Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxx บ่วงพันธการ..บทที่ ๑๑ xxx ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๐
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10852524/W10852524.html

............................................................

ศราเลี้ยวรถเข้าไปหาที่จอดภายในปั๊มน้ำมัน สายตามองไปยังร้านค้าสะดวกซื้อ ก่อนจะเอ่ยถามพี่ชายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างกาย

“จะเอาอะไรไหมเฮีย”

“บุหรี่” ตอบสวนกลับแทบจะทันที

และเมื่อน้องชายลงจากรถ อชิระก็ถอนใจเฮือกจากเรื่องปวดหัวที่เมธิกาหยิบยื่นให้ในครั้งล่าสุด..แค่ไม่กลับบ้านเพียงคืนเดียว แต่เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนกับการกระทำในค่ำคืนนั้นด้วยราคาแสนแพง เมื่อเจ้าหล่อนนำเรื่องนี้ไปฟ้องมารดาของเขาและดูท่าเธอคงจะใส่ไฟไปไม่น้อยทีเดียว มารดาถึงได้แสดงท่าทีขุ่นเคืองสวดเขายกใหญ่ ในขณะที่ตัวต้นเรื่องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะให้มารดาออกโรงบีบบังคับให้เขาหาของขวัญมาให้เธอเป็นเครื่องปลอบประโลมที่เขาทำให้เสียใจ ซึ่งมารดาก็เข้าข้างรีบสนับสนุนคำร้องขอนั้นเต็มที่ สุดท้าย..สร้อยข้อมือชิ้นงานประณีตเส้นเล็กก็ถูกนำมาให้เธอ ซึ่งราคานั้นมันไม่เล็กตามขนาดของตัวสินค้าเลย และพลางคิดเล่นๆว่า หากเขาหายไปเป็นเดือน เธอมิขูดรีดเขาจนหมดตัวเลยเรอะ!

“เฮ้อ มันน่าจับมาฟาดให้ก้นลายจริงๆ”

แม้ปากจะพูดไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับแฝงด้วยรอยยิ้มละไม ยามนึกถึงดวงหน้าเนียนใสของอีกฝ่าย ที่นับวันจะลอยล่องแจ่มชัดอยู่ในหัวเขาทุกขณะจิต



ศราหยิบตะกร้ามาถือเดินเลือกหยิบสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างไม่รีบร้อน ก่อนแวะหยิบหนังสือบนแผงมาเปิดดูเพียงครู่ก็วางที่เดิม หันเดินหมายตรงไปยังจุดชำระเงิน และได้เดินสวนกับผู้ชายอีกคน ซึ่งทางเดินตรงนี้ค่อนข้างแคบทำให้ร่างทั้งสองเฉียดกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต่างฝ่ายต่างก็เดินแยกกันไปอย่างไม่คิดติดใจอะไร

จนเมื่อชำระเงินเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามานั่งภายในตัวรถอีกครั้ง และยื่นสิ่งที่พี่ชายสั่งซื้อ

“บุหรี่ครับ”

อชิระยื่นมือไปรับ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ซองบุหรี่ที่สูบเป็นประจำเท่านั้น แต่มีทรัมไดฟ์พ่วงติดมาด้วย และมันเป็นสิ่งที่เขากำลังรอคอย

ชายหนุ่มต่อเข้าเครื่องโน้ตบุ๊กทันทีเพื่อเปิดดูไฟล์ทั้งหมด..ภาพความลับของการซุกซ่อนยาเสพติดเปิดเผยออกมาชัดเจน จนศราแค่นหัวเราะกับความคิดสร้างสรรค์ของคนต้นคิดวิธีการนี้

“เฮอะ คนไทย ไม่เป็นรองใครในโลกจริงๆ”

อชิระปิดเครื่องและถอดทรัมไดฟ์ออก ส่งต่อให้น้องชาย
“จัดการส่งไปให้คุณผู้กองนั่นชื่นชมหน่อยก็แล้วกัน”

“ครับ”

ศรารับมาเก็บลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต แต่ก่อนตัวรถจะเคลื่อนออกจากสถานที่นั้น สายตาของสองพี่น้องต่างมองไปยังชายหนุ่มร่างเพรียวสันทัด ที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมทิ้งเปลือกลูกอมที่เพิ่งจะแกะเข้าปากไปเมื่อครู่ลงถังขยะหน้าร้าน ก่อนเดินไปคร่อมรถเวสป้าสีสด และขี่ออกไปปะปนกับยวดยานบนท้องถนน

ศรามองตามแล้วก็พึมพำด้วยรอยยิ้ม “ไอ้บ้า ไม่ใส่หมวกกันน๊อก เดี๋ยวก็โดนซิวหรอก” กับบุคคลที่มอบทรัมไดฟ์ให้เขาขณะเดินสวนกันภายในร้านเมื่อครู่



ทวีสินเปิดประตูห้องพักและก้าวเข้าไป แต่ก็ชะงักเมื่อรู้สึกว่าเท้าเหยียบแผ่นอะไรเข้าสักอย่างจึงรีบเปิดไฟ เห็นซองใส่เอกสารที่ถูกสอดเข้ามาทางช่องใต้ประตู จึงก้มหยิบซองปิดผนึกไร้การบอกที่มาใดๆเปิดออกดูเห็นแผ่นซีดีเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มจึงนำมาเปิดดู

สีหน้าทึ่งระคนความพึงใจแย้มพรายทันทีกับสิ่งที่เห็น
“พวกมืงเล่นกันอย่างนี้เลยเรอะ”

แม้จะผิดหวังเล็กน้อยที่คลิปวีดีโอนี้ไม่สามารถเอาผิดบุริมทร์หรือเมธัสได้ แต่อย่างน้อย มันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าในไม่ช้า เจ้าพ่อยาเสพติดที่เป็นบ่อนทำลายชาติจะต้องถูกเขาลากคอเข้าคุกได้แน่นอน

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือ กดหมายเลขที่ได้มาใหม่จากศราในการติดต่อกันครั้งล่าสุด ซึ่งหลังจากวันนั้น หากเขาคิดจะติดต่อไปเบอร์เดิม จะถูกสองพี่น้องนั่นพร้อมใจกันตัดสายและปิดเครื่องหนีทันที ทำให้เขาจำต้องติดต่อกับ อชิระจากหมายเลขใหม่ที่ได้มา แต่ก็ใช่ว่าจะพูดคุยกับอชิระได้อย่างสะดวกสบาย เพราะต้องผ่านด่านหนึ่งในสามบอดี้การ์ดของชายหนุ่มที่ถือโทรศัพท์เครื่องนี้อีกทอดหนึ่ง

“เฮ้อ มีนิ้วบรรดาศักดิ์แบบนี้ ก็ต้องทนยุ่งยากกันหน่อยล่ะวะ”



ระบบสั่นสะเทือนทำงานทันทีที่มีสัญญาณเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องที่อยู่ภายในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของชายฉกรรจ์ที่เดินตามหลังอชิระกับศราออกจากไนต์คลับขณะที่เพื่อนร่วมอาชีพอีกสองคนคอยอยู่ด้านหน้า และเมื่อเขากดรับ อีกฝ่ายก็เอ่ยมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ขอพูดกับเจ้านายของนายหน่อย”

ชายหนุ่มจึงเอ่ยเรียกผู้เป็นนาย
“เสี่ยครับ”

อชิระหยุดเดินและหันกลับมา

“ผู้ชายคนนั้นครับ”

เมื่อผู้เป็นนายรับโทรศัพท์ไป บอดี้การ์ดทั้งสามต่างก้าวถอยห่างออกไป
“มีอะไรรึผู้กอง”

“ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาขอบคุณกับของขวัญเล็กๆที่ส่งมาให้”

“ด้วยความยินดี”

“แต่ผมก็หวังว่า จะได้ของขวัญชิ้นใหญ่เร็วๆนี้นะครับ”

“นั่นคงต้องรอเวลาและจังหวะ แต่รับรอง คุณได้ในสิ่งที่ต้องการแน่”

“แล้วผมจะรอ”

ทวีสินวางสายไปแล้ว อชิระจึงยื่นโทรศัพท์ให้ลูกน้องคนเดิม ก่อนจะหันไปพูดกับศรา
“ถึงเวลาที่ต้องขยับตัวหมากกันอีกหน่อยแล้ว”

“ไอ้หมอนั่นมันเร่งเฮียอีกเรอะ”

“เปล่า แต่อั๊วเริ่มเบื่อกับการเล่นเกมแบบเรื่อยๆมาเรียงๆแล้ว”

ศรายักไหล่
“เฮียจะเอาอย่างไง ผมก็เอาอย่างงั้น”
สองพี่น้องหันเดินต่อ ตรงไปยังรถสปอร์ตสีขาวที่จอดอยู่หน้ารถเอสยูวีสีดำ โดยมีสองบอดี้การ์ดยืนรออยู่ข้างตัวรถ เมื่อเห็นผู้เป็นนายทั้งสองเดินมาใกล้ ชายหนุ่มทั้งสองต่างเปิดประตูรถสปอร์ตให้ ศราบอกจุดหมายต่อไปก่อนเข้าไปนั่งประจำที่คนขับและปิดประตูเองก่อนเคลื่อนรถจากไป ชายทั้งสองจึงหันก้าวยาวๆไปขึ้นรถเอสยูวีที่เพื่อนร่วมอาชีพขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว ก่อนตัวรถจะแล่นทะยานตามไป




เมธิกาส่งเสียงครางขัดใจ เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาปัดป่ายบนใบหน้า
“อื้อ..” และยกมือขึ้นปัดทั้งๆที่ตายังไม่ลืมจากนิทรา แต่เจ้าสิ่งรบกวนที่น่ารำคาญหายไปไม่กี่อึดใจก็กลับมาอีกครั้ง

“ฮื่อ”

หญิงสาวคำรามพร้อมปัดมืออย่างฉุนเฉียว จนในที่สุดต้องลืมตาขึ้นมา และพบว่าเจ้าสิ่งที่น่ารำคาญ คือปลายเส้นผมของตนเองด้วยการนำพาจากปลายนิ้วยาวของอชิระที่จับมันมาไล้ตามผิวหน้า และเจ้าตัวที่ทอดร่างนอนเท้าแขนก็กำลังสนุกสนานที่ได้แกล้งเธอ และดูเหมือนว่าเขายังไม่ยอมหยุดเสียด้วย ยังคงใช้ปลายผมของเธอปัดป่ายไปทั่วใบหน้า

“คุณนี่..หยุดนะ” พร้อมดึงกลุ่มผมตัวเองออกจากมือเขาและลุกขึ้นนั่งหน้ามุ่ย แต่ผู้ที่ทอดร่างนอนในท่าเดิมก็ยังคงแย้มยิ้ม ก่อนเอ่ยทักทาย

“อรุณสวัสดิ์..สาวน้อย”

“ค่ะ” แล้วก็เหลียวมองออกไปนอกหน้าต่างที่มองเห็นแสงเพียงรำไร “ยังเช้าอยู่เลย คุณปลุกฉันขึ้นมาทำไมเนี่ย”

“ก็จะชวนไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน นอนมากๆแบบนี้ถึงได้อ้วนเป็นหมู”

ได้ยินประโยคนี้เข้าคนฟังถึงกับหูผึ่งก้มหน้าจับหน้าท้องตนเองโดยอัตโนมัติ เท่านั้นยังไม่พอ ยังรีบลุกลงจากเตียงไปยืนหันไปมาหน้ากระจกเงากวาดตาสำรวจทั่วร่าง ถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ

“ฉันอ้วนขึ้นเหรอ” แต่ก็ไม่รอฟังคำตอบเพราะตอนนี้เธออุปาทานไปแล้วว่า เห็นหน้าท้องของตัวเองยื่นดันเนื้อผ้าของชุดนอนออกมา “รอฉันเปลี่ยนชุดแป๊บเดียวนะ” แล้วก็หันเปิดตู้เสื้อผ้าควานหาเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นนำไปเปลี่ยนในห้องน้ำ พร้อมล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมาเร่งเขาเสียเอง

“ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ”

อชิระได้แต่กะพริบตามอง เพราะเขาเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าหญิงสาวจะยุขึ้นง่ายดายถึงเพียงนี้

“เร็วเข้าซี่ เดี๋ยวแดดมามันจะร้อน”
พร้อมตรงเข้าไปฉุดดึงคนร่างใหญ่เสียเอง เมื่อเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวไม่ทันใจเธอเอาเสียเลย


ในรอบแรกที่วิ่งเหยาะๆไปรอบสวน เมธิกายังคงวิ่งเคียงข้างอชิระ แต่หลังจากนั้นเรี่ยวแรงก็ชักจะถดถอย สองขารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอีกหลายสิบกิโลฯเลยทีเดียว
“ตั้งแต่แต่งงานมา ได้กลับไปหาพ่อของคุณบ้างรึยัง”

“ยังเลยค่ะ”

“ป่านนี้พ่อของคุณไม่คิดถึงแย่แล้วเรอะ”

หญิงสาวยิ้มเจื่อน..นอกจากพ่อจะไม่คิดถึงแล้วก็ยังไม่สนใจ ไม่เช่นนั้นพ่อคงจะโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบของเธอนานแล้ว และคงไม่ตัดเงินรายเดือนของเธอหรอก
“พ่อคงยุ่งๆเรื่องอื่นจนไม่มีเวลาคิดถึงฉันหรอกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปเยี่ยมท่านเองก็ได้ รวมทั้งพี่ของคุณด้วย อืม..เอาเป็นว่า นัดทานข้าวเย็นนี้ที่บ้านของคุณก็แล้วกัน”

“..ไม่รู้ว่าพ่อจะว่างหรือเปล่านะคะ” เสียงเมธิกาเหนื่อยหอบเต็มที และร่างของอชิระเริ่มนำห่างออกไป

“ไม่เป็นไร ถ้าเย็นนี้ไม่ว่าง เป็นพรุ่งนี้ก็ได้”

“ค่ะ..” เมธิกาแค่นเสียงตอบด้วยอาการเหมือนคนใกล้ขาดใจ สุดท้ายขาก็ก้าวต่อไปไม่ไหว ต้องหยุดสูดหาออกซิเจนทั้งทางปากและจมูกเป็นการใหญ่
อชิระหันกลับมาอีกครั้ง เห็นหญิงสาวก้มหน้าสองแขนเท้ากับเข่าตนเอง หอบหายใจจนตัวโยน ชายหนุ่มจึงวิ่งกลับไปหา

“ไม่ไหวแล้วเรอะ”

“ค่ะ”

“ยังไม่ถึงสามรอบเลยนะ ไหนเมื่อกี้บอกว่าจะวิ่งสักสิบรอบไง”

“..นั่นมันเมื่อกี้..ไม่ใช่ตอนนี้ซะหน่อย” เธอเงยใบหน้าแดงก่ำชุ่มเหงื่อขึ้นมาเถียงข้างๆคูๆ

“เอาน่ะ อย่างน้อยวิ่งให้ครบสักสามรอบก็ยังดี แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”

เมธิกาส่ายหัวดิก “ไม่ไหว วันนี้ฉันพอแค่นี้ล่ะ” และทำท่าจะเดินไปนั่งที่พื้นหญ้า แต่อชิระยื่นมือมายึดมือของเธอแน่น

“อย่ายอมแพ้ง่ายๆสิ..มา ผมช่วยก็แล้วกัน” พร้อมฉุดร่างเพรียวระหงให้ถลาตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ปล่อยนะ..ฉันบอกว่าวิ่งไม่ไหวแล้วไงเล่า”

“อย่าโวยวายน่า มันจะทำให้เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ” แล้วก็เร่งฝีเท้าดั่งแกล้งให้หญิงสาวโวยใส่เป็นการส่งท้าย “กรี๊ด! ตาเฒ่าบ้าพลัง” ก่อนจะผ่อนลงอีกครั้งพร้อมหัวเราะครืน

และเมื่อเมธิกาไม่สามารถดึงมือตัวเองออกจากการยึดเหนี่ยวได้ จึงจำต้องกัดฟันก้าวขาตามแรงฉุดของอชิระ สายตาเหลือบมองตามแผ่นหลังที่ชุ่มเหงื่อจนเป็นรอยกว้างบนเสื้อยืดสีขาว ก่อนเลื่อนลงมองที่มือใหญ่ซึ่งกำลังโอบกุมฝ่ามือของเธอไว้มั่น ส่งผ่านความอบอุ่นที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่ แทบไม่หลงเหลือแรงจะก้าวเดิน แต่ขณะนี้เธอสามารถวิ่งได้จวนเจียนจะครบสามรอบสวนแล้ว

และเหนือขึ้นไปยังชั้นบนของตัวบ้าน ศรายืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างมองลงมา แล้วก็อมยิ้ม
“ทีนี้ล่ะไม่ชวนน้องนุ่งวิ่งเหมือนทุกทีเลยนะเฮีย”


ต่อค่ะ

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 13:28:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com