ปีกหิมพานต์...บทนำ (นิยายเรื่องยาว)
|
 |
...วิ้ววว...
สายลมกรีดเสียงหวีดร้อง พัดละอองหิมะม้วนขึ้นเป็นวง ก่อนปลิวม้วนลงไล้ผ่านร่องแคบๆ ของหุบเหวลึกแห่งหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ระหว่างรอยแยกของยอดเขาสีเงินยวงสูงเสียดฟ้า สูง...เสียจนไม่สามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่างได้
ไม่เฉพาะเสียงสายลมเท่านั้นที่ร่ำร้องเพียงลำพัง หากฟังดูให้ดี เหมือนจะยังมีเสียงคร่ำครวญอย่างเศร้าโศกของใครคนหนึ่ง ถูกสายลมนำพามาด้วยอย่างแผ่วเบา
"เจ้าเอย...ความฝัน ความหวัง พังแล้ว
ความสุข ไร้แวว เสน่หา
ความรัก ไร้เจ้า คู่กายา
สิ้นชีวา จักตามหา มาเคียงกัน"
ณ โรงอาหารคณะแพทยศาสตร์ของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพมหานครฯ
ปัง!
เสียงตบหนังสือลงบนโต๊ะดังเสียจนทำให้ผู้ซึ่งกำลังนอนซบหน้าอยู่ผงกศีรษะขึ้นมามองอย่างสงสัย
"ตื่นเถอะพลอย! เมื่อคืนขึ้นวอร์ดไหนกันถึงได้ง่วงจนมาแอบหลับอยู่ตรงนี้!" เสียงร้องถามดังไม่แพ้เสียงตบโต๊ะเมื่อครู่ดังมาจากแพร เพื่อนนักศึกษาพยาบาลร่วมรุ่นของคนที่ถูกปลุกให้ตื่นนั่นเอง
"วอร์ด Gyne น่ะ" คนถูกกวนตอบ ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงอย่างงัวเงีย ควานหาแว่นสายตามาใส่ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบว่าเธอได้เผลอหลับไปเกือบชั่วโมง แถมยังฝันถึงเทือกเขาหิมะสีเงินนั่นกับเสียงคร่ำครวญกลอนเห่ยๆ บทนั้นอีก สงสัยเพราะอดนอนมากไปทำให้ฝันไร้สาระบ้าบอเป็นแน่ แต่ทำไมช่วงนี้ถึงได้ฝันแบบนั้นติดกันบ่อยนักก็ไม่รู้
พลอยอธิบายให้แพรฟังต่อว่า เหตุที่ทำให้เธอเผลอหลับอยู่ตรงนี้แทนที่จะรีบกลับขึ้นหอไปนอนเพราะตั้งแต่เมื่อวานเธอเข้าเวรบ่าย แล้วต้องควบเวรดึกแทนเพื่อนอีกคนที่วอร์ดสูติ-นรีเวช เจอคนไข้รายหนึ่งมีภาวะครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตขึ้นสูงจึงต้องวัดความดันและตวงฉี่บ่อยๆ พลอยรู้สึกเห็นใจคนไข้มากเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน ถูกเธอปลุกขึ้นมาวัดความดันและฟังเสียงหัวใจของเด็กในครรภ์ทุกชั่วโมง หลังจากส่งเวร เปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาทานอาหารเช้าเสร็จ ตอนลุกขึ้นรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม จึงหลับตาลงหวังพักสักครู่แต่ดันเผลอหลับไปจริงๆ
"ก่อนจะสงสารคนอื่น สงสารตัวเองดีกว่าไหมพลอย" แพรนั่งลงฟังเพื่อนเล่าจบแล้วเสนอความเห็น "เธอก็เป็นซะอย่างนี้ เวลามีใครมาข้อร้องให้เข้าเวรแทนก็รับปากเขาไปหมด ไม่ห่วงสุขภาพตัวเองบ้างเลย ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบอีก"
เห็นเพื่อนนิ่งไปนานไม่ว่าอะไรแถมยกสมุดตารางเวรมาดูแทน สาวช่างพูดจึงยกเรื่องอื่นขึ้นมาสนทนา "นี่พลอย มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าเวลาถอดแว่นตาแล้วดูดีมาก"
แน่นอนว่าคนถูกถามจะไม่ใส่ใจตอบ
"ถึงเธอจะไม่อยากใช้คอนแทคเลนส์แต่แว่นตานี่ก็กรอบใหญ่น่าเกลียด เห็นใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วไม่คิดจะเปลี่ยนเลยหรือ"
คราวนี้พลอยเหลือบตามองเพื่อน "นี่เป็นกรอบอันแรกที่มูลนิธิแว่นแก้วให้มาเชียวนะ ถือว่าเป็นผู้มีประคุณ ถ้าไม่หายก็ไม่เปลี่ยนหรอก ว่าแต่ขอตัวก่อนได้ไหม พอดีมีนัดที่สยามตอนสิบโมง"
"เฮ้อ..." แพรเห็นอีกฝ่ายเก็บกระเป๋าลุกขึ้นยืนแล้วส่ายหน้า "นี่จะไม่ยอมหลับยอมนอนจริงๆ เหรอ อย่าบอกนะว่าวันนี้ก็ต้องเข้าเวรบ่ายอีก พลอย...ต่อให้เธอขยันยังไง หักโหมแบบนี้เดี๋ยวไปไม่รอดนะ"
"ขอบใจจ้ะที่เป็นห่วง" คนอดนอนมาว่าขึ้น รู้สึกดีใจที่มีเพื่อนคอยห่วงใยแบบนี้ "จะรีบไปแล้วรีบกลับ รับรองพอมีเวลาเหลือให้ได้นอนสักงีบแน่" ว่าแล้วยกมือโบกลาเพื่อนก่อนรีบวิ่งจากไป "ไปก่อนนะจ๊ะ"
ฝ่ายที่ยังนั่งอยู่มองตามเพื่อนของตนที่เปลี่ยนจากชุดขาวเอี้ยมฟ้ามาเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว นึกนับถือความขยันและอดทนของเพื่อนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้กระมังจึงทำให้พลอยมีผลการเรียนอยู่ในระดับต้นๆ ของนักศึกษารุ่นนี้ซึ่งมีทั้งหมดเกือบร้อยหกสิบคน
ร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักซึ่งตั้งอยู่ใจกลางศูนย์การค้าของเมืองหลวง คนที่นัดพลอยไว้มารออยู่ก่อนแล้ว
"ดูโทรมมากเลยเพื่อนเรา กาแฟสักถ้วยก่อนไหม"
"ไม่ละ เดี๋ยวนอนไม่หลับ" หญิงสาวร่างเล็กที่เพิ่งเดินเข้าร้านมาส่ายศีรษะ "ขอเป็นขนมดีกว่า...ว่าแต่หนังสืออยู่ไหนเหรอ"
ถุงกระดาษใบหนึ่งถูกยกขึ้นจากพื้นมาวางลงบนโต๊ะ พลอยไม่รอช้าที่จะเปิดออกดู
"นี่ English is Easy ให้อ่านเล่มนี้ก่อน มันจะปรับพื้นฐานเกี่ยวกับ Tenses ให้ได้ดีมาก ถ้าพลอยอ่านแล้วเข้าใจ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว เรารู้ว่าเรื่องคำศัพท์ เธอเก่งอยู่แล้ว"
คนขึ้นวอร์ดสูติฯ เมื่อคืนหยิบหนังสือเล่มที่เพื่อนว่าขึ้นมาพิจารณา
"สามเล่มนี้ English Grammar in Use, Essentiel Grammar in Use ของ กับ Advanced Grammar in Use ของ Cambridge เราว่าเราสอบ TOEFL ได้เจ็ดร้อยคะแนนก็เพราะมันนี่แหละ ส่วนเล่มสุดท้ายนั่นเป็นข้อสอบใช้คู่กับซีดี มีอธิบายคำตอบแบบละเอียดมักมาก" คนถือหนังสือมาให้เพื่อนยืมทำเสียงเล็กเสียงน้อย "อ่านหมดนี่แล้วสอบไม่ผ่าน ให้มาเขกหัวนุชนาฏเลยเอ้า"
"นุชเก่งจังเลย สอบ TOEFL ได้ตั้งเจ็ดร้อยคะแนน" พลอยชมเพื่อนที่เรียนมัธยมปลายห้องเดียวกันมา "เรานะ ขอแค่สอบกับบัณฑิตวิทยาลัยให้ผ่านเกณฑ์ที่ภาควิชาฯกำหนดก็พอใจแล้ว จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการขอทุน"
"เราว่าพลอยสอบผ่านอยู่แล้วละ ขยันออกซะขนาดนี้ ว่าแต่จะขอทุนอะไรเหรอ"
"ทุนโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาไปเมืองนอกจ้ะ"
"เหรอ" นุชเว้นจังหวะก่อนถามขึ้นด้วยเสียงเหมือนมีกังวล "ว่าแต่...ถ้าได้ทุนนี้แล้วต้องไปนานหรือเปล่า"
"ไม่นานหรอก ถ้าได้ไปก็แค่เทอมเดียวเอง"
"ดีจัง ไปแค่เทอมเดียว ไปนานกว่านี้แม่พลอยคงต้องคิดถึงพลอยมากแน่เลย"
หญิงสาวที่เลือกเรียนพยาบาลได้ยินคำพูดนี้ของเพื่อนแล้วอดยิ้มไม่ได้ ตอนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันเธอกับนุชทั้งสองค่อนข้างสนิทกันอยู่ นุชนาฏจึงรู้ดีว่าเธอและมารดามีกันอยู่แค่สองคนไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก ส่วนบิดายิ่งไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าชื่อจริงของเธอคือเปรมยุดานั้นท่านเป็นคนตั้งให้ หากเธอต้องจากเมืองไทยไปเรียนเมืองนอกนานๆ แม่คงต้องเป็นห่วงเธอมากแน่นอน
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 01:39:06
แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 15:48:26
จากคุณ |
:
amureen
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 54 15:43:09
|
|
|
|