Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โรงเรียนกลางฤดูฝน ตอนที่ 10 ติดต่อทีมงาน

ตอน 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10837764/W10837764.html
ตอน 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10843483/W10843483.html
ตอน 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846285/W10846285.html
ตอน 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846567/W10846567.html
ตอน 6-7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10850334/W10850334.html
ตอน 8-9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10855060/W10855060.html

๑๐. สารภาพรัก

ผมจำไม่ได้แล้วว่าเคยลุกขึ้นตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อออกกำลังกายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังประสานกับเสียงเท้ากระทบผืนทรายเป็นจังหวะ อากาศตอนเช้ามืดวันนี้ค่อนข้างชื้นและเย็น ผมพยายามมองหาสาวสวยเสียงดีคนเมื่อคืน พลางนึกกังวลว่าเธออาจไม่สบายใจกับเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็เป็นได้

ผมวิ่งไปหาครูอุษาซึ่งกำลังวิ่งอยู่เหยาะๆ ตามกลุ่มเด็กนักเรียนอีกฝั่งหนึ่ง

“พี่สา ครับ แล้วพี่แก้วล่ะ” ผมถามด้วยเสียงหอบเหนื่อย พลางชำเลืองเห็นปิ่นปักผมสีเงินลายผีเสื้อล้อมดอกไม้บนศีรษะของเธอ

ครูอุษาหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ “ใครล่ะจ๊ะ ทำพี่แก้วเจ็บตัวน่ะ”

อาการโรคซินเนสทีเซียของผมคงจะกำเริบอีกครั้ง เมื่อเสียงคำตอบของครูอุษากลายเป็นรูปลูกศรพุ่งเข้ามาแทงใจดำผมเต็มเปาดัง “ฉึก !”

พูดเป็นเล่นน่า พี่แก้วเล่าให้ครูอุษาฟังด้วยเหรอว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น !?

“หมายความว่าไงเหรอครับ ที่ว่าเจ็บตัว” ผมแสร้งทำใจดีสู้เสือย้อนถาม

“เมื่อคืน ษา ทำพี่แก้วหกล้มไม่ใช่เหรอ” เธอตอบ สีหน้าโกรธเคืองเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “นี่ …  พี่ล้อเล่นนะ พี่แก้วบอกว่า ษา อุตส่าห์ช่วยพาไปห้องพยาบาล แล้วยังเดินมาส่งที่ห้องด้วย”

“แล้วพี่แก้วบอกว่าอะไรต่ออีกรึเปล่าครับ ” ผมรีบซัก

“ต่อ …” แม่นกน้อยชะงักสงสัย “พี่แก้วลื่นล้ม แล้ว ษา ก็พาไปห้องพยาบาลไม่ใช่เหรอ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมโล่งใจ รีบจบบทสนทนาที่อาจจะโยงไปถึงเรื่องเมื่อคืน โชคดีที่สาวแว่นไม่ได้บอกว่าจริงๆแล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

“แล้วพี่แก้วลุกยืนไหวรึเปล่าครับ”

“ก็ไม่ถึงกับ เดินไม่ได้หรอก แต่พี่ห้ามไว้เองแหละ ว่าอย่าออกมาวิ่งดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งปวดไปกันใหญ่”

“งั้นเหรอครับ” ผมเอ่ยรับ น้ำเสียงสลดลง

ผมขอตัวกลับไปดูอาการสาวแว่นผู้น่าสงสาร สมัยเด็กๆผมเคยลื่นล้มในบ้านข้อศอกกระแทกพื้นอย่างแรง แต่ก็ยังวิ่งเล่นซนได้อีกพักใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่ากระดูกร้าว บางทีถ้าพาเธอไปหาหมอก็อาจจะดีกว่า

แถวๆบ้านพักคุณครูแม่ครัวเริ่มลงมือปรุงอาหารเช้ารอกันแล้ว หากกลิ่นหอมเตะจมูกนี้ลอยฟุ้งไปถึงกลุ่มเด็กๆที่กำลังวิ่งกันอยู่ล่ะก็คงไม่แคล้วต้องรีบวิ่งกลับมาที่นี่กันเชียวล่ะ ผมหาพี่แก้วไม่เจอเลยลองมาบ้านหลังที่เธอพัก หวังว่าเธอคงไม่ได้นอนร้องโอดโอยอยู่

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากในบ้าน ไม่ทันไรผมก็ตกใจร้องเสียงดังเพราะมือเล็กๆที่เอื้อมมาจับไหล่จากข้างหลัง แถมหัวก็กระแทกชนประตู เสียงหัวเราะแหลมๆปนความรู้สึกเยาะเย้ยนิดๆจึงดังขึ้น

“ขวัญอ่อนตลอดเลยนะ” สาวแว่นถือขันใส่อุปกรณ์อาบน้ำยืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง
ส่วนผมยังเจ็บหัวพูดอะไรไม่ออก

“ไปวิ่งมาเสร็จแล้วเหรอ” เธอถาม แล้วหรี่ตาลง

“เอ่อ … ”  ผมดีใจที่เห็นเธอสบายดี แต่ยังคิดคำโกหกไม่ทัน

“ฮั่นแน่ ! นี่แอบโดดมาล่ะซิ เพิ่งจะยี่สิบนาทีเอง”  สาวแว่นเก๊กหน้าดุ พลางยกข้อมือดูนาฬิกาเรือนเล็ก

ผมยิ้มหลบสายตามาดคุณครูของเธอ “เอ่อ …  ขะ ครับ ผมขอกลับมาก่อน”

“มาหาพี่มีอะไรเหรอ”

“เห็นพี่สา บอกว่า พี่แก้วเจ็บขาจนลุกไม่ไหว ผมก็เลย … ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” เธอวางขันลงบนเก้าอี้ไม้ทรงกลมหน้าห้อง “เดี๋ยว พี่จะไปช่วยงานในครัว ษา ไปด้วยกันมั้ยคะ”

ผมพยักหน้าตอบรับ สาวแว่นยังเดินกะเผลกดูน่าสงสาร ใจจริงผมอยากเข้าไปประคองเธอเหมือนเมื่อคืนอีก แต่เวลาแบบนี้คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่

และแล้วก็ใกล้ถึงเวลากลับ หัวหน้าฝ่ายปกครองปล่อยให้นักเรียนเดินเที่ยวเล่นกันตามสบาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็โดนสั่งให้คอยมานั่งดูพวกเด็กๆที่ออกมาวิ่งเล่นริมทะเลอยู่ดี

ผมไม่ค่อยรู้สึกว่านี่เป็นการมาเข้าค่ายพัฒนาตนเองสักเท่าไหร่ มันเหมือนเป็นการจับกลุ่มมาเที่ยวเล่นกันมากกว่า แต่ก็เป็นการเที่ยวที่ไม่เลว ผมขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าการมาครั้งนี้คงจะน่าเบื่อ ตรงกันข้ามเลยผมอยากให้เราอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักสองสามวันด้วยซ้ำ

ระหว่างรับหน้าที่เป็นยามระแวดระวังภัยให้เด็กๆ ผมก็ได้เห็นอะไรดีๆอีกแล้ว ใต้ต้นไม้ริมกำแพงของศูนย์ประมง ครูสาวแสนสวยกับเด็กชายไร้เดียงสาที่ตกหลุมรักเธอกำลังยืนคุยกันอยู่ ผมรีบมองกวาดสายตาไปรอบๆ ครูหลายคนเริ่มออกมาเดินเล่น ชมวิว จับกลุ่มถ่ายรูปริมทะเลกันมากขึ้น ดูท่าว่าถึงจะขาดผมคอยดูเด็กๆไปคนหนึ่งก็คงไม่เป็นไร

ผมผละตัวเองออกจากที่นั่ง ค่อยๆสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้สองคนนั้นอย่างช้าๆ

“ยังไม่ได้ยินอะไรเลย … ต้องใกล้เข้าไปอีก …” ผมบอกตัวเอง

ผมมาหลบอยู่หลังกำแพงของห้องอะไรสักอย่างซึ่งอยู่ใกล้สองคนนั้นมาก ทำทีเป็นมายืนพักไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับทั้งสองคน ผมค่อยๆขยับตัวเข้าใกล้จนในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงคุยกันชัดขึ้น

น้ำเสียงครูอุษาอ่อนโยนกับสิทธามาก

“น่าเบื่อ !” ผมนึกเสียดาย บทสนทนาไม่หวือหวาอะไรเลย เหมือนคุณครูประจำชั้นคุยเล่นกับเด็กนักเรียนตามปกติ จากนั้นเสียงเดินย่ำบนพื้นหญ้าดังขึ้นสองสามครั้ง ผมจึงต้องรีบหาที่หลบ

“ครูอุษาครับ” เสียงหนุ่มน้อยดังขึ้น หยุดเสียงฝีเท้าที่เกือบจะมาถึงตัวผมลง

“แต่งงานกับผมนะครับ”

เฮ้ย ! นี่มันอะไรกัน ผมคิด เด็กนี่แก่แดดขนาดขอครูอุษาแต่งงานเลยเหรอ

เสียงย่ำเท้าดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เสียงค่อยๆห่างตัวผมออกไป

“นี่ … สิทธารู้รึเปล่าจ๊ะ ว่า แต่งงานแปลว่าอะไร” ครูสาวถาม

“รู้ซิครับ”

เสียงสนทนาเงียบลงหลายวินาที

“แล้วมันแปลว่าอะไรเหรอจ๊ะ”

“ก็คือ คนสองคนรักกันและตกลงใช้ชีวิตร่วมกันไงครับ” เด็กน้อยตอบ

เจ๋งเป้ง ! สิทธา เธอตอบได้แจ๋วมาก

“แล้วรู้รึเปล่าจ๊ะ ว่าครูเคยแต่งงานแล้ว” ครูอุษาถามต่อ

“รู้ครับ” สิทธาตอบ

“แล้วสิทธาจะรักและแต่งงานกับ ผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้วได้เหรอจ๊ะ” ครูสาวเอ่ยถามถึงความมั่นใจ

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” สิทธาตอบ “ผมรักครู อยากให้ครูเป็นเจ้าสาวของผม”
ผมรู้สึกตื้นตันราวกับหัวใจกำลังพองโตขึ้น ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่พูดเรื่องอย่างนี้ได้กล้าหาญมาก

ผมชำเลืองเห็นบานหน้าต่างติดฟิล์มสีทึบๆสองบานที่อยู่ใกล้ตัว ความอยากรู้อยากเห็นผมทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงค่อยๆแอบมองออกไปนอกกระจกดูปฏิกิริยาทั้งสองคนที่มีต่อกัน

ครูอุษาค่อยๆโน้มตัวลงใช้มือจับหัวเข่าตัวเองทั้งสองข้าง “อายุเราต่างกันมากนะ ตอนนี้สิทธาอายุเท่าไหร่แล้วเหรอครับ ”

“สิบขวบ ครับ”

“งั้นเหรอครับ ตอนนี้ครูอายุ 26อายุเราห่างกันตั้ง16 ปีเชียวนะ พอสิทธาอายุ 20 ครูก็จะอายุ 36 และถ้าสิทธาอายุ 30 ครูก็จะอายุ 46”

เธอยืดตัวตรงขึ้นแล้วพูดต่อ “ผู้หญิงน่ะ พออายุมากขึ้นก็จะไม่สาว ไม่สวย แล้วนะ กว่าสิทธาจะโต ใบหน้าครูคงแก่ลงมาก เสียงครูจะเปลี่ยนไป ผิวพรรณแตกกร้านเป็นริ้วรอย ใส่ฟันปลอม แถมอาจจะอ้วนเหมือนหมูด้วยนะ”

เธอยิ้มถามลองใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วสิทธาจะยังรักครูอยู่อีกเหรอครับ”

“รักซิครับ ผมรักครูอุษา ยังไงๆผมก็รักครูอุษา” สิทธาพูดย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา

ปัดโธ่ สิทธา ! ผมคิดในใจ เธอกำลังเท่ห์ในสายตาครูมากเลยนะ อย่าเพิ่งทำตัวเป็นเด็กเล็กๆงอแงอยากได้ของเล่นแบบนี้ได้มั้ย

ครูอุษายืนมองหนุ่มน้อยด้วยสายตาเอ็นดูโดยไม่มีทีท่ารังเกียจหรือตลกความแก่แดดของสิทธาเลยแม้แต่น้อย เธอยิ้มให้สิทธาตลอดเวลาที่คุยกัน แต่ผมอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ว่ารอยยิ้มแฝงความเศร้าสร้อยอยู่ลึกๆ ครูสาวค่อยๆนั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อให้ระดับสายตาเธอและสิทธาอยู่เท่ากัน

“ครูก็รักสิทธานะ ถ้าสิทธาเรียนจบแล้วยังรู้สึกกับครูเหมือนกับวันนี้ ครูก็จะแต่งงานกับสิทธา”

“จริงเหรอครับ ! ” สิทธาร้องดีใจเสียงดัง รอยยิ้มฉีกกว้างแทบทำเอาหัวขาดเป็นสองท่อน

“จริงซิจ๊ะ” ว่าที่เจ้าสาวย้ำ

ทั้งสองคนจับมือกัน สิทธาพาครูคนสวยวิ่งหมุนเป็นวงกลมไปรอบๆ ใบหน้าทั้งคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สิทธาดีใจลิงโลดวิ่งกลับไป ผมต้องรีบหาที่ซ่อนตัวไม่ไห้ทั้งสองคนเห็น ไม่นานนักครูอุษาก็เดินตามออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อครู่ของเธอจางหายไปหายจนหมดเหลือแต่เพียงความเศร้าในนัยน์ตาสวยของเธอเหมือนเดิม

“สิทธาจ๊ะ … เรื่องของเธอกับครู ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ” ครูสาวพูดออกมาเบาๆ

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 07:49:47

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 01:32:13

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 01:13:11

จากคุณ : FlowerSong
เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 01:11:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com