Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 22 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10848477/W10848477.html

บทที่ 22

ผู้กองพันยศรู้สึกตัวแล้ว ไข้ลดลง สีหน้าดูดีมีสีเลือดขึ้นบ้างแล้ว สามแสนช่วยเช็ดตัวให้ตอนรุ่งสาง รู้สึกโล่งใจว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนอง ครางเบาๆ ในลำคอ เปลือกตาขยับนิดๆ ตกสายอีกนิด เขาก็ลืมตา เจอหน้าสามแสนก็ร้องทักเสียงแหบพร่า สามแสนก็ยิ่งสบายใจใหญ่ว่าเขารอดตายแน่แล้ว

"ดื่มยาก่อนนะคะ มันขมสักนิด แต่สรรพคุณดีมากเลย" เธอบอก พลางช่วยประคองศีรษะอย่างระมัดระวัง

"ผมปลอดภัยดีหรือครับนี่ เหลือเชื่อจัง" เสียงเขายังฟังแหบๆ

"คนดีผีคุ้มอยู่แล้วค่ะ ผู้กองเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของปวงประชาไม่ใช่หรือคะ"

ผู้กองบาดเจ็บรู้สึกอุ่นลึกในใจอย่างบอกไม่ถูกกับน้ำเสียงทะเล้นน่ารักของคนพูด เขาหายใจได้ลึกกว่าตอนฟื้นใหม่ๆ ตอนนั้น มันยังมืดอยู่ แสงที่เรืองๆ เลือนๆ ก็ออกสีส้มหม่นๆ สามแสนบอกเขาว่า มันเป็นแสงจากตะเกียง

"รู้สึกหิวไหมคะ" เธอถามเมื่อป้อนยาเสร็จ แล้วจัดท่าให้เขานอนสบายๆ

"นิดหน่อย แผลที่ถูกยิง.. "

"พี่ชายผ่าเอากระสุนออกให้แล้วค่ะ ผู้กองไม่ต้องกังวลนะคะ ส่วนแผลที่ท้ายทอย เริ่มแห้งแล้วค่ะ สมุนไพรของพี่ชายเยี่ยมมาก โปะตึกเดียวหายขาดเลย"

เธอหัวเราะใสพริ้ง คนเจ็บนอนฟังเพลิน สวรรค์บันดาลหรือเปล่า ที่ให้เขามาเจอสามแสนในยามวิบาก หรือว่าเป็นเนื้อคู่กัน มันอาจจริงก็ได้ เพราะโดยปกติแล้ว เขาก็ไม่ค่อยจะถูกใจใครเป็นพิเศษง่ายๆ แต่กับสาวงามคนนี้ ก็แปลกออกไปอีก เห็นหน้าคราวแรกก็พึงใจประหลาด

เขายังแอบนึกเสียดายเสียด้วยซ้ำไปว่า ตัวเองต้องแยกไปทำภารกิจ ถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะขอตามเธอเข้าไปหาพี่ชายด้วย เจอหน้าพี่ชายแล้ว ก็อาจทาบทามสู่ขอกันแบบลูกผู้ชายเสียเลย ไม่แต่งปีนี้ ก็หมั้นไว้ก่อนได้

เธอหายไปครู่หนึ่ง แล้วกลับเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร หนุ่มหล่อแปลกหน้าคนหนึ่งตามเข้ามาด้วย ช่วยประคองเขาให้ลุกมานั่ง เธอแนะนำว่าเป็นเพื่อนชื่อวิเรก

"แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครเรียกชื่อนี้หรอกครับ" นายขิงรีบบอกยิ้มๆ "คุณผู้กองก็เรียกผมว่าขิงเหมือนคนอื่นๆ เถอะ"

"ยินดีที่ได้รู้จัก คุณสองคนเป็นเพื่อนกันเฉยๆ หรือว่าเป็น.. "

"เพื่อนสิครับ เพื่อนเท่านั้น" นายขิงสำทับกลั้วหัวเราะ แล้วพยักพเยิดไปหน้าประตู "โน่นแน่ะครับ แฟนผม หวานใจชาวดงตัวจริงเสียงจริง คุณผู้กองดูได้ ชมได้ แต่ห้ามจีบแล้วนะครับ คนนี้ผมจองไว้เป็นแม่ของลูก"

'โล่งอก' ผู้กองเพิ่งฟื้นลอบบอกตัวเอง กระหยิ่มใจพอสมควรกับคำตอบฉะฉาน พร้อมหลักฐานยืนยัน หวานใจชาวดงเดินมานั่งข้างสามแสน หล่อนสวยมาก สวยจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นสาวชาวป่าชาวดงได้

แต่เมื่อนั่งประชันกับสามแสนแล้ว เขากลับมองว่าสาวชาวกรุงน่ายลกว่า เธอสวยหวาน รอยยิ้มสดใสกับประกายตาเบิกบาน มองนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อ

ในขณะที่สาวชาวดงสวยเข้มข้นบาดจิตนัก ซึ่งหากมองนานไป ก็อาจมีเอือมได้บ้าง แต่ก็นั่นล่ะ ลางเนื้อชอบลางยา นายขิงคนนี้ อาจชอบสาวๆ แบบสวยบาดจิต แต่เขาขอพึงใจสาวหวานดีกว่า

"สีหน้าดีขึ้นมากเลยผู้กอง วันสองวันก็น่าจะหายแล้วนะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระใบพลูนานนัก"

"ใบพลู" นายขิงรีบเอ็ด นิ่วหน้าให้เจ้าตัวทราบว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรอยู่

"ก็ใบพลูไม่ชอบดูแลคนป่วย" หล่อนแหวเสียงแหลม "ใบพลูกับผู้กองก็ไม่ใช่คนรู้จักกันสักหน่อย ทำไมต้องให้ใบพลูดูแลหลายๆ วันด้วย"

"ใบพลู"

"ไม่เป็นไร" ผู้กองหนุ่มรีบบอกยิ้มๆ "โผงผางแบบนี้ดีครับ ผมชอบ แล้วผมเองก็นอนซมแบบนี้นานๆ ไม่ได้ งานยังไม่เสร็จเลย"

"หมายถึงตามล่านักโทษแหกคุกหรือคะ" สามแสนถามเบาๆ

"ครับ ตอนผมถูกยิง ลูกน้องก็ไม่รู้กระจายกันไปทางไหน แต่เชื่อว่าน่าจะยังติดตามไล่ล่ากันอยู่ ผมต้องรีบหายให้เร็วที่สุด ก่อนที่ไอ้นักโทษชั่ว จะไปก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านละแวกนี้"

หนุ่มสาวมองตากันแวบหนึ่ง สามแสนเม้มปากอึดอัดใจ เธอก็ทราบนั่นละว่า ไอ้นักโทษชั่วก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงไปก่อกรรมทำเข็ญกับใครหรอก นอนซมเพราะโดนยิงเหมือนกัน

แค่เธอแพร่งพรายร่องรอยให้ผู้กองพันยศทราบ เจ้าหมอนั่นก็คงหนีไม่พ้น แต่มันติดตรงที่หัวหน้าดงโจรขมิ้นทองเอ่ยปากขอร้องให้ช่วยปกปิดกันแบบตรงๆ นี่สิ

"ที่นี่ที่ไหนครับ แล้วนี่กระท่อมของใคร" ผู้กองหนุ่มถามขึ้น เสียงแหบเริ่มจะคมและใสขึ้นบ้างแล้ว

"กระท่อมพี่ชายค่ะ เราสามคนเจอผู้กองนอนสลบใกล้กับลำธารค่ะ ก็เลยช่วยพามารักษาตัวกับพี่ชายที่นี่"

"พี่ชายที่คุณสามแสนพูดถึงนี่ ใช่คนเดียวกับที่บอกว่าจะเข้ามาตามหาหรือเปล่าครับ"

"ใช่ค่ะ สามแสนเจอพี่ชายแล้ว"

"ข่าวดีจริงๆ โชคดีมากด้วย ป่าผืนกว้างขนาดนี้ ใช้เวลาตามหาแค่วันสองวันก็เจอง่ายๆ ดีใจด้วยนะครับ"

สาวงามยิ้มบาง แววตาเศร้าลงวูบหนึ่ง เธอดีใจที่ได้พบพี่ชาย แต่ก็เสียใจที่เขาดื้อรั้นไม่ยอมหันหลังทิ้งอดีต แล้วตามเธอกลับบ้าน ทุกเหตุผลของเธอโดนเขาสกัดจนแต้มไปเสียหมด แม้แต่จะยกเรื่องความสำนึกผิดของบุพการีมาอ้าง เขาก็ไม่ฟัง แถมยังตะคอกกลับดุร้ายเสียอีกว่า

"ไม่ต้องมาพูดเรื่องสำนึกผิดกับฉัน มันไม่ได้ทำให้ชุของฉัน ลูกของฉัน กลับมาอยู่กับฉันได้อีก"

"แต่คนก็ทำผิดไปแล้ว ตายไปแล้ว พี่ชายทำไมไม่ยอมเข้าใจ ทำไมไม่ยอมรับว่า เหตุการณ์พวกนั้นมันจบไปแล้ว"

"เงียบเสียทีสามแสน ฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว"

"ที่ฟังไม่ได้ ก็เพราะว่าจริงๆ แล้ว พี่ชายยังมีสามัญสำนึกอยู่ตลอดเวลา พี่ชายคิดถึงคุณตาคุณยาย เพียงแต่ว่าความแค้นมันสกัดไม่ให้พี่ชายกลับไปหาท่าน"

"สามแสน เงียบนะ ไปให้พ้น"

"คุณตาคุณยายสำนึกผิดแล้ว ท่านเสียใจกับสิ่งที่เคยทำกับคุณชุลียา พ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก มันผิดตรงไหนคะ แค่หันกลับมามองเหตุผลนี้เหตุผลเดียว พี่ชายก็น่าจะอภัยให้ท่านได้แล้ว ถ้าท่านไม่รักพี่ชาย ท่านจะ.. "

"ท่านฆ่าชุของฉัน ฆ่าลูกของฉัน เพื่อสนองความรักที่มีต่อฉันหรือ เพื่อจะบอกว่าการกระทำที่โหดเหี้ยมอย่างนั้น ทำเพื่อฉันหรือ ถ้าการรักใครสักคน แล้วต้องฆ่าใครสักคนเพื่อยืนยันให้เชื่อ อย่างนั้น มันก็เรียกว่าความรักไม่ได้หรอกสามแสน"

การรอคอยเวลาอย่างยาวนานถึงห้าปี เพื่อย้อนกลับเข้าป่ามาตามหาเขา มันเหนื่อยน้อยกว่าการปะทะคารมและโต้เหตุผลกับเขาเพียงไม่กี่นาที คุณหมอแสวงบุญพูดอะไรไม่เคยผิดเลยใช่ไหม เขาเตือนแล้วเตือนอีก ทัดทานจนเสียงแหบแห้งก็แล้ว สามแสนก็ไม่เคยฟังเลย

"พี่ชายเขาเลือกชีวิตของเขาแบบนั้นไปแล้ว ใครก็ดึงเขากลับมาไม่ได้หรอก นิสัยของพี่ชายเป็นแบบนั้น สามแสนอย่าหาเรื่องเหนื่อยเปล่าเลย ไอ้เหนื่อยเปล่าพี่ก็ไม่ว่าหรอก เพราะที่พี่เป็นห่วงก็คือ สามแสนจะกลับออกมาอย่างเจ็บปวด"

ตอนนั้น คำพูดของคุณหมอแสวงบุญ มันช่างก้องกังวานจนโสตร้าว เธอได้แต่ยืนน้ำตาซึม มองแผ่นหลังพี่ชาย เขาเป็นผู้ชายหัวใจสลายที่แสนดื้อรั้น มันไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆ ว่าทำไมทุกคนถึงได้พากันถอดใจ สิ้นหวังต่อการรอคอยให้เขาย้อนกลับไป เพราะเขาแสดงให้เห็นจริงๆ แล้วว่า 'เป็นไปไม่ได้'



เจ้าของหัวใจของสามแสนปรากฏตัวเงียบๆ ให้ผู้กองพันยศรีบกวาดตาสำรวจ หนุ่มสาวกระเถิบให้เขานั่ง ใบหน้าขรึมดุก้มลงมองเฉพาะบาดแผล

"แผลแห้งลงแล้ว ผู้กองไม่ค่อยเจ็บแล้วใช่ไหม" เขาถามเสียงเรียบต่ำ

"ครับ สมุนไพรของคุณเยี่ยมจริงๆ อย่างที่คุณสามแสนบอกเลย"

"สมุนไพรไม่ใช่ของฉันหรอก มันเป็นสมบัติของป่า คนป่าคนดง อยู่ไกลปืนเที่ยง เจ็บไข้ได้ป่วย มดหมอก็หาลำบาก จึงต้องช่วยตัวเองด้วยการเรียนรู้กับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว"

"ถ้าอย่างนั้น คุณก็เก่งมาก ที่เรียนรู้กับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวได้อย่างแตกฉาน"

ภภีมเฉยๆ กับคำชม เขาเงียบไปเลยหลังจากนั้น ที่เข้ามาก็ตั้งใจดูแผล กับเตือนสามแสนให้เตรียมตัวกลับบ้านเสียที

เมื่อวานก็ทะเลาะกับเธอ เมื่อรุ่งสางก็อีกยก ละเหี่ยใจเต็มทนกับเด็กคนนี้ คงต้องรีบพาเธอออกไปให้พ้นรัศมีความรักโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงไม่ได้ตายอย่างสงบอย่างที่ตั้งใจ เพราะก่อนตายคงทุรนทุรายโหยหาเธอเป็นที่สุด

บาปเสน่หาใหญ่หลวงขนาดนี้ เขาจะแบกไปอวดชุลียาได้ยังไง หล่อนคงเสียใจที่เขาปันใจให้สามแสน แล้วเขาก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะว่า 'มันจริง'

"เตรียมตัว.. "

สามแสนทราบแล้วว่าเขาจะพูดอะไร เธอไม่รอฟังหรอก ร่างโปร่งรีบลุกหนีไปเลย ทำให้เขาต้องถอนใจยาว เสียงเฮือกหนักหน่วง ดึงสายตาของคนที่เหลือให้มองเขม็งอย่างสนใจ

"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" ผู้กองพันยศถามขึ้น

"ไม่มี ฉันจะพาสามแสนกลับบ้านวันนี้เท่านั้นเอง ผู้กองก็พักรักษาตัวที่นี่ได้ตามสบาย ระหว่างนี้ ขิงกับใบพลูจะช่วยดูแลไปพลางๆ "

"อ้าว ทำไมละครับ เธออุตส่าห์ดั้นด้นเข้ามาตามหาพี่ชาย พอเจอกันแล้ว ทำไมจะรีบส่งเธอกลับบ้าน ระยะทางมันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ นะครับ"

"ไม่ใช่เรื่องของผู้กองหรอก นอนรักษาตัวไปเถอะ"

"แต่ผมอยากให้ใช่นี่" ผู้กองหนุ่มโพล่งพรวดออกไป ใจมันร้อนพลุ่งพล่านตั้งแต่ทราบว่าสาวงามจะกลับบ้านแล้วล่ะ "ผมไม่อ้อมค้อมล่ะ ผมคิดว่าผมชอบคุณสามแสน ก็เลยไม่อยากให้เธอกลับ"

นายขิงกับใบพลูตาโต พี่ชายของสามแสนตาวาว ดูเหมือนว่าจะเผลอบดกรามด้วย ใจก็เผลอคิดดุๆ ว่า 'ไอ้ผู้กองเอ๊ย ไม่อยากตายดีหรือไงวะ' ร่างสูงในชุดชาวดงหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับคนช่างกล้า ทั้งที่เดินไปเกือบถึงประตูอยู่แล้ว

"ถ้าชอบสามแสน ก็ตามไปสานต่อกันเองที่บ้านของเธอโน่น นี่มันเป็นกระท่อมของฉัน อย่ามาเพ้อเจ้อเรื่องชอบเรื่องรักให้ฉันฟัง ไม่อย่างนั้น มื้อต่อไป ผู้กองอาจโดนกรอกยาพิษก็ได้"

พอสิ้นคำกระด้างดุ นายขิงกับใบพลูก็ตาโตอีก ผู้กองคนฟังก็เบิกตากว้าง ไม่คาดฝันหรอกว่า จะได้ยินอีกฝ่ายตอบโต้มาแปลกๆ แล้วตาเรียวดำคู่นั้นก็เหมือนกัน ทำไมมันถึงได้ดุวับวาวเหมือนตาพ่อเสือหวงหวานใจขนาดนั้น



สามแสนเม้มปาก มองพี่ชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาลงมายืนเท้าสะเอวหน้าเตา มองเธอตาขวางๆ แล้วเดินกระแทกส้นตึกๆ ไปหยุดหน้าหม้อต้มยา หยิบจับอะไรก็ดูกระแทกกระทั้นเหมือนหงุดหงิดใจ แล้วอยากระบาย เธอสะดุ้งโหยง ตอนเขาโยนฝาหม้อโครม

"ไปกันหรือยัง" เขาหมุนขวับกลับมากระชากเสียงดุ

"เอ้อ.. " สามแสนกลัวเขาจะหักคอเหลือเกิน ตาดุๆ แบบนั้น ทำให้เธอไม่ค่อยกล้าดื้อ "คือสามแสนมาคิดดูแล้ว คือว่า รอให้ผู้กองหายดีก่อนดีไหมคะ สามแสน.. "

"ทำไมต้องรอ เป็นอะไรกับเขาหรือ ถึงได้เป็นห่วงเป็นใย ตื่นแต่หัวมืด ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัว นั่นมันผู้ชายนะ เคยทำแบบนี้กับพ่อตัวเองหรือเปล่า"

"เคยค่ะ ตอนพ่อป่วยหนัก นอนโรงพยาบาลตั้งหลายคืน สามแสนเช็ดตัวให้ท่านเองคนเดียวเลยนะ"

"สามแสน"

ภภีมตะคอกเสียงดัง เขาโกรธจัง เธอจะตอบทำไม ไม่เข้าใจหรือว่าเขาประชด เขาไม่พอใจ เขาอยากจะหักคอไอ้ผู้กอง ตั้งแต่สารภาพปากเสียว่า 'ชอบสามแสน'

"ก็เคยจริงนี่คะ" สามแสนทำหน้ายู่คอย่นหวาดเสียว แต่ก็ยังไม่วายอ้อมแอ้มยืนยัน

"ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย" ภภีมเลยด่าให้เลย "ฉันจะทำยังไงกับเธอดี ไปกันได้แล้ว ไปสามแสน"

ในเมื่อเธออิดออดยืนเฉย เขาก็จำเป็นต้องลากแขนพาลงจากกระท่อม หงุดหงิดจนเห็นสีเขียวชอุ่มของป่าแปรเป็นสีพระเพลิงไปหมดแล้ว สาวงามของเขาก็ขยันสร้างปัญหามาป่วนประสาท เธอเกร็งตัวขืนแขน ไม่ยอมเดินดีๆ ล่ะ

"เป็นอะไร ตัดใจจากผู้กองไม่ได้หรือ"

"พูดผิดแล้วค่ะ สามแสนตัดใจจากพี่ชายไม่ได้ต่างหาก ที่ขืนตัวเองสุดฤทธิ์ ก็เพราะไม่อยากไปจากพี่ชาย"

โดนอ้อนอ่อนหวานแบบนี้เข้า หัวใจพระเพลิงก็สิ้นฤทธิ์ ทั้งสั่นทั้งละลายไปพร้อมๆ กัน ภภีมมืออ่อนขาอ่อน ไม่กล้าสบตาเศร้าเว้าวอน เขารีบเบนหน้าหนี มองผืนป่าที่กลับมาเขียวชอุ่มดังเดิม เท้าสะเอวว้าวุ่น

"อย่าไล่สามแสนกลับบ้านเลยนะคะ" เธอย้ายมายืนจ้องตาอ้อนเหมือนแกล้งทีเดียว "สามแสนยังไม่อยากกลับ ให้สามแสนอยู่กับพี่ชายอีกสักหลายวันนะ"

"นี่เธอ.. "

"อย่างน้อยก็รอให้ผู้กองหายดีก่อน นายเรกกับใบพลูจะได้ไม่เหนื่อยมาก ดูแลคนป่วยน่ะ เหนื่อยนะ สามแสนเคยดูแลพ่อมาแล้ว สามแสนรู้"

ทำไมต้องทำเสียงน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนั้นด้วย แววตาระยิบระยับนั่นก็เหมือนกัน จะขยันส่องให้มันสวยบาดใจเขาไปถึงไหน

"พี่ชาย" เธอออดอ้อน พลางกุมมือ

"ไม่ต้องมาจับมือฉัน" เขาสะบัดเสียง สะบัดมือ

"พี่ชาย" แล้วเธอก็เลื่อนมากอดแขนล่ะ

"ไม่ต้องมา.. " เขาพูดไม่ออก นอกจากใจสั่นกับแสงตาวิงวอน เธอก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดแขนเอาเรื่อง สลัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด "ปล่อย สามแสน ปล่อย"

เธอปล่อยแล้วยิ้มกว้างขึ้น คล้ายจะอ่านออกว่าไอ้เสียงสำทับเข้มของเขาเมื่อครู่ มันแปลว่า 'ตามใจ'

เขาต้องเข่าอ่อนร่างทรุดอย่างวาบหวามซาบซ่านเป็นแน่ หากตอนสะบัดหน้าฮึดฮัดแล้วหันหลังเดินกลับขึ้นกระท่อมฉับๆ จะทำให้แลเห็นสามแสนปรบมือไม่ออกเสียงด้วยท่าทางลิงโลดจัดเหมือนถูกหวย แถมยังส่งจูบให้เขามือเป็นระวิงด้วยท่าทางทะเล้นน่าฟัดน่าจูบนัก

ภภีมอาจจะคิดแค่นั้นจริงๆ ถ้าเขาเห็นอากัปกิริยาที่ว่านั้น แต่สำหรับสามแสน การอ่อนข้อในครั้งนี้ เสมือนว่าเขายอมให้เธอได้ต่อลมหายใจไว้ที่ปลายดงแห่งนี้อีกเฮือกยาวๆ

"สามแสนไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ สามแสนจะทำทุกอย่างให้พี่ชายยอมกลับบ้าน ยอมรับความรักของสามแสน รู้ไหมคะพี่ชาย สามแสนยังมีความจริงอีกเรื่อง รอที่จะบอกพี่ชายอยู่ แต่ต้องรอให้พี่ชายยอมรับความรักของสามแสนเสียก่อน"

เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น หัวใจรักดวงนี้มันชุ่มฉ่ำด้วยความหวัง มันต้องไม่เหือดแห้งเหมือนหัวใจหลายดวงที่เฝ้ารออยู่ทางโน้น แล้วถ้าถึงที่สุด เธอไม่สามารถพาพี่ชายกลับบ้านได้สำเร็จ เธอก็จะกลับออกไปบอกกับเจ้าของหัวใจแห้งเหือดหลายดวงนั้นว่า

'สามแสนจะอยู่กับพี่ชาย จะดูแลพี่ชายเป็นอย่างดี จะสร้างวิมานรักขึ้นที่นั่น พี่ชายจะมีความสุขกับความรักอ่อนหวานของสามแสน ณ ปลายดงแห่งนั้น ตราบจนชั่วชีวิต'



ใบพลูปรี่มากระชากแขนเล็กขาว แล้วลากหายเข้ามาด้านหลังป่าไผ่ไกลจากระท่อมเล็กน้อย หล่อนโกรธมาก เมื่อทราบว่า สาวชาวกรุงดื้อด้านไม่ยอมกลับบ้าน

"เธอจะดันทุรังตามตี๊ออาดุของฉันไปถึงไหน ฉันเคยบอกเธอแล้วว่า อาดุเป็นหวานใจของฉัน เป็นแฟนฉัน เข้าใจคำว่าแฟนหรือเปล่ายะ แม่สาวในเมืองปัญญาอ่อน"

"เข้าใจ แต่สามแสนต้องขอโทษด้วย พี่ชายคือผู้ชายที่สามแสนรัก สามแสนจะไม่ไปจากเขา ถ้าเขาไม่ยอมกลับบ้านกับสามแสน"

"นังตัวดี"

"ใบพลู" สาวกรุงรีบตะปบข้อมือ เพราะสาวดงตั้งท่าจะตบหน้าแล้วล่ะ "อย่าทำอย่างนี้เลย สามแสนไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นศัตรูกับใคร สามแสนมาตามหาพี่ชายของสามแสนเท่านั้น เจอแล้วก็จะพาเขากลับบ้าน"

"ฉันไม่ให้"

"นั่นมันก็เป็นความคิดของใบพลู สามแสนไม่ก้าวก่าย แต่สิ่งที่สามแสนคิดและทำ ใบพลูก็อย่ามาก้าวก่ายด้วย"

"นี่เธอกำลังจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉันอยู่ รู้ตัวไหม ถ้าไม่รู้ตัว ฉันจะบอก"

"สามแสนขอยืนยันว่า สามแสนไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นศัตรูกับใคร สามแสนมาตามหาพี่ชายของสามแสนเท่านั้น เจอแล้วก็จะพาเขากลับบ้าน"

'ฉาด' รางวัลสำหรับสามแสนผู้กล้าหาญ ทำเสียงหนักเสียงเข้มยืนยันคำพูดเด็ดเดี่ยว ใบพลูแจกตบเต็มฝ่ามือ คนโดนตบผงะไปชนกับต้นไผ่อ่อนกอหนึ่ง หนามแหลมแถวนั้นครูดข้อมือ เกิดแผลเส้นเล็กๆ กับเลือดซึมนิดๆ

"ถ้าเธอกลับบ้าน ชีวิตของเธอก็อาจยืนยาวอย่างสุขสบายในบ้านในเมืองของเธอ แต่ถ้าดื้อด้านอยากอยู่ที่นี่ เป็นศัตรูกับสาวสวยอย่างใบพลู ก็ต้องมาดูกันว่า เธอจะมีน้ำอดน้ำทนมากแค่ไหน"

สามแสนเจ็บหนังศีรษะ เพราะสาวสวยอย่างใบพลูใจร้ายมาก จิกผมแล้วทึ้งจนใบหน้าแหงนหงาย เธอต้องฟังอีกฝ่ายพ่นวาจาข่มขู่ดุร้าย ลมหายใจของหล่อนมันร้อนไปด้วยไฟหึงหวง

"ใบพลู ปล่อยสามแสนเดี๋ยวนี้" เธอพยายามออมชอมให้ถึงที่สุด

"ปล่อยก็ได้ แต่ไม่ค่อยดี"

ใบพลูว่าอย่างนั้น แล้วผลักร่างเหยื่อถลาวืดไปซุกในซอกพงไผ่ ตัวเองก็ตามไปนั่งคร่อม ขยุ้มคอเสื้อยืดสีชมพูสวย แล้วตวัดฝ่ามือตบฉาดๆ หล่อนนึกไปเองว่า ความป่าเถื่อนที่ทำอยู่ จะสร้างความหวาดกลัวขึ้นในใจ และบั่นทอนความมุ่งมั่นของสาวชาวกรุงลงได้

แต่มันไม่ได้หรอก สามแสนไม่ใช่คนยอมคน เธอแค่ไม่ใช้กำลังพร่ำเพรื่อ เว้นเสียแต่ว่าถูกรังแกจนออมชอมด้วยวาจาไม่ได้แล้วจริงๆ เธอจึงค่อยตอบโต้

เช่นว่า ถีบใบพลูกระเด็นไกลไปล้มก้นกระแทกพื้น เสียงทึบหนักบอกเธอว่า สาวสวยอย่างใบพลูเจ็บจริง หล่อนกรีดร้อง 'โอ๊ย' แล้วส่งมือไปลูบบั้นท้าย แล้วเธอก็มองด้วยความสงสารจัง

"นังบ้า" หล่อนตวาดแหว หน้าแดงก่ำและดุร้ายมากเลย "กล้าถีบสาวสวยอย่างใบพลูหรือวะ ไม่เคยตายใช่ไหม"

"ไม่ใช่แค่ถีบเฉยๆ หรอกใบพลู ตบกลับเอาคืนอะไรพวกนี้ สามแสนก็ทำเป็นนะ จะทำให้ดู"

'ว้าย' แล้วสาวสุดสวยชาวดงก็ร้องลั่นล่ะ เมื่อโดนสามแสนปรี่เข้ามาตบกลับเอาคืนดั่งปากว่า

นายขิงได้ยินเสียงผิดปกติ จึงรีบตามเข้ามาดู ทันเห็นฉาดสุดท้ายของเพื่อนสาวชาวกรุงพอดิบพอดี เธอถอยห่างร่างสะบักสะบอม ยิ้มทะเล้นพร้อมกับปัดไม้ปัดมือ คล้ายจะบอกว่า 'เรียบร้อย หายกัน'

"หนักข้อขึ้นทุกวัน" เขาติลอยๆ ทั้งสองสาว แล้วตรงเข้าประคองหวานใจ แต่อีกฝ่ายพาลจัด ทุบหยิกข่วนเขาเป็นการใหญ่ "หยุดนะใบพลู ไม่หยุดพี่จูบอวดสามแสน ทั้งปากแตกอย่างนี้แหละ เอาไหม"

"ใบพลูโง่หรือ ถึงจะให้ตอบว่าเอาน่ะ ไอ้บ้าเอ๊ย หลีกไป หลีกๆ อย่ามาเกะกะขวางทาง สาวสวยอย่างใบพลูจะกลับไปฟ้องอาดุ หลีกโว้ย"

พ่อรูปหล่อชาวป่าโดนผลักอกเตะขาหยาบคาย มันเป็นภาพที่ดูวุ่นวายเจือน่ารักไม่หยอก

เขาหัวเราะระอา ไม่ถือสาและไม่โกรธ น้อยใจก็มีบ้าง แต่เชื่อว่าความรักล้นปริ่มในทรวง ต้องเอาชนะหัวใจไขว้เขวดวงนั้นได้ เขาไม่ยอมให้ใบพลูสุดสวย ครองรักครองชื่นกับนายดุไร้หัวใจคนนั้นแน่นอน แล้วถ้ามันจำเป็นต้องสกัดด้วยเสน่หาป่าเถื่อน เขาก็จะทำล่ะ

เขาเคยตรองเล่นๆ มาแล้วว่า หักหาญเอาเปรียบก่อน แต่ก็ยอมรับภายหลังอย่างเต็มอกเต็มทรวง ชาวบ้านคงไม่ถือโทษ จนถึงกับหมดความศรัทธาในตัวบิดาลงหรอกนะ

ก็คนมันรักจริง จะให้ทำยังไงเล่า คนแก่ๆ ไม่เคยเป็นหนุ่มเป็นสาวมาก่อนหรือ ถ้าเคย แล้วไม่เคยผ่านเรื่องราวความรักร้อนๆ หวานๆ มาบ้างสักช่วงหรือยังไง

ดังนั้น หากเขาจะรังแกใบพลูก่อน แล้วค่อยไปคุกเข่าขมารับผิดชอบสาวชาวป่าสุดสวยไปตลอดทั้งชีวิต ชาวบ้านก็น่าจะเข้าใจว่า ที่ทำไปทั้งหมด มันมีเพียงเหตุผลเดียวคือ 'ทำเพราะรัก' พวกเขาจึงไม่ควรถือโกรธ นอกจาก 'ยกโทษ'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 21:05:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com