ไปยังกลุ่มคน
ขนงเรียวงามขมวดไม่พอพระทัย สุรเสียงหวานที่เคยจับใจคนทั้งแผ่นดินดังขึ้น หยุดการกระทำของเจ้าเดี๋ยวนี้!
ทหารเหล่านั้นกลับมายืนตรงเช่นเดิมเสมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้นเมื่อครู่ ผู้แทนพระองค์ หันขวับมามองพักตร์งามด้วยแววตาเยาะเย้ย น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยให้ได้ยินกันเพียงสองคนถากถางน่ารังเกียจ
ท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิอันใดที่จะสั่งคนอื่นได้อีกหรือ!
นัยน์เนตรดังนิลเจียระไนวาววับ หากแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับ นอกจากการทอดสายพระเนตรไปไกล...
น้ำเสียงน่ารังเกียจนั้นกลับไปอ่านถ้อยคำใน ราชโองการ ยืดยาวต่อไป หากสรรพสำเนียงใดๆ ก็ผ่านกรรณของเธอไป โดยที่เธอก็มิได้ใส่พระทัยรับฟัง
...ณ ยามนี้มิมีสิ่งใดสำคัญ นอกเสียจากเสียงแห่งหทัยขององค์เอง...
วินธัย...
ริมโอษฐ์อ่อนขยับเพียงบางเบา ร่องรอยแห่งความสุขฉายผ่านเนตรงาม หทัยรำลึกถึงเพียงแต่บุรุษผู้เป็นที่รัก ทรงหวังไม่ให้เขาต้องกล่าวโทษตัวเอง อยากให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งต่อไป...
ถึงแม้ไม่มีปรียทรรศิกากัญญาวดีผู้นี้ก็ตาม!
...ด้วยความผิดที่มีทั้งหมด โทษทัณฑ์ที่นางผู้นี้จะได้รับคือการประหาร จบราชโองการ!
น้ำเสียงเหยียดยามแห่ง ผู้แทนพระองค์ ประกาศก้องดังกำชัยในสนามรบ แววตาวาววับด้วยความสาแก่ใจมองกวาดไปทั่ววรองค์บางระหงตรงหน้า ร่างหนาเดินเข้ามาประชิด ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ ริมกรรณ
เพราะท่านไม่รับข้อเสนอของข้าเองนะ โทษข้าไม่ได้นะองค์หญิง
ดวงพักตร์งามเรียบเฉย เพียงปรายสายพระเนตรมองบุรุษผู้นั้นอย่างชิงชังรังเกียจ เราขอตายโดยธำรงเกียรติแห่งอาทิตยราชไว้ดีกว่ามีชีวิตโดยเห็นเจ้า วิทูร
ร่างหนาขบกรามกรอด สะบัดหน้าเดินไปทางปะรำพิธีด้านข้างก่อนกระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้ประธานมองเธออย่างอาฆาตปนสะใจ
ทรงทอดสายพระเนตรมองกลุ่มคนนับหมื่นเบื้องล่างอีกครั้ง ทุกผู้คนกำลังร่ำไห้ ต่างจากพระองค์ที่กำลังแย้มสรวลรับพญามัจจุราชที่กำลังจะพรากดวงวิญญาณไปจาก ร่าง
ไม่มีวินธัย...
เนตรงามสลดลง ดวงพักตร์มองตรงสง่า ต่างจากดวงหทัยที่กำลังร่ำไห้อาดูร
...ข้าขอโทษ วินธัย ข้าทำตามสัญญาไม่ได้ ข้าไปอยู่ที่บ้านของเราไม่ได้อีกแล้ว...
...ดั่งจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบคำหวานริมพระกรรณ ลมที่โชยพัดผ่านนวลปรางดั่งจะเป็นมืออบอุ่นคู่นั้นที่เคยแตะแต้มเช็ดหยาดอัสสุชลชโลมไหลในครั้งเก่า...
นางกำนัลสี่นางที่กำลังก้าวมาถอดฉลองพระองค์ที่ใช้คลุมชั้นนอกร่ำไห้สะอึกสะอื้น มือเรียวสี่คู่สั่นระริก เมื่อปล่อยเรือนเกศานุ่มสีน้ำตาลเข้มลงมาจรดบั้นพระองค์ ก่อนเกล้ามวยขึ้นไปจนเห็นศองามระหง และ...
...ถวายบังคมต่ำตามราชประเพณี...เป็นครั้งสุดท้าย!
วรองค์บางทรงชุดขาวกรอมพระบาท งามพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้างก้าวช้าๆ ไปประทับยืนเคียงเครื่องประหาร...กิโยติน...สิ่งแปลกปลอมที่เพิ่มเข้ามา เมื่อต่างชาติได้มีอิทธิพลเหนือแว่นแคว้นของพระองค์
ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา ดวงหน้าที่ทรงทอดพระเนตรเห็นก้มต่ำด้วยความละอาย เขาถวายความเคารพดุจดังเช่นครั้งเก่าที่ทรงเคยได้รับจากทุกคน ก่อนเอ่ย กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษ โปรดอย่าได้เป็นเวรกรรมต่อกันเลยพะย่ะค่ะ
ทรงแย้มสรวลตอบนายทหารผู้นั้น ยิ้มนั้นงดงามจนทำให้อีกฝ่ายหลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกผิด หากแต่เขารู้...องค์หญิงทรงอภัยให้กับสิ่งที่เขากำลังจะทำแล้ว
ปรียทรรศิกามิได้รับรู้ว่าตนเองกำลังถูกผูกหัตถ์ไว้ด้านหลัง มิได้รับรู้ว่ามีใครนำผ้าแถบมารัดบั้นพระองค์ให้ติดกับไม้กระดานแคบๆ ก่อนที่จะแผ่นไม้นั้นจะลู่ลงราบขนานไปกับพื้น ศองามนั้นพาดไปกับช่องที่เว้นว่างไว้สำหรับให้วางคอ เพื่อให้มีดคมกริบหากแต่หนักอึ้ง...ที่บัดนี้ถูกแขวนนิ่งอยู่เหนือร่างงดงาม ได้หล่นร่วงลงมาตัดศีรษะเบื้องล่างอย่างแม่นยำ
หากกรรณของพระองค์มิได้หลอกองค์เอง ทรงสดับได้ถึงเสียงร้องไกลๆ...เสียงที่เหมือนกับเสียงของเขา พร้อมกับเสียงชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น
เนตรงามเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างชายผู้เป็นที่รักอยู่บนหลังม้า กำลังควบตะลุยฝ่าฝูงชนและกลุ่มทหารที่พยายามสกัดกั้นมิให้เขาได้เข้าถึงตัวพระองค์ได้โดยเร็ว น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความตกใจและรวดร้าวยิ่งนัก...
...อย่าฝืนอีกเลย วินธัย...
...เราเคยบอกว่ารักท่านหรือยังนะ หากเราไม่เคยบอก ขอความรู้สึกสุดท้ายนี้จงไปถึงท่านด้วย...
...เรารักท่าน วินธัย ยอดดวงใจของเรา เราให้อภัยท่านทั้งหมด...
เนตรงามหลับลงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ใบมีดจะร่วงลงมา...