ตอน 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10837764/W10837764.html ตอน 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10843483/W10843483.html ตอน 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846285/W10846285.html ตอน 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10846567/W10846567.html ตอน 6-7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10850334/W10850334.html ตอน 8-9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10855060/W10855060.html ตอน 10 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10859853/W10859853.html ตอน 11-12 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10863362/W10863362.html ตอน 13-16 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10867723/W10867723.html ตอน 17-18 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10871642/W10871642.html
๑๙. สาวแว่น
“ช่วยพี่หน่อยเถอะนะ ษา” สาวแว่นส่งเสียงเจื้อยแจ้วอ้อนวอน “ญาติพี่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆนะคะ”
“เหรอครับ … ” ผมแกล้งตอบ น้ำเสียงเรียบเฉย พยายามเก็บอาการดีใจที่เธอโทรมาหาสุดชีวิต
“ถ้าต้องไปจ้างบริษัททำบัญชี คงต้องใช้เงินเยอะ ญาติพี่ก็ไม่ได้ฐานะดีอะไรขนาดนั้น เลยแนะนำไปว่า พี่รู้จัก คนจบบัญชีอยู่คนนึง แถมเคยเป็นตั้งรองผู้จัดการแผนก บางทีอาจจะพอช่วยได้”
“นะคะ” เธอย้ำ เสียงอ่อนเสียงหวาน
“แหม พี่แก้วครับ ค่าตัว รองผู้จัดการ แพงมากนะครับ เผลอๆจะแพงกว่า ไปจ้างบริษัทอีก แน่ใจเหรอครับว่าจะให้ผมช่วยจริงๆ”
“อะไรกัน ใจคอจะคิดเงินเชียวเหรอ ! ” เสียงเธอเคืองค้อน
“ล้อเล่นน่ะครับ ผมจะช่วยก็แล้วกัน แต่ว่า … ”
“จริงเหรอ !” เธอร้องเสียงดังจนหูแทบแตก “งั้นเดี๋ยวพี่เอาเอกสารไปให้ ษา ช่วยดูวันจันทร์นะคะ”
“เอ่อ จริงๆ… เอามาให้วันนี้เลยก็ได้ครับ ถ้าพี่แก้วสะดวก”
“วันนี้เลยเหรอ ”
“ผมมาเดินเล่นที่พัทยาพอดีน่ะครับ เห็นว่าบ้านพี่แก้วอยู่แถวแหลมฉบัง ถ้านัดกันที่นี่น่าจะสะดวกกว่า”
“ไปทำอะไรที่นั่นน่ะ เล่นน้ำเหรอ”
“เปล่าครับ” ผมหัวเราะ “ผมมาซื้อของนิดหน่อย”
“สะดวกค่ะ สะดวกมากด้วย งั้นเอาเป็น ที่ห้าง ฟิวจ์ ดีมั้ยคะ”
“ผมอยู่ที่ ฟิวจ์ พอดีเลยครับ”
“เอ๋ ! ดีจังเลย ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ แล้วพอไปถึงพี่จะโทรหาอีกที” สาวแว่นกล่าวเสียงใส
บอกตามตรงว่าผมดีใจมากที่เธอโทรมา เป็นเรื่องดีที่จะมีใครสักคนมาเดินเล่นเป็นเพื่อนช่วงสุดสัปดาห์ วันเสาร์อาทิตย์ของผมที่ชลบุรีค่อนข้างเงียบเหงา อีกอย่างตั้งแต่พี่สาไม่อยู่ ผมกับพี่แก้วก็พูดคุยกันน้อยลงมาก หวังว่านี้คงเป็นโอกาสดีๆให้ผมได้รู้จักและเข้าใจเธอมากขึ้น
ผมถือถุงใส่กล่องรองเท้าคู่ใหม่ เดินไปเดินมาอยู่ชั้นสามของห้างฟิวจ์รอเวลาสาวแว่นมาถึง เดินเรื่อยเปื่อยจนเห็นร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่เข้า ผนังร้านเป็นกระจกใสมองเห็นวิวชายทะเลข้างนอก ใกล้ๆกันเป็นร้านกาแฟเล็กๆ มีระเบียงให้ลูกค้าออกไปนั่งจิบเครื่องดื่มข้างนอกได้
บรรยากาศร้านกาแฟไม่เลวเลย ! ผมคิดแล้วรีบโทรไปนัดสถานที่กับพี่แก้วใหม่ แล้วใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่เดินเข้าไปดูของในร้านของที่ระลึกต่อ
ไฟแช็คยี่ห้อ ซิปโป้ หลายแบบวางขายเต็มตู้โชว์ เมื่อสมัยเรียนมัธยมผมเคยซื้อมาเก็บไว้หนึ่งอัน ผมไม่ใช่คนสูบบุหรี่และแทบไม่เคยใช้มันจุดอะไรเลย แต่กลับหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของไฟแช็ค รสนิยมผมมักจะมีปัญหากับคนรอบข้างเสมอ เครื่องดนตรี ไฟแช็ค นาฬิกา เฟอร์นิเจอร์ ของพวกนี้มักดึงดูดผมเสมอ ตรงกันข้ามกับพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายที่แทบจะไม่เคยได้กินเงินในกระเป๋าผมเลย
มีของสวยๆหลายอย่างในร้านให้เลือกดูจนลืมเวลานัด ผมหยุดตรงหน้าชั้นวางของหน้าตาแปลกๆที่มองไม่ออกว่าเป็นอะไร ชิ้นหนึ่งเป็นรูปอมยิ้มสีสันสดใส อีกชิ้นเป็นรูปช็อคโกแลตซองสีทอง ผมหยิบขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วนก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าคืออะไร
พนักงานสาวฝั่งตรงข้ามแอบยิ้มและรีบหลบสายตาเมื่อผมมองเธอ จากนั้นไม่ทันไร เสียงแหลมๆที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“บ้ากาม !”
ผมหันขวับ
“จะซื้อไปใช้ เหรอยะ” สาวแว่นพูด
“ซื้อ … ซื้อไปใช้ อะไรเหรอครับ” ผมถาม พลางแอบหันไปมองพนักงานสาวคนเดิม คราวนี้มีเพื่อนเธอมายืนหัวเราะคิกคักๆอีกคน “ก็นี่มัน ถุงยาง นี่” สาวแว่นบอก พลางชี้นิ้วไปที่ป้ายบอกสินค้า เขียนว่าCondom
ผมหัวเราะ แหะๆ รีบวางของกลางลง “เอ่อ คือว่า … ”
สาวแว่นจิกสายตา กัดริมฝีปากข้างหนึ่ง “ษา คิดจะทำอะไร พี่รึเปล่าเนี่ย”
“มะ ไม่ใช่ นะครับ” ผมรีบแก้ตัว “ผมมองไม่เห็นป้ายว่ามันคืออะไรต่างหาก ก็เลยหยิบขึ้นมาดู”
“เหรอ” สาวแว่นหยอก เสียงสูงลากยาว
“จริงซิครับ ถ้าผมจะทำล่ะก็ … ” ผมทำสียงหื่นกระหาย “หึๆ”
“นี่ ! ทุเรศ !”
“ล้อเล่นน่ะครับ เราไปคุยกันที่ร้านกาแฟดีกว่าครับ ท่าทางต้องคุยกันยาวเรื่องบัญชี” ผมชวน พลางยกมือขึ้นจะจับแขนเธอ
“อย่ามาโดนตัวฉันนะ ! คนบ้ากาม” เธอรีบสะบัดตัว เดินหนีไปห่างๆ
หนอยๆ เจ๊แว่น เดี๋ยวจับปล้ำจริงๆซะเลย !
ญาติลูกพี่ลูกน้องของพี่แก้วกำลังจะเปิดบริษัทที่นครนายก กำลังหาคนช่วยดูแลเรื่องจดทะเบียนบริษัทกับจัดการเรื่องบัญชี เจ้าตัวกำลังท้องแก่ใกล้คลอดเลยฝากน้องสาวมาช่วยเป็นธุระให้แทน ใจจริงผมไม่ค่อยใส่ใจงานที่เธอไหว้วานนักหรอก สนก็แต่ว่าอยากให้เราสองคนมีเวลาด้วยกันนานๆยิ่งนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
วันนี้สาวแว่นชมพู ดูตัวสูงกว่าทุกวัน น่าจะเป็นเพราะสวมกางเกงขายาวแทนกระโปรง เธอรวบผมขึ้นเป็นทรงหางม้า เผยให้เห็นแก้มที่ยุ้ยเล็กน้อย ใส่เสื้อยืดคอปกสีบานเย็นเข้ารูป ท่าจัดแว่นกับรอยกระสีแดงออกชมพูบนใบหน้ายังดูเป็นเสน่ห์ไม่มีเปลี่ยน ที่ดียิ่งกว่าอะไรคือ วันนี้เธอดูไม่ค่อยเศร้าเหมือนตอนที่ครูอุษาเสียใหม่ๆ แววตาของเธอกลับมาเป็นพี่แก้วที่สดใสคนเดิมแล้ว
“บริษัทเล็กๆเงื่อนไขไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย คิดว่าไม่นานคงเรียบร้อยครับ” ผมพูดพลางเก็บเอกสารใส่แฟ้ม
“ดีจังเลย” สาวแว่นเอ่ยเสียงเริงร่า “พี่ว่าแล้วเชียวว่า ษา ต้องยอมช่วย”
“ผมโดนบังคับต่างหาก”
“อะไรกัน พูดอย่างนี้ พี่รู้สึกผิดนะ” เสียงใสๆฟังดูขุ่นลง
“ล้อเล่นครับ อันที่จริง ผมเต็มใจอย่างมากเลยล่ะ” ผมพูดและส่งยิ้มให้เธอ
“ประชดเหรอยะ” เธอค้อน
“เปล่าซะหน่อย”
“เชอะ !” เธอสะบัดหน้า ไม่อยากบอกเลยว่าละอองน้ำลายของเธอกระเด็นมาโดนแก้มผมด้วย
“พี่แก้วเป็นคนที่นี่เหรอครับ” ผมถามทั้งที่ยังหัวเราะอยู่
“เอ๋ ! ใช่ค่ะ พี่เกิดที่นี่ เรียนที่นี่ แล้วก็ทำงานที่นี่ จะเรียกว่าแปลกมั้ยคะเนี่ย ทั้งที่เพื่อนส่วนใหญ่ ก็ไปอยู่กรุงเทพ กันเกือบหมด”
“ไม่รู้ซิครับ บังเอิญผมเกิดที่โน่นเรียนที่โน่น แล้วมาทำงานที่นี่” สาวเอียงหัวยิ้ม “จริงสิ … ว่าแต่ ษา มาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“รองเท้าคู่เก่าผมขาด พี่สาวก็เลยแนะนำให้ลองมาซื้อคู่ใหม่ที่นี่น่ะครับ” ผมบอกเธอพลางชูถุงใส่กล่องรองเท้า “นี่ไงครับ”
“อ๋อเหรอ นึกว่ามาซื้อ ถุงยาง ซะอีก“ สาวแว่นพูดจีบปากจีบคอ
“แหมๆ พี่แก้ว ได้ทีล่ะเอาใหญ่ เชียวนะครับ”
“แน่นอน นานๆทีพี่จะเป็นต่อ ษา นี่นา”
ผมยกกาแฟเย็นขึ้นจิบช้าๆ “ผมต่างหากที่ยังเป็นต่อพี่แก้วอยู่ ได้เวลาตกลงเรื่องค่าตัวแล้วครับ”
“เอ๋ ! จะเก็บเงินจริงๆเหรอ” เธอพูดเสียงดัง
ผมหัวเราะอีกครั้ง “ล้อเล่นครับ”
ใครๆมักบอกว่าผู้หญิงใส่แว่นดูเชยและล้าสมัย บ้างก็ว่าน่ากลัวมากกว่าน่าเข้าใกล้ แต่ผมกลับไม่คิดแบบนั้นเลย ผู้หญิงใส่แว่นมีเสน่ห์มากเกินกว่าที่คนพวกนั้นจะเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสวยๆของเธอที่อยู่หลังกรอบแว่น ท่าทางเวลาจัดแว่น เวลาถอดแว่นเพื่อเช็ดเลนส์ ใบหน้าของเธอเวลาไม่ได้ใส่แว่นที่ดูสวยแปลกตาจากปกติ แว่นทำให้เธอดูมีเสน่ห์แบบผู้คงแก่เรียน
จริงๆแล้วก็อาจจะไม่ใช่เป็นเพราะแว่นก็ได้ เพราะเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วแม้จะดูประหลาดๆแบบบรรยายไม่ถูก ผมอาจจะต้องพูดใหม่ว่า แว่นไม่ได้ทำให้เธอสวย แต่เธอสวยมากขึ้นเมื่อใส่แว่น
บางทีผมอาจเป็นพวกโรคจิตอ่อนๆ แต่ความชอบของคนเรามันก็ห้ามกันไม่ได้ เพื่อนผู้ชายผมบางคนชอบผู้หญิงมีเขี้ยว มีลักยิ้ม เพื่อนผู้หญิงก็ชอบผู้ชายกล้ามใหญ่ๆ บางคนชอบแบบผอมๆ บางคนชอบแบบดูสะอาดๆ บางคนชอบแบบเซอร์ๆ ผมก็แค่ชอบผู้หญิงใส่แว่นเท่านั้นเอง ไม่ใช่พวกโรคจิตซะหน่อย
“ษา มีพี่น้องมั้ยคะ” เธอถามชวนคุยบ้าง
“มีครับ ผมมีพี่สาวคนนึง “
“น้องชื่อปักษาสวรรค์ แล้วพี่ชื่ออะไรคะเนี่ย” เธอทำหน้าทะเล้น ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าแก้มของเธอเริ่มจะเป็นเสน่ห์ลำดับที่สาม ต่อจาก แว่นสีชมพู แล้วก็รอยกระบนใบหน้า
“พี่แก้วลองทายดูซิครับ” ผมยิ้ม
“เอ ... อืม … “ เธอเอานิ้วจิ้มที่แก้มทำท่าขบคิดประจำตัวพร้อมกับเอียงหัวไปมา แต่ดูเหมือนสะบัดหัวไปซ้ายทีขวาทีมากกว่า
ผมแน่ใจว่าเธอกำลังทำท่ากวนประสาท !
สาวแว่นค่อยๆหันกลับมา แล้วฉีกยิ้มอย่างผู้มีชัย “ณัฐริกา ค่ะ !”
คำตอบนี้เหลือเชื่อ อย่างน้อยที่สุดถ้าเธอคิดจะเล่นมุขตลก ก็น่าจะตอบว่า ปักษานรก หรือถ้ากลัวผมโกรธก็อาจจะตอบชื่ออื่นที่ความหมายใกล้เคียงกัน แต่นี่กลับตอบชื่อที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชื่อผมเลย และที่สำคัญเธอตอบถูก
“อึ้งไปเลยล่ะซี คิกๆ ณัฐ เป็นเพื่อนพี่เองแหละค่ะ” เธอหัวเราะ “ทีแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก ตอนที่ได้อ่านประวัติ ษา ก็รู้สึกคุ้นนามสกุลนี้มากเลย ไปๆมาๆก็นึกนามสกุล ณัฐ ออกก็เลยคิดว่าน่าจะใช่ โชคดีนะคะเนี่ยที่ถูก ไม่งั้นคงหน้าแตกแย่เลย”
“พี่แก้ว เป็นเพื่อนพี่ณัฐเหรอครับเนี่ย อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น“
“เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย เราเรียนด้วยกันแต่ไม่สนิทกันเท่าไหร่ พี่ตั้งใจจะเล่นมุขนี้กับ ษา มาหลายครั้งแล้วล่ะ ในที่สุดก็ได้เล่นซักที” เธอเป่าปากดังฟู่
ผมนั่งมองความสดใสของเธอ จะว่าไปแล้วทั้งที่เธอดูร่าเริงและเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่ผมก็แทบจะไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเธอเลยสักเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมอยากรู้มากที่สุด ผมนั่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วว่าจะถามคำถามนั้นดีมั้ย จำได้ว่าพี่อุษาเคยบอกว่าพี่แก้วยังโสด แต่ตอนนั้นกับตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าคำตอบมันจะยังเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า
“เอ่อ … ปกติวันเสาร์นี่ พี่แก้วไม่มีนัดเหรอครับ“
“หือ !” เธอสงสัย “ก็มีบ้าง”
คำตอบนี้ทำเอาผมร้อนวาบขึ้นมาจากท้อง “ซวยล่ะซิ”
“เช่นว่า ...” ผมถามต่อ ยื่นหน้าเข้าใกล้
“เที่ยวกับเพื่อน ดูหนัง ไปต่างจังหวัด ” เธออธิบาย พลางยกมือนับนิ้วอย่างจริง จัง “ไม่ก็นอนอยู่บ้าน อะไรทำนองนี้แหละ มีอะไรเหรอ”
“กับเพื่อนเท่านั้นเหรอครับ ไม่มีแบบว่ากับ … แฟน” เธอยิ้ม เอนตัวไปข้างหลังแล้วเบือนหน้าหนี “ไม่มีหรอกค่ะ”
“เอ๋ !” ผมแปลกใจท่าทีของเธอ
“พี่เคยมีแฟนสามคน เยอะไปมั้ยเนี่ย” เธอหัวเราะโดยไม่ได้มองหน้าผม “แต่ว่าก็โดนทิ้งทั้งสามครั้งน่ะ น่าสมเพชมั้ยล่ะ”
ผมทำหน้าเจื่อน เมื่อรู้ว่าเพิ่งถามอะไรไม่เข้าท่าออกไป
“แล้ว ษา ล่ะคะ” เธอถามกลับ
“ก็เคยมีเหมือนกันครับ”
“แล้ว ษา ก็ทิ้งเธอใช่มั้ยคะ” เธอมองผมด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เธอไม่น่าพูดแบบนั้น อย่างน้อยก็น่าจะรอฟังเหตุผลจากปากผมก่อนแล้วค่อยตำหนิก็ยังดีเสียกว่า
“คงใช่มั้งครับ“ ผมตอบสั้นๆ
“ล้อเล่นค่ะ” เธอหัวเราะ “ของแบบนี้มันก็เรื่องของแต่ล่ะคน“
ผมโล่งใจ “อย่าเล่นแบบนี้ซิครับ”
เธอคงมีความทรงจำที่ไม่ดีนักเกี่ยวกับเรื่องความรัก คนเราเวลามีบาดแผลกับเรื่องอะไรมักจำเป็นต้องสร้างโล่ห์มาปกป้องจิตใจของตัวเอง บางคนเอาแต่โทษตัวเองเพื่อทำใจยอมรับความผิดหวัง บางคนเอาแต่โทษคนอื่นเพี่อให้ตัวเองรู้สึกแย่น้อยลง ผมกลัวว่าวันนึงโล่ห์ใบนี้จะเปลี่ยนกลายเป็นกำแพงที่ขังใจพวกเขาไว้ บ้างครั้งความสุขที่ไขว่ขว้ามาตลอดอาจจะอยู่ไม่ไกลจากเลยเพียงแต่กำแพงที่สร้างขึ้นมามันบังตาเอาไว้
“พี่แก้วกินอะไรมารึยังครับ เดี๋ยวผมเป็นเจ้ามือเอง” ผมเอ่ยชวน พลางภาวนาขอให้เธอตอบตกลงทีเถิด
“กินซิ กิน พี่ไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ ครับ ” ผมถามย้ำ พยายามระงับอาการระริกระรี้เต็มที่
“จะจริงได้ไง ” เธอขำเสียงดัง “เดี๋ยวพี่ต้องกลับแล้วล่ะ พอดีมีธุระที่เมืองชล กลับด้วยกันมั้ย หรือ ษา จะไปไหนต่อ”
โธ่ กรรม ! ปักษาสวรรค์กระสุนนัดแรกของแกพลาดเป้าแบบไม่มีลุ้นเลย
“งั้นขอกลับด้วยดีกว่าครับ” ผมหัวเราะ แหะๆ
ระหว่างเราสองคนเดินกลับ สาวแว่นโดนเครื่องทำนายดวงอัตโนมัติดึงความสนใจเข้าเต็มเปา เรื่องดวงกับผู้หญิงเป็นของคู่กันเสมอ เธอไม่รอช้ารีบควานหาเหรียญในกระเป๋าแล้วกดดูคำทำนายทันที ป้ายคนราศีสิงห์ไฟติดสว่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกระดาษพร้อมคำทำนายก็ถูกพิมพ์ออกมา ผมรีบทำเนียนเข้าไปอ่านคำทำนายด้วย
'คนราศีสิงห์ การงาน … '
“นี่ ! … ห้ามอ่านนะ” พี่แก้วรีบเก็บกระดาษลงกระเป๋า
“อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ให้ดูไม่ได้เหรอครับ ”
“ไม่ได้หรอก มันเป็นความลับ” เธอพูดเม้มปาก
“เชอะ ! งมงาย ไร้สาระ” ผมสะบัดหัวใส่เธอบ้าง น่าเศร้าที่ สาวแว่นไม่ง้อ แถมยังหัวเราะเยาะซ้ำเติมอีกต่างหาก
“นี่ ษา พี่ ขอเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะ รอตรงนี้ล่ะ อย่าไปวิ่งเล่นที่ไหนนะ”
“ไป อึ เหรอ”
“อีตาโรคจิต !” สาวแว่นกระแทกเสียง
ใกล้ๆกับเครื่องทำนายดวงที่พี่แก้วเพิ่งเล่นไป มีอีกเครื่องหนึ่งตั้งอยู่เขียนว่า 'ทำนายดวงความรัก' ไอ้เครื่องพวกนี้มันจะดูดวงได้ยังไงกัน ผมไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่ของแบบนี้มันก็แค่เอากระดาษที่พิมพ์คำทำนายมั่วซั่วแล้วก็ตั้งให้ตรงกับราศีเท่านั้นแหละ
ถึงจะคิดอย่างนั้น มือผมก็ยังอุตส่าห์หยิบเหรียญมาหยอดกดดูคำทำนายจนได้
“ไหนๆ ดวงความรักของคนราศีกุมภ์ ...” เสียงพี่แก้ว แว่วลอยมาจากข้างหลัง
“หวา ! ” ผมอุทาน “มาตอนไหนกันครับเนี่ย !”
“ไหนบอกว่า ไม่เชื่อเรื่องดวงไงยะ พ่อผู้ร้ายปากแข็ง”
“ผมเก็บแผ่นที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาต่างหาก”
“อ๋อเหรอ” สาวแว่นทำเสียงเย้ย “แล้วตะกี้ใครกันน้า ที่ลุกลี้ลุกลน หาเหรียญมาหยอดซะแทบตายน่ะ”
ลีลาการใช้น้ำเสียงแบบนี้เหมือนกับ คุณพี่ณัฐริกา ไม่มีผิด ทำไมกันนะผมถึงเอา ชนะแม่คนนี้ไม่ได้สักที
“ไหนล่ะ ษา ขอพี่อ่านมั่งซิ ดวงความรักของคนราศีกุมภ์น่ะ ” เธอหัวเราะ น้ำเสียงฟังดูน่าหมั่นไส้เหลือเกิน
“ไม่ได้หรอกครับ ทีพี่แก้วยังไม่ให้ผมอ่านเลย” ผมค้อนกลับ
“อะไรกัน ทุเรศ ! งก ! บ้ากาม !”
“แบะๆ” ผมล้อเลียน พลางยักไหล่ เธอหยิกผมแรงๆหนึ่งทีเป็นการเอาคืน ก่อนจะเดินงอนตุ๊บป่องๆนำหน้าไป
โธ่ พี่แก้ว อย่างอนไปเลยนะครับ ผมก็อยากให้พี่อ่านอยู่หรอก แต่ว่า …
ดวงความรักของคนราศีกุมภ์ ดวงความรักของคนราศีกุมภ์ในช่วงนี้ คุณมีเกณฑ์พบคนถูกใจ คนๆนั้นน่าจะเป็นใกล้ เป็นไปได้ว่าจะอายุมากกว่า บุคลิกท่าทางเป็นผู้มีความรู้หรือคงแก่เรียน บางทีอาจจะสวมแว่นตา ลักษณะเนื้อคู่เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน อุปนิสัยดีน่าคบหา มีสิทธิ์ที่เป็นคู่แท้ในอนาคต
ก็คำทำนายดีซะขนาดนี้ ถ้าเกิดให้พี่อ่านแล้วเผลอเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ ผมก็แย่ซิครับ
แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 22:37:52
จากคุณ |
:
FlowerSong
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 54 22:37:09
|
|
|
|