 |
๗. สิทธา อีเมลล์ที่ส่งมาจากฝ่ายกิจกรรมหลังเคารพธงชาติทำเอาผมแทบเก็บอาการดีใจระริกระรี้ไว้ไม่อยู่ ซึ่งคงตรงกันข้ามกับครูคนอื่นโดยสิ้นเชิงเพราะคงเป็นเรื่องสามัญสำหรับพวกเขา ผลจับคู่ครูประจำฐานงานเข้าค่ายพัฒนาตนเองประกาศออกมาแล้ว และผมได้คู่กับแม่นกน้อยคนสวยเสียด้วย
อันที่จริงผมไม่ชอบคิดแผนการมากนักโดยเฉพาะเรื่องจะจีบใครสักคน แต่หากอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับครูอุษาพัฒนาไปมากขึ้นก็ควรทำอะไรสักอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันสักที เวลานี้เทพธิดาแห่งความรักคงกำลังโปรยยิ้มมาให้ ผมควรชวนเธอไปเลือกซื้อของสำหรับงานเข้าค่ายที่ฝ่ายกิจกรรมให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของครูประจำฐาน ซึ่งผมอาจจะเอ่ยปากชวนเธอทานมื้อเย็นด้วยกันเป็นครั้งแรกและขอมาส่งเธอที่บ้านก็เป็นได้
ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่มั่นใจเลยสักนิดที่จะทำให้เธอสนใจ ซึ่งผมก็เผื่อใจไว้แล้วหากเธอตอบกลับมาว่า “เย็นนี้ พี่ไม่ว่าง”
“ษา วันนี้พี่มีประชุมช่วงเช้าน่ะ ช่วยสอนห้อง 4/2 แทนพี่หน่อยซิ” พี่รินทร์โผล่พรวดมาพูดหน้าโต๊ะทำงาน
“ห้อง 4/2 …” ผมย้ำด้วยความแปลกใจ “คาบไหนล่ะครับ”
“คาบที่สาม โทษทีนะ มันกระทันหันไปหน่อย พี่ก็งงเหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็โดนฝ่ายวิชาการเรียกตัวเอาดื้อๆเลย” หัวหน้าวิชาคณิตศาสตร์บอก
“ได้ซิครับ ผมว่างคาบนั้นพอดี”
พี่รินทร์วางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วรีบก้มหน้าก้มตาทำงาน สักสิบนาทีต่อมาจึงเก็บของเตรียมตัวไปประชุมกับฝ่ายวิชาการใหญ่ แต่ยังไม่วายแกล้งส่งยาดม กับ หนังสือธรรมมะ ให้ผมเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากครูคนอื่นๆ
ปกติผมสอนเด็กประถมสี่ แค่ห้องสี่กับห้องห้า เท่านั้น แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ของห้องสองมาบ้าง ครูหลายคนบ่นเสมอว่าเด็กๆห้องนี้ไม่ตั้งใจเรียนและคุยกันเสียงดัง
“สู้เค้านะ ษา” พี่แคทกล่าวติดตลก
“ถ้าไม่ไหวก็เรียกได้นะ” พี่สมเกียรติรีบเสริม
ผมยิ้มแหยๆรับ ไม่ได้คิดหนักใจมากนัก “ร้ายแค่ไหนก็แค่เด็กประถมล่ะน่า” ผมบอกตัวเอง
“ใจร้ายจัง เด็กๆห้องนี้ออกจะตั้งใจเรียน” พี่แก้วหันซ้ายหันขวา บ่นพึมพำ
“อะไรนะครับ” ผมถามเธอ
เธอสะดุ้งตอบ “อ๊ะ ! ไม่มีอะไรค่ะ เพียงแต่ … พี่ว่า เด็กๆห้องสอง ก็เรียบร้อยดีนี่คะ”
“เหรอครับ”
“ษา อย่าไปฟังพี่ๆเค้าเลยนะ เด็กๆห้องนี้น่ารักกันทุกคน” สาวแว่นยิ้มบอก
เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อผมเจอคู่แข่งหัวใจเข้า ตอนแรกผมคิดว่าสิทธาคงเป็นเด็กเรียบร้อยและไม่สู้คนจากที่เห็นตอนโดนรุมแกล้งวันเปิดเทอม แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจนัก เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้ามันเหนือความคาดหมายมากเหลือเกิน
ชั่วโมงเรียนเริ่มมาได้ประมาณสิบห้านาที เด็กๆคุยกันเสียงดังสมคำร่ำลือ ผมพยายามว่าก็แล้ว ขู่จะตัดคะแนนก็แล้ว พอว่าครั้งหนึ่งก็จะเงียบไปพักเดียว แล้วเริ่มส่งเสียงคุยกันใหม่ บางคนถึงกับพับจรวดกระดาษมาร่อนเล่นกันต่อหน้าผม
มันคงถึงเวลาที่ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เด็กๆพวกนี้มีสำนึกและรู้จักให้เกียรติครูผู้สอนเสียบ้าง
ผมใช้แปรงลบกระดานกระแทกกับโต๊ะหน้าห้องแรงๆ เสียงเซ็งแซ่จึงเงียบลง สายตาห้าสิบคู่มองตรงมาเป็นตาเดียว
“สี่คนนั้น ออกนอกห้องไป !” ผมตะคอก พลางชี้นิ้วไปยังกลุ่มเด็กที่พับจรวดเล่นกัน
ได้ผลแฮะ เสียงนกกระจอกแตกรัง เงียบเป็นป่าช้าเลย
ผมหันหลังเขียนโจทย์คณิตศาสตร์บนกระดาน แล้วจึงประกาศกร้าว “หยิบกระดาษขึ้นมา แล้วทำส่งครูภายในชั่วโมง”
โจทย์ทั้งหมดมีเจ็ดข้อ ห้าข้อแรกเป็นมีเนื้อหาตรงกับระดับประถม 4 แต่อีกสองข้อหลังเป็นเนื้อหาระดับมัธยม ห้าข้อแรกข้อละ ครึ่ง คะแนน ส่วนสองข้อหลังข้อละสิบคะแนน
“คะแนนวันนี้จะเอาไปรวมกับคะแนนสอบกลางภาค และครูจะลดคะแนนเต็มของทุกคนลง” ผมบอก “ถ้าใครลอกกันมา ครูจะให้ศูนย์”
พวกเด็กๆดูไร้เดียงสาขึ้นมาทันที สีหน้าพวกเขาวิตกกังวล ส่วนกลุ่มเด็กที่โดนไล่ออกไปยืนนอกห้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นผมก็รีบเดินเก็บกระดาษคำตอบทันทีโดยไม่รอเวลาอะไรทั้งนั้น ผมสะใจที่สุดหลังทำให้บรรยากาศในห้องเรียนชื่อดังเงียบกริบราวกับป่าช้าได้
อันที่จริงแล้วผมไม่ได้จดชื่อใครไว้เลยแล้วก็ไม่ได้คิดลดคะแนนเต็มสอบกลางภาคด้วย เพียงแค่อยากลงโทษให้เด็กๆพวกนี้รู้สึกตัวกันบ้างว่าควรมีขอบเขตแค่ไหน ถ้าเป็นสมัยผม เด็กพวกนี้คงโดนไม้เรียวหวดกันถ้วนหน้าแล้ว
“เป็นไงมั่งจ๊ะ ษา สอน ห้อง ป.4/2 สนุกมั้ย” พี่แคทเอ่ยจีบปากจีบคอ
ผมยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไรไป พลางหันไปหาพี่แก้วแล้วพยักหน้าให้
“เด็กๆน่ารักใช่มั้ยล่ะ” สาวแว่นเอ่ยถามผมเบาๆ ราวกับกลัวใครจะได้ยิน
“ครับ น่ารัก มาก” ผมตอบ และนึกขำในใจ
วันนี้มีงานเยอะพอควร กว่าจะหาเวลาว่างตรวจงานของห้อง ป.4/2 ก็ปาเข้าไปเกือบเลิกเรียนแล้ว ทีแรกผมรู้สึกสนุกและตลกดีที่คำตอบตรวจง่ายกว่าที่คิด ส่วนใหญ่โจทย์ห้าข้อแรกเด็กๆจะแสดงวิธีทำได้ ส่วนสองข้อหลังถ้าไม่เขียนตอบมั่วซั่วก็จะปล่อยว่างกัน กระดาษคำตอบเป็นแบบนี้ตั้งแต่แผ่นแรก และพอตรวจนานเข้าผมก็เริ่มเบื่อ
โจทย์ข้อที่หกเป็นเรื่องความน่าจะเป็น เด็กหัวดีบางคนอาจใช้ตรรกะหรือรอนุมานหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการนับตัวเลขตรงๆ ผมจึงแก้ทางโดยให้คำตอบเป็นตัวเลขที่มีค่าเยอะมากจนไม่มีทางนับทันภายในเวลาที่กำหนด วิธีทำโจทย์ข้อนี้จึงควรใช้สูตรคำนวณของทฤษฎีความน่าจะเป็นที่สอนกันในระดับมัธยมมาคิด โจทย์ข้อนี้คือ
ครูต้องการแจกหนังสือที่แตกต่างกัน 10เล่ม ให้เด็กนักเรียน 10 คน จะมีวิธีแจกหนังสือให้แต่ละคนกี่วิธีโดยแต่ละคนได้หนังสือไม่ซ้ำกันเลย
เด็กบางคนเขียนแสดงวิธีทำอย่างชาญฉลาดว่า 10 + 9 + 8 … + 1 ครูยอมรับว่าตรรกะของพวกเธอดีมากถ้าเทียบกับเด็กประถม แต่มันผิดถนัด ผมเกือบจะเลิกตรวจ จนกระทั่งสะดุดตากับลายมือหวัดๆบนกระดาษคำตอบใบล่าสุด เด็กคนนี้ไม่ทำโจทย์ห้าข้อแรก แต่ทำเฉพาะสองข้อหลัง และที่สำคัญคำตอบกับการแสดงวิธีทำถูกต้องทั้งหมด
แน่นอนว่า ปัจจุบันเด็กประถมก็เรียนความน่าจะเป็นกันแล้วแต่ว่าโจทย์ของผมเป็นเนื้อหาความน่าจะเป็นของระดับมัธยมปีที่ห้า ! คำตอบไม่ใช่อนุกรมเด็กๆอย่าง 10 + 9 + 8 … + 1 แต่มันคือ 10 x 9 x 8 .. x 1 = 3,628,800
แต่เด็กคนนี้ตอบว่า 10!
“เรื่องบ้าๆน่า !” เด็กคนนี้รู้จักแม้กระทั่งเครื่องหมายแฟคทอเรี่ยล (!)
โจทย์คณิตศาสตร์ระดับนี้แม้แต่เด็กมัธยมปลายบางคนยังทำไม่ได้เลย ไม่สิ อย่าว่าแต่เด็กมัธยมปลายเลย เด็กมหาวิทยาลัยบางคนยังทำโจทย์สองข้อนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นหมาป่าที่ต้อนลูกแกะอ่อนหัดได้ห้าสิบตัวอยู่หยกๆ แต่ไม่ทันไรกลับมีราชสีห์ออกมาช่วยลูกแกะทั้งฝูงได้เสียนี่
ส่วนโจทย์ข้อที่เจ็ดเป็นการคำนวณ จำนวนติดลบสองตัว คูณกัน ลบด้วยจำนวนติดลบอีกครั้งหนึ่ง แล้วหารค่าทั้งหมดได้ด้วยค่า ศูนย์ เด็กคนอื่นแสดงวิธีทำไม่ได้และเขียนตอบว่า ศูนย์ ซึ่งแน่นอนว่าตอบผิดทุกคน
เด็กคนนี้เป็นคนเดียวในห้องที่รู้จัก ทฤษฎีความน่าจะเป็น จำนวนติดลบสองตัว คูณ กันได้ค่าบวก และยังรู้อีกว่าถ้าตัวเลขอะไรก็ตามที่หารด้วยค่าศูนย์ คำตอบคือ ไม่มีนิยาม ไม่ใช่ ศูนย์
“เด็กพิเศษ !? “ ผมครุ่นคิดหลังจากตรวจคำตอบเสร็จ “จะมีครูคนไหนรู้บ้างรึเปล่านะว่า เราอาจจะมีเด็กอัจฉริยะอยู่ที่นี่”
ผมรีบมองหาชื่อนักเรียนบนกระดาษคำตอบ ซึ่งเขียนว่า “สิทธา ธิติยานนท์”
จากคุณ |
:
FlowerSong
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 54 20:40:17
|
|
|
|
 |