๙. อ่างน้ำ
ละครรอบกองไฟจบลงประมาณเกือบสี่ทุ่ม พวกเด็กๆตั้งแถวรอรับนมจืดคนล่ะกล่องก่อนไปอาบน้ำและเข้านอน ผมเพิ่งเห็นว่าสิทธาเองก็มาร่วมงานนี้ด้วย มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กต้องเพ้อถึงครูอุษาคนสวยตลอดคืนนี้ เหมือนกับผมที่ยังประทับใจกับเสียงหวานๆของสาวแว่นแน่นอน
ห้องพักของเราเป็นเตียงสองชั้น ผมเป็นคนนอนดิ้นเสมอซึ่งพี่รินทร์โชคดีมากเพราะหากเป็นเตียงเดี่ยวผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะตื่นนอนขึ้นมาในท่าไหน ผมออกมาเดินเล่นตามลำพังก่อนนอน บรรยากาศยามราตรีของศูนย์ประมงสวยผิดกับตอนกลางวันลิบลับ ผมมองเห็นแสงไฟจากวัดบนเกาะกลางทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก และได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งตลอดเวลา เสียงคลื่นนั้นไม่น่ารำคาญ ซ้ำยังช่วยกล่อมให้เด็กๆหลับฝันดีอีกด้วย
เป็นเรื่องยากที่จะเห็นภาพแบบนี้บนท้องฟ้าในเมืองหลวง คืนนี้พระจันทร์เสี้ยวสีนวลตามีแสงดาวระยิบระยับประดับล้อมรอบ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีหมู่ดวงดาราเรียงรายทอแสงแข่งกับแสงจันทร์ ผมก็มักจะหวนคิดถึงอดีตของผมกับดาวทุกครั้ง
“ษา ดูนั่นซิ เห็นรึเปล่า” ดาวชอบพูดประโยคนี้เสมอ เธอพยายามสอนผมดูดาว ทั้งดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ และกลุ่มดาวลูกไก่ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสอนยังไงๆผมก็ดูไม่รู้เรื่องอยู่ดี ผมจึงมักแกล้งเธอกลับหากคืนไหนมีเครื่องบินอยู่บนฟ้าผมจะไม่ลังเลเลยที่บอกเธอว่า “ดาว ดูนั่นซิ ดาวหาง” ครั้งแรกที่ผมใช้มุขนี้เธอหัวเราะชอบใจ แต่ครั้งถัดไปเธอจะหยิกไม่ก็หันมาค้อนผมแทนทุกครั้ง
ที่ไหนสักแห่ง ดาวก็คงกำลังแหงนมองฟ้าดูหมู่ดวงดาราอยู่ แต่ว่าคนที่อยู่ข้างกายเธอไม่ใช่ผม
ผมยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้ดี ผมรู้ดีว่ายังคิดถึงดาวอยู่ แต่จะไม่เสียใจที่เราสองคนไม่ได้เคียงคู่กัน ไม่ ผมบอกตัวเองอีกครั้ง ผมไม่อยากก้มหน้าให้ดวงดาวบนท้องฟ้าอีกแล้ว นาฬิกาข้อมือแบบเปลือยหน้าปัดตัวเรือนสีดำบอกเวลาห้าทุ่มยี่สิบนาที ผมเริ่มหาวหลายหวอด “เอาล่ะ คงได้เวลานอนแล้วล่ะ ษา ”
ผมเดินมาล้างหน้าที่อ่างน้ำหลังห้องน้ำชาย ศูนย์ประมงสร้างห้องน้ำเป็นห้องแยกออกมาต่างหากจากห้องพัก ผมแปลกใจเหมือนกันที่สมัยนี้ยังมีการสร้างห้องน้ำลักษณะนี้อยู่ และเป็นโชคดีสำหรับครูสุภาพสตรีที่ห้องอาบน้ำเป็นห้องเดี่ยวไม่ใช่ห้องรวม
ผมไม่คิดว่าดึกป่านนี้จะยังมีใครออกมาอยู่ข้างนอกอีก ห้องน้ำก็ไม่ได้เปิดไฟไว้ซักห้อง แต่ขณะกำลังเดินผ่านบริเวณห้องอาบน้ำหญิงห้องหนึ่งก็ได้ยินเสียงสิ่งของตกกระทบพื้น ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไปสำรวจใกล้จุดเกิดเสียง
ผมก้มหยิบสิ่งต้องสงสัยขึ้นมา หน้าห้องน้ำมีเพียงแสงไฟสลัวๆส่องมาจากทางเดินใกล้บ้านพัก
“แว่นตาทรงวงรีสีชมพู นี่มันแว่นของพี่แก้วนี่“ ผมพูดกับตัวเอง
เสียงเปิดประตูห้องอาบน้ำตรงหน้าผมดังขึ้น สาวแว่นเสียงหวานเดินออกมาหาของที่เพิ่งทำหล่นลอดช่องว่างประตูห้องน้ำ ผ้าขนหนูสีขาวที่ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้พลาดท่าไปเกี่ยวเข้ากับกลอนประตูจนหลุดลงมากองกับพื้น แล้วสาวแว่นผู้โชคร้ายก็ยืนอยู่หน้าผมโดยเหลือแต่เพียงชุดชั้นในสีชมพูตัวจิ๋วเท่านั้น
เธอตกใจและคงเตรียมตัวร้องกรี๊ดเสียงดังสนั่นให้คนมาช่วย ผมรีบกระโจนเข้าไปใช้มือปิดปากเธอทันที เราสองคนเสียหลักล้มลงไปพร้อมกัน ผมรีบใช้มืออีกข้างรองท้ายทอยเธอไม่ให้กระแทกกับพื้น สายเสื้อชั้นในสาวแว่นเลื่อนหลุดหนึ่งข้าง ใบหน้าของผมซุกอยู่บนหน้าอกของเธอโดยไม่ตั้งใจ กลิ่นหอมของเธอช่างรัญจวนใจนักจนผมไม่อยากผละตัวออกห่างเลย
“อื๊อ ๆๆ !” เธอพยายามร้อง
ถ้ามีใครมาเห็นเข้าตอนนี้ผมคงไม่แคล้วต้องกลายเป็นคนร้ายบ้ากามแหงๆ เธอพยายามดิ้นขัดขืน แต่ผมยังปล่อยเธอไม่ได้เด็ดขาด !
“พี่แก้วครับ ” ผมกระซิบ “นี่ผมเองนะ ษา ไง” เธอยังพยายามดิ้นไปมาอยู่เหมือนเดิม ไม่มีทีท่ายอมฟังอะไรเลย
“พี่แก้ว นี่ ผมเอง ” ผมพยายามบอกให้เธอสบายใจอีกครั้ง เธอมองหน้าผมด้วยความกลัวแต่ขัดขืนน้อยลง
“ผมจะปล่อยมือนะครับ สัญญากับผมนะ ว่าจะไม่ร้อง” เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็พยัก หน้าตอบรับในที่สุด
“ผมจะนับหนึ่งถึงสามนะครับ อย่าร้องนะครับ ไม่ต้องกลัวผมนะ” ผมให้ความแน่ใจกับเธออีกครั้ง
เธอยังดูตกใจอยู่ พลางยกมือขึ้นแตะหน้าอก สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามจะไม่ร้องตามสัญญา ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมให้เธอตามเดิมแล้วรีบถอยห่างออกมา
สักพักสาวแว่นก็ร้องขึ้น สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดเธอทรุดลงกับพื้น พลางเอามือกุมข้อเท้าเอาไว้
“พี่แก้ว เจ็บขาเหรอครับ” ผมถามเธอ และรีบเข้าไปดูอาการใกล้ๆ
“อือ … พี่ลุกไม่ไหว”
ผมช่วยประคองเธอขึ้นมาช้าๆ “ค่อยๆนะครับ”
พอเธอยืนขึ้นได้ก็ตบหน้าผมหนึ่งฉาดแรงๆดัง เผี้ยะ ! “ษา จะเข้ามาทำอะไรพี่น่ะ”
“เปล่านะครับ” ผมรีบแก้ตัว “ผมออกมาเดินเล่นแล้วก็บังเอิญมาเจอพี่แก้วเท่านั้นเอง”
“มาเดินเล่นหน้าห้องน้ำเนี่ยนะ เธอเป็นโรคจิตเหรอ !” เธอพูดเสียงดัง น้ำเสียงเคืองโกรธ
“ก็ผมกำลังเดินกลับห้องนอน มันก็ต้องผ่านห้องน้ำก่อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ พี่แก้วทำแว่นหล่นผมก็เลยเดินมาดูว่ามีอะไร แค่นั้นเองจริงๆนะครับ” ผมกล่าวน้อยใจที่เธอไม่ยอมฟังผมเลย
“นี่ไงครับ แว่นพี่แก้ว !” ผมกระแทกเสียงบ้างพลางหยิบแว่นตาส่งให้เธอ
เธอมีสีหน้าสลดลงไปถนัดตา
“ษา … พี่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมถอนหายใจ “ถ้าผมเป็นพี่แก้ว ก็คงจะทำเหมือนกัน”
“ไม่โกรธแน่นะ” เธอย้ำ ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แบบนี้อีกแล้ว
“แน่ซิครับ”
“งั้นก็ออกไปได้แล้ว อีตาบ้า ชั้นโป๊อยู่นะ !” เธอสั่ง พลางวักน้ำสาด
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเปิดประตูออกไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “มีคนกำลังเดินมา ซวยล่ะซิ ปักษาสวรรค์ !” ผมกับพี่แก้วยังอยู่ในห้องอาบน้ำด้วยกันอยู่เลย ใครมาเห็นเข้าจะคิดเป็นแบบอื่นได้ยังไงกันล่ะ
“พี่แก้วคะ พี่แก้ว” เสียงครูอุษาเรียกสาวแว่น ลอยมาพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าที่เริ่มเข้ามาใกล้พวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ
ผมรีบเดินไปปิดประตูแล้วล็อคกลอนแล้วหันมองหน้าพี่แก้วว่าจะเอายังไงดี
“ทำไมพี่สา ถึงมาหาพี่แก้วล่ะครับ” ผมรีบกระซิบถาม
“ห้องน้ำ ที่นี่มันไม่มีไฟนี่ พี่กลัวผีน่ะ เลยให้ยัยสาออกมาอยู่เป็นเพื่อน”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับ” ผมถามต่อ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” คราวนี้เธอเริ่มมีท่าทีกระสับกระส่ายด้วยอีกคน
ผมหันไปมองที่อ่างน้ำสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ แล้วจึงหันมาบอกหนทางเอาตัวรอดที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด ณ เวลานี้กับสาวแว่น
“เอางี้นะครับ ผมจะลงไปอยู่ในนั้น พี่แก้วรีบแต่งตัวแล้วก็กลับห้องไปนะครับ”
“จะบ้าเหรอ แล้วเธอล่ะ ษา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะลงไปทั้งตัวแค่ตอนที่พี่แก้วเปิดประตู หลังจากนั้นก็จะรีบหาจังหวะออกไปเอง”
“พี่แก้ว เสร็จรึยังคะ ขอโทษที สา มาช้าไปหน่อย” สาวสวยคนน้องส่งเสียงเจื้อยแจ้วเรียกหาพี่สาว
“ใกล้แล้วจ๊ะ สา พี่กำลังแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวจะออกไปแล้ว” สาวแว่นขานรับ พลางทำท่าเตรียมแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่น่าเสียดายที่เธอคงดันนึกขึ้นได้ว่าผมยังยืนอยู่ใกล้ๆ
“ห้ามมองนะ !”เธอชี้นิ้วสั่ง
“โธ่ อดดูแฮะ !” ผมบ่นเสียดายเบาๆกับตัวเอง แล้วต้องหันหน้าเข้าหากำแพงตามระเบียบ
หลังแต่งตัวเสร็จพี่แก้วหันมาส่งสัญญาณให้ผมก่อนออกจากห้อง เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นผมจึงรีบดำลงใต้น้ำ เราตกลงกันว่า เธอจะปิดประตูแรงๆให้มีเสียงกระแทกเพื่อเป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่าเธอออกไปแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดมาถึงหูผมเลย ผมไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอะไรทั้งนั้น จนในที่สุดก็ต้องตัดใจยอมโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทั้งที่ไม่รู้ว่าจะต้องตกอยู่ในฐานะคนจิตทรามรึเปล่า
โชคดีที่ไม่มีใครมายืนอยู่หน้าประตูอีก ผมรีบปีนขึ้นมาจากอ่างน้ำ ตัวเปียกโชกไปหมด และเริ่มรู้สึกหนาวจากลมทะเล ขากรรไกรขยับขึ้นลงกระทบกันอย่างอัตโนมัติ แต่ยืนหนาวได้ไม่ทันไรเสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามาหาผมอีกแล้ว
“มันอะไรกันนักหนาโว้ย !” ผมตะโกนในใจ
“ษา” เสียงเรียกนั้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือกแทบลื่นล้ม “ษา นี่พี่แก้วเองนะ”
“พี่แก้ว ... มีอะไรเหรอครับ” ผมรีบขานรับ
“ก็มารับ ษา น่ะแหละ ว่าแล้วเชียวว่าต้องยังไม่ออกมา พี่เอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อแจ็คเก็ตมาให้”
“มีใครอยู่ข้างนอกรึเปล่าครับ”
เธอหัวเราะแล้วค่อยตอบ “ไม่มีค่ะ ษา ออกมาได้แล้วล่ะ”
ผมค่อยๆแง้มประตูออกมา มองเห็นสาวแว่นยืนอยู่หน้าห้องอาบน้ำคนเดียว เธอยิ้มแล้วส่งผ้าเช็ดตัวมาให้ผม
“เอ้านี่ ”
“ไหนบอกว่าจะปิดประตูให้ดังๆ ไงล่ะครับ” ผมถามพลางเช็ดตัวให้แห้ง
“พี่ปิดดังแล้วนะ แต่ ษา ไม่ได้ยินเองต่างหาก”
“ผมเกือบตายแน่ะ”
“ดี ! คนลามก ต้องโดนแบบนี้แหละ” เธอค้อน
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างแสงไฟก็ไม่มีผมมองไม่เห็นอะไรหรอก”
“นี่ ! หยุดพูดเรื่องนี้เดี๋ยวนี้นะ” เธออายจนหน้าแดงอีกครั้ง
พอเช็ดตัวและเส้นผมจนเกือบแห้งดีแล้ว ผมจึงพยายามสวมเสื้อแจ็คเก็ตตัวเล็กมากของเธอ “ขอบคุณมากเลยนะครับพี่แก้ว”
เธอหันมายิ้มหวานประชด ก่อนหยิกผมแรงๆส่งท้าย “ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เธอตายแน่ !”
เราสองคนเดินกลับพร้อมกัน และผมต้องแปลกใจเมื่อเห็นสาวแว่นเดินตามมาไม่ทัน ผมลืมสนิทเลยว่าเธอข้อเท้าเคล็ดตั้งแต่มาที่ศูนย์ประมงแล้ว แถมยังมาล้มในห้องน้ำซ้ำเติมอาการเจ็บอีก เพราะผมแท้ๆเธอเลยต้องเดินลากขาช้าๆตามหลัง ผมเดินกลับหลังหาเธอ ใช้มือซ้ายกะว่าจะโอบไปที่เอวแต่เธอตัวเตี้ยกว่าผมพอสมควรจนเกือบไปคว้าโดนเอาหน้าอกอีกรอบ
“จะทำอะไร ปล่อยพี่นะ” สาวแว่นชมพูดิ้นขัดขืน
“พี่แก้วเจ็บขาไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวผมพาไปห้องพยาบาลให้เอง” ผมบอกพลางเอื้อมมือขวาประคองที่หัวไหล่เธอเอาไว้
เธอมีท่าทีลังเลแต่ก็ยอมในที่สุด หลังจัดการทายาพันผ้ารัดข้อเท้าให้เธอเสร็จเรียบร้อยผมก็ประคองเธอกลับห้อง คราวนี้สาวแว่นชมพูไม่ร้องงอแงเหมือนทีแรก
ผมกลับมาเปลี่ยนชุดนอนใหม่ที่ห้องพยายามทำเสียงเบาๆเพื่อไม่ให้พี่รินทร์ตื่นขึ้นมากลางดึก ผมล้มตัวบนเตียงพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีกครั้ง ตอนจังหวะชุลมุนมือผมเผลอโดนโน่นนี่นั่นของเธอตั้งหลายอย่าง หน้าอกเธอน่าจะใหญ่สักคัพบีกลางๆ ตัวเธอนุ่มนิ่ม ลื่นๆเหมือนกับขนมมาร์ชเมลโล่เปียกน้ำ
“ยังมีกลิ่นหอมจางๆจากตัวเธอติดอยู่ที่มือผมอยู่เลย” ผมคิดพลางยกมือแตะจมูก
ด้วยความสัตย์จริง ในห้องอาบน้ำมันมืดมากนอกจากตอนที่พี่แก้วเปิดประตูออกมา ผมก็แทบมองอะไรไม่เห็นเลย
จากคุณ |
:
FlowerSong
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ค. 54 22:45:49
|
|
|
|