Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่ห์ลายโบตั๋น >>> บทที่ ๑ ติดต่อทีมงาน

เรื่องนี้ออกแนวเป็นนิยายจีนนะคะ น่าจะลงได้ีถี่กว่าเรื่องดุจจันทร์ลวงใจ เพราะมีในสต๊อกมากกว่า คิดเห็นยังไงก็ช่วยเมนท์บอกกันด้วยนะคะ... ได้โปรด


...................................................................


เมื่อราตรีกาลกรายมาเยือนราชธานีอู่ซื่อที่คึกคักในยามกลางวันก็เริ่มก้าวเข้าสู่ความหลับใหล หากชีวิตของผู้คนบนถนนหย่านซื่อกลับเพิ่งตื่นจากนิทรารมย์ แสงสว่างสีเหลืองนวลจากโคมไฟถูกชักขึ้นสู่ปลายเสาโลหะสีเขียวทั้งสองฟากถนน เสียงหัวเราะอย่างเมามายและเสียงเจรจาออดอ้อนอย่างอ่อนหวานดังลอยลมมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดคลุมตัวนอกสีครามตัดเย็บอย่างประณีต ยืนเท้าแขนพิงตัวกับระเบียงไม้ชั้นสองในห้องหมื่นตำลึงทองบนหอชุนชิว สายตามองความเคลื่อนไหวบางอย่างที่เบื้องล่างอย่างสนใจ นิ้วเรียวหมุนถ้วยเหล้าดินเผาเนื้อบางในมือ  ปอยผมยาวที่มัดรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่สนใจนักพลิ้วขึ้นยามลมเย็นพัดผ่าน

ท่าทีที่ไม่สนใจต่อเพลงพิณที่ไพเราะ ท่วงทำนองสดใสร่าเริงของเขา ทำให้เด็กสาวในชุดสีเขียวอ่อนที่ยังคุกเข่าอยู่ข้างๆ มีสีหน้าขุ่นเคืองใจเล็กน้อย ยามที่มองไปเห็นสตรีผู้บรรเลงพิณซึ่งนั่งอยู่หลังม่านผืนบางสีขาวด้านใน เงยหน้ามองคุณชายเจ้าสำอาง ก่อนบทเพลงจะเข้าสู่ท่วงทำนองสุดท้าย

“ข้าไม่เห็นว่าข้างล่างจะมีอะไรน่าสนใจมากกว่าเสียงเพลงของพี่หรงอินเลย” เด็กสาวเอ่ย ขณะที่รินสุราลงจอกที่ถูกยื่นให้ อดใจไม่ได้ต้องชะโงกหน้ามองบ้าง

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะ “ซือซือ ข้าก็เห็นว่าเจ้ามีแต่พี่หรงอินคนสวยของเจ้าเท่านั้น ที่ทุกคนควรให้ความสนใจ”

“พี่หรงอินของข้าได้ชื่อว่างดงามที่สุดในย่านหย่านซือ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นโต้เถียง “บุรุษที่ต้องการใช้เวลายามค่ำคืนเพื่อฟังเสียงพิณของนางมีมากมาย แต่ไม่ใช่บุรุษทุกคนที่พี่หรงอินจะยินดีต้อนรับทุกครั้งที่เอ่ยขอเช่นท่าน ท่านนี่...เป็นคนใช้เงินทองได้ไม่คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย แทนที่จะตั้งใจชื่นชมเสียงเพลงไพเราะ กลับทุ่มเทความสนใจต่อผู้คนเบื้องล่างเกือบตลอดเวลา ท่านคิดดูหมิ่นพี่หรงอินของข้าอย่างนั้นหรือ”

ท่าทีดื้อรั้นและปกป้องนั้นทำให้ดวงตาดำขลับเป็นประกายระยับมากขึ้น พัดในมือถูกยกขึ้นเคาะศีรษะที่เกล้ามวยสองข้างแสดงถึงความเยาว์วัยเบาๆ

“ซือซือ...อย่าเสียมารยาท” เสียงปรามเบาๆ ดังมาจากสตรีที่นั่งอยู่เบื้องหลังพิณหลังม่าน ก่อนที่เด็กรับใช้ประจำตัวจะเอ่ยปากเถียงต่อ ขณะที่นางลุกขึ้นยืนและเดินแหวกม่านออกมา

ใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั้นค่อนข้างเรียบเฉย ยามนางเยื้องย่างทำให้เสื้อคลุมที่มีชายยาวลากพื้นแหวกออกเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียนเหนือเสื้อผ้าแพรเกาะอกตัวในสีชมพูอ่อน

เมื่อหรงอินเดินมาถึงเบื้องหน้าชายหนุ่ม นางก็ประสานมือค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าที่สวยหวานนั้นมียิ้มน้อยๆ อย่างขอขมา

“ซือซือยังเยาว์วัย จึงพูดจาล่วงเกินคุณชายเซียงเช่นนี้ หวังว่าคุณชายจะให้อภัยนางอีกสักครั้ง ไม่กล่าวเรื่องนี้กับท่านแม่”

เซียงซือโหมวขยับพัดในมือ  รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักได้รูป “ข้าจะให้อภัยซือซือก็ได้ หากเจ้าจะยินยอมอยู่กับข้าเพียงลำพังสักครู่หนึ่ง”

“ไม่ได้เจ้าคะ” คนที่นั่งฟังร้องโวยวายขึ้นมาทันที “คุณชายเซียงลืมแล้วหรือว่า พี่หรงอินของข้าขายเพียงศิลปะไม่ขายตัว ดังนั้นนางจึงไม่อยู่กับชายใดเพียงลำพัง ข้าไม่ยอมให้พี่หรงอินฝืนกฎเพื่อคุณชายเซียงอีกแล้ว”

“ซือซือ...” เพียงเสียงแผ่วเบาเรียกชื่อ เด็กสาวที่กำลังโวยวายก็หยุดลงทันควัน แต่ส่งสายตาไม่พอใจไปยังชายหนุ่มที่ยืนมองมายิ้มๆ

“พี่หรงอินเจ้าคะ หากพี่ทำเช่นนี้แล้วแขกท่านอื่นรู้เรื่อง พวกเขาจะเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้อยู่ตามลำพังกับพี่บ้างนะเจ้าคะ ข้ายอมถูกท่านแม่ลงโทษดีกว่า”

มือเรียวโยกศีรษะที่สองข้างศีรษะยังเกล้ามวยแกละแสดงถึงความเยาว์วัย “ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วงข้า แต่ให้ข้าอยู่ตามลำพังกับคุณชายเซียงหน่อยเถอะ”

ซือซือเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวเดินออกจากห้อง เมื่อถูกมองด้วยสายตาขอร้องแกมบังคับของหรงอิน

เซียงซือโหมวหัวเราะออกมา เมื่อเห็นประตูห้องที่ควรปิดสนิท กลับปิดไม่สนิทด้วยความจงใจของเด็กสาว ซึ่งยืนปักหลักอยู่หน้าประตู “ดูท่าหากข้าต้องการอยู่ตามลำพังกับเจ้าอีก คงทำได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้งหน้านางอาจจะยอมถูกทำโทษจริงๆ แต่ไม่ยอมให้เจ้าอยู่ตามลำพังกับข้าอีกแน่”

ใบหน้าสวยหวานส่ายศีรษะน้อยๆ แววตาที่มองไปยังเงาที่ยืนอยู่หน้าประตูมีแววเอ็นดูอย่างชัดเจน “นางก็เพียงแต่ห่วงใยข้าเท่านั้น คุณชายเซียงคงไม่ถือสานาง”

“นางดีกับเจ้าเช่นนี้ ข้าจะกล้าว่านางได้อย่างไรกัน” เขาเอนตัวเข้าไปหาร่างบอบบางข้างๆ จนคล้ายจะโอบกอด แต่เสียงที่ถามกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ว่าแต่เรื่องที่ข้าให้เจ้าช่วยสืบหาที่มาของอาวุธที่ลักลอบนำเข้าอู่ซือได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

หรงอินยกจอกสุราบนโต๊ะขึ้นมาจ่อริมฝีปากทายาทตระกูลเซียงด้วยท่าทางอ่อนหวาน ซึ่งถ้ามีใครมองเข้ามาก็จะเห็นเพียงนางกำลังพยายามออดอ้อนเอาใจ...คุณชายเจ้าสำอางแห่งราชธานีอู่ซื่อ แต่เรื่องที่สนทนากลับเป็นไปอย่างเคร่งเครียด

“ข้าได้ยินพี่ผิงอิ๋งบอกว่า ยามซิ่นคังเมามาย มีบางครั้งหลุดเล่าถึงอาวุธที่แอบซ่อนมาบนเรือพร้อมกับสินค้าปกติ”

“ซิ่นคัง...ลูกน้องมือขวาของไตก๋งเรือสำเภาอินทรีย์ขาวอย่างนั้นหรือ”

หรงอินพยักหน้ารับ ขยับตัวเอนอิงแผ่นอกแข็งแรง เพื่อบังไม่ให้คนภายนอกเห็นขณะที่ยื่นมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในผ้าคาดเอวให้แก่คู่สนทนา “มีดสั้นเล่มนี้ ข้าขอซื้อมาจากพี่ผิงอิ๋ง ซิ่นคังกำนัลให้แก่นางเมื่อเดือนก่อน เห็นบอกว่าเฉิงหุ่ยมอบให้เขาด้วยตัวเอง”

เซียงซือโหมวดึงมีดสั้นออกดูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอาซ่อนไว้ในอกเสื้อ “ถึงจะไม่ใช่มีดสั้นดีที่สุดที่ตระกูลเฉิงผลิต แต่ฝีมือการตีและขึ้นรูป ก็เป็นรูปแบบเฉพาะของตระกูลเฉิงเท่านั้น หากอยู่ในท้องตลาดมีดสั้นเล่มนี้คงมีมูลค่าไม่ต่ำนัก ซึ่งคนทั่วไปคงไม่ซื้อมาใช้ เพราะไร้ประโยชน์เกินไป” เขาเหม่อมองออกไปนอกระเบียง “การที่ผู้นำตระกูลเฉิงมอบมันให้กับซิ่นคังด้วยตัวเองเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นการที่ตระกูลอี้ช่วยพวกเขาลับลอบขนส่งอาวุธเถื่อนไปให้กลุ่มก่อการกบฏกลุ่มต่างๆ ก็คงเป็นจริงอยู่หลายส่วน”

“ข้าจำได้ว่า เมื่อก่อนผู้เฒ่าอี้ซานเคยออกคำสั่งไม่ให้คนในตระกูลเกี่ยวข้องกับอาวุธและยาพิษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผู้ที่ดูแลกิจการค้าของตระกูลอี้ตัวจริงจะเป็นจางเหวินอี้ หลานชายที่เกิดจากบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้เฒ่าอี้ซาน จะเป็นไปได้หรือไม่เจ้าค่ะที่ผู้ออกแรงช่วยตระกูลเฉิงจริงๆ จะเป็นจางเหวินอี้”

เซียงซือโหมวนิ่งเงียบไปครู่ สายตามองไปยังร้านสุราชื่อดังที่อยู่ตรงกันข้ามอีกครั้ง ร้านสุราร้านนี้มีเพียงผู้คนร่ำรวยและสูงศักดิ์เท่านั้นที่กล้าก้าวเข้าไป แต่เมื่อครู่กลับมีหญิงชาวบ้านท่าทางยากจนเพิ่งเดินหายเข้าไป

“คุณชายเซียง...” เสียงเรียกเบาๆ นั้นทำให้เขาดึงสายตากลับมามองสบตาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ความงดงามที่แฝงเร้นความไร้เดียงสานั้นทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจ

หากเรื่องนี้จบลงเมื่อไร เขาจะให้นางถอนตัวออกจากหอชุนชิวทันที... เซียงซือโหมวให้สัญญากับตัวเอง ขณะที่จับปอยผมที่มีกลิ่นหอมจางๆ ของนางขึ้นหมุนเล่น เพื่อให้การแสดงครั้งนี้สมบทบาทมากยิ่งขึ้น

“เหวินอี้ที่ข้าเคยรู้จักในอดีต ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนั้น” ชายหนุ่มถอนหายใจ “หากตระกูลอี้ยินยอมให้ตระกูลเฉิงใช้เรือของตนขนส่งอาวุธเถื่อนเป็นความจริง เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง...ผู้คนในตระกูลอี้ทุกคนคงไม่แคล้วต้องโทษประหารชีวิตหมดทั้งตระกูลแน่นอน แม้แต่ผู้ว่าเมืองซูโหยว...อี้เหลียนชางบุตรชายเพียงคนเดียวของอี้ซาน ก็คงต้องมาพลอยติดร่างแหไปด้วยเช่นเดียวกัน”

“หากการคาดเดาครั้งนี้ทำให้ท่านไม่สบายใจ ข้าก็ต้องขออภัยด้วย”

“เจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องขอโทษข้าด้วยเล่า” ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มเล็กน้อยแต่ในใจกลับหนักอึ้ง ยินดีดื่มสุราที่หรงอินประคองยื่นให้

เสียงโวยวายดังลั่นที่เบื้องล่างทำให้ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย ชะโงกหน้ามองหญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเนื้อหนาที่ทั้งเก่าทั้งซีด นางถูกขับไล่ออกมาจากร้านสุราหรูที่สุดในย่านหย่านซือ แสงสว่างจากโคมไฟบนเสาโลหะ ทำให้เขาเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ำนั้นชัดเจน

ชัด...จนเขาเห็นท่าทางขึ้งโกรธของนาง ริมฝีปากอิ่มได้รูปเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะยอมหันหลังเดินจากไป หลังไหล่เหยียดตรง ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่หยุดยืนมองนางอย่างสมเพช

เซียงซือโหมวรีบถอนสายตากลับมาทันที เมื่อเห็นนางเงยหน้าขึ้นกวาดตามองมาทางตนเหมือนรับรู้ว่ามีคนลอบมองตัวเองอยู่

“นางมีอะไรผิดปกติหรือเจ้าคะ” หรงอินถาม ขณะสบตาที่ทอประกายประหลาด ซึ่งก่ำกึ่งระหว่างอยากหัวเราะกับมึนงงสับสน

“ข้ากำลังคิดว่า นับวันข้ายิ่งมีความคิดประหลาดเพิ่มมากขึ้นทุกที” เขาขยับยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง เมื่อสายตากลับไปมองตามร่างโปร่งบางเบื้องล่างอีกครั้ง

คนฟังกะพริบตา สีหน้ายังงุนงงยามที่ชะโงกหน้าออกไปเล็กน้อย มองหาความผิดปกติของสตรีนางนั้น ซึ่งนอกจากนางจะดูยากไร้และผิวค่อนข้างดำคล้ำกระดำกระด่างไม่ได้งดงามชวนมองแล้ว หรงอินก็ไม่พบว่า หญิงสาวนางนั้นมีสิ่งใดที่ทำให้คนข้างตัวมีท่าทางเช่นนี้ได้

“เจ้าคิดว่า จะมีบุรุษปกติคนใดแต่งกายเป็นสตรีมาเดินเที่ยวในย่านหย่านซือหรือไม่”

คำถามนั้นยิ่งทำให้คนฟังสับสนเพิ่มมากขึ้น คิ้วขมวดเข้ากันกันเล็นน้อย “หากไม่ใช่นักแสดงบนเวที ข้ายังไม่เคยเห็นบุรุษใดแต่งกายเป็นสตรีมาก่อน แล้วเป็นบุรุษแต่แต่งกายเป็นสตรีมาเที่ยวย่านรื่นรมย์เช่นนี้ จะมีประโยชน์อะไรเล่า”

“นั่นสิน่ะ...” เซียงซือโหมวพยักหน้าพึมพำเห็นด้วย แต่สายตายังไม่คลาดจากสตรีเบื้องล่าง เขาขยับตัวจับเสื้อที่หละหลวมจนเผยแผ่นอกกว้างให้เรียบร้อย เอื้อมมือจับแก้มนิ่มนั้นพร้อมกับเอนตัวเข้าไปใกล้เอ่ยกระซิบ “ข้าคงต้องไปแล้ว รักษาตัวเจ้าให้ดีด้วย อย่าพลาดให้ใครจับได้และหากเรื่องไหนมันอันตรายเกินไปก็อย่าเสี่ยงทำเป็นอันขาด เข้าใจใช่ไหม”

“เจ้าค่ะ... คุณชายก็โปรดระวังตัวด้วยเช่นกัน”

“เด็กดี...แล้วข้าจะมาหาอีก” เขาตบแก้มนุ่มนั้นเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากหอชุนชิว...หอนางโลมชื่อดังในย่านหย่านซื่อที่พลุ่กพล่านและคึกคักมากที่สุดในยามราตรี



............................ (ยังมีต่อ) .......................

จากคุณ : w_panda
เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 11:01:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com