เรื่องราวต่างๆ เริ่มจะบานปลาย
คอนรอยแทบไม่มีสมาธิจะทำงาน เขามองสารจากอีกมณฑลซึ่งวางค้างอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้า รายงานข้อกล่าวหาที่มีต่อเจ้ามณฑลอุลทูร์ ดูลัสกับเหล่านักรบเรเวนอย่างชัดแจ้ง ทั้งการลอบปลงพระชนม์เมื่อสี่ปีก่อน พยายามลักพาตัวเจ้าหญิงแอชลีนน์ สังหารทหารของยาร์ลาธและพลเรือนผู้ไม่เกี่ยวข้องรวมเป็นกว่าสิบคน
และร้ายแรงที่สุด...วางยาอันไม่บังควรต่อเจ้าหญิง
หากว่าข่าวนี้ไม่ได้มาจากมังกรน้ำแห่งทะเลตะวันตก ท่านผู้สำเร็จราชการคงไม่อาจเชื่อ เขารู้จากครั้งเจ้าหญิงพาชายคนทรายแหกคุกหนีไปยังยาร์ลาธแล้วว่าราชองครักษ์ซึ่งกลายมาเป็นพระคู่หมั้นอาจทำเรื่องใจร้อนไปบ้าง ยิ่งการเจรจาเพื่อให้เจ้าหญิงทรงตกลงที่จะเสด็จกลับเนิ่นช้า ก็อาจเป็นชนวนให้เขาเลือกลักลอบพาพระองค์กลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าจะสังหารพลเรือน และใช้ยาตามที่เจ้ามณฑลยาร์ลาธกล่าวหา
แล้วยังเรื่องการลอบปลงพระชนม์...
‘เรื่องเหลวไหลทั้งนั้น’ คือคำตอบของเจ้ามณฑลอุลทูร์หลังจากอ่านสารที่เขาส่งให้อย่างสงบ ‘มันดูถูกข้าและหน่วยเรเวนของข้าเกินไปแล้ว มังกรน้ำมันถูกงูทรายนั่นล้างสมอง หรือรวมหัวกันกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ร่วมกันแน่’
‘ข้าไม่ทราบ’ ผู้สำเร็จราชการตอบ เขาไม่คิดว่าท่านเบเรคจะหลงเชื่อคำพูดของคนต่างชาตินั้นง่ายๆ โดยไม่มีมูล แต่หากจะร่วมมือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง อีกฝ่ายก็น่าจะมีวิธีที่แยบคายกว่านี้ และมีผลประโยชน์ที่คุ้มค่าเป็นรูปธรรมยิ่งกว่า
‘ได้ยินว่าเขายังมีลูกชายอยู่อีกคนไม่ใช่หรือ เป็นไปได้ไหมที่เขาต้องการให้ลูกอีกคนได้เสกสมรสกับเจ้าหญิง แทนคนที่ตายไป’ ท่านแฟคท์นาสันนิษฐาน
คอนรอยสั่นศีรษะ ‘เขาไม่เคยทำสิ่งใดที่แสดงความปรารถนานั้น’
‘ก็เป็นไปได้ว่าอาจยังไม่ต้องการให้ใครรู้’ ชายชราเปรย ‘ข้าว่ามังกรน้ำไม่ใช่คนโง่ หากงูทรายพวกนั้นไม่มีเวทมนตร์หรือฉลาดเป็นกรด คงครอบงำเขาไม่ได้ง่ายๆ ดังนั้นต่างฝ่ายน่าจะร่วมมือกันเพื่อตัวเองมากกว่า’
‘หมายความว่าท่านปฏิเสธข้อกล่าวหา?’ ผู้สำเร็จราชการตั้งคำถาม
‘ท่านคิดว่าข้าจะทำเรื่องหยาบช้าแบบนั้นหรือ’ เจ้ามณฑลชรากลับย้อนถาม ‘แล้วคิดว่าหน่วยของข้าจะฆ่าคนไม่เลือกหน้าอย่างที่พวกมันกล่าวหา ลูกชายข้าจะใช้ยาต่ำช้าเช่นนั้นกับเจ้าหญิง นั่นเป็นถิ่นของพวกมัน คนทั้งสองฝ่ายก็ตายไปแล้ว มันจะผสมโรง สร้างเรื่องสร้างหลักฐานให้ร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างไรก็ได้ ข้าเชื่อว่าเมื่อลูกชายข้าเดินทางมาพร้อมกับลูกสาวของท่าน เราจะได้ทราบความจริงในไม่ช้า’
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ นั่นดูเหมือนจะเป็นทางเลือกเท่าที่มี
‘แต่เรื่องสำคัญกว่านั้น...’ ท่านแฟคท์นาเอ่ยช้าๆ ‘ข้าคิดว่าพิธีเสกสมรสเลื่อนมานานเกินไปแล้ว เวลานี้ทั้งขุนนางและประชาชนล้วนแต่กระวนกระวายและไม่แน่ใจ ข้าได้ยินว่ามีข่าวลือไร้สาระ ว่าเจ้าหญิงอาจจะประชวรหนักจนสิ้นพระชนม์ และสิ้นสายเลือดราชวงศ์ไปแล้วด้วยซ้ำ’
คอนรอยได้แต่นิ่งฟัง ใช่ว่าเขาเองไม่ได้ยินข่าวลือเหล่านั้นมาบ้าง เช่นเดียวกับข่าวที่ใช่จะไม่เป็นความจริงไปเสียทีเดียว ที่ว่าเจ้าหญิงทรงหลบหนีออกจากวังไปกับคนรักที่ไร้ชาติตระกูล เนื่องจากไม่ต้องการเสกสมรสกับพระคู่หมั้น
เวลานี้ อาณาจักรต่างๆ กำลังจับตามองธีร์ดีเร ในฐานะอาณาจักรที่มีทรัพยากรพร้อมมูลและเส้นทางค้าขายออกทะเล เหตุระส่ำระสายภายในอาจดึงอาณาจักรอื่นเข้าแทรกแซงได้ไม่ยาก
‘หากจำเป็นถึงที่สุด เราจะเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปก่อน เพื่อให้เจ้าหญิงทรงยินยอมเสด็จกลับจากยาร์ลาธได้ไหม ท่านแฟคท์นา’ ท่านผู้สำเร็จราชการตัดสินใจเลียบเคียง ‘เจ้าหญิงทรงแสดงพระประสงค์หนักแน่นว่าจะไม่เสกสมรสกับใครก็ตาม แต่ข้าคิดว่าเราน่าจะตกลงเรื่องนี้กันได้ในภายหลัง สำคัญคือหากพระองค์ไม่เสด็จกลับมา สถานการณ์ในอาณาจักรจะกลับเป็นปกติไม่ได้ หลังจากนั้น เราอาจจะรอให้เวลาช่วยทำให้ทรงเข้าพระทัยว่าเหตุใดการเสกสมรสจึงสำคัญ และอาจจะให้พระองค์ได้เรียนรู้จากการทรงงานร่วมกับลูกชายของท่านในฐานะพระคู่หมั้น หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทรงยอมรับการเสกสมรสได้’
ขุนนางชรากลับหรี่ตาและขมวดคิ้ว ‘ท่านไม่คิดว่านั่นนานไปหน่อยหรือ สิ่งสำคัญต่อธีร์ดีเรคือทั้งราชา และราชินี รวมทั้งเจ้าชายรัชทายาทที่จะประสูติมา ไม่ใช่เด็กผู้หญิงหัวดื้อที่คิดตื้นเขินแค่ว่าเมื่อสวมมงกุฎแล้ว นางจะดูแลทั้งอาณาจักรได้ด้วยตัวคนเดียวต่างหาก’
‘แต่หากไม่รอมชอมกัน สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้’ คอนรอยแย้ง
‘ไม่คิดว่าท่านรอมชอมเกินไปหน่อยหรือ ท่านคอนรอย’ เจ้ามณฑลอุลทูร์ยังคงเอ่ยเสียงเรียบ ‘เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้าหญิงทรงเอาพระทัยตนเองเกินไป ทรงหนีออกจากวังเพราะหลงเชื่องูทรายพวกนั้น ทำให้ทุกคนลำบากเดือดร้อนกันไปหมด ต่อให้เป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เด็กที่ทำผิดก็ต้องได้รับโทษให้สำนึกอยู่ดี ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการเฆี่ยนตีข้ารับใช้แทนไม่ใช่หรือ’
ผู้สำเร็จราชการกะพริบตาอย่างสงสัย กับคำพูดของขุนนางอาวุโส ‘ท่านหมายความว่าอย่างไร’
‘เราควรแสดงให้พระองค์ทรงเห็นว่าต้องเสด็จกลับมาโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ใช่ยอมเอาพระทัย หากเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไป ก็เท่ากับเปิดช่องให้ทรงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรืออุ้มชูคนทรายพวกนั้นเข้ามาแทรกแซงในธีร์ดีเรมากกว่านี้ บางที...หากทรงสำนึกว่าพระองค์ไม่ใช่ ‘รัชทายาทพระองค์เดียวแห่งธีร์ดีเร’ เรื่องนี้อาจจะง่ายขึ้นก็ได้’
คอนรอยสังหรณ์ว่าสิ่งที่ตนกำลังจะได้ยินย่อมไม่ใช่เรื่องโสภา แต่เขาก็ยังตีสีหน้าเรียบเฉย และเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ‘ท่านพูดอะไรกัน ท่านแฟคท์นา รัชทายาทของธีร์ดีเรมีเหลือเพียงเจ้าหญิงแอชลีนน์เท่านั้น’
‘หากไม่นับ ‘บุตรนอกสมรส’ ซึ่งในกฎมณเฑียรบาลระบุว่าสามารถขึ้นครองราชย์ได้ ในกรณีที่รัชทายาทอื่นๆ สิ้นพระชนม์ หรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะขึ้นครองราชย์ใดๆ’
ชายวัยกลางคนแสร้งทำเป็นไม่ตกใจ ‘ข้าไม่เคยได้ยินว่าพระราชวงศ์อลาชตาร์พระองค์ใดมีบุตรนอกสมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้’
‘งั้นรึ’ ขุนนางชราหัวเราะขึ้นมา ‘พระราชาอาร์กาดสมัยหนุ่มน่าจะมีคนรักลับๆ อยู่สักคนสองคนนะ’
‘เรื่องนั้นข้าไม่บังอาจทราบได้’
‘ข้าแน่ใจว่าท่านทราบ ท่านคอนรอย ว่ามี ‘เจ้าหญิงอีกพระองค์หนึ่ง’ ซึ่งยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และท่านก็ทราบดีด้วยว่าเจ้าหญิงพระองค์นั้นคือผู้ใด’
ผู้สำเร็จราชการบังคับตนเองให้หัวเราะ ‘ท่านไปได้ยินเรื่องไร้มูลเหล่านี้มาจากไหน’
‘ข้าทราบว่ามีมูล แต่ท่านไม่ต้องการให้เปิดเผยออกไปแน่นอน’ เจ้ามณฑลอาวุโสดูเหมือนจะยิ้มน้อยๆ ‘ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงต้องขอให้ธิดานอกสมรสของท่านช่วย’
‘เคียราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้’ คอนรอยตอบเคร่งขรึม ‘ลูกที่เกิดจากความผิดพลาดในวัยหนุ่มของข้าคนนี้พบเจอแต่เรื่องเคราะห์ร้ายมาเกินพอแล้ว ท่านคงไม่คิดว่านางคือเจ้าหญิงลึกลับที่ท่านพูดถึงนั่นหรอกนะ’
‘นั่นสิ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีใครเสียสละเพื่อราชวงศ์ที่กำลังอ่อนแอถึงขั้นอาสาออกรับเป็นชู้ของหญิงคนรักของพระราชา เพียงเพราะสามีของนางโวยวายว่านางท้องขึ้นมาได้ทั้งๆ ที่เขาไปอยู่ชายแดนหลายเดือน ยิ่งในเมื่อสามีคนนั้นคือเพื่อนสนิทของท่านคนหนึ่งเสียด้วย’ แฟคท์นาประสานมือเข้าด้วยกัน ‘แต่ต่อให้เคียราไม่ใช่เจ้าหญิงพระองค์นั้น ข้าหวังว่าท่านจะไม่หวงห้าม หากธิดาของท่านจะทำประโยชน์เพื่ออาณาจักรบ้าง’
‘ท่านจะให้นางทำอะไร’ ผู้สำเร็จราชการขมวดคิ้ว
‘เข้าพิธีเสกสมรสและพิธีราชาภิเษกในฐานะ ‘เจ้าหญิงแอชลีนน์’’
‘นี่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ท่านแฟคท์นา’ ชายผู้อ่อนวัยกว่าอดถามเสียงแข็งขึ้นไม่ได้ ‘จะให้เคียราสวมรอยเป็นเจ้าหญิงแทนงั้นเหรอ! ทำแบบนั้นเท่ากับลบหลู่เบื้องสูงเชียวนะ!’
‘เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง ท่านคอนรอย’ ขุนนางชรายังคงพูดต่อไปอย่างใจเย็น ‘เพื่อให้เจ้าหญิงทรงยินยอมเสด็จกลับด้วยพระองค์เอง และจะได้ทรงตระหนัก ว่าหากทรงประพฤติตนนอกเหนือพระจริยวัตรอันสมควร พระองค์จะเป็นได้เพียง ‘เจ้าหญิงตัวปลอม’ ที่ไม่อาจอ้างสิทธิ์ใดเหนือบัลลังก์ได้อีก ยิ่งสัญลักษณ์ของพระราชวงศ์ก็ไม่ได้อยู่กับพระองค์อีกต่อไปแล้วด้วย’
‘แต่ว่า...’
‘หรือท่านจะให้ข้าอัญเชิญ ‘เจ้าหญิงอีกพระองค์’ ขึ้นครองราชย์แทนเสียเลย แบบนั้นเห็นจะยุ่งยากน้อยกว่า’ ชายผู้มากวัยกว่าส่งสายตามาอย่างรู้ความนัย ‘นอกจากปกป้องพระราชวงศ์อลาชตาร์แล้ว ท่านคงต้องการให้สายพระโลหิตของพระราชวงศ์ที่ครองราชย์ต่อไป ผสมสายเลือดของตระกูลแดฟนิคของท่านมากกว่ากระมัง’
ผู้สำเร็จราชการพยายามสบตาตอบคู่สนทนาอย่างเรียบเฉย แม้ไม่อาจเห็นหนทางอื่น
หากขุนนางอื่นๆ รู้ว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงหายไปจากวังเป็นเวลานานครึ่งค่อนเดือน ไปพำนักอยู่ที่ยาร์ลาธอย่างลับๆ โดยมีชายคนทรายชักพา พวกเขาย่อมคลางแคลงในพระเกียรติและสำนึกในราชภาระของพระองค์ ยิ่งรู้ว่ามีเจ้าหญิงอีกพระองค์ซึ่งสามารถเป็นรัชทายาทแทนได้ ก็ย่อมลงมติให้เจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงหมดสิทธิ์ในพระราชบัลลังก์ ผลักดันให้เจ้าหญิงพระองค์นั้นเสกสมรสกับพระคู่หมั้นที่มีพร้อมแล้ว และขึ้นเป็นราชินีแทน
หากมีการลงมติอย่างเป็นทางการในสภาขุนนางแล้วได้เสียงข้างมากออกมาอย่างไร ผู้สำเร็จราชการซึ่งมีหน้าที่เพียงแต่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของการบริหารบ้านเมืองแทนยุวกษัตริย์ก็ไม่อาจคัดค้าน ยิ่งไม่นับว่าพระราชธิดานอกสมรสอีกพระองค์ซึ่งอยู่ในความคุ้มครองของเขาจะถูกเปิดเผยออกมาโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราชบัลลังก์ไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนนั้นควรแบกรับ ไม่ใช่เพราะนางไม่ใช่สายเลือดของตระกูลแดฟนิคของเขา...แต่เป็นเพราะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อการนั้นมาแต่แรกแล้วต่างหาก
นางจะตกเป็นเบี้ยโดยสิ้นเชิง
เจ้าหญิงแอชลีนน์อาจจะทรงพระทัยร้อน และแข็งกร้าวเกินไปบ้าง แต่การเพียรศึกษาที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเข้าพระทัยและทรงมีพระประสงค์จะปกครองธีร์ดีเรอย่างแท้จริง แล้วในทีแรกก็ดูเหมือนจะทรงยอมรับดูลัสในฐานะพระคู่หมั้นแต่โดยดี
เช่นนั้น สิ่งใดกันที่ทำให้ทรงเปลี่ยนพระทัย
ผู้บงการเหตุลอบปลงพระชนม์ ซึ่งมังกรน้ำและคนทรายนั้นกล่าวอ้างหรือ
คอนรอยพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ว่าขุนนางเก่าแก่อย่างเจ้ามณฑลอุลทูร์จะกล้าทำเช่นนั้น แต่เขาก็เชื่อว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงมีพระสติปัญญาพอที่จะไม่ถูกครอบงำได้โดยง่าย
ในสารบอกว่าที่เจ้ามณฑลยาร์ลาธกับเจ้าหญิงไม่เปิดเผยเรื่องเหตุลอบสังหาร เป็นเพราะต้องการตกลงกับตระกูลฟาร์รุลอย่างลับๆ ให้ยอมถอนหมั้น เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะจนสูญเสียเลือดเนื้อ
ทว่าบัดนี้ เลือดของคนธีร์ดีเรทั้งสองฝ่ายกลับหลั่งรดแผ่นดินเสียแล้ว อาจสายเกินกว่าที่จะเจรจากันด้วยดีได้อีก ทั้งแฟคท์นายังแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการประนีประนอม และไม่ต้องการเพียงต่อสู้กับข้อกล่าวหาร้ายแรงที่อีกฝ่ายจะประกาศสู่สาธารณชน แต่บีบเจ้าหญิงผู้หลบหนีไปให้จนมุม ด้วยเจ้าหญิงอีกพระองค์ซึ่งตกอยู่ในกำมือของเขา
...แล้วข้าควรทำอย่างไร ฝ่าบาท ท่านพี่... ชายวัยกลางคนใช้มือหนึ่งกุมหน้าผาก เท้าศอกกับโต๊ะอย่างอ่อนแรง ...ข้าจะปกป้องทั้งเจ้าหญิงแอชลีนน์ กับเจ้าหญิงอีกพระองค์ไว้อย่างไรดี...
* * * * *
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันภาษาไทยแห่งชาติ 54 21:54:18
|
|
|
|