บรรยากาศภายในห้องทำงานของภาสพัทธ์ไม่สู้ดีเลย เมื่อคุณการุณและคุณเพชรรัตน์เดินทางมาถึง มารดาของภาสพัทธ์เอ่ยขอโทษขอโพยที่ไม่ได้ดำเนินการฝั่งผู้ใหญ่ให้เรียบร้อยอย่างที่ควร เมื่อมีคนฝ่ายเขาก้าวเข้ามา ความตั้งใจเดิมว่าจะพูดความจริงกับมารดาของปาจารีย์จำต้องพับเก็บไป...
“ปุ่นใจเย็นๆ นะ เรื่องแม่เธอเดี๋ยวฉันตามไปอธิบายทีหลัง” ภาสพัทธ์บอกกล่าวเบาๆ ขณะกุมมือหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา เขารู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นเล็กๆ ในลมหายใจที่หญิงสาวพยายามเก็บกลั้น
ปาจารีย์พยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ มาจนขนาดนี้แล้วจะให้พังง่ายๆ ไม่ได้ หล่อนรับงานนี้ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันต้องแลกกับอะไร ก็แค่... ครั้งนี้มันเกิดขึ้นกะทันหันไปหน่อยทุกคนต่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ไม่ว่าอยากบอกความจริงกับแม่แค่ไหนก็ต้องอดทน อย่างน้อยก็ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อนแล้วค่อยบอกความจริง แม่หล่อนอาจจะทำใจไม่ได้ในทีแรก แต่ทุกคนล้วนต้องการเวลาปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลง แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลายไปเองตามวิถีของมัน หล่อนบอกกับตัวเองอย่างนั้น
ปาจารีย์หันไปสบตาภาสพัทธ์ น่าแปลกเหลือเกินที่ในสถานการณ์ตอนนี้สองมือที่จับกันอยู่นั้นทำให้ทั้งสองต่างมั่นใจว่าทั้งเขาและหล่อน ไม่มีใครจะสะบัดมือใครทิ้งกลางทาง...
“เด็กสองคนเขาก็รักกัน ยังไงเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราคงทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าทำให้ถูกอย่างมันเข้ารูปเข้ารอย หนูปุ่นเองก็เป็นผู้หญิง คุณคงไม่อยากใครๆ มองไม่ดีหรอกจริงไหมคะ”
ทีท่ารับฟังหากแต่ไร้ซึ่งวี่แววยอมรับของปรียา สร้างความหวั่นใจให้กับคุณเพชรรัตน์รวมไปถึงคุณการุณซึ่งยังกลัวหากว่าครอบครัวของปาจารีย์ไม่ยินยอม หลานชายที่เป็นสายเลือดของเทพธาราอาจจะถูกพรากออกไปด้วย
คุณเกษราซึ่งรู้ในจุดอ่อนนี้เพราะเคยถามหามาก่อนถึงพิธีการตามขนบจึงเดินมานั่งข้างๆ กุมมือมารดาของหลานสะใภ้
“คุณปรียา... ฉันรู้ว่าในหัวอกของคนเป็นแม่เรื่องแบบนี้มันทำให้เราเสียใจ แต่ในฐานะที่เราอาบน้ำร้อนมาก่อน เคยท้องเคยไส้... การต้องอุ้มท้องโดยไม่มีแม่ช่วยค้ำจุนมันทรมานนะคะ” คุณเกษราเสียมารดาไปก่อนแต่งงาน การอุ้มท้องลูกของตนแม้จะผ่านพ้นมา แต่ก็นับว่ายากลำบากเหลือเกินเมื่อไม่มีมารดาอยู่เคียงข้าง นั่นล่ะเหตุผลว่าทำไม สาวใหญ่ถึงได้เจ้ากี้เจ้าการมาวุ่นวายกับปาจารีย์เหลือเกิน
“คุณมีประสบการณ์ คุณรู้ว่าอะไรที่เขากังวล รู้ว่าการปวดท้องแบบไหนมันปกติธรรมดา รู้ว่าแบบไหนเป็นการเตือน ถึงฉันจะแน่ใจว่าตาพัทธ์จะดูแลหนูปุ่นอย่างดี แต่งยังไงก็เป็นผู้ชาย ไม่สามารถเติมเต็มสิ่งที่ผู้หญิงต้องการจากผู้หญิงได้ ที่สำคัญ... ลูกสาวต้องการคุณ ปุ่นเป็นเด็กดีแค่ไหน คุณเป็นแม่ คุณรู้ดีกว่าใคร จะปล่อยให้แกเสียใจเพราะความผิดที่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างนี้หรือคะ”
คำถามของผู้ที่สูงวัยกว่าทำให้น้ำตาของปรียาไหล เธอหันไปมองเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าน้ำตาคลอบีบมือภาสพัทธ์แน่นแล้วก็รู้สึกสะท้านไปทั้งหัวใจ ปรียาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กที่มีความรับผิดชอบสูงอย่างลูกสาวตน ทว่ามันก็เรื่องจริง ทุกคนมีสิทธิ์ทำผิดพลาดพลั้งกันได้ทั้งนั้น ความดีความกตัญญูตลอดมานั้นเล่าที่เป็นความตั้งใจ เหตุใดหล่อนจึงไปเพ่งพินิจอยู่บนรอยเปื้อนเล็กๆ บนภาพวาดวิจิตรขนาดกว้าง ทั้งที่ยังมีพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามให้มองอีกตั้งมาก ที่สำคัญ... ปาจารีย์เป็นลูก ต่อให้ภาพนั้นจะฉีกขาดไม่มีใครต้องการ แต่คนเป็นแม่ก็พร้อมที่จะรับกลับมาปะซ่อมพยายามอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว
คำว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคุณเกษราทำเอาเด็กสาวหันไปสบตาภาสพัทธ์ด้วยความรู้สึกผิด เพราะแท้จริงสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ได้ใกล้เคียงเลย อาจเรียกได้ว่าก่อการณ์ร้ายเสียด้วยซ้ำถ้ามองในฝั่งเนตรโยธาน่ะนะ
“แม่ขา ปุ่นขอโทษ” คนท้องโย้ก้มกราบลงไปแทบเท้ามารดาอย่างลืมตน ทำเอาหลายคนบนชุดเก้าอี้ยกก้นนั่งไม่ติดไปตามๆ กัน ปรียารีบประคองต้นแขนลูกสาวให้ลุกขึ้นแล้วดึงไปกอด พาให้ใครต่อใครโล่งใจ
คุณเพชรรัตน์ยื่นมือมาลูบเรือนผมลูกสะใภ้ด้วยความรู้สึกทั้งตื้นตันและสงสาร เพราะในสายตาของตนก็เป็นเพราะภาสพัทธ์นั่นล่ะที่ไปล่อลวงลูกสาวเขามา
“คุณปรียา ฉันสัญญาว่าครอบครัวเราจะรักและดูแลปุ่นอย่างดี โดยเฉพาะตาพัทธ์” เมื่อแม่ฝ่ายชายเอ่ยปาก ปรียาจึงหันไปสบตาคนที่จะรับหน้าที่ดูแลลูกสาวตน
ภาสพัทธ์คลานเข่าขยับเข้าไปหามารดาของคนตัวเล็กพร้อมให้คำมั่น “ผมจะดูแลปุ่นให้ดีที่สุดเลยครับ”
คนสูงวัยกว่าก้มมอง ‘ลูกเขย’ อย่างพินิจแล้วก็ถอนหายใจ เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากหากเทียบกับลูกสาวตนในด้านการวางตัว กระนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ปุ่นเป็นเด็กดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีที่ติ ชอบคิดอะไรเสียงดัง” มือนุ่มจับศีรษะลูกสาวโยกนิดๆ เป็นการเอ็ดเตือน “ช่างค้อน แสนงอน... คุณแน่ใจเหรอ ว่ารับมือแกไหว” สายตาคนพูดไม่ได้ทำเป็นเล่นเลย ความหนักแน่นในดวงตาฟ้องชัดว่าพร้อมจะรับลูกสาวกลับคืนอกอย่างไม่ง้อใคร พาให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ เสียวไส้ตามๆ กัน
“ครับ” เสียงรับมั่นคงจากภาสพัทธ์ทำให้หลายคนโล่งใจ แว่บนึงเขาเหลือบมองเสี้ยวหน้าเจ้าหล่อนก่อนต่อคำ “เชื่อเถอะครับว่าทั้งหมดนั่นผมเจอมาแล้ว” คุณเกษราฟังแล้วก็สำลักขำ จากการพบเจอปาจารีย์บ่อยครั้งในช่วงนี้ อาการเหล่านั้นมีอยู่ให้เห็นบ่อยครั้งโดยเฉพาะยามที่หญิงสาวอยู่กับสามี
การใช้ชีวิตคู่ของสองคนนี้ดูๆ ไปก็เหมือนคู่คุณพ่อใจดีกับลูกสาวตัวเล็กๆ ที่แม้คนเป็นพ่อจะควบคุม บังคับได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่สู้จะสำเร็จเสียทุกทีไป เพราะเกือบทุกครั้งก็ไม่วายว่าคนเป็นพ่อจะต้องถูกลูกสาวงอน ค้อน รั้น หรือบ่นลับหลังบ้างล่ะ
การตกลงช่วงท้ายเป็นไปด้วยความราบรื่น ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจัดหาฤกษ์ใกล้ๆ นี้ทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกันเฉพาะคนในครอบครัว เนื่องจากการแต่งงานทั้งที่เจ้าสาวอุ้มท้องอยู่นั้น สายตาจากพยานมากมายคงไม่สร้างความรู้สึกดีกับเจ้าของงานทั้งสองฝ่ายสักเท่าไหร่ งานนี้จึงจัดเล็กๆ เฉพาะญาติสนิทไปก่อน หากคลอดแล้วจะจัดพิธีใหญ่โตหรือไม่ก็ค่อยดูสถานการณ์อีกที
งานนี้ภาสพัทธ์กับปาจารีย์ได้แต่มองสบตากันด้วยสีหน้าไม่ต่าง
...ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานจนได้!...
“ถ้าอย่างงั้น คืนนี้พัทธ์เปิดห้องให้แม่ปุ่นด้วยนะ ให้แม่ลูกเขาได้มีเวลาพูดคุยกัน” คุณการุณดึงตัวลูกชายมาสั่งกำชับ ก่อนเข้าไปลามารดาของปาจารีย์พร้อมศรีภรรยา
พอลิฟท์ปิด มารดาของภาสพัทธ์ก็หันไปยกมือไหว้ขอบคุณพี่สาวสามีที่ออกหน้าไกล่เกลี่ยให้ไม่ว่าจะเมื่อครู่นี้หรือที่แล้วมา สำหรับคุณเพชรรัตน์แล้ว ต่อให้อยากลงมาดูแลปาจารีย์เองสักแค่ไหน แต่ความรู้สึกผิดและสงสารที่มีต่อธารทิพย์ก็ฉุดรั้งเอาไว้จนไม่อาจลงมาคลุกคลีกับสะใภ้คนนี้อย่างออกหน้าออกตา หล่อนยอมรับว่าภรรยาภาสพัทธ์นั้นน่าเอ็นดู แต่ความรักความผูกพันอีกทั้งเหตุผลอันเป็นความลับของธารทิพย์นั้นมีเครดิตกว่ามาก มากชนิดที่ว่าหากแม้นเป็นปาจารีย์แล้วก็ไม่แน่ว่าจะยอมทำเช่นนั้นเพื่อลูกชายตน เฉกเช่นที่ธารทิพย์ทำได้...
“คุณแม่นอนห้องนี้กับปุ่นก็ได้นะครับ” คำเชิญของลูกเขยหมาดๆ ทำให้คนเป็นแม่ยายสายฟ้าแล่บอดหันไปถามไม่ได้
“แล้วคุณล่ะ”
“เดี๋ยวผมจะไปเปิดห้องข้างล่างให้ครับ” คนฟังพยักหน้ารับรู้ ภาสพัทธ์ไม่แปลกใจเลยกับมาดสุขุมดุจคนเป็นครูของคุณปรียา เนื่องจากบุศรัณย์เคยบอกเหมือนกันว่าครอบครัวนี้เดิมทีก็มีหน้ามีตาอยู่พอควร หากธุรกิจโรงสีไม่ถูกโกงจนล้มเสียก่อน ปาจารีย์ก็คงจะมีบุคลิกที่ต่างไปไม่ใช่อย่างตอนนี้ ทว่าแม้เขาจะนึกภาพนั้นได้ไม่เด่นชัด แต่ภาสพัทธ์กล้าพูดเลยว่าเขาคงเสียดาย ถ้าปาจารีย์เป็นใครอีกคนที่ไม่เหมือนตอนนี้ คิดแล้วก็เผลอยิ้มเซ็งก่อนจะหลุดจากภวังค์เมื่อเจ้าของบุคลิกภาพที่ภรรยาไม่ได้ถอดแบบมา เอ่ยปากขอคุยเป็นการส่วนตัว...
***********
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 54 18:51:57
|
|
|
|