Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โรงเรียนกลางสายฝน ตอน 3 ติดต่อทีมงาน

ตอน 1-2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10837764/W10837764.html


๓. ตึกไหมไทย
แม้ว่าจะยังค่อนเช้าของวันเปิดเทอมแต่ก็พอมองเห็นเด็กๆนั่งจับกลุ่มคุยกันตามม้าหินอ่อนบ้างแล้ว สีตัวหนอนบนทางเดินเข้มขึ้นนิดหน่อยเพราะฝนประจำฤดู พอสังเกตดูให้ดีโรงเรียนนี้ใช้พื้นที่ค่อนข้างเปลือง ส่วนมากเป็นสนามหญ้า แต่ถึงจะมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นมากสักเท่าไหร่ก็แทบไม่มีความหมายสำหรับเด็กๆที่รักเล่นกีฬา เพราะนักเรียนทุกระดับชั้นต้องสวมรองเท้าหนังเหมือนผู้ใหญ่ อย่างมากก็คงเล่นได้แค่ซ่อนหาไม่ก็วิ่งไล่จับเท่านั้น

ผมเดินเลียบทิวสนสูงตระหง่านซึ่งโอบล้อมถนนจากหน้าประตูทางเข้าจนมาถึงตึกไหมไทย รถตู้รับส่งหลายคันกำลังจอดให้เด็กนักเรียนลงมา โดยมีครูแสนสวยคนเก่งของผมกำลังคอยทำหน้าที่ต้อนรับพวกเขา
ผมเผลอดีใจรีบไปหาเธอจนลืมมองรถบนถนน

“ปรี๊น !” เสียงแตรรถตู้ดังลากยาว ผมคิดว่าคงเป็นโชคดีที่ตัวเองเป็นครูทำให้คนขับรถไม่เปิดกระจกด่าได้แต่ทำหน้าโมโหและส่ายหัวไปมาเท่านั้น

“ตายแล้ว !” ครูอุษาตกใจร้อง “เป็นอะไรรึเปล่าคะ”

“มะ … ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบเธอจากถนนฝั่งตรงข้าม

เธอช่วยมองซ้ายมองขวา แล้วบอกราวกับผมเป็นเด็กนักเรียนของเธออีกคนหนึ่ง “รถว่างแล้ว ครูปักษา ค่อยๆเดินมานะ”

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักแก้เขิน

ครูอุษาหัวเราะคิกๆ “ระวังหน่อยซิคะ”

แสงแดดยามเช้ากระทบผิวหน้าสวยใสให้ดูงดงามราวกับดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ รอยยิ้มของเธอทำลายความหวั่นใจของผมลงเมื่อต้องใกล้ชิดกัน สารภาพตามตรงว่าผมเริ่มอยากให้ความอบอุ่นของเธอเข้ามาละลายน้ำแข็งที่กัดกินหัวใจผมมานานเสียที

ผมยังคอยเหลียวหลังแอบมองเธอจนมาถึงประตูเข้าห้องพักครู ลูกบิดสีเงินดูราคาถูกกว่าที่บริษัทเก่าเป็นไหนๆ ผมไม่ใช่รองผู้จัดการที่พนักงานทั้งแผนกก้มหัวให้อีกแล้ว เมื่อก้าวผ่านประตูบานนี้ผมจะกลายเป็นครูธรรมดาๆคนหนึ่งในโรงเรียนเท่านั้น

ในห้องจัดโต๊ะติดกำแพงแบ่งเป็นสองฝั่งโดยให้ครูนั่งหันหน้าเข้าหากันและเว้นพื้นที่ตรงกลางเป็นทางเดินเอาไว้ ครูผู้ชายสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ ผมกล่าวแนะนำตัวกับพวกเขา แล้วจึงถามหาโต๊ะทำงาน

“ตรงนั้นครับ” ครูผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กล่าวพลางชี้นิ้วไปที่โต๊ะกลางห้องซึ่งมีป้ายชื่อผมวางอยู่ เขาแนะนำตัวว่าชื่อวิเชียร เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาภาษาไทย ส่วนครูผมสั้นและดูเคร่งขรึมกว่าอีกคนเป็น ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองชื่อ สมเกียรติ

ผมวางกระเป๋าลงมองไปรอบๆ โต๊ะทำงานของครูทุกคนจะมีป้ายชื่อวางอยู่ ครูที่นั่งหันหน้าชนกับผมพอดีชื่อ ณัชชา ภิภัทรนันท์ และครูที่นั่งอยู่ติดกับเธอก็คือ … ครูอุษา ศิริเมธา

ไม่เลวเลย ผมคิดในใจ โต๊ะไม้ตัวใหญ่สีกาแฟ เก้าอี้ทำงานเบาะหนังมีที่รองแขนและพนักพิงสูงถึงหัว ผมยังจำความขมขื่นสมัยเป็นนิสิตฝึกงานในโรงงานได้ดี ที่นั่นเก้าอี้ทำงานตัวเล็กมากซ้ำร้ายยังไม่มีที่รองแขน คิดดูเถอะว่าคนสูง 175 เซนติเมตร อย่างผมต้องนั่งทำงานทั้งวันด้วยความอึดอัดขนาดไหน

“ยินดีต้อนรับครับ หวังเราคงร่วมงานกันได้ดี แม้ว่าจริงๆแล้วผมกับครูปักษาอาจไม่ต้องทำงานร่วมกันเลยก็ตาม” ครูสมเกียรติกล่าวด้วยเสียงทุ้มและต่ำ

“เหรอครับ” ผมกล่าวรับหัวหน้าฝ่ายปกครองอย่างขอไปที เมื่อประตูห้องพักครูเปิดออกเบนความสนใจของผม

“เข้าเวรเสร็จแล้วเหรอ สา” ครูสมเกียรติหันไปทักครูอุษาคนสวยแทนเหมือนกัน

“ยังหรอกค่ะ” เธอยิ้มพลางก้มศีรษะลง “แต่วานพี่แก้วช่วยดูต่อให้ เผอิญพี่แคทโทรมาของานด่วน สา เลยต้องมารีบทำก่อน”

ครูอุษาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ทำงานแล้วสวมมาดคุณครูคนขยัน ผมพยายามสังเกตหาจุดเด่นบนใบหน้าของเธอแต่ดูเหมือนเสียเวลาเปล่าเพราะทุกอย่างดูลงตัวไปหมดไม่มีอะไรเด่นกว่ากันราวกับว่าเธอคือปฎิมากรรมชิ้นเอกที่สวรรค์สรรค์สร้างขึ้นมาเลยทีเดียว และระหว่างนี้ผมก็ต้องคอยชำเลืองมองครูผู้ชายสองคนเป็นพักๆขณะแอบดูครูอุษา เพราะไม่รู้ว่าสองคนนี้จะร้ายเหมือนผู้อำนวยการรึเปล่า เมื่อเห็นว่าทางสะดวกผมก็หันมาแอบมองแม่นกน้อยต่อ แต่ไม่ทันไรใจก็หล่นวูบลงไปกองอยู่บนพื้น เมื่อเห็นแหวนเงินบนนิ้วนางมือซ้ายของเธอที่กำลังขีดเขียนบนกระดาษ

“เฮ้ย ! บ้าน่า ไม่จริง ” ผมบอกตัวเอง

เสียงเพลงประจำโรงเรียนดังขึ้นเวลาเจ็ดโมงห้าสิบนาที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่มีเสียงเครื่องเคาะให้จังหวะอยู่ในเพลงเลยรึเปล่า ทำให้บรรยากาศเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าดูเนือยๆชอบกล พิธีการทั้งหมดเหมือนกับสมัยผมเด็กๆไม่มีผิด เปิดเทอมวันแรกครูสมเกียรติคงจะพูดมากหน่อย พวกเด็กนักเรียน ป.1 คงรู้สึกแปลกๆกับวันนี้ บางคนอาจจะรู้สึกต่อต้านส่วนพวกเด็กเก่าๆคงชินชาแล้ว

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมต้องพูดประโยคเดียวกันซ้ำๆหลายครั้งให้เด็กๆแต่ล่ะห้องฟัง จนนึกกลัวว่าจะเริ่มเบื่อเข้าสักวัน เด็กดื้อพอมีให้เห็นบ้างแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมที่เคยคุมพนักงานหัวแข็งหลายคนในแผนกมาแล้ว การทำงานวันแรกจึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ชั่วโมงสอนวันนี้ของผมหมดลงในคาบสุดท้ายตอนบ่าย เมื่อกลับมาที่โต๊ะทำงานก็ถึงรู้ว่าครูแก้วเองเป็นคนนั่งอยู่ตรงหน้าผม สาวแว่นชมพูยังคงความสดใสเหมือนเมื่อวันแรกที่เราเจอกันไม่มีผิด

“กินเค้กด้วยกันมั้ยคะ” เธอเอ่ยชวน พลางหยิบขนมเค็กกล่องเล็กขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย

“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ถนัดของหวาน”

“เหรอ พี่กินคนเดียวก็ได้” เธอทำเสียงเสียดาย แล้วกินเค้กหมดภายในสองคำ

ครีมสีขาวเปื้อนแก้มเธอข้างหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้บอกแกล้งปล่อยให้เป็นสาวน้อยถูกปะแป้งไปอย่างนั้นจนเด็กนักเรียนที่เข้ามาส่งการบ้านทัก ผมต้องรีบก้มหน้าก้มตากลั้นหัวเราะหลบสายตาเธอพลันวัน พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเธอเก๊กหน้าดุใส่

“เดี๋ยวจะโดนนะคะ คุณครูปักษาสวรรค์” เธอยิ้มพูดเน้นเสียง

ผมพยายามกลั้นหัวเราะ

เธอลุกขึ้นยืนพลางหยิบกระดาษบนโต๊ะมาด้วย “ตายจริง เกือบลืมสนิทเลย พี่แคท ฝากกำหนดการเข้าค่ายวันเสาร์นี้มาให้ด้วยล่ะ”

“ค่ายอะไรเหรอครับ”

“ทุกต้นเทอม เด็กที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนจะต้องเข้าค่ายพัฒนาตนเอง รายละเอียดก็ตามนี้” เธอพูดพลางส่งกระดาษมาให้ “เข้าค่ายเนี่ยสนุกมากเลยนะ ขอบอก”

ท่าทางประกอบคำพูดของสาวแว่นดูตลกมาก เธอถอดเสื้อนอกพาดไว้บนเก้าอี้ เสื้อเชิ้ตสีเทาของเธอไม่ได้รัดรูปเหมือนเครื่องแบบนิสิตหญิงตามสมัยนิยม แต่คงเพราะเนินอกคู่นั้นทำให้ผมพอจินตนาการสัดส่วนของเธอได้ไม่ยาก

“ใหญ่เหมือนกันนะ” ผมคิดในใจ

เวลาเลิกงานของผมเร็วกว่าสมัยเป็นพนักงานบริษัทเกือบสามชั่วโมง มันเป็นเรื่องดีที่เชื่อว่าพนักงานบริษัททั้งประเทศต้องการและผมก็ได้สิ่งนั้นมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำเป็นนั่งทำงานต่อด้วยเหตผลเดียวคือ ครูอุษา ยังอยู่ในห้องเหมือนกัน ผมแคลงใจแหวนของเธอมากว่ามันหมายถึงอะไร เธอใส่ไว้เฉยๆ หรือว่าจริงๆแล้ว  …

ผมทำทีลุกขึ้นไปกดน้ำเย็นใส่แก้วแล้วเดินกลับมาชวนแม่นกน้อยคุย “ครูแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ”

“ค่ะ ถ้าเป็นวันจันทร์พี่แก้วจะกลับเร็ว” ครูอุษายิ้มตอบ

“สงสัยจะรีบไปหาแฟน” ผมพึมพัมคนเดียว พลางมองออกไปนอกกระจกหน้าต่างเห็นเด็กสามคนที่ไม่น่าใช่เด็กประถมแน่ๆ กำลังดึงเสื้อเด็กอีกคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าไปทางหลังตึก ผมหันซ้ายไปทางห้องหัวหน้าฝ่ายปกครองแต่ไม่มีใครนั่งอยู่

“พี่สมเกียรติกลับไปแล้วเหรอครับ” ผมถามครูอุษา

เธอชะโงกหน้า “ไฟในห้องยังติดอยู่เลย น่าจะยังนะคะ ปักษามีอะไรรึเปล่า”

“ไม่ครับ หวังว่าจะไม่ … ” ผมบอกเธอพลางรีบออกมาตามหาเด็กกลุ่มนั้น ดูยังไงๆเด็กโตสามคนคงไม่ใช่เพื่อนเจ้าตัวเล็กแน่ๆ

ผมเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ผมต้องรีบหยุดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงเกินไป เด็กประถมต้นคนเดียวกับเด็กมัธยมสามคนผลลัพธ์อาจหนักหนาถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ผมเริ่มเห็นหมาหมู่จากระยะไกล ไอ้เด็กพวกนี้ก็เจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่นเลือกสถานที่ก่อเรื่องได้ดี พวกตัวใหญ่ผลักเด็กน้อยน่าสงสารกระเด็นไปมาอย่างกับเล่นลิงชิงบอล จนในที่สุดหมัดแรกของพวกเด็กมัธยมก็เริ่มขึ้น

“หยุดนะ พวกเธอ !” ผมตะโกนห้าม เด็กทั้งหมดชะงัก เด็กโตสองในสามตะโกนเรียกอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนหัวโจกให้รีบวิ่งหนีไปด้วยกัน แต่หมอนี่เอาเรื่องทีเดียวต่อหน้าครูผู้ชายที่สั่งให้หยุด ยังไม่วายจ้องเล่นงานเจ้าตัวเล็กต่อ หมัดแรกพลาดเป้า แต่เจ้าตัวโตยังคงรุกไล่จนเจ้าตัวเล็กหลังพิงกำแพงโรงเรียน หมอนี่ทำราวกับผมไม่มีตัวตน

“ปัดโธ่เว้ย ! บอกให้หยุดไงเล่า” ผมสบถเสียงดังพลางรีบวิ่งไปห้าม

“ขอสักทีเหอะวะ” เด็กโตพูด แล้วปล่อยหมัดฮุคขวา เจ้าตัวเล็กโยกหัวหลบได้ฉิวเฉียว แต่หมัดตรงก็ตามไปอีก

“หยุดนะ สิทธา!” เสียงครูอุษาตะโกนมาจากข้างหลัง เจ้าตัวเล็กชะงักเสียจังหวะ โดนหมัดเต็มๆจนล้มลงกับพื้น

“อย่าให้กูเจอหน้าอีกนะมรึง !” เด็กมัธยมไม่วายชี้หน้าด่าก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทางหลังโรงเรียน

“บ้า ชะมัด ไอ้เด็กพวกนี้ไวเป็นปรอท” ผมสบถเสียดายที่ไล่ตามจับไม่ทัน

“เป็นอะไรมากรึเปล่า สิทธา ไหนครูดูหน่อยซิ๊” ครูอุษารีบเข้าไปดูอาการเด็กน้อย เธอคงรู้จักเด็กคนนี้เพราะดูเป็นห่วงเอามากๆทีเดียว “ตายจริง ปากเป็นแผลเลือดออกด้วย รีบไปห้องพักครูเถอะ เดี๋ยวครูจะทำแผลให้”

“ทำไมครูอุษาถึงตามมาได้ล่ะครับ” ผมถามเธอ

“เห็นครูปักษาท่าทีรีบร้อนผิดสังเกต เลยลองตามออกมาดูน่ะค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้” เธออธิบาย ระหว่างเดินกลับห้องพักคร

“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ครูอุษา” เสียงแหลมเล็กของเจ้าตัวเล็กที่คงจะชื่อสิทธา พูดขึ้น  

“เธอจำหน้าสามคนนั้นได้รึเปล่า” ผมหันไปถามสิทธา “ครูจะบอกฝ่ายปกครองให้”

“ไม่ค่อยได้ครับ” แกตอบ

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ผมนึกในใจ เด็กคนนี้จงใจโกหก แต่ในฐานะผู้ชายด้วยกันผมก็พอจะเข้าใจเหตุผล  “โดนลากจากที่อื่นมาโดนอัดถึงที่นี่มีเหรอจะไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน”

ผมเปิดประตูห้องพักครูให้ครูอุษา พลางนึกขำเมื่อเห็นหัวหน้าฝ่ายปกครองนั่งหน้าสลอนอยู่ที่โต๊ะ

“อ้าว เกิดอะไรขึ้น … ทำไมหน้าถึงบวมอย่างนั้นล่ะ” เขาพูด

“สิทธาโดนเด็กมัธยมทำร้ายค่ะ” ครูอุษาบอกเขา “ดีที่ ครูปักษา รีบออกมาห้ามไว้ ไม่งั้น เรื่องคงจะแย่กว่านี้สา ขอทำแผลให้ สิทธา ก่อนนะคะ พี่สมเกียรติ”
ผมเดินไปหาหัวหน้าฝ่ายปกครอง ซึ่งดูเฉยฉาผิดวิสัย “เราน่าจะตามหาเด็กที่ก่อเรื่องนะครับ พวกนั้นทำเกินไป”

“ไม่ต้องหรอก” เขาตอบเรียบๆ พลางลุกขึ้น “เด็กพวกนั้นไม่รู้ว่าทางโรงเรียนเพิ่งติดกล้องวงจรปิดไว้แถวนี้ แต่ไหนแต่ไรพวกเด็กมัธยมต้นก็ชอบมาก่อเรื่องแถวนี้เป็นประจำ พรุ่งนี้เช้าภาพจากกล้องจะถูกส่งไปหาหัวหน้าฝ่ายปกครองทุกระดับชั้น”

“อย่างนี้นี่เอง” ผมดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น

เขาเดินเร็วๆไปหาครูอุษาที่กำลังทายาที่ปากให้เจ้าตัวเล็กอยู่ “สิทธา ไม่ได้ตอบโต้ใช่มั้ย ”

“ไม่ครับ” ผมเอ่ยปากแทนครูสาวกับลูกศิษฐ์ “ผมเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก น่าเสียดายที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้”

“ไม่หรอกครับ ครูทำได้ดีมาก ไม่อย่างนั้น ...”  ครูสมเกียรติพูดแล้วชะงัก

ผมเงียบรอฟัง

“ช่างเถอะๆ” เขาดูรีบพูด พลางเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน “เด็กของเราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบประสานไปทางฝ่ายปกครองแผนกมัธยม รับรองรวบตัวได้ครบแน่”

“อดทนได้ดีมาก ” ครูอุษาพูดกับสิทธาเบาๆ ผมแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเธอยิ้ม

เจ้าตัวเล็กยิ้มเขินๆ “ผมสัญญากับครูอุษาไว้แล้วนี่ครับ จะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกเด็ดขาด”

ผมเริ่มรู้สึกเหมือนเคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อนไม่ใช่แค่นั้นชื่อ สิทธา ก็ยังฟังดูคุ้นมาก

จากคุณ : FlowerSong
เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:40:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com