จี เอ็มหนุ่มรีบรุดมาที่โรงแรมแต่เช้าก็เพื่อการณ์นี้ เขาไม่รู้ว่าควรโทรหาภาสพัทธ์ตอนไหนจึงได้แต่รอให้อีกฝ่ายโทรมา หากแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีเสียงเรียกเข้าจากเจ้าของโปรเจค จนต้องโทรตามเองตอนเช้าตรู่ และหากไม่เพราะเสียงโทรศัพท์ของเขา สองสามีภรรยากำมะลอคงยังงักๆ เงิ่นๆ ไม่รู้จะแกล้งทำเป็นเพิ่งตื่นตอนไหน งานนี้เลยได้รับความดีความชอบจากพี่ชายและพี่สะใภ้ปลอมๆ ไปโดยไม่รู้ตัว
“ตกลงว่าเราต้องปรับเปลี่ยนแผนอะไรตรงไหนรึเปล่าพี่พัทธ์”
“ไม่ต้องหรอก งานเล็กๆ ในหมู่ญาติสนิทไม่กี่คนไม่น่าจะมีอะไร ทุกอย่างก็ยังคงเดิม แค่มีงานแต่งจริงๆ ขึ้นมา” ตลอดการสนทนา ดิษพงศ์มองกริยาของทั้งคู่แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ ภาสพัทธ์กับปาจารีย์คล้ายจะเลี่ยงสบตากันอย่างไรพิกล
“แล้ว... อย่างนี้คุณแพทไม่ต้องร่วมงานด้วยเหรอคะ” ปาจารีย์ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่รู้ว่างานแต่งที่มีตนเป็นเจ้าสาวนั้นสำคัญพอให้คนที่อยู่ต่างประเทศต้องตีตั๋วกลับมาไหม
“ก็คงต้องหาข้ออ้างหน่อยล่ะ อะไรดีนะที่จะสำคัญพอ” ดิษพงศ์ครุ่นคิดก่อนจะดีดนิ้ว
“ว่าไง” ว่าที่เจ้าบ่าวให้ความสนใจ
“ไว้รู้ฤกษ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เท่านั้นล่ะ จีเอ็มหนุ่มก็แทบจะโดนยัน(ตร์?)
และ เมื่อถามถึงฤกษ์... ฤกษ์ก็ทำท่าจะบินมา ปาจารีย์เพิ่งจะกลับขึ้นห้องไปปรับความเข้าใจกับแม่ได้ไม่ทันไร คุณเกษราและคุณเพชรรัตน์ก็ปรากฏตัว บอกว่าจะมาชวนแม่ของหล่อนไปให้หลวงพ่อดูฤกษ์ที่วัด งานนี้ปาจารีย์กับภาสพัทธ์ส่ายหน้าหัวแทบหลุดว่าไม่ไป จะให้หลอกพระหลอกเจ้าด้วยจ้างให้ก็ไม่เอา พากันหาข้ออ้างให้อุตลุดสุดท้ายก็ปล่อยให้บรรดาพวกแม่ๆ ไปหาฤกษ์งามยามดีกันเอาเอง ไม่วายยกมือท่วมหัวขอขมาองค์พระองค์เจ้าเผื่อบรรดาแม่ๆ ที่ไม่รู้ความจริงด้วย
ภาพที่ซีอีโอหนุ่มยืนตีหน้ายักษ์ใส่ภรรยาท้องโย้ ณ มุมหนึ่งของโรงแรมทำให้ดิษพงษ์ต้องสาวเท้าเดินเข้าไปหา
“มีอะไรรึเปล่าพี่พัทธ์” เขามองญาติผู้พี่สลับปาจารีย์อย่างงุนงง
“ปุ่นแอบไปกินส้มตำปลาร้ามา” ภาสพัทธ์ตอบเสียงเรียบทว่าหัวคิ้วยังพันกันอยู่ไม่คลาย
“เปล่าแอบนะคะ ปุ่นเดินไปกินเฉยๆ ที่ร้านเพิงหมาแหงนข้างๆ โรงแรมนี่เอง” ถ้อยคำนั้นทำเอาผู้จัดการหนุ่มยิ้มขันแต่ภาสพัทธ์นั้นยิ้มไม่ออกสักนิด
“ก็แค่ส้มตำน่ะพี่พัทธ์ ช่างเถอะ” ดิษพงษ์ช่วยไกล่เกลี่ยทว่าไม่เป็นผล คนร้อนก็ยังคงร้อนไม่คลาย
“โชค ดีแค่ไหนที่แม่ฉัน แม่นาย แล้วก็แม่เธอไม่อยู่น่ะ... มะละกอดิบ ของหมัก ของดอง ไหนจะผงชูรส ไม่รู้รึไงว่ามันเป็นของต้องเลี่ยงสำหรับคนท้อง” คนไม่ได้ท้องจริงจะกินหมดทั้งรถเข็นก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ในสถานะที่หล่อนท้อง แถมตอนเขาเดินไปตามนี่หล่อนกำลังฉีกปลาร้าเป็นตัวเลยด้วยซ้ำ หากบรรดาแม่ๆ เป็นคนไปเจอล่ะก็คงได้โวยวายเป็นการใหญ่ จับไปหาหมอตรวจเช็คอะไรให้วุ่นวายแค่คิดเขาก็หนักใจจะแย่อยู่แล้ว
“อย่าให้คนอื่นต้องคอยมานั่งระวังฝ่ายเดียว เธอเองก็ต้องช่วยระวังตัวเองด้วยเข้าใจไหม”
“ปุ่นขอโทษค่ะคุณพัทธ์” จีเอ็มหนุ่มแทบจะสำลักขำเมื่อสีหน้าไปไม่เป็นของภาสพัทธ์ยามเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าสลด ...ใจอ่อนยวบเลยสินะพี่พัทธ์... ฉับพลันก็เหลือบสายตาไปเห็นคุณเพชรรัตน์ คุณปรียา และคุณเกษราเดินเข้ามา ดูท่าธุระจัดหาฤกษ์จะเรียบร้อยแล้วจึงใช้ศอกสะกิดญาติผู้พี่
“พี่พัทธ์ดูโน่น... เล่นเดินเบียดกันยิ้มแก้มปริมาอย่างกับฉลากปลากระป๋องแบบนี้... ผมไม่อยากจะจินตนาการต่อเลย” จีเอ็มหนุ่มว่าพร้อมทำท่าขนลุก
“หุบปากน่า” ภาสพัทธ์ทอดถอนลมหายใจ เขาอาจเป็นขุนพลในสงครามประสาท แต่ไม่อาจต่อกรกับแม่ทัพไซโคเฉกเช่นญาติผู้น้องอย่างหมอนี่ได้เลย
“มีอะไรกันเหรอครับ ยิ้มแก้มปริเชียว” จีเอ็มหนุ่มเอ่ยปากถาม คุณเกษราจึงเริ่มฟุ้งให้ฟังถึงถ้อยคำตามดวงที่พระท่านว่าสองคนนี้น่ะคู่สร้างคู่สม
“ท่านล่ะแม๊นแม่นนะ ตอนดูดวงแม่ๆ เราท่านก็ทักว่ากำลังจะมีหลานชาย เป็นอภิชาตบุตรค้ำคูณวงศ์ตระกูล” คำบอกเล่าจากคุณเกษราทำเอาภาสพัทธ์กับปาจารีย์ลอบสบตากันยิ้มแหยอย่างเผลอ ตัว คุณเพชรรัตน์กำลังจะมีหลานน่ะใช่ แต่จากแพทรียานะไม่ใช่ภาสพัทธ์ ส่วนคุณปรียาน่ะรึ... ปาจารีย์แน่ใจดีเชียวว่าตนไม่ได้ท้อง ไม่มีแม้แต่โอกาสจะท้องเสียด้วยซ้ำ
“แล้ว... ตกลง ฤกษ์แต่งล่ะครับ เมื่อไหร่” ดิษพงศ์เอ่ยถามอย่างสนใจ เขาจะได้เลือกหาข้ออ้างให้แพทรียาถูก และคำตอบจากคุณเกษราที่ดูจะดีใจยิ่งกว่าแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวจริงๆ ก็หันมาตอบลูกชายคนเล็กของตนเอง
“ไม่ช้าไม่เร็วหรอก กำลังดี”
“พอดีของแม่ มักจะเร็วสำหรับผมเสมอ” จีเอ็มหนุ่มว่า และก็จริงเสียด้วย เพราะคำว่าไม่เร็วของคุณเกษรา ทำเอาสองคนที่ต้องเข้าพิธีถึงกับอ้าปากค้างอย่างตะลึง
“อีกสองอาทิตย์จ้ะ!”
บ่าย วันนั้นเองที่มารดาของปาจารีย์ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปดูแลสามีที่แม้อาการจะ ไม่ถึงขั้นป่วยจนทรุด แต่ความดันโลหิตสูงและโรคแทรกซ้อนที่เป็นอยู่ก็ทำให้คุณปรียาไม่ค่อยไว้วาง ใจจึงไม่อยากห่างหายไปไหนนาน ที่เข้ากรุงเทพฯ มากระทันหันคราวนี้ก็เพราะอยากคุยกับลูกสาวแบบเห็นหน้าค่าตาหลังจากไม่ได้ พบปะเสียนาน รวมถึงอยากมาขอบคุณหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมที่ดิษพงศ์กล่าวอ้างสวัสดิการพิเศษ ที่รับโอนหนี้ไปแบบไม่คิดดอกเบี้ยด้วยตนเอง จนมาพบลูกสาวท้องโตอย่างที่เห็น
“ปุ่น... อยากกลับไปอยู่ที่บ้านสักพักก่อนไหมลูก” คำถามของคนเป็นแม่ที่อยากเป็นที่พึ่งให้ในยามท้อง ได้รับการตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ยังกลับไม่ได้หรอกค่ะแม่ ปุ่นยังต้องอยู่ที่นี่ เอ่อ... มีนัดกับหมอด้วยน่ะค่ะ”
“อ่อ... จริงสินะ ยังไงก็สะดวกกว่า แต่ถ้าอยากให้แม่มาเมื่อไหร่ก็บอกนะ คราวหน้าจะได้พาพ่อมาด้วย”
“ค่ะ” ปาจารีย์รับคำก่อนจะส่งมารดาขึ้นรถตู้ของโรงแรม ที่ภาสพัทธ์สั่งให้ไปส่งแม่ยายถึงบ้าน
คุณ ปรียาหันไปมองลูกเขย... จากที่นอนใคร่ครวญมาทั้งคืนก็พบว่าภาสพัทธ์เอาใจใส่ลูกสาวตนไม่น้อยทีเดียว ตั้งแต่ครั้งแรกที่หล่อนลงโทษปาจารีย์ เขาก็รีบวิ่งเข้ามาทำท่าจะอธิบายแถมยังรวบมือหล่อนไว้ไม่ให้ทำร้ายลูกสาวซ้ำ ไหนจะตอนที่นั่งคุยกันชายหนุ่มก็จับมือให้กำลังใจภรรยาไม่ปล่อย ฝ่ายลูกสาวเองก็ดูท่าจะไว้ใจเขามาก พอร้องไห้ก็วิ่งไปหาเขา ซ้ำภาสพัทธ์ยังมีกะใจขึ้นมาบอกหล่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงว่าเด็กสาวเตลิดไป ไหน อีกทั้งเจ้าตัวยังรับคำว่าเขาจะดูแลปาจารีย์ สัญญาดิบดีที่จะไม่ทอดทิ้ง...
‘ภาสพัทธ์ เทพธารา’ เห็นทีหล่อนคงต้องมองลูกชายของตระกูลนี้ใหม่เสียแล้ว...
“คุณพัทธ์ แม่ฝากปุ่นด้วยนะ” รอยยิ้มจากคนเป็นแม่ยาย ทำให้ภาสพัทธ์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยพร้อมรับคำก่อนส่งคุณปรียาขึ้นรถไป ไม่วายได้รับคำแซวทิ้งท้ายจากดิษพงศ์
“ว้าว... ก็เอาชนะใจแม่ยายได้แล้วนี่”
ภาสพัทธ์กระตุกปากหมั่นไส้ มันน่าไหมโดนสักป๊าปไหมล่ะ ไอ้น้องชายปากหวานคนนี้!
***
9.
ที่เค้าท์เตอร์ส่วนกลางของวอร์ดศัลยกรรมในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ธารทิพย์ซึ่งอยู่ภายใต้ชุดกราวน์สีขาวสะอาดกำลังยืนอ่านชาร์ตรายงานผู้ป่วยในความดูแลของตน
“ไง ทิพย์ เห็นเคสนี้รึยัง” เสียงทักจากแพทย์หนุ่มผิวขาวเจ้าของรูปร่างสูงโปร่ง ทำให้ธารทิพย์ละสายตาหันไปมองกระดานรายงานในมือของอีกฝ่าย ซึ่งการมาของเขาทำเอาพยาบาลสาวแถวนี้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันตาเห็น
หมอปวัตร์เป็นศัลยแพทย์สมองและประสาทซึ่งมีชื่อเสียงระดับประเทศ นอกจากฝีมือจะเก่งกาจแล้วรูปร่างหน้าตาของเขาก็หล่อเหลาเลยมักจะทำเอาหญิงแท้และหญิงเทียมในโรงพยาบาลออกอาการเพ้ออยู่บ่อยๆ
“อาการไม่คงที่เลย...” หล่อนมองดูชาร์ตผู้ป่วยที่เพิ่งถูกส่งโอนย้ายเข้ามาเมื่อเช้า
“ผมจะเอาเข้าที่ประชุมบ่ายนี้ ถ้าทิพย์ว่างผมอยากให้เข้าไปด้วยนะ” ยังไม่ทันที่คุณหมอสาวจะได้ตอบรับ เสียงสดใสร่าเริงของรินณดาก็ดังแทรกมาจากด้านหลัง
“ทิพย์”
“อ้าว ณดา ไง... มาฝากครรภ์เหรอ”
“ใช่แล้วจ้ะ นี่พี่ยศกำลังรอรับยาเลยว่าจะแอบแว่บไปหาทิพย์ที่ห้องตรวจ โชคดีจังที่เจอตรงนี้ ยุ่งอยู่หรือเปล่า”
“อ่อ ตอนนี้ไม่ แต่อีกเดียวต้องเข้าห้องตรวจ... อืม แป๊ปนึงนะณดา” ธารทิพย์หันไปยื่นชาร์ตส่งคืนให้กับหมอปวัตร์ก่อนพูดคุยอะไรอีกนิดหน่อย คุณหมอหนุ่มหันมาค้อมศีรษะน้อยๆ ให้รินณดาก่อนขอตัวไปทำงานต่อ
“ใครอ่ะทิพย์ หล่อมาก เป็นเกย์รึเปล่า หน้าใสเชียว” คนท้องอ่อนๆ เอ่ยถามเป็นชุดจนธารทิพย์หลุดยิ้ม
“เอาคำถามไหนก่อน”
“ทั้งหมด อยากตอบอันไหนก่อนก็ตอบมา”
“อืม... ชื่อหมอปวัตร์ ชื่อเล่นไม่รู้เพราะเห็นใครๆ ก็เรียกแต่แบบนี้ ส่วนเรื่องเกย์รึเปล่านี่ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่ยังไม่เห็นมีหนุ่มหรือสาวคนไหนมานั่งเฝ้า” ธารทิพย์ตอบยิ้มๆ
“เหรอ แล้วเขาจีบทิพย์ไหม” รินณดาเริ่มมองหาคู่ใหม่ให้เพื่อน เรื่องงานแต่งเล็กๆ ของภาสพัทธ์นั้นหล่อนได้ยินมาจากทรงยศซึ่งได้รับเชิญ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดเมื่อว่าที่เจ้าสาวของอีกฝ่ายท้องโตเสียขนาดนั้น หันมาลุ้นคุณหมอหน้าใสคนเมื่อกี๊ให้เพื่อนรัก ดูจะมีเครดิตกว่าตั้งเยอะ
“ไม่หรอก... หมอปวัตร์เขางานยุ่งจะตาย ไม่เห็นจะมองใครด้วยซ้ำ”
“ว้า... เกย์ชัวร์ สวยๆ ระดับเพื่อนฉันยังไม่จีบเนี่ย” เจ้าของร่างระหงท้าวสะเอวอย่างขัดใจ “เอ๊ะ... หรือแถวนี้มีใครสวยกว่า” รินณดามองซ้ายมองขวาอย่างสำรวจ พาให้คุณหมอสาวยิ้มขัน
“บางทีอาจจะมีคนที่หล่อกว่าก็ได้” คำขัดคอของธารทิพย์ทำเอาเพื่อนสาวค้อนขวับหากแต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่าอารมณ์ดี ถ้าธารทิพย์เดาไม่ผิด ทรงยศก็คงติดกับรินณดาเพราะมาดร้ายๆ ติดตลกนี่ล่ะ
“พี่ยศมานู่นแล้ว เดี๋ยวฉันขอตัวเลยแล้วกัน” ธารทิพย์ทักทายทรงยศก่อนจะไปทำงานต่อปล่อยให้สองสามีภรรยาพากันเปิดดูยาบำรุงที่เพิ่งได้มา
“ณดารอนานรึเปล่า โทษดีพอดีพี่เจอคนรู้จัก”
“ใครเหรอคะ”
“น้องชายเพื่อนน่ะ เป็นหมออยู่ที่นี่ ชื่อปวัตร์”
นามนั้นทำให้รินณดาเผยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะคล้องแขนสามีแล้วยิ้มอ้อน
“ถ้าอย่างงั้น... พี่ยศพอจะเล่าประวัติน้องชายเพื่อนคนนี้ให้ณดาฟังหน่อยได้ไหมคะ”
คิ้วหนาของทรงยศเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ปกติภรรยาตนไม่ใคร่จะแยแสใคร หล่อนเป็นประเภทสวยเชิดเลิศหยิ่งและไม่นิยมผูกมิตรใหม่ แบบนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลซึ่งทรงยศคิดว่าเขาพอจะเดาออกได้ไม่ยาก
“แล้วณดาอยากรู้อะไรล่ะ” เมื่อสามีเปิดทาง รินณดาก็ยิ่งยิ้มหวาน ก่อนจะยิงคำถามที่ทำเอาคนฟังต้องเลิกคิ้วสูงกว่าเก่าอีกเท่าตัว
“งั้น... เริ่มต้นที่หมอปวัตร์เป็นเกย์รึเปล่า”
“หืม?”
(ต่อ)
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ค. 54 20:40:45
|
|
|
|