เช้าวันต่อมาอิงแก้วปั่นรถจักรยานเข้ามาในไร่ชาญทิพย์หล่อนคิดว่าต้องไปขอโทษที่ทำให้งานของคุณต้นโอ๊ควุ่นวายจึงจะหาดอกไม้งามๆ ไปให้เขาซักช่อ ไร่ชาญทิพย์ด้านหลังมีแปลงปลูกดอกไม้ไว้หลายชนิดหล่อนจึงขออนุญาตบูรณาตัดดอกไม้ไปซักสิบก้านเพื่อจัดใส่ตะกร้าให้พองามทางบูรณาก็ไม่ขัดอย่างไรบอกให้อิงแก้วเข้าไปได้เลยทุกเวลาและจะสั่งคนงานไว้ช่วยเป็นลูกมือเธออีกแรง เมื่อมาถึงทุ่งดอกไม้ใหญ่ของไร่ชาญทิพย์คนงานใจดีก็ช่วยพาไปเลือกดอกไม้มากมายอย่างที่อิงแก้วต้องการ ตัดใส่ตะกร้าไว้อย่างดีมีทั้งดอกกุหลาบ ดอกเบญจมาสและอื่นๆ อีกมากมายที่ปลูกเป็นแนวแถวอย่างมีระเบียบเมื่อได้ดอกไม้ที่ต้องการแล้วจึงรีบปั่นรถจักรยานออกมาเพื่อจะมุ่งตรงไปยังไร่ทานตะวันแต่ระหว่างทางที่กำลังจะออกจากแปลงดอกไม้ได้สวนกลับภูธนาที่ออกมาตรวจตรางานพอดี ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เธอผ่านกระโดดขึ้นนั่งท้ายเบาะหลังอย่างรวดเร็วขณะที่อิงแก้วรีบเบรกชะงักเหลียวมองภูธนาที่ยิ้มรับด้วยท่าทางกวนประสาทเต็มประดา
“อะไรเนี่ยพี่ภู! ”
“อารมณ์ดีมาเก็บดอกไม้แต่เช้าเชียวนะ”เขายื่นหน้าให้โผล่พ้นอิงแก้วที่ทำท่าจะปั่นรถต่อไปให้ได้ถึงแม้ว่ามันจะเกินความสามารถก็ตาม
“ไม่ได้อารมณ์ดีอะไรฉันจะเอาดอกไม้ไปขอโทษคุณต้นโอ๊ค”
“งั้นไปด้วยสิพี่ก็ว่าจะขอโทษเขาเหมือนกันที่เมื่อคืนก็จู่ๆ ขึ้นไปบนเวทีลากเธอลงมา”เขาอ้าง อิงแก้วถอนใจขึ้นมาครามครัน
“งั้นก็ลงฉันหนัก”
“ก็ขี่ไปสิพี่จะซ้อนท้ายเธอ”เขาบอก ยิ้มแย้มแจ่มใสที่ได้แกล้งหล่อนแต่เช้า
“ได้สิคอยดู”อิงแก้วพยายามออกแรงปั่นแต่ทว่าภูธนาตัวหนักกว่าที่หล่อนจะออกแรงปั่นได้ ภูธนาอารมณ์ดีหัวเราะที่หล่อนหัวดื้อไม่ยอมแพ้
“หนักอย่างกะอะไรดี”อิงแก้วร้องโวยวาย ทายาทไร่ชาญทิพย์หัวเราะรัวเหลียวมองเจ้าหล่อนที่ออกแรงปั่นไปจนได้
“จอดๆ ที่ใต้ต้นไม้นู้นก่อน”เขาบอกพลางชี้ไปที่โคลนต้นไม้ใหญ่ริมไร่ อิงแก้วพุ่งตรงไปโดนไวเมื่อถึงที่หมายถึงกลับทรุดลงนั่งกะพื้นหญ้าด้วยใบหน้าที่โรยแรง
“เหนื่อยล่ะสิ”ภูธนาพูดขึ้น อิงแก้วสูดลมหายใจก่อนจะพ่นออกมาแรงๆ
“จะไม่เหนื่อยได้ไงตัวหนักอย่างกับอะไร”เจ้าหล่อนเงยมองเขาที่ถือตะกร้าดอกไม้ไว้ขณะที่ใช้มือเกลี่ยๆ กลีบดอกกุหลาบสีชมพูไปด้วย
“ก็เธอน่ะมันดื้อแค่บอกว่าเหนื่อยค่ะพี่ภูแค่นี้ไม่ได้หรือไงจะเอาชนะให้ได้อยู่นั่นล่ะ”ชายหนุ่มมองๆ เจ้าหล่อนที่ยังไม่เลิกหยิ่งผยอง
“ทำไมฉันต้องง้อคนอย่างพี่ด้วยฉันจะไปไร่ทานตะวันคนเดียวแต่แรกอยู่แล้วไม่ได้ชวนใครบางคนไปด้วย”
“แต่พี่อยากไปไร่ทานตะวันด้วย”
“ใครได้เชิญ”
“ไม่มีใครเชิญหรอก แต่ใจอยากไป”เขาไม่เลิกต่อล้อต่อเถียง ยืดตัวมองไปยังเส้นทางที่ทอดยาวไปไร่ทานตะวันที่ตัดผ่านถนนเส้นเดียวกับไร้ชาญทิพย์ ก้มลงมองเจ้าหล่อนที่ยกมือขึ้นพัดเรียกลม
“ร้อนเหรอ”
“ถามแปลกเนอะ”เจ้าหล่อนสวนได้รวดเร็วยิ่งเพิ่มความเร็วของมือ ภูธนาส่ายหน้ายื่นตะกร้าให้เจ้าหล่อน อิงแก้วเงยมองเขาไล่มาถึงตะกร้า
“อะไร”
“ก็ถือสิ”เขาบอก อิงแก้วรับตะกร้าดอกไม้มาขณะที่ภูธนาขึ้นควบรถจักรยานพร้อมกวักมือเรียกเจ้าหล่อน
“ลุกสิ”
“มันไม่สายไปแล้วหรือไงพี่ควรจะขี่ตั้งแต่แรกแล้ว”หล่อนยังไม่เลิกติ ชายหนุ่มพ่นลมจากปากระงับอารมณ์ไว้
“ไม่ไปใช่ไหมได้งั้นพี่ไปคนเดียวเชิญบ่นเป็นป้าแก่อยู่ตรงนี้แหละ”เขาว่าตั้งท่าจะปั่นออกไป อิงแก้วตกใจกระวีกระวาดลุกขึ้นโดยไว คว้าเบาะหลังได้ทัน
“เดี๋ยวๆ ”หล่อนร้องรั้งจักรยานไว้ ชายหนุ่มเหลียวมองหล่อน “ว่าไง”
“ไหนๆ ก็มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ”
“ก็แค่นั้น”ภูธนายักไหล่ทำหน้าสะใจนิดๆ อิงแก้วขึ้นซ้อนพร้อมตะกร้าดอกไม้ ภูธนาแอบเหล่มองหล่อนเป็นระยะ “จับดีๆแล้วกัน เดี๋ยวจะตกไปทั้งคนทั้งดอกไม้จะอดเอาไปให้คุณต้นโอ๊คพอดี” “ไม่เห็นจะกลัว”อิงแก้วทำปากดีท้าทาย และเขาก็อยากแกล้งเจ้าหล่อนเต็มทีจึงออกตัวรวดเร็วจนทำให้อิงแก้วต้องรีบคว้าเอวเขาไว้แทบไม่ทันตั้งตัว ภูธนายิ้มกว้างไปเบื้องหน้านึกภาพได้ว่าเจ้าหล่อนคงทำหน้าตื่นหน้ารีบคว้าตัวเขาแน่นพร้อมออกแรงปั่นไปช้าๆ ชมบรรยากาศสองข้างทางในยามเช้าแสนอบอุ่นลมเย็นพัดผ่านผิวเนื้อเย็นกายสบายใจ สัมผัสกันและกันจากเขาและเธอสื่อถึงความสุขที่ต่างมีมีให้กันภายในใจลึกๆ คนสองคนที่ไม่ถูกขี้หน้ากันแต่กลับสบายใจที่ได้อยู่ใกล้กันแสดงตัวตนของกันและกันกลับกลายเป็นสายใยที่เริ่มทอระหว่างใจเขาและเธอให้เป็นหนึ่งเดียว
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ค. 54 22:58:34
|
|
|
|