Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 21 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10831126/W10831126.html

บทที่ 21

ใบพลูปรี่ลงมาเกาะแขนในทันที ไม่สนใจแววตาขุ่นของนายขิง หล่อนร้อนใจกับการกลับกระท่อมล่าช้าของหนุ่มใหญ่จะแย่ ฝนก็ตกหนักเหมือนฟ้ารั่ว

นายขิงเปรยว่าเขาอาจติดฝนแถวไหนสักแห่ง จึงลงมือทำอาหารเย็นกินกันไปก่อน แต่หล่อนก็สมัครใจรอ ไม่แตะต้องอาหารที่หนุ่มหล่อตั้งอกตั้งใจทำให้

"หายไปไหนมาตั้งนาน ใบพลูเป็นห่วง ฝนก็ตกหนัก แล้วนี่ทำไมเปียกปอนกันมาแบบนี้จ๊ะอาดุ"

เสียงใสลอยไปลอยมารอบตัว สายตาก็กวาดสำรวจถี่ยิบ มือสองข้างไม่ยอมละห่างแขนใหญ่ เดี๋ยวก็ย้ายไปข้างซ้าย ประเดี๋ยวก็ข้างขวา นายขิงมองลงมาจากชานครัว ก็อดหมั่นไส้ระคนหึงหวงไม่ได้ เขาแอบแดกดันในใจด้วยว่า 'เดินพันเป็นงูรัดเสียขนาดนั้น ทำไมไม่กอดเสียเลยล่ะ'

"เป็นความผิดของสามแสนเอง" สาวม่อลอกม่อแลกรีบสารภาพ "เรากลับช้า เพราะสามแสนเผลอเดินล้ำเข้าไปในเขตดงโจรฟากโน้น พี่ชายก็เลยเสียเวลาเข้าไปตาม"

"อีกแล้วหรือ" ใบพลูหยุดเดินพันเป็นงูรัด เสียงใสเปลี่ยนเป็นแว้ด "เธออีกแล้วหรือ ใจคอจะก่อปัญหาให้อาดุปวดหัวไปอีกนานแค่ไหน กลับบ้านกลับช่องของเธอเสียทีดีไหม ที่นี่มีแต่คนเขารำคาญเธอทั้งนั้น เธอมันตัวปัญหา น่าเบื่อ"

"ก็ถ้าใบพลูอยากให้สามแสนกลับบ้านเร็วๆ ใบพลูก็ช่วยเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้สามแสนหน่อยสิ เขาดื้อออก สามแสนตี๊อยังไง เขาก็ไม่ยอมกลับ"

"ไม่ช่วย" สาวสวยอย่างใบพลูแว้ดเสียงแหลมเลย แถมพาตัวไปเท้าสะเอวถลึงตาดุร้ายเชียว "เธอนี่ท่าจะบ้า ฉันจะช่วยเธอทำไม แล้วทำไมอาดุต้องตามเธอกลับบ้านกลับเมืองของเธอด้วย ปัญญาอ่อน"

"ใบพลู"

"เธอมันปัญญาอ่อน" ใบพลูย้ำหนัก "อาดุเขาจะไม่ไปทั้งนั้นแหละ เขาต้องอยู่ที่นี่ เป็นหวานใจของสาวสวยอย่างใบพลูย่ะ อีกหน่อยเขาจะเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดในป่าละแวกนี้ ของเจ้าสาวที่สวยที่สุดในป่าละแวกนี้ รู้ไว้เสียด้วย"

นายขิงส่ายหน้าระอาความดันทุรัง นึกเสียดายว่านายดุไม่ได้อยู่ฟังด้วย เขาขึ้นมาชะโงกดูยาต้ม ขึ้นไปหยุดเท้าสะเอวหน้าชานเปียกเจิ่ง มองความมืดนิ่งๆ ไม่รู้ว่าในสมองคิดอะไรอยู่ สักพักก็เดินหายเข้าห้อง เดาว่าคงจะไปดูอาการของผู้กองพันยศ

อยากรู้จังเลยว่า ถ้าเจ้าตัวได้ยินทุกประโยควาดหวังของใบพลู จะมีปฏิกิริยายังไง หรือโต้ตอบอะไรกลับไปบ้าง

"สามแสนเข้าใจ" สาวตัวเปียกทำท่าจะขึ้นมาข้างบน แต่ใบพลูก็ดูเหมือนจะขุ่นเคืองไม่หาย จึงกระชากแขนลากกลับลงไปอีก "ให้สามแสนเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม สามแสนหนาวมากเลย เหนื่อยด้วย"

"ก็แล้วใครใช้ให้เธอสาระแน แล่นแถไปถึงดงโจรฟากโน้นยะ เรียกร้องความสนใจละสิ หรืออยากจะหาโอกาสอยู่กับอาดุสองต่อสองนานๆ "

"ใบพลู อย่าเหลวไหลน่า สามแสน.. "

"ฉันเคยเตือนแล้วใช่ไหม" ต้นแขนเล็กโดนกุมหยาบ ใบพลูจงใจบีบแรงๆ แล้วผุดยิ้มสะใจเมื่อสามแสนนิ่วหน้าเจ็บ "อาดุเป็นหวานใจของฉัน ใครหน้าไหนก็อย่าสะเออะมาแย่ง"

"สามแสนจำได้"

"จำได้ก็ดีแล้ว ฉันไม่ได้พูดเก่งแต่ปากนะ ถ้าใครกล้าแหยมหน้ามา แม่จะกระทืบยอดอกให้ดู ลองไหมล่ะ"

นายขิงสงสารเพื่อนสาว เขาคิดว่าสามแสนรักษามารยาทมากพอแล้ว เธอใจกว้างเกินไป สาวสวยอย่างใบพลูจึงได้ใจหนักข้อ เขาจึงลงมาช่วยยุติ ด้วยการดึงตัวเธอออกจากมือหาเรื่อง แล้วพยักพเยิดให้ขึ้นข้างบน

"พี่ขิง" หล่อนแหว เท้าสะเอวนักเลง

"น้อยหน่อยนะ" เขาติงด้วยเสียงต่ำ ปัดมือหล่อนลง "เจอคนดีก็ให้สำนึกว่าเจอคนดีนะ ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้ คงเปิดศึกตบตีตะลุมบอนกันกลางฝนแล้ว"

"วิเศษ อุ๊ย" กระชากเสียงแดกดันไม่ทันขาดคำ ร่างก็ซวนเพราะถูกลากวืดกลับขึ้นมาเถียงกันต่อ ตรงหน้าเตานี่ล่ะ

"สำหรับพี่ ไม่มีใครวิเศษเลย นอกจากใบพลู แต่สามแสนเป็นเพื่อนที่ดีของพี่ เป็นคนดีน่าคบ พี่เสียดาย ถ้าใบพลูจะไม่ต้อนรับมิตรภาพของสามแสน"

"ไม่ต้อนรับ" เสียงแหวลอยกลับทันควัน "ทำไมใบพลูต้องต้อนรับคนที่จะมาแย่งอาดุของใบพลูไปด้วย นอกจากจะไม่เป็นมิตรด้วยแล้ว ใบพลูจะตั้งป้อมเป็นศัตรู ถึงไหนถึงกัน ตบได้ เตะได้ กระทืบได้ ถึงขั้นให้ฆ่าหมกป่า ใบพลูก็จะทำ"

ภภีมออกมาทันได้ยินท่อนสุดท้ายเข้าพอดี เขาวางหน้าเฉยๆ ไม่นึกปลื้มใจว่าตนเป็นคนแก่เจ้าเสน่ห์ มีสาวๆ มารุมรัก บางรายก็ทอดสะพานออกนอกหน้า อย่างใบพลูก็ทึกทักหนักแน่น หรืออย่างสามแสนก็ดั้นด้นมาตาม

เขาหนีความเจ็บช้ำคับแค้นเข้าป่าเพื่อมารอวันตาย ไม่ได้มาเป็นตัวเลือกให้ใครรักอีก แล้วเขาก็เผยท่าทีเย็นชาชัดเจนกับทุกคนไปแล้ว คนที่คิดได้ก็ถอยหลังกลับไปเอง เหลือก็แต่ใบพลู ดึงดันเดินหน้าให้เขารำคาญได้ทุกวัน



ความมืดตรงหน้ามันประดับด้วยม่านฝนหนาหนัก สามแสนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างใน ทายว่าคืนนี้ คนดีต้องหลับเป็นตายแน่ๆ เพราะเพิ่งจะผ่านความตระหนกในดงโจรฟากโน้น แล้วมาวิ่งเล่นไล่จับกลางสายฝนในดงโจรฟากนี้นานตั้งพักใหญ่

เธอน่ารักที่สุด ร่าเริงสดใส เสียงหัวเราะดังๆ มันเบิกบานและก้องกังวานอยู่ในความทรงจำซึ้งๆ

ภภีมรู้สึกเจ็บปวดบอกไม่ถูกเลย เมื่อนึกว่าพรุ่งนี้ เขาจะเป็นคนพาเธอกลับบ้านด้วยตัวเองแล้วล่ะ จากนั้น ก็คงต้องบอกไปเลยว่า เขาจะย้ายที่อยู่จากป่าแห่งนี้ สู่ป่าแห่งอื่น ซึ่งก็ระบุไม่ได้อีกว่าเป็นที่ไหน คนดีจะได้เลิกหวัง หมดหวัง และสิ้นสูญกับความหวังนั้นไปเลยอย่างจริงจัง

หนุ่มใหญ่อายุสี่สิบต้นๆ คนนี้ ไม่มีอะไรเลยที่คู่ควรกับสาวอายุยี่สิบต้นๆ ผู้น่ารักชื่อสามแสน อนาคตก็ไม่มี ความรู้ก็หยุดนิ่งมานานกว่ายี่สิบปี หัวใจทั้งดวงก็แตกสลาย ความรักมั่นคงก็ฝากฝังไว้กับชุลียา มันจะไม่มีวันย้ายมือเปลี่ยนเจ้าของอีก

ในดวงตามันร้อนอ้าวขึ้นด้วยหยาดน้ำรื้น เพียงวูบเดียวเองใช่ไหม ที่ระลึกว่าจริงๆ แล้ว ความรักมันขยับจากเจ้าของเดิมไปนิดหน่อยแล้ว ภภีมร้าวรานบอกไม่ถูกเลย

เขาแค้นใจที่ตัวเองอ่อนไหวเกินไป หักห้ามความรักที่มีต่อสามแสนไม่สำเร็จ เขารักเด็กคนนี้ แล้วมันก็เป็นรักที่แสนขม เป็นรักที่เจือปนด้วยตะกอนแหลกสลายในวันวาน เป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์ และเป็นรักที่ไม่มีวันสมมาดได้ แต่เขาก็รักไปแล้ว

ละอองเย็นฉ่ำพรายมาต้องแผงอก มันทำให้หวนระลึกถึงภาพของตัวเองกับสามแสนเมื่อหลายนาทีก่อน เธอหลอกล่อให้เขาวิ่งไล่ตามจับ เขาทำได้อยู่แล้ว รวบเอวบางไว้ได้ แล้วพาเหวี่ยงเป็นวง เธอหัวเราะชอบใจเสียงดัง ดิ้นขลุกขลักกระทั่งหลุดจากปลอกแขน แต่ตัวเองก็หล่นตุบลงแช่ในแอ่งตื้นๆ แถวนั้น

"พี่ชาย สามแสนสกปรกหมดแล้ว นี่มันโคลนนะ" เธอโวยวายกลั้วหัวเราะ

"ก็ดีแล้วนี่ ฉันสั่งให้หยุด ทำไมไม่หยุด ทีนี้ จะกลับกันได้หรือยัง ไป"

แล้วเธอก็พยศ ด้วยการกระตุกขา ทำให้ร่างไม่ทันระวังหล่นพรวดลงจมในแอ่งด้วยกัน ทั้งน้ำโคลนน้ำฝนกระเซ็นขึ้นเปรอะหน้าเปรอะอก เขาเคืองจัง จึงกระชากเธอเข้ามาใกล้ ตั้งใจจะทำอะไร ด่าใช่ไหม

แต่รอยยิ้มชอบใจรอยนั้น มันหวานมาก ตาเรียวคู่นั้นเปล่งประกายความสุขระยิบระยับไปหมด กระแสรัญจวนก็พลันจู่โจมพลุ่งพล่าน มันแรงกล้าจนเขาหักห้ามอารมณ์อยากจูบไม่ไหวเลย แล้วเขาทำอะไร จูบหรือเปล่า

"จะทำอะไรคะพี่ชาย"

ภภีมกลืนความร้าวรานลงลำคอ กะพริบตาขับไล่หยาดน้ำรื้นและไอระอุอ้าว ต้องขอบคุณคำถามน่ารักของเธอด้วยใช่ไหม มันกระชากอารมณ์อ่อนไหวขาดผึง แล้วเขาก็รู้สึกตัวอย่างเงอะงะ กระดากกระเดื่องว่า ใบหน้าของตัวเองโน้มต่ำลง จนปากกับปากเกือบจะชนชิดกันอยู่แล้ว

"ทำอะไร จะเขกหัวไง ไป กลับบ้าน"

เขารีบกระชากเสียงขุ่น บิดเบือนความปรารถนาร้อน กลบเกลื่อนให้เนียนอีกนิดด้วยการเขกหัวแม่จอมซนแรงๆ แต่ในขณะเดียวกันนั้น หัวใจก็พลันหลั่งน้ำตาอย่างอาดูร เศร้าในทรวง ขื่นในอก เจ็บหนึบลึก จนไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงดี

เขากลัวเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว การใกล้ชิดกับสามแสน มันต้องมีสักนาทีที่เขาเองเป็นฝ่ายก่อเรื่องงามหน้า แล้วถ้ามันเกิดขึ้น เขาจะมองหน้าสามแสนไม่สนิทอีกเลย แม้แต่จะเก็บรักษาความรักที่มีต่อเธอไว้ ก็อาจจะไม่กล้าอีก

'ชุจ๋า อยู่ที่ไหน ฉันเจ็บปวดมากเลย นี่ถ้าชุอยู่ด้วย ฉันคงนอนตักให้ชุปลอบ ทำไมสวรรค์โหดร้ายกับเราอย่างนี้ ทำไมพ่อกับแม่ ต้องทำร้ายความรักของเราอย่างนี้ ชุจ๋า ได้ยินฉันไหม เมื่อไหร่จะมารับฉันไปอยู่ด้วยเสียที'

สายฝนไหวเอนเส้นอ่อนอยู่ตรงหน้า กระแสลมพลิ้วมาวนเวียน ประหนึ่งจะรับฝากถ้อยรำพันของหนุ่มอกโศกไปส่งยังดวงวิญญาณอันไกลโพ้น ถ้ามันพูดได้ ก็อาจจะบอกกับภภีมหน้าเศร้าว่า 'ส่งน่ะส่งได้ แต่ทางโน้นจะตอบกลับหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้นะ'



เปลวไฟในตะเกียงมันอยู่ไม่นิ่ง แสงที่สาดไปจับใบหน้าทุกคนที่ล้อมวงกินข้าวตรงมุมหนึ่งในห้องนอนก็เลยพลอยวูบๆ วาบๆ ไปด้วย

ภภีมกินไปเงียบๆ ใบพลูเอาอกเอาใจ ตักโน่นนี่ใส่จาน เขาก็พยักหน้าแทนคำขอบใจ เห็นนายขิงตักใส่จานสามแสนบ้าง ก็ได้แต่ใจร้าว ตัวเองอยากตักให้ ก็ตักไม่ได้

เขาทะเลาะกับคนดีตอนขากลับ มันเป็นเรื่องขัดแย้งซ้ำซาก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสดใสร่าเริง บรรยากาศที่งดงามด้วยความเบิกบานในอารมณ์ ถูกผลักไถลไปไกลด้วยคำพูดดื้อรั้นที่ว่า

"กลับบ้านพร้อมกับสามแสนนะคะพี่ชาย"

"รู้เรื่องของฉันทุกอย่างแล้วนี่ ทำไมยังไม่เข้าใจอีกว่า ฉันหันหลังให้มันนานเกินไปแล้ว ย้อนกลับไปอีกไม่ได้หรอก"

"ก็เพราะว่ามันนานเกินไปแล้ว สามแสนจึงอยากให้พี่ชายกลับเสียที คุณตาคุณยาย.. "

"เงียบนะ"

เขาตะคอกห้าม สะบัดหน้าซ่อนแววตาสะเทือนใจ หัวใจก็สั่นรุนแรง ไม่อยากได้ยินเธอพาดพิงถึงบิดามารดาแม้สักครึ่งคำ

เขาไม่เคยลืมอิริยาบถเลือดเย็นบนระเบียง ณ คืนค่ำฟ้าหม่น ท่านทั้งสองตรึงร่างได้นิ่งมาก มีเพียงสายตาเท่านั้นที่เลื่อนตามเขา ซึ่งอุ้มชุลียาเลือดชุ่มฝ่าฝนไปขึ้นรถอย่างทุลักทุเล คนสวนวิ่งมา ทำท่าจะช่วย ก็โดนท่านตะโกนตวาดว่า 'อย่ายุ่ง' สาวใช้วิ่งมาช่วยเปิดประตูรถ ก็โดนตะคอกอีกว่า 'แส่นัก'

"พี่ชายคะ" เธอดึงแขน ตั้งท่าจะเป็นเจ้าชีวิต ลิขิตทางให้เขาเดิน "หยุดเสียทีเถอะค่ะ พี่ชายทำร้ายตัวเองมายี่สิบปีแล้ว ได้อะไรจากมันบ้างคะ"

"ได้" เขาสะบัดแขน หันกลับไปตอบโต้เสียงขื่นปนสั่น "ได้ความพอใจ ใครไม่พอใจฉันก็ช่าง ติเตียนว่าฉันอ่อนแอก็ช่าง ด่าว่าฉันเป็นผู้ชายอกสามศอกเสียเปล่า เจอเรื่องรักร้าวเมียตายลูกแท้งแค่นี้เอง ก็ทำเป็นใจเสาะ ละทิ้งโน่นนี่ไปเสียหมดก็ช่าง"

"แต่มันจริง"

"ใช่ มันจริง ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่ามันจริง แต่ฉันก็พอใจว่าไม่ต้องทนเห็นหน้า.. "

แล้วเขาก็ค่อยพบว่า ตัวเองไม่อาจลืมความแค้นแน่นทรวง กระทั่งจะเอ่ยถึงบิดามารดาสักคำ น้ำตาก็ร่วง พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น สามแสนเห็นเข้าก็หน้าเสีย เขาจึงรีบตัดบท

"อย่าสนใจฉันอีก เลิกล้มความคิดจะพาฉันกลับบ้าน ฉันขอโดดเดี่ยวอยู่ที่นี่ ตายเงียบๆ ที่นี่ เธอกลับบ้านไปอยู่กับสังคมของเธอ สักวันหนึ่ง เธอก็จะได้เจอกับผู้ชายที่คู่ควรให้.. "

"สามแสนเจอผู้ชายที่คู่ควรกับสามแสนตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนคู่ควรกับสามแสนได้เท่ากับพี่ชายใจดีที่ช่วยชีวิตของสามแสนไว้ที่ปลายดงโน้น"

เพิงเล็กๆ ในพงไผ่ มันก็คับแคบพอนั่งหลบฝนได้สองคนอย่างเบียดๆ เขาจึงมีโอกาสได้ประสานแสงตาเด็ดเดี่ยวของคนดีได้นานจนพอใจ แล้วค่อยเบนหลบไปเอง

จะให้สารภาพตามตรงว่าซาบซึ้งใจกับประโยคหวานเช่นนั้น ก็ทำไม่ได้อีก เขารู้สึกแค้นขื่นตรงนี้ ตรงที่สำหรับเขากับสามแสน มันมักจะลงท้ายด้วยคำว่า 'ไม่ได้ ไม่ได้ และไม่ได้'

"พี่ชาย" เธอวิ่งตามลงมาจากเพิง เมื่อเห็นว่าเขาตั้งใจตัดบทจริงจัง ด้วยการหนีหน้าอย่างเงียบๆ

"สามแสน หยุด" เขาสั่งเฉียบ "หยุดสิ่งที่ตัวเองทำลงเสียที ทิ้งพี่ชายคนนี้ให้ตายอยู่ปลายดงตรงไหนสักแห่ง เราสองคนไม่มีคำว่าเป็นไปได้ เข้าใจหน่อย สามแสน เงียบเลยนะ เงียบ"

เธออ้าปากค้างแล้วค่อยเม้มแน่น ท่าทางอัดอั้นของเธอ มันทำให้เขาสงสาร แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะปล่อยให้เธอดันทุรัง เขาจะไม่ไปจากป่า จะไม่กลับเข้าเมือง เพื่อเริ่มต้นชีวิตในวัยสี่สิบเศษกับความว่างเปล่า เพื่อให้ตัวเองต้องถูกรายล้อมไว้ด้วยความรักเลือดเย็นของบิดามารดา 'ไม่มีทาง ไม่มีวัน'

"มันไม่ยุติธรรมเลย" เธอตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงฝน วิ่งตามเขามา แล้วพร่ำอ้างเหตุผล "มีใครที่ไหนไม่เคยทำผิด มีใครที่ไหนไม่เคยผิดหวัง มีใครที่ไหนที่เกิดมาแล้วเจอแต่ความสุขไปทั้งชีวิต"

"สามแสน หุบปากเสียที"

"ไม่มีใช่ไหมคะพี่ชาย ทุกคนเคยทำผิด เคยผิดหวัง และไม่เคยเจอแต่ความสุขเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาก็ผ่านช่วงเวลาที่ตัวเองไม่ต้องการไปได้ แล้วทำไมพี่ชายจะผ่านมันไปบ้างไม่ได้ พี่ชายขา อย่าดื้อนักเลย สงสารสามแสนเถอะ"

"ก็เพราะฉันสงสารเธอ" เขาหยุดเดิน แล้วตะเบ็งเสียงใส่บ้าง "ฉันไม่ได้ช่วยชีวิตเธอเมื่อห้าปีก่อน เพื่อจะมาทำร้ายเธอในอีกห้าปีให้หลัง เข้าใจไหมสามแสน ฉันดีใจที่เธอรอดชีวิต ได้กลับไปบ้าน กลับไปอยู่กับพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท และสังคมเดิมของเธอ แล้วทำไมเล่าสามแสน ทำไมไม่หยุดไว้เท่านั้น ทำไมไม่หยุด ทำไมไม่หยุด" เขาตะคอกอย่างคับแค้น

"ก็สามแสนหยุดไม่ได้" เธอตะคอกกลับอย่างอัดอั้น "สามแสนรักพี่ชาย สามแสนจะอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีพี่ชาย"

ยอดไม้ข้างหน้าไหวเอนตามแรงลมที่ไปกระเซ้าเย้าแหย่ ข้างหลังโน้นก็คือกระท่อมสันโดษของเขา มันใกล้จะถึงอยู่แล้ว แต่คำสารภาพเด็ดเดี่ยวหาญกล้าของสามแสน ทำให้สองขามันหนักหนึบกะทันหัน เขายกแทบไม่ไหว ได้แต่ยืนอึ้ง แล้วมองเธอสาวเท้ามาหยุดมองตามั่นคง

"สามแสนรักพี่ชาย สามแสนจะพาพี่ชายกลับบ้านให้ได้ ทุกคนรอพี่ชายอยู่นะคะ คุณตาคุณยาย พี่หมอ พี่บุษบง"

"ทุกคนอยู่ได้ โดยไม่ต้องมีฉันอีกแล้ว สามแสน พอเสีย.. "

"แต่สามแสนอยู่ไม่ได้นี่คะ สามแสนต้องอยู่กับพี่ชาย กลับบ้านกับสามแสนนะคะพี่ชาย นะคะ"

ช้อนร่วงกระทบจาน เพราะมือไม้อ่อนไปเอง ภวังค์มันหดหู่และบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน ภภีมเงยหน้า แล้วพบว่าทุกคนมองเขาเขม็ง

เขากล้าที่จะสบตากับนายขิง กับใบพลู แต่ไม่กล้ากับสามแสนอีกแล้ว เพราะเธอเปิดเผยความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อเขาอย่างหมดเปลือกแล้ว เขารับรู้และซึมซับด้วยใจวาบหวาม หากแต่กระแสเจ็บปวดก็สะเทือนได้รุนแรงกว่า



ฝนซาลงเล็กน้อยแล้ว ตอนลุกออกมาสูดหายใจลึกหน้าชานเปียก หลับตาหวังจะผ่อนคลายความอ่อนล้า

แต่ภวังค์โหดร้าย ก็ไม่วายตามมาส่องกระจ่าง ให้หนุ่มใหญ่ได้เห็นว่า มือใหญ่คู่นี้ มันอุ่นอยู่ในอุ้งมืออ้อนอ่อนหวานของสามแสน เสียงวิงวอนกลั้วน้ำตาก็ฟังน่าเอ็นดูนัก คนดีพร่ำแต่คำว่า 'นะคะพี่ชาย นะคะ'

"ฉันขอร้องเถอะ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย ฉันไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอ หัวใจของฉันเป็นของชุ ความรักของฉันก็เป็นของชุ ฉันยกให้ใครอีกไม่ได้ ชุต้องมาตายเพราะฉัน ลูกของฉัน ก็ต้องมาตายเพราะฉันเหมือนกัน"

"แต่มันจบแล้ว พี่ชายปล่อยให้จบไปเถอะค่ะ สามแสนยินดีจะเริ่มก้าวใหม่กับพี่ชาย"

"ทำไมเธอเข้าใจอะไรยากจัง"

"ก็เรากำลังถกกันเรื่องความรักไม่ใช่หรือ"

"สามแสน พอ.. "

"หัวใจของพี่ชายเป็นของคุณชุลียาก็ไม่เป็นไรค่ะ ความรักของพี่ชายจะเป็นของเธออีกก็ไม่เป็นไร พี่ชายไม่ต้องยกให้สามแสน แต่สามแสนจะยกความรัก จะยกหัวใจของสามแสนให้พี่ชายเอง"

"สามแสน"

"นะคะพี่ชาย กลับบ้านกับสามแสนนะ"

"ไม่"

"สามแสนรักพี่ชายนะคะ"

"เรารักกันไม่ได้หรอกสามแสน"

"เพราะอะไรคะ อายุเราห่างกันมากหรือ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สามแสนไม่ถือสักหน่อย พี่ชายมีคุณชุลียาในหัวใจแล้วหรือ สามแสนก็รู้ก่อนแล้วนี่ ไม่ใช่ความผิดพี่ชายสักหน่อย สามแสน.. "

"พอแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้กันอีก สามแสน" เขากุมไหล่ จ้องตาเข้ม "ฉันขอร้อง นี่จะเป็นการขอร้องครั้งสุดท้าย อย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก เก็บความรักของเธอกลับบ้านไปเสียเถอะ มันมีค่ากับผู้ชายที่ดีกว่าฉันเป็นร้อยเท่าพันเท่า เขารอเธออยู่ในสังคมที่เป็นของเธอจริงๆ ไม่ใช่ปลายดงอ้างว้างซึ่งเป็นที่อยู่ของฉันจริงๆ "

"พี่ชาย"

"ฉันซาบซึ้งและขอบใจที่เธอรู้สึกดีกับฉันอย่างนี้ แต่เราสองคนไม่มีอะไรคู่ควรและเหมาะสมกันเลย"

"พี่ชายคะ"

"เรารักกันไม่ได้สามแสน"

"ทำไมจะไม่ได้คะ มันต้องได้สิคะพี่ชาย"

"มันเป็นไปไม่ได้ อย่าดื้อโง่ๆ เลย ไม่มีทางเป็นไม่ได้หรอกสามแสน"

"พี่ชาย ฟังสามแสน.. "

"อย่าบีบคั้นให้ฉันต้องระเหเร่ร่อนไกลกว่านี้อีกเลย ฉันแก่แล้ว ฉันเหนื่อย ฉันคงหนีความรักของเธออย่างหัวซุกหัวซุนไม่ไหวหรอก ให้ฉันได้อยู่อย่างสงบๆ และตายอย่างสงบๆ เถอะนะ"

'ปวดหัว' ภภีมบ่นในใจ พร้อมกับเป่าลมพรู ภวังค์ยาวลึกก็พลอยถูกเป่าไถลหายไปในความมืด เพราะระลึกได้เสมอว่า ทุกคำปฏิเสธของตัวเอง มันเชือดเฉือนความรู้สึกอ่อนโยนของสามแสน

หัวใจดวงนั้นเจ็บปวด ที่น่าขมขื่นก็คือ บาดแผลทุกรอยในนั้น มันเกิดจากวาจาโหดร้ายของพี่ชายที่เธอรัก เขาจึงเจ็บลึกเจ็บร้าวจนอยากร้องไห้

ร่างสูงที่ซ่อนในกางเกงเนื้อหยาบเพียงตัวเดียว ย้ายลงมานั่งอ่อนล้าหน้าห้องเก็บของ มองเปลวไฟในเตาด้วยแววตาโศก ชาติก่อนต้องเคยทำกรรมหนัก จับคู่รักสักคู่พรากจากกันไปคนละทิศคนละทางกระมัง มาชาตินี้ จึงต้องมาเจอวิบากหัวใจแสนสาหัส

ชุลียาถูกพรากด้วยความตาย เลือดในอกก็เหมือนกัน กระทั่งมาเจอความรักครั้งใหม่กับสามแสนอย่างไม่นึกไม่ฝัน แต่แล้ววาจาเตือนสติของคุณหมอแสวงบุญเพื่อนรัก ก็มาเชือดเฉือนให้แสงแห่งความหวังลำใหม่ขาดวิ่นแล้วสิ้นดับ



นายขิงแวะลงมาเงียบๆ พ่อรูปหล่อพลอยหดหู่และนึกสงสารจากใจ อิริยาบถของหนุ่มใหญ่หน้าดุ มันช่างอ้างว้างเสียจัง อกใหญ่ทั้งแผงนั้น น่าจะเป็นจุดศูนย์รวมของความทุกข์ระทมห้วงมหึมาสินะ

เจ้าของก็คงไม่เคยระบายออกมาให้ใครช่วยแบ่งเบาด้วยใช่ไหม คำปลอบโยนสักคำก็คงไม่เคยได้ยินเหมือนกัน น่าจะไม่ได้ยินมานานร่วมยี่สิบปีทีเดียว หรือแม้แต่ท่าทางแบบนี้ก็เถอะ น่าจะไม่มีใครเลยสักคนเคยเห็น

"อาดุ" เขาเรียกเบาๆ แล้วเดินมานั่งด้วยท่าทางเกรงใจ

"สาวๆ เข้านอนแล้วหรือ" ภภีมถามเสียงเรียบ ทิ้งท่าทางซึมเซารวดเร็ว

"ผมก็อยากให้นอนๆ กันเสียที จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก"

"เด็กๆ "

"ครับ" คนหนุ่มหัวเราะกับเสียงติเบื่อๆ ของอีกฝ่าย "แต่ว่าเรื่องที่ทะเลาะกันนี่ เป็นเรื่องผู้ใหญ่ๆ หน่อยนะอาดุ"

"เรื่องความรักหรือ ปัญญาอ่อน" หนุ่มใหญ่ย้อนเหมือนเยาะหยันยังไงก็ไม่ทราบ ยักไหล่นิดหน่อย แล้วลุกไปเท้าสะเอวดูยาต้มบนเตา

"ความรักมันคงไม่ปัญญาอ่อนหรอกครับ แต่คนที่มีความรัก แล้วจัดการกับความรักให้ลงตัวลงเอยไม่ได้นี่สิ น่าจะปัญญาอ่อนของแท้"

ภภีมขยับดุ้นฟืนกุกกัก หมั่นไส้หนุ่มรูปหล่อ ทำปากเปราะสู่รู้ไม่เข้าท่า แต่ก็อย่างว่าล่ะ คนไม่เคยโดนพิษรักเล่นงาน พูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น

ความรักมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพียงแค่ว่าเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปปะหน้า แล้วก็อ้าแขนแอ่นอกรับไว้ พอมันจากไป ก็หันหลังให้มันด้วย คิดเสียว่าเจอครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปก็ต้องได้เจออีก

ไม่หรอก ความรักมันไม่เริ่มง่ายจบง่ายเท่านั้นหรอก เขานี่ไง ตัวอย่างของเหยื่อที่โดนความรักพ่นพิษทำร้าย อาการปางตายมาร่วมยี่สิบปีแล้ว มันก็ดีแต่สาหัสกับสาหัส ร่ายกายไม่เป็นอะไรเลย แต่หัวใจนี่สิ เจ็บแล้วเจ็บอีก ปวดแล้วปวดอีก แต่มันก็ยังไม่วายเต้นต่อไปอย่างดื้อด้าน

นายขิงลอบถอนใจ มองหนุ่มใหญ่วุ่นวายกับยาต้มไปเงียบๆ การตามสามแสนเข้ามาถึงดงโจร ทำให้เขาได้เห็นอิริยาบถของนายดุ ต่างจากที่ชาวบ้านเคยเห็น

ชายคนนี้ ใช้ชีวิตสันโดษเรียบง่าย แต่น่าจะซ้ำซากและวนเวียนอยู่แค่ว่า นอนในห้องแคบๆ ตื่นมาทำอาหารง่ายๆ หน้าเตา ล่าสัตว์ ผ่าฟืน เก็บผักหญ้าสมุนไพรมาต้มมาเคี่ยว รอพระอาทิตย์ตก ก็เข้านอนในห้องแคบๆ อีก

'อยู่แบบนี้ มันมีความสุขตรงไหน' นายขิงนึกสงสัย ตาก็ลอบมองหนุ่มใหญ่ตัวสูงย้อนกลับมานั่งข้างๆ ก็แล้วมันมีเหตุผลอะไรบ้างเล่า ที่ทำให้คนคนหนึ่งหนีเข้ามาอยู่ในป่า ใช้ชีวิตอย่างทอดอาลัยเพื่อรอวันตายทุกวันๆ

ความกังขาคลางแคลงของหนุ่มขิงรูปหล่อ มันไหลไปเรื่อยในความเงียบ กระทั่งเสียงปะทุของฟืนดุ้นหนึ่งดังขึ้น เจ้าตัวก็พลันเบิกตากว้าง ร้องละล่ำละลักถามตัวเองในใจอย่างตื่นเต้นว่า 'เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นความรักวะ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 10:48:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com