Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 23 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10863296/W10863296.html

บทที่ 23

เพราะทราบว่าผู้กองพันยศรักษาตัวอยู่ที่กระท่อมของนายดุมาสองสามวันแล้ว นายขมิ้นทองจึงรีบย้ายพ่อหลานชายนักโทษไปซ่อนตัวที่ปลายดงห่างไกล กำชับลูกน้องที่ติดตามไปห้าหกคน ให้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าเผลอให้ออกไปแผลงฤทธิ์ที่ไหนอีก

"ห่วงเกินไปหรือเปล่า" ภภีมถามเหมือนประชด เขาแวะมาส่งสมุนไพร เลยพลอยได้ทราบเรื่องนี้ไปด้วย

"ห่วงสิวะ หลานทั้งคนนะเว้ย แผลมันก็ยังไม่หายดี เอ้อ แต่พูดเรื่องนี้ก็ดี ฉันละทึ่งแกจริงๆ ไอ้ดุ แกมีหัวด้านนี้จริงๆ นะ สรรหาสมุนไพร หยิบนั่นผสมนี่ กลายเป็นตัวยาที่มีสรรพคุณเลิศ หัวแบบนี้ น่าจะเรียนหมอนะเว้ย"

"ช่างหัวฉันเถอะ"

นายขมิ้นทองอ้าปากตาโต ยังไม่ได้ด่าออกมาเป็นคำ แต่ใจโพล่งไปแล้ว 'เอ๊ะ ไอ้เวรนี่' เขาชมชอบนายดุก็ตรงนี้แหละ โผงผางบ้าบิ่น พูดจาแต่ละคำเหมือนยุคนฟังให้โกรธแล้วฟันหัวทิ้งเสียอย่างนั้น

"แล้วทางแกล่ะ เป็นยังไง ไอ้ผู้กองนั่น มันใกล้หายหรือยัง"

"วันสองวันก็ลุกไปล่าโจรได้แล้วล่ะ"

"เอ๊ะ แกเป็นอะไรวะ" คราวนี้ หัวหน้าโจรกลับใจฉุนจัด "พูดดีด้วยก็หาเรื่องแขวะ กินรังแตนก่อนมาหรือไงวะ"

"เออ"

ภภีมกระแทกเสียง แล้วลงจากกระท่อม กินรังแตนก็ไม่หงุดหงิดเท่ากับได้เห็นภาพคุณผู้กองออเซาะในอกอุ่นของสามแสนเมื่อเช้านี้

'ดัดจริต' เขาด่าผู้กองในทรวงร้อน บาดแผลมันแห้งแล้วล่ะ แต่เจ้าของบาดแผลทำเป็นสำออย เรียกร้องความสนใจ อยากให้สามแสนดูแลอย่างใกล้ชิด คนดีไม่ทันเหลี่ยมผู้ชายหรอก แต่เขามองออก มันเจ็บใจตรงที่ออกหน้าไปขวางโต้งๆ ไม่ได้ ตระหนักว่า 'ไม่มีสิทธิ์'

"แล้วนี่จะจัดการยังไงกัน กับแม่หนูหน้าหวานคนนั้นน่ะ ถ้าแกรำคาญหรือว่าไม่ชอบยังไง โอนมาเว้ย ทางนี้.. "

"หยุด" ภภีมทิ้งภวังค์ หมุนตัวกลับชี้หน้าเลย "อย่ายุ่งกับสามแสน ฉันจะเผาดงโจรของแกให้วอด ถ้าแกไม่เชื่อ"

"อุวะ ทำดุ"

"แกก็ลองดูสิ จะยุ่งกับใครก็ยุ่งไป อย่ามายุ่งกับสามแสน เด็กคนนั้นเป็นน้องสาวของฉัน"

"น้องสาวแบบไหนวะ ท้องเดียวกันหรือว่าชนกัน"

"ไอ้ขมิ้น"

นายขมิ้นทองหัวเราะ รีบโบกมือขอสงบศึก เขาแหย่เล่นเฉยๆ ไม่ต้องอ้างน้องนุ่งเสียให้ยาก มองตาหวงแหนเกินพิกัดก็รู้แล้ว ผู้ชายด้วยกัน มองกันเดี๋ยวเดียว ไม่ยากหรอก

"เอาน่า ล้อเล่นเว้ย ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกรักแม่หนูคนนั้นจะตาย"

ภภีมทำหูทวนลม มองลูกสมุนตัวโตช่วยกันหิ้วเข่งฟืนผ่านหน้าไป สาวดงโจรอีกสองสามคนก็เดินผ่านหน้าไป หนึ่งในสามอุตส่าห์ชม้ายตามาทอดสะพานอีกนิดหน่อย เขาเห็นแล้ว แต่ทำเฉยๆ เบื่อหน่ายมากกับแววตาฝากรักพรรค์นั้น

"ไหนๆ ก็มาแล้ว ท่าทางก็เหมือนไม่รีบกลับนี่ ไปคุยกันตรงริมลำธารดีกว่า ฉันอยากรู้ว่าแกกับแม่หนูไปเจอกันได้ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ เฮ้อ โลกเรานี่มันแคบไปหรือเปล่าวะ คนป่ากับคนเมืองถึงได้ปะหน้ากันง่ายจัง"

ตอนท้าย หัวหน้าดงโจรก็แสร้งเปรยเย้าหยอกทรวงร้อนของพ่อหนุ่มหน้าดุ

เขาหัวเราะเสียงดัง ร่าเริงใจที่เห็นอีกฝ่ายตวัดตามาขึงขุ่น พลางโอบคอรั้งให้ออกเดิน กระทั่งไปหยุดนั่งแคร่ไม้ไผ่ริมลำธาร แล้วฟังเสียงทุ้มห้าวสาวอดีตเมื่อห้าปีก่อนให้ฟังไปเรื่อยๆ พอฟังจบก็สรุปในใจเองว่า 'บุพเพสันนิวาสมันมีจริงเว้ย'



ฝนตกพรำๆ ตอนบ่ายแก่ๆ ทำให้นายขิงต้องรีบย้ายฟืนที่ผ่าตากแดดไว้อย่างโกลาหล เพราะฝนไม่ได้บอกล่วงหน้า ใบพลูก็พลอยช่วยขนทุลักทุเลไปด้วย หล่อนขนไปบ่นไป แถมยังแขวะพาลไปถึงสามแสนโน่น

"ดีแต่นั่งดัดจริตให้ผู้กองจับมืออยู่นั่นแหละ งานในครัวก็ไม่มาช่วย ฟืนก็ไม่มาขน ทุเรศจริงๆ กินแรงชะมัด สาวในเมืองก็อย่างนี้แหละ หยิบโหย่งห่วยแตก"

"จะบ่นอีกนานไหม สามแสนก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่บกพร่องอยู่แล้วนี่ ไม่ได้ยินอาดุสั่งหรือ ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดน่ะ"

"ไม่ต้องเข้าข้างเลย วันก่อนไม่ช่วยตบกลับ ใบพลูก็ยังไม่หายแค้นเลยนะ วันนี้ยังจะมาพูดเข้าข้างให้ได้ยินอีกหรือ ไอ้พี่ขิงบ้า"

นายขิงหัวเราะในลำคอ มือก็ผลักกองฟืนให้ไปอัดกันในซอกด้านหลังชั้นไม้ ใบพลูไม่ได้เรื่องเลย ขนมาแล้ว ก็โยนแหมะส่งเดช มันก็เลยกลายเป็นงานใหม่ของเขาไปเสียฉิบ

"พี่ไม่ได้เข้าข้าง" เขาแย้งเสียงนุ่ม รอยยิ้มที่ส่งไปสลายหน้าบึ้งตึงก็นุ่ม แววตาที่มองก็นุ่มปนหวาน "พี่รักใบพลูนะ เรื่องอะไรจะเข้าข้างผู้หญิงคนอื่น แต่สามแสนเป็นเพื่อนที่ดีของพี่ ใบพลูไม่ควรเป็นศัตรูกับเธอ เพราะอะไรรู้ไหม"

"ไม่รู้" หล่อนสะบัดเสียง ย่อตัวลงนั่งยองๆ ช่วยผลักๆ อัดๆ ดุ้นฟืน หน้ายังงอ แต่นายขิงก็มองว่า 'น่ารัก'

"เพราะว่า ต่อให้ใบพลูเป็นศัตรูกับสามแสน เป็นศัตรูกับผู้หญิงหมดทั้งโลก ใบพลูก็ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของหัวใจของอาดุ"

"พี่ขิง" ใบพลูคว้าดุ้นฟืนใกล้มือขึ้นเงื้อง่าอย่างโกรธๆ

"อย่านะ" เขาชี้หน้า สะกดด้วยเสียงดุ "หวดมาละก็ พี่ปล้ำเสียสาวอวดฝนเลย จะบอก"

"กล้าหรือ สาวสวยอย่างใบพลูไม่ใจง่ายหรอกเว้ย"

"ง่ายไม่ง่าย พี่ก็จูบมาแล้ว รู้หมดว่าตรงไหนนุ่ม ตรงไหนตึง ตรงไหนเต็ม"

"ไอ้.. ไอ้.. "

สาวสวยอย่างใบพลู เก่งแต่ทำตัวแก่นไปวันๆ มาเจอวาจาล่อแหลมร้อนแรงเช่นนี้เข้า ก็หน้าแดงอับอาย รสจูบซาบซ่านที่เกือบจะลืมๆ ไปแล้ว ก็พลันหวนกลับมาก่อพยศ

มือที่ยกเงื้อง่า มันก็ยกอยู่อย่างนั้น ไม่หวดไม่ฟาด นายขิงสงสาร กลัวว่าจะเมื่อย จึงเลื่อนตัวไปประชิด กุมข้อมือเล็กน่ารัก ปัดมันเบาๆ ก็หล่น แล้วค่อยทบทวนรสซาบซ่านให้สาวสวยระลึกถึง 'ด้วยจูบหวาน'



สามแสนแวะลงมาเก็บถ้วยยา และตั้งใจจะมาเพิ่มน้ำร้อนใส่กระบอกไม้ไผ่ เธอตาโตรีบยกมืออุดปาก ใจก็อุทานลั่น 'อุบะ' แต่สองขาไม่ยอมขยับ เหมือนมันจะโดนตอกตะปูไว้หรือเปล่า

'โอ้โฮ ฝนพรำๆ แค่นี้เอง นายเรกถึงกับเล่นบทรักร้อน แก้หนาวกันเลยหรือ' ในใจตั้งคำถามตลกๆ แต่สองตาเก็บภาพจุมพิตดุเดือดไว้ได้หมด ไม่มีตกหล่น

เธอรู้สึกสงสารใบพลู ท่าทางสาวแก่นเหมือนถูกรีดพลังออกไปจากร่างกาย มันแลปวกเปียกเหมือนกระดูกละลายยังไงก็ไม่ทราบ เพื่อนหนุ่มหล่อต้องรีบช่วยโอบช่วยกอด รั้งลงพักพิงบนตัก แต่จุมพิตก็เดินหน้าต่อเนื่องได้อย่างเมามันทีเดียว

'ถอยดีกว่า' เธอคิดอย่างนั้น สองขาที่หยุดกึกในสองสามนาทีแรก เริ่มขยับถอยหลัง แล้วชนตึกเข้ากับแผงอกใหญ่ของภภีม เขาขึ้นมาจากฝั่งโน้น สามแสนไม่เห็นเขาหรอก

แต่เขาน่ะ เห็นอย่างแปลกใจว่า คนดียืนตกตะลึงปิดปากแน่น ตัวทื่อตาค้าง ยังนึกว่าเห็นผี แต่พอชะโงกไปดู ก็เข้าใจ จึงต้องช่วยลากแม่จอมซนหนีห่างภาพร้อนแบบนั้นอีกแรง

"แหม พี่ชาย ทำไมรีบออกมา" เธอประท้วง เมื่อเขาปล่อยแขนใกล้กับบันได

"แล้วจะยืนดูอะไร อยากโดนบ้างหรือไง"

"ไม่อยากหรอก ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย อึดอัดก็เท่านั้น หายใจก็ไม่ออก คืนนั้น สามแสนเกือบตายเลย"

"คืนไหน"

"ก็คืนนั้น พี่ชายละเมอ ลุกพรวดขึ้นมาแล้วจูบ.. "

'ตายล่ะ สามแสนพลั้งปากไปแล้ว' เธอร้องบอกตัวเอง รีบหุบปากฉับ ทำตาโตให้ภภีมจ้องเขม็ง เขาสืบเท้ามาหา มันเป็นวิธีคุกคามให้คายความจริงให้หมด สามแสนมั่นใจว่า ถ้าหยุดไว้เพียงเท่านี้ ตัวเองต้องเจ็บตัวแน่ เธอจึงตัดสินใจว่า 'ขอเผ่นก่อน'

"หยุดเดี๋ยวนี้สามแสน หยุด สามแสน ฉันบอกว่าหยุด"

สามแสนหัวเราะไปด้วย อยากร้องไห้ไปด้วย เธอไม่หยุดหรอก กลัวเขาจับได้แล้วจะหักคอ เขาอาจฉวยหิ้วเหมือนตะกร้าจ่ายตลาด แล้วเหวี่ยงไปชนกับเสาสักต้น สามแสนก็ตายกันพอดี

"จะวิ่งไปไหน นั่นมันป่าไผ่ ฝนตกนะ กลับมา สามแสน เอ๊ะ สามแสน"

ภภีมหัวเสียจริงๆ ตั้งแต่รู้จักเด็กคนนี้ สมองของเขามันป่วนมันคลั่ง พลุ่งขึ้นพลุ่งลงเหมือนคลื่นในทะเล ชีวิตที่เคยอยู่อย่างสงบ อย่างเงียบ และอย่างอับเฉาในอารมณ์ไปวันๆ มันแลอลหม่านวุ่นวาย เต็มไปด้วยสีสันของความรู้สึกมากมาย

เหมือนเช่นตอนนี้ ทั้งโกรธ ฉุน และขำ ที่คนดีวิ่งวนไปวนมารอบกอไผ่นั่นล่ะ ทำแบบนั้น แล้วมันหนีเขาได้ตรงไหน

"ทำอะไรของเธอ เล่นหนังอินเดียอยู่หรือ ผลุบหน้าโผล่หัว ร้องเพลงด้วยสิ"

สามแสนนิ่วหน้า เจ็บต้นแขนเมื่อเขาคว้าได้แล้วบีบเหมือนลงโทษ ปากก็แดกดันห้วนๆ ตาลุกร้อน มันแลวูบวาบหลังม่านฝนบางๆ เธอพยายามแกะนิ้วใหญ่ที่แข็งมาก รีบโอดครวญว่า

"พี่ชาย สามแสนเจ็บนะ ไม่ปล่อยแขน แล้วสามแสนจะร้องเพลงออกหรือ สามแสนร้องได้นะ จะบอกให้"

"บ้า"

เขาด่า แล้วยอมปล่อย แต่ยืนสกัดจังก้า ถ้าเธอไม่พูดประโยคที่ค้างไว้เมื่อนาทีก่อนให้จบสมบูรณ์ ก็อย่าหวังว่าจะเดินห่างจากไผ่กอนี้ได้

"พูดมา คืนนั้นน่ะ คืนไหน แล้วฉันไปทำอะไรเธอ จูบเธอหรือ สามแสน พูดเลย ไม่พูดฉันตบ"

"พี่ชายขา เรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ทำไมต้องจริงจัง สามแสนยังไม่ถือสาสักหน่อย พี่ชายจะคิดมากไปทำไมคะ"

"ฉันจูบเธอหรือเปล่า พูดมาสามแสน" เขาไม่สนใจลีลาหันเห นอกจากคาดคั้นสำทับเสียงเฉียบ

"พี่ชาย"

"สามแสน"

"จูบ นิดเดียว" สามแสนรีบตอบหลับหูหลับตาล่ะ แต่ก็ไม่ลืมถอยหลังหนีกิริยาถลันมาคุกคาม

"จูบหรือ" เสียงถามย้ำ มันฟังแผ่วหวิวคล้ายคนถามอยากจะเป็นลมหรือกลั้นใจตายลงเสียเดี๋ยวนี้

"ก็นิดหน่อยเอง แค่ว่าพาปากมาชนปากเฉยๆ ค่ะ"  

ภภีมยืนนิ่ง สมองลำดับเหตุการณ์ในคืนนั้น เขาฝันเห็นชุลียา หล่อนมาพูดอะไรก็ไม่ทราบ เหมือนจะยินดี แต่ฟังอีกทีก็คล้ายจะอำลาไปไหนสักแห่ง

เขาหวาดกลัวมาก รู้สึกใจมันจะขาด โหยหากับร่างที่หลวมลอยออกจากอ้อมกอด จึงรีบคว้าลนลาน คิดว่าขัดขวางการจากไปของหล่อนด้วยจูบเสน่หา มันน่าจะเข้าที เขาจึงทำ

แต่แล้วอีกวูบหนึ่ง สัมผัสของจูบเสน่หา มันก็บอกว่าเขากำลังหยิบยื่นสู่ใครอีกคน แล้วเมื่อลืมตา เขาก็พบว่าเธอคือสามแสน และด้วยความตระหนกมากเหลือเกิน ทำให้เขาผงะ ดีดตัวถอยลนลาน กระทั่งตกจากแคร่ ใช่เหตุการณ์นั้นใช่ไหม เขาจูบสามแสนจริงๆ หรือ เวรกรรมแท้ๆ

"พี่ชายคะ"

"เธอมันบ้า" เขาด่าอย่างว้าวุ่น "ปัญญาอ่อนที่สุดเลยสามแสน เป็นผู้หญิงชนิดไหนกัน เรียนจบมาสูงเสียเปล่าๆ กลับปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายจูบเล่น แล้วมีหน้ามาอวดใจใหญ่ว่าไม่เป็นไร นิดเดียวเอง"

"พี่ชาย"

"อยากเป็นสาวร้อนรักหรือ มิน่าล่ะ ถึงได้โอนอ่อนให้ผู้กองจับแล้วจับอีก ทำเป็นป้อนยาเช็ดตัวบังหน้าละสิ ฉันเกลียดเธอจริงๆ แค่ว่าแถเข้ามาถึงในป่าลึก เพื่อตามหาผู้ชาย มันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงดีๆ เขาไม่ทำกันอยู่แล้ว แต่เธอก็ทำล่ะ"

"พี่ชาย หยุดนะคะ"

"เข้ามาตามหาฉันเพื่ออะไร อยากได้ฉันไปเป็นสามีหรือ ไม่มีปัญญาหาไอ้หนุ่มในเมือง หรือว่าไอ้หนุ่มพวกนั้น มันบังเอิญรู้เช่นเห็นนิสัยร้อนรักของเธอเข้า พวกเขาก็เลยไม่เล่นด้วย"

"พี่ชาย เงียบนะ ทำไมมาว่าสามแสนแบบนี้ สามแสนไม่ใช่.. "

"ใช่ เธอใช่ เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะ ผู้หญิงดี มีความรู้สูง จะไม่วิ่งแร่มาเสนอตัวให้ผู้ชายถึงในป่าลึก ทั้งที่ผู้ชายก็ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เอาครั้งแล้วครั้งเล่า"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ชาย"

สาวโดนลบหลู่ตัวสั่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกความโกรธครอบงำจริงจัง ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายต้องพ่นวาจาหยาบหยามให้อับอายได้ถึงเพียงนั้น

เขาเสียสติหรือ เพียงเพราะทราบว่าตัวเองเผลอไผลจูบเธอเท่านั้นเองหรือ ก็เขาละเมอ เธอก็บอกอยู่นี่ไง เขาไม่ตั้งใจ เขาไม่เคยคิด เขาไม่มีวันคิดสกปรกกับเธอได้หรอก แล้วทำไมต้องสาดวาจาเผ็ดร้อนให้เธอเจ็บปวดด้วยเล่า

"น่ารังเกียจ" เขาเค้นเสียงกร้าวปนสั่น "ฉันเกลียดเธอจริงๆ สามแสน ฉันคิดถูกแล้วที่หันหลังให้กับเธอไปตั้งแต่ห้าปีก่อนโน้น เพราะเธอเทียบไม่ได้เลยกับชุคนดีของฉัน ทั้งที่ชุมันก็เป็นแค่สาวใช้ไร้ความรู้คนหนึ่งเท่านั้น"

"สามแสนไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ชายว่า" เธอเถียง เพิ่งจะรู้สึกว่าน้ำตาไหล "สามแสนไม่ใช่ผู้หญิงน่ารังเกียจ สามแสนก็เหมือนคุณชุลียานั่นแหละ คุณชุลียาเธอยอมตายเพื่อพี่ชายได้ เพราะเธอรักพี่ชาย สามแสนก็พร้อมจะทำทุกอย่างได้เพื่อพี่ชาย เพราะสามแสนรักพี่ชาย"

"ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินคำว่ารักจากปากของผู้หญิงน่ารังเกียจหรอก ไปให้พ้น ไสหัวไป ไปเลยสามแสน จะไปไหนก็ไป กลับบ้านกลับเมืองเธอไปเลยก็ยิ่งดี ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว"

"พี่ชาย นี่มันเรื่องอะไรกัน"

ภภีมไม่ได้ยินประโยคนี้ เขารีบหมุนตัวหันหลัง มันอาจจะเป็นการหันหลังครั้งสุดท้ายแล้ว แววตาชอกช้ำของคนดี มันคมกริบนัก เขาเจ็บที่หัวใจนี่ เจ็บจนต้องร้องไห้ ต้องพูดแบบนั้นล่ะ คนดีจะได้เจ็บใจ เสียใจ ผิดหวัง โกรธจัด แล้วก็บ่ายหน้าหนีไปเสียที

'สามแสนคนดี พี่ขอโทษ สามแสนเป็นคนดีมาก เป็นผู้หญิงที่พี่จะรักอีกคนไม่น้อยไปกว่าชุ ถ้าชุคือความรักที่ตายจาก สามแสนก็จะเป็นรักที่รอวันตาย ขอโทษสามแสน พี่ขอโทษสามแสน พี่ขอโทษ'

ภภีมเดินหายไปหลังม่านฝน พร้อมกับวลียาวร้าวรานในใจ และสามแสนก็ไม่เห็นว่าเขาร้องไห้เสียใจกับทุกวาจาโหดร้าย ที่ขุดเค้นขึ้นมาเพื่อห้ำหั่นความรักในใจดวงนั้น

ความจริงที่ได้รับรู้ในวันนี้ มันทำลายความคลางแคลงตลอดมาของเขา ก็ใช่ล่ะ เขาไม่ค่อยเชื่อนักหรอกว่า ในคืนนั้น ตัวเองไม่ได้ล่วงเกินคนดี แต่เพราะเธอยืนยันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จนปัญญาจะคาดคั้น

ก็เพิ่งจะวันนี้ ที่ความจริงเปิดเผย แล้วเขาก็เจ็บปวดเหลือเกิน เพราะสิ่งเดียวที่เขาไม่อยากทำ ก็คือป้ายราคีเสน่หาสู่ร่างสะอาด แต่เขาทำไปแล้ว เขาจูบสามแสน แม้จะอ้างว่าละเมอ แต่จูบก็คือจูบไม่ใช่หรือ เขาเชื่อว่า นั่นคือจูบแรกของสาวบริสุทธิ์เสียด้วยซ้ำ แล้วเขาก็ได้มันมาอย่างไม่ควรได้ ไม่ควรเลย

สามแสนทรุดร่างลงตรงนั้น ปล่อยให้ฝนพรำอาบจนตัวเปียก น้ำตากับน้ำฝนมันเปื้อนปนๆ กันบนหน้าเศร้าสร้อย ยอมรับว่าใจร้าวแล้ว เพราะถ้อยคำหยาบหยามของพี่ชาย

มันโหดร้ายเหลือเกิน เขาลบหลู่และดูถูก มองสามแสนเป็นสาวชั้นต่ำ ใจง่าย บ้าผู้ชาย ทำไมเขาทำร้ายสามแสนด้วยคำพูดพวกนั้นเล่า ตบตีและใช้กำลังป่าเถื่อนเสียยังดีกว่า



ช่วงบ่ายหายไปแล้ว ฝนพรำก็หายไปด้วย เพื่อเปิดทางให้ช่วงใกล้ค่ำมาเยือน สามแสนเฉื่อยเนือยจนนายขิงผิดสังเกต เขาไม่ทราบเลยว่า จุมพิตร้อนแรงของตัวเอง กลายเป็นชนวนแตกหักอย่างจริงจังของหนุ่มสาวต่างวัย

ใบพลูทำกับข้าวไปเงียบๆ หล่อนมีปัญหาหัวใจให้ขบคิด รสซาบซ่านของจุมพิตเสน่หา มันตราตรึงเสียจนลืมไม่ลง จนถึงเดี๋ยวนี้ ตลอดร่างมันยังเผชิญกับคลื่นวาบหวามประหลาดไม่หยุดเลย หล่อนอายนิดๆ เมื่อพบว่า ตนปรารถนาสัมผัสเช่นนั้นอีก แต่อีกใจก็ลังเลและสับสน เพราะหล่อนไม่ได้รักนายขิง

'โว้ย รักก็ไม่รัก แล้วจะไปอยากได้จูบมันมาทำไมวะ ไอ้ใบพลูเอ๊ย' หล่อนด่าตัวเองอย่างฉุนเฉียว ทรวงกระสับกระส่ายแลสะเทือนไปกับเสียงแว้ดๆ นั่นล่ะ ตอนเหลือบมองเจ้าของจูบขยับฟืนในเตา แรงซาบซ่านก็พานแล่นครืนเหมือนคลื่นในคลอง พอมันกระแทกมาทีหนึ่ง ใจก็รัญจวนเร่าร้อนเสียทีหนึ่ง

'แล้วนี่จะทำยังไงกันละเว้ย' หล่อนถามตัวเองในใจอีก เผลอสับผักกระแทกกระทั้นระบายความสับสน

นายขิงเหลียวมามองแวบหนึ่ง เขายิ้มเอ็นดู ในแววตาก็ฉายแต่แสงแห่งรักพราวรุ่งทีเดียว อิ่มอกอิ่มใจพอสมควร กับการได้ระบายแรงพิศวาสออกไปบ้าง แม้ว่าจะทำได้แค่จูบหนักหน่วง แต่สองมือคู่นี้ก็สำราญไม่หยอกอยู่ เพราะเฟ้นฟอนเนื้อนวลได้หมด

ยามระทวยสะท้าน สาวใบพลูของเขาสวยที่สุดในโลก เลือดสูบฉีดมาระบายพวงแก้มจนแดงเปล่งปลั่ง เขาจูบแล้วจูบอีกตรงนั้น เสน่หาไม่น้อยไปกว่าปากจิ้มลิ้มที่เผยอสั่นเชิญชวน ลิ้นเล็กก็น่าเอ็นดูออก ว้าวุ่นทุกครั้งที่เขาหยอกเย้า กระหวัดมารัดมากลืน

ทรวงนุ่มก็เต็มตึงล้นมือในยามประคองอย่างอ่อนโยน หล่อนยืดคอแอ่นหลัง ย้ายร่างโยกกาย ทำทุกอย่างอยู่บนตักเขานี่ล่ะ แล้วเขาก็มีความสุขกับสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั้น

"เสร็จแล้ว"

เสียงห้วนของหล่อน ตัดภวังค์ซึ้งขาดผึงเลย พอหันมอง ก็เห็นคนสวยเลื่อนเขียงกระแทกกระทั้น ตาขึงถลึงดุ ปากกัดเคี้ยวแค้นๆ ท่าทางคงอยากจะกินเขานั่นล่ะ

"บอกอีกทีซิใบพลู" เขาหรี่ตาสั่ง

"เสร็จแล้ว" หล่อนยังไม่วายกระด้างมาล่ะ

"อะไรนะใบพลู"

เขายิ้มร้อน ตาหรี่ก็แลร้อนเหมือนกัน หล่อนเป็นสาวแก่นที่ไม่มีใครกล้าปราบ ไม่ใช่ปราบไม่ได้ แล้วที่ไม่กล้าปราบก็เพราะอยากทำคะแนนให้หล่อนพอใจ เขาก็อยากทำ แต่คะแนนที่ส่งเสริมให้หล่อนหลงลำพองผิดๆ เขาไม่ค่อยอยากได้ จึงอาจจะดูเป็นว่า มีเขานี่ล่ะ ที่อาจหาญปราบสาวแก่นแบบ 'เนื้อถึงเนื้อ'

"ใบพลู" ต้องเตือนเสียงเข้มอีกนิด เมื่อหล่อนทำเฉย

"เสร็จแล้ว จะให้ทำอะไรอีก"

เสียงอ่อนมาแล้วล่ะ น่ารักที่สุดเลย นายขิงยิ้มอย่างพอใจ เขาชำเลืองไปมองสามแสนที่ยังนั่งเท้าคางซึมเซา

เธอเป็นอะไรสักที ตั้งแต่กลับขึ้นมาบนกระท่อมเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ด้วยสภาพเปียกปอน ถามอะไรก็ไม่ตอบ ลงไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหายเงียบอยู่ในห้องกับผู้กองพันยศ กลับออกมาอีกที ก็นั่งจับเจ่ามองเขากับใบพลูทำอาหารเย็น

"อยากให้ช่วยคิดอะไรบ้างหรือเปล่า" เขาส่งเสียงถามออกไป พลางชี้บอกใบพลูให้หยิบกระทะไปตั้งเตา

"ไม่ล่ะ สามแสนคิดเองดีกว่า เอ้อ สามแสนขอไปเดินเล่นหน่อยนะ"

"เดินเล่นอะไรสามแสน นี่มันใกล้ค่ำแล้วนะ พระอาทิตย์จะตกแล้ว ฟ้าก็มืดๆ ฝนอาจตกอีกก็ได้"

"ไปไม่ไกลจากแถวนี้หรอก"

"แต่ว่ามัน.. "

"จะไปก็ไปเถอะย่ะ" ใบพลูกระแทกเสียง ตั้งกระทะตึกลง แสงตามันวาวคมเหมือนจะกรีดร่างสามแสนให้ขาด "ไปแล้วไปลับได้ยิ่งดีนะ ฉันขอภาวนา"

"ใบพลู"

"เงียบไปเลยไอ้พี่ขิง" เสียงแหลมๆ มันฟังน่ากลัวเป็นบ้า "ทำเสียงทำท่าเข้าข้างกันอีกที สาวสวยอย่างใบพลูจะฟาดด้วยกระทะนี่เลย เอาไหมล่ะ"

"ไม่เอาหรอก"

นายขิงทำเสียงอ่อน ทำตาอ้อน สาวสวยอย่างใบพลูก็ตวัดค้อนยโส แต่ใจก็เต้นระทึกวาบหวาม กระแสซาบซ่านมันเสียดมันทิ่มจนชีพจรพลุ่งพล่านหวั่นไหว

นี่ก็อีกเรื่องเหมือนกัน ที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก ทุกครั้งที่ได้เห็นหรือได้ยินว่านายขิงเข้าข้างสามแสน หล่อนเป็นต้องเกิดอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว รู้สึกหวงแหนไอ้หนุ่มหล่อชาวดงขึ้นมาอย่างแรงกล้า จนอยากตบสามแสนเสียให้คว่ำ ทำไมแม่คนนี้ ชอบมายุ่งวุ่นวายกับผู้ชายในอาณัติของหล่อนเสียจัง

สามแสนปลีกตัวไปเงียบๆ จวนจะค่ำแล้ว แต่จนป่านนี้ พี่ชายยังไม่ยอมกลับมาเสียที เขาคงไม่อยากเห็นสามแสนเกะกะขวางตาอยู่ในกระท่อมเขาอีกกระมัง

บางที อาจจะไปขลุกอยู่ที่กระท่อมของนายขมิ้นทอง หรือไม่ก็อาจจะกลับมาอีกทีตอนดึกๆ เพราะคิดว่าสามแสนหลับแล้ว จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก

"อย่านึกนะคะพี่ชาย ว่าหลายประโยคพวกนั้นจะหยุดสามแสนได้" เธอพูดกับตัวเอง ขณะทอดเท้าเนิบไปตามพงหญ้า "พี่ชายเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือว่า ความรักมั่นคงมันแข็งแกร่งแค่ไหน ตราบใดที่พี่ชายรักคุณชุลียาไม่เสื่อมคลาย ก็ขอให้พี่ชายรับรู้ไว้ด้วยว่า สามแสนก็รักพี่ชายอย่างมั่นคงเหมือนหัวใจของพี่ชายนั่นแหละ"

ใบหน้าเศร้าเงยขึ้นมองท้องฟ้า มันมืดลงพร้อมกับปรากฏดาวดวงเล็กๆ วูบวาบประปราย ป่ามันมืดได้เร็วมาก เพียงแค่พระอาทิตย์ลับลงหลังยอดไม้เท่านั้น

แต่สามแสนก็ไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อทุกก้าวที่กำลังมุ่งไปข้างหน้า หัวใจฮึกเหิมดวงนี้ มันส่งเสียงดังก้องอยู่ตลอดเวลา ด้วยประโยคที่ว่า 'สามแสนจะเอาชนะหัวใจพี่ชายให้ได้'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 11:43:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com