ฤดูร้อนของปีที่สองที่ผมอยู่ในเมืองคึรึเมะ (Kurume) เกาะกิวชิว เลิกเรียนฝึกงานแล้ว ตอนเย็นผมออกไปเดินเล่นคนเดียว ตามถนนหลักของเมืองที่มี ผู้คนอุ้มลูกจูงหลานเดินกันขวักไขว่ เพราะมันเป็นฤดูเดียวที่อากาศไม่เย็นกับมืดช้าถึงสองทุ่ม ผมเดินมาหยุดที่จักรยานของโอยี่ซัง ลุงจอดรถถีบและกำลังย่างเจ้าปลาไหลยาวคืบเศษเสียบไม้วางอยู่บนตะแกรงเหล็ก โอยี่ซังบรรจงทาโชยุ (ซีอิ๊ว) ด้วยแปลงน้อยๆลงทั่วตัวปลาไหลญี่ปุ่น(อูนาหงิ)ที่ปากแหลมกว่าปลาไหลไทยของเรา ย่างเจ้าตัวนั้นเสร็จแกก็ส่งปลาไหลย่างทั้งไม้ให้เจ้าหนูน้อยรับไปพร้อมรับตังค์เป็นเหรียญห้าสิบเยน(100 yen=6 บาทในปี 1968) คิวผมมั่งสั่งเลย "ฮิโตซึ คุดาซัย-Hitotsu Kudasai-ขอตัวหนึ่งครับ" ลุงแกก็ชี้ถามเราให้เลือกเอาเองจากที่ว่ายอยู่ในกะละมังที่วางอยู่บนฟุตบาทถนน ผมชี้ตัวโตหน่อย แกก็ฉกลงไปคว้าเจ้าตัวนั้นขึ้นมาเช็ดตัวปลาไหลด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชู แล้วเสียบไม้ทางปากเจ้าปลาไหลลงตลอดจนปลายไม้โผล่เสมอหางของปลา วางบนตะแกรงย่างเลยตามด้วยแปรงจุ่มโชยุถูทาทั่วตัว กลับ 2 รอบทาโชยุทุกครั้งที่กลับข้างปลา ไม่ถึง 10 นาทีผมก็ได้ลิ้มรส อูนาหงิ ยาคิ-ปลาไหลญี่ปุ่นย่างซีอิ๊ว ที่ย่างใหม่ๆหอมหวลชวนกินเสียยิ่งกระไร เดินใต้ต้นหลิวค่อยๆเล็มละเลียดแบบไม่อยากให้มันหมดเลยเชียวละ รสชาดหวานหอมเนื้อปลาแล้วก็ไม่คาวด้วย หลังจากผมกลับมาอยู่เมืองไทยบ้านเราแล้ว ผมก็ไปเดินตลาด (ท่าน้ำปทุม) เลือกปลาไหลไทย เอาแต่ตัวอ้วนๆไม่โตไม่ยาวนัก ปลาไหลบ้านเรามีเมือกเยอะเลยต้องใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเช็ดหลายรอบกว่าจะหมดเมือก แล้วผมก็ย่างตามตำรับของเกาะกิวชิวเป๊ะเลย รสชาดน่ะหรือครับ เจ้าปลาไหลญี่ปุ่นย่างน่ะชิดซ้ายแล้วไปไกลๆเลย เพราะเนื้อของปลาไหลไทยเราเยอะกว่า หวานมากกว่า หอมกว่า อูนาหงิ ของยุ่นด้วย เพียงแต่ยืมวิธีกำจัดเมือกคาวปลาแบบเขามาใช้ด้วยเท่านั้นเราก็ได้ของกินประเภทเดียวกันแต่อร่อยกว่าต้นตำรับเดิมเขาเสียอีก เอ๊ะนี่พอเป็นเรื่องสั้นกับเขาได้ไหมเนี่ย popeye
จากคุณ |
:
youngbear
|
เขียนเมื่อ |
:
วันภาษาไทยแห่งชาติ 54 21:28:38
|
|
|
|