Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL......จอมใจอเวจี 15 ( If you go away ) ติดต่อทีมงาน

=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 15…….If you go away
อย่าจากฉันไป
: GTW
=============


ความเดิมตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10828125/W10828125.html

จิตเฟรี่หลงอยู่ในดินแดนแห่งความเป็นความตาย ไนท์ตามไปช่วยดูแล
และเผชิญหน้ากับฝูงภูตินรกจำนวนมาก
เขาจะทำอย่างไร......

.....................


จอมใจอเวจี 15


เฟรี่กรีดร้องอย่างตกใจ กระโดดเข้ากอดนักรบปีศาจแน่น จนลืมนึกไปว่าอาการกอดสุดชีวิตแบบนั้นทำให้มือของไนท์ไม่สามารถกระชากดาบออกมาได้เลย ต่อให้มีโอกาสดึงดาบออกมาจะรับมือกับฝูงภูตินรกพวกนั้นได้อย่างไรกัน ด้วยจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนั้น

ก่อนฝูงภูตินรกจะถึงตัว ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากร่างของเฟรี่ราวกับแสงจันทราหากสว่างเจิดจ้ามากกว่ามากมายหลายเท่า แสงประหลาดนั้นเปลี่ยนเป็นกำแพงแสงขาวนวลใสรูปครึ่งวงกลมครอบคลุมคนทั้งสองเอาไว้ในรัศมีห้าหกวา  มองผ่านเกราะแห่งแสงออกไปเห็นร่างของเหล่าภูตินรกพุ่งชนเข้ากับกำแพงแสงแก้วจนร่างกระเด็นกระดอนออกไป แต่ยังพากันหนุนเนื่องตะกายเข้ามาอีกอย่างบ้าคลั่ง เสียงคำรนคำรามกรีดร้องระงมคลุ้มคลั่ง

แสงนั้นไม่ได้เปล่งออกมาจากร่างของหญิงสาว หากออกมาจากก้อนหินประหลาดซึ่งนักรบปีศาจให้เธอสวมห้อยคอติดตัวไว้นั่นเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะมาช่วยในสถานการณ์คับขัน แสงนั้นผ่านร่างของทั้งคู่ออกมาราวเป็นอากาศธาตุก่อนมารวมตัวก่อเป็นกำแพงแสง

เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่อง ยังคงหลับหูหลับตากอดนักรบปีศาจไว้แน่น ราวกับว่าทำเช่นนั้นแล้วจะอยู่รอดปลอดภัย จนสักอึดใจใหญ่ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจากที่ควรจะเป็น จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง

ภาพซึ่งมองเห็นตอนนี้คือทุกด้านเต็มไปด้วยบรรดาสัตว์นรก ตะกายแสยะเขี้ยวอ้าปากส่งเสียงขู่คำรามหิวกระหายรายล้อมเต็มไปหมด แบบมืดฟ้ามัวดิน พอเห็นแบบนี้ก็เลยหลับตากอดต่อไปไม่ยอมปล่อย จนอีกฝ่ายต้องค่อยๆ แกะมือตุ๊กแกออกทีละน้อย

“ไม่ต้องกลัวน่า...พวกมันยังเข้ามาไม่ได้หรอก”

เสียงแหบพร่าห้วนๆ ตามแบบฉบับความเคยชิน แต่ทำให้คนฟังคลายความตื่นกลัวลง ค่อยลืมตาหากยังคงจับแขนนักรบปีศาจไว้แน่น พลางหันไปมองอย่างไม่แน่ใจและไม่เข้าใจว่า กำแพงแสงแก้วรูปโค้งครึ่งวงกลมนี่มันปรากฏมาจากไหนกัน

“นี่มันอะไรกัน..”  

ถามเสียงสั่นขณะแอบมองมาจากไหล่ของนักรบปีศาจเหมือนยึดเป็นที่กำบัง มือซึ่งจับแขนอีกฝ่ายอยู่ก็สั่นระริกจนคนถูกจับแขนรู้สึกได้

“พวกภูตินรกจิตแตก..เราจะอยู่ในนี้ได้สักระยะ”  ไนท์บอกพลางเลื่อนฝ่ามือลงจับด้ามดาบ ท่าทางเรียบเฉยราวกับไม่เห็นความเป็นความตายอยู่ในสายตา

“ระยะที่ว่ามันนานแค่ไหน”

“ข้าก็ไม่รู้ แล้วแต่กำแพงแสงนั่นจะทนได้แค่ไหน”

“หลังจากนั้นล่ะ”

“ก็ตามบุญตามกรรม”

“พูดแบบนี้ได้ไง”

มือน้อยๆหยิกและบิดแขนเต็มแรง แต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนเลยแม้สักนิด ยังคงยืนนิ่งจ้องสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบงัน “ไหนบอกว่าจะดูแลข้าจนออกจากขอบอเวจีไง จะมาพูดแบบไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้อย่างไรกัน”

คำพูดของคนความจำเสื่อมทำให้ไนท์หันมามองด้วยความสงสัย ก่อนถามว่า

“เจ้าจำได้หรือว่าข้าเคยบอกแบบนั้น”

หญิงสาวนิ่งอึ้ง เหมือนไม่รู้ว่าทำไมจึงพูดแบบนั้นออกไป  มีสีหน้าหม่นๆและยุ่งยากใจแบบบอกไม่ถูก สักพักก็สั่นหน้าจนผมกระจายตอบว่า

“ข้าจำไม่ได้.....แต่ทำไมรู้สึกว่าเจ้าเคยพูดแบบนั้นก็ไม่รู้”

“แล้วจำอะไรได้บ้างล่ะตอนนี้”

“ก็จำเจ้าได้ก็แล้วกัน” ตอบด้วยหน้าตาซื่อพลางเกาะบ่าคนถามมองดูรอบๆ ตัวอย่างไม่ไว้ใจ ปีศาจหนุ่มลองดึงแขนหญิงสาวให้ขยับเดินออกจากที่ ปรากฏว่าวงกลมของแสงขยับตามด้วย โดยมีหญิงสาวเป็นรัศมีศูนย์กลางของวงกลมนั้น

“ค่อยๆ เดินไปที่หน้าผาโน้น”

บอกพลางชี้มือไปยังหน้าผาสูงซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เฟรี่มีสีหน้างงๆ แต่ก็ยอมทำตามโดยดี กำแพงแสงขยับตามการก้าวเดิน ปะทะเข้ากับเหล่าภูตินรกกระจัดกระจายเหมือนโดนลูกพลัง แต่ดูเหมือนความหิวกระหายมีมากกว่า พวกมันยังรวมกลุ่มกระโจนเข้ามาโหมกระแทกกำแพงแสงอย่างไม่ยอมเลิกราไม่ว่าจะกระเด็นกลับออกไปกี่ครั้งก็ตาม

เมื่อมาถึงหน้าผา กำแพงแสงแก้วเปลี่ยนพื้นที่จากครึ่งวงกลมเป็นครึ่งของครึ่งวงกลม เพราะด้านหลังเป็นหน้าผาสูงชัน

แบบนี้ทำให้ลดปัญหาในการถูกโจมตีจากด้านหลังไปได้ เหลือด้านหน้ากับด้านข้างเท่านั้นในการรับมือกับฝูงภูตินรก

“ดูผนังหน้าผา ว่าพอจะปีนขึ้นไปได้ไหม” นักรบปีศาจบอก แม้พอจะเดาได้ว่ามันสูงชันเกินกว่าจะปีนป่ายขึ้นไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับคนซึ่งไม่ใช่พวกนักรบ

“ไม่มีทาง” สาวตกสวรรค์มองแล้วส่ายหน้าบอกอย่างแน่ใจ เพราะผนังหินทั้งสูงชันทั้งราบเรียบ

“ถ้าเป็นตุ๊กแกก็ว่าไปอย่าง  ผนังเรียบแบบนี้ไม่มีทางปีนขึ้นไปได้”

“ไม่เป็นไร...”

ไนท์บอกสั้นๆ กระชับด้ามดาบนิลกาฬแน่น กวาดสายตามองไปมาอย่างไม่ประมาท

“ไนท์” เสียงถามมาจากด้านหลัง

“อะไร”

“เจ้าบอกว่าร่างของข้าอยู่ในห้องพักในตึก ตอนนี้ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณ แล้วจิตของเรามันตายเป็นด้วยหรือ อย่าหัวเราะเยาะข้านะที่ถามแบบนี้”

“ถ้าดวงจิตแตกสลาย เจ้าก็จะสูญหายไปจากจักรวาลของเรา จิตของเจ้าจะไม่เป็นตัวเป็นตนอยู่ที่นี่อีกต่อไป “ นักรบปีศาจพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจเท่าที่ความรู้ความสามารถจะกระทำได้ หญิงสาวยังไม่หายสงสัย ถามต่อไปอีกว่า

“ในเมื่อเจ้าตามข้าเจอแล้ว ทำไมไม่พาข้ากลับร่าง”

“เจ้ายังกลับร่างไม่ได้”

“อ้าว...แล้วมาตามข้าทำไม”

“ตอนนี้ร่างของเจ้ายังไม่พร้อมจะรับจิตของเจ้ากลับคืน ถึงมาติดอยู่ในรอยต่อของโลกแห่งความเป็นความตายอยู่แบบนี้ ซึ่งอันตรายเกินไป ข้าเพียงตามมาเพื่อจะนำเจ้าไปยังสถานที่ปลอดภัยกว่าเท่านั้น หรืออย่างน้อยๆ ก็มาช่วยดูแลเจ้าไม่ให้พลาดพลั้งอะไรไป”

“ทำไม”

คำถามสั้นๆ ของหญิงสาวกลับทำให้นักรบปีศาจอ้ำอึ้งไปโดยไม่อาจตอบมาได้ในทันที นั่นสินะ..ทำไมถึงต้องมาคอยดูแลเอาใจใส่สาวตกสวรรค์คนนี้ด้วย ทั้งที่เจอครั้งแรกก็ออกฤทธิ์ความแสบให้เห็นเสียแล้ว  มันเพราะอะไรกัน

“ช่างเถอะเรื่องนั้น” ในที่สุดก็เล่นวิชาตัดบทเอาดื้อๆ

กำแพงแสงเริ่มส่งเสียงแปลกๆ เหมือนจะระเบิดออก ปีศาจหนุ่มเอาแขนซ้ายกันเฟรี่ไปด้านหลัง มือขวากุมด้ามดาบเตรียมพร้อมรับมือกับฝูงสัตว์นรกถ้าหากพวกมันบุกผ่านเข้ามาได้ จะไม่ยอมให้ภูตินรกตัวไหนถึงตัวนางฟ้าตกสวรรค์ได้ถ้าเขายังไม่แตกดับ

“ไนท์”  เรียกอีกแล้ว นักรบปีศาจทำท่าเหมือนหันไปมองอย่างรำคาญ

“สมมติว่าเราแตกดับไปด้วยกัน เราจะเจอกันอีกไหม”

“ข้าไม่รู้”

ก็ไม่รู้จริงๆ..ถามแบบนี้ใครจะไปรู้

ยังไม่ทันได้ตอบกำแพงแสงบางส่วนก็แตกปริออกพักหนึ่งก่อนจะผนึกพลังแสงปิดรอยรั่วนั้นเองได้ แต่ก็ทำให้ภูตินรกสามตัวหลุดเข้ามาได้  พวกมันแสยะแยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาอย่างหิวกระหาย

นักรบปีศาจพุ่งออกไปทันที ประกายดาบสีดำแห่งความมืดตวัดผ่านร่างของสัตว์อเวจีขาดออกเป็นหกท่อน แตกกระจายหายไปเหมือนเป็นอากาศธาตุไม่เหลือเศษชิ้นส่วนแม้แต่น้อย

“พวกมันก็เป็นจิตปีศาจประเภทหนึ่ง”  ไนท์อธิบายก่อนอีกฝ่ายจะถามขึ้น “แตกดับไปแบบนี้ก็หายไปจากภพของเราแล้ว”

“แล้วตัวของพวกมันอยู่ที่ไหน” ไม่วายโดนถามจนได้

“พวกมันไม่มีตัวตน เป็นจิตเร่ร่อนอยู่ในรอยต่อนี่เท่านั้น”

กำแพงแก้วเริ่มสั่นสะเทือนมากขึ้นทุกที หญิงสาวเองก็พยายามหาอาวุธจะเอามาช่วยนักรบปีศาจอีกแรงหนึ่ง แต่น่าแปลกว่าไม่มีอาวุธอะไรติดตัวมาเลย ทำไมคนนั้นยังนำอาวุธเข้ามาในดินแดนประหลาดนี้ได้ คิดแล้วไม่เข้าใจเลย หรือถึงเวลาจะแตกสลายแล้ว...

ทันใดนั้นเอง มีเสียงระเบิดครืนใหญ่จนแผ่นดินสะเทือนยวบ ลูกไฟสีเขียวสองสามลูกระเบิดขึ้นบริเวณด้านหน้าซึ่งมีภูคนรกกำลังบ้าคลั่ง ประกายระเบิดสีเขียวเจิดจ้าส่งร่างของสัตว์ปีศาจจำนวนมากกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง แล้วร่างของใครคนหนึ่งก็ลอยลงมาจากประตูมิติซึ่งหมุนวนอยู่กลางอากาศ

บุรุษหนุ่มชุดดำผมเผ้ายุ่งเหยิงยาวสยาย มีผ้าคาดหัวและนัยน์ตาข้างหนึ่งมีเหรียญเงินปิดเอาไว้พร้อมเชือกพาดทับ

เทวบุตรมาร... มาร์ลาสนั่นเอง

นักรบปีศาจปากอ้าตาค้าง หมอนี่ทะลึ่งโผล่มาได้อย่างไร

นักรบตาเดียวพอมาถึงพื้นก็ตวัดดาบใหญ่ในมือเข้าไล่ล่าสังหารภูตินรกที่เหลืออย่างกราดเกรี้ยว สภาพร่างกายของเขายังดีกว่าสภาพของไนท์หลายเท่าเพราะไม่ต้องบาดเจ็บมากมายซ้ำซ้อนเหมือนนักรบปีศาจ การเคลื่อนไหวโจมตีจึงคล่องแคล่วว่องไวและเต็มไปด้วยพลานุภาพอันร้ายกาจ จนสัตว์นรกพากันแตกดับเป็นทิวแถว แต่พอเริ่มตั้งหลักได้ก็เริ่มรวมกลุ่มหันมาโจมตีผู้มาใหม่

“ใจคอจะไม่ช่วยกันบ้างเลยหรือไง”

เสียงร้องกวนๆ ของมาร์ลาสทำให้นักรบปีศาจได้สติ เมื่อเห็นว่ากำแพงแสงแก้วเริ่มซ่อมตัวเองได้สมบูรณ์แล้วจึงเดินผ่านวงล้อมแห่งแสงออกไปพร้อมดาบในมือ

ไม่ว่าจะเป็นภูติผีปีศาจกลุ่มไหน คงไม่สามารถต้านทานการร่วมมือของนักรบทั้งสองได้ เมื่อร่วมมือกันดูทั้งสองมีพลังเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าประหลาดใจ ราวกับเป็นปฏิกิริยาเสริมแรง  เฟรี่ได้แต่ยืนมองอยู่ในวงล้อมแห่งแสงด้วยใจอันเต้นระทึก ภาพเบื้องหน้ายิ่งกว่าความฝันใดในแดนสรวง นักรบอเวจีสองคนไล่สังหารภูตินรกจนกระเจิดกระเจิงและสุดท้ายไม่มีหนีรอดได้สักตัว

ถ้าจะมีนักรบพันธุ์นรกคู่หูน่ากลัวที่สุดในอเวจี ก็คงจะเป็นคู่นี้เอง

เมื่อปีศาจนอกเขตตัวสุดท้ายแตกดับไป กำแพงแสงหมุนวนกลับกลายเป็นสายรุ้งพวยพุ่งกลับเข้ามายังก้อนหินประหลาดซึ่งเฟรี่ห้อยคอไว้ ทำเอาหญิงสาวตกใจยืนตัวแข็งเบิกตากว้างร้องไม่ออก กระทั่งลำแสงสุดท้ายพุ่งหายเข้าไปในก้อนหินจนหมด จึงตัวอ่อนระทวยลง ดีว่าไนท์ปราดเข้ามารับไว้ได้ก่อนจะล้มฟาดลงกับพื้น

“เฟรี่..เจ้าเป็นอะไรไป”

คนถูกถามพยายามลืมตาขึ้นมาแล้วยังมาทำหน้ายิ้มๆอย่างน่าตี แถมย้อนถามว่า

“เจ้าเรียกชื่อข้าหรือ”

“ใช่ แล้วทำไม..” นักรบปีศาจตอบแล้วถามอย่างสงสัย เฟรี่ยิ้มก่อนจะหลับตาลงเหมือนคนง่วงนอนมากกว่าคนบาดเจ็บ คนประคองอยู่เลยโล่งใจว่าไม่เป็นอะไรมากจึงค่อยๆจับร่างนั้นพิงกับผนังหินของหน้าผาอย่างระมัดระวัง

“มันจะหวานอะไรกันนักกันหนา”

เสียงของมาร์ลาสดังอยู่ด้านหลัง ดูท่าทางของนักรบตาเดียวผู้นี้ก็เหน็ดเหนื่อยพอดูทีเดียวสำหรับการกวาดล้างภูตินรก

“เจ้ามาได้อย่างไร” ไนท์ลุกขึ้นหันไปถาม มาร์ลาสแค่นยิ้ม ปักดาบลงกับพื้นก่อนหยิบก้อนหินเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อยกให้ดู  มันมีรูปร่างและขนาดเท่ากับหินซึ่งเฟรี่ห้อยคออยู่ ต่างกันที่สีสันเท่านั้น นักรบปีศาจมองแล้วไม่พูดประการใด

“ข้าไม่ได้ให้ใคร” ว่าพลางเก็บก้อนหินไว้ตามเดิม

“ว่าแต่เจ้าเถอะ เอาของสำคัญแบบนี้ไปให้คนอื่น ระวังเจ้าจะเดือดร้อน”

“ใครสั่งให้เจ้ามา” นักรบปีศาจจ้องหน้าถาม แต่อีกฝ่ายเหยียดแขนบิดขี้เกียจพลางอ้าปากหาวอย่างกวนๆ แล้วค่อยตอบว่า

“จะมีใครเสียอีกล่ะ”

ตอบไม่ค่อยชัดเจนและไม่ตรงคำถาม แต่คนฟังเหมือนจะรู้ความหมายจึงไม่ได้ซักถามต่ออีก หันมาสนใจเฟรี่ซึ่งมีอาการเหมือนคนง่วงนอน

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”  

มาร์ลาสก้มลงมาดูอาการด้วยพักหนึ่งจึงบอกด้วยน้ำเสียงสบายใจ “เธอคนนี้เพียงแต่ปรับสภาพพลังในตัวเท่านั้น ไม่นานก็จะหายเป็นปกติ ว่าแต่ข้าขอได้ไหม นางฟ้าคนนี้ ท่าทางไม่เลว เอาไปต้มยำคงอร่อย”

ไนท์หันขวับมามองทันที มือแตะด้ามดาบ อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังพลางบอกว่า

“ใจเย็นๆ ข้าล้อเล่นเท่านั้น... ท่าทางเจ้าห่วงใยมากขนาดนี้ข้าเองก็คงไม่ไปยุ่งหรอก”

“ดีแล้ว”

“ว่าแต่จะพากันไปไหน”มาร์ลาสเปลี่ยนเรื่องถาม

“ดินแดนแห่งนี้มีบริเวณหนึ่งซึ่งเป็นอาณาเขตอันปลอดภัยจากภูตินรก”

“ก็อย่างที่ข้าคิดไว้ ถ้าจะไปก็รีบไป เดี๋ยวพวกภูตินรกกลุ่มใหญ่ก็ตามมาอีกหรอก  พวกมันหิวกระหายมานานและบ้าคลั่งแบบไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากความกระหาย แบบนี้รับมือพวกมันยาก ข้าเองก็อยู่ได้ไม่นาน มีอะไรพอช่วยได้ก็จะช่วย”

“ทำไมคนอย่างเจ้าใจดีขึ้นมา”

“ข้าหรือใจดี.....”

นักรบตาเดียวทวนคำแล้วหัวเราะออกมาดังๆ ดึงดาบขึ้นมาจากพื้นยกขึ้นตรวจคมดาบไปมาก่อนเอ่ยว่า

“ข้าได้รับการขอร้องให้มาช่วยเท่านั้นล่ะ...นึกหรือว่าข้าอยากมาดินแดนเฉียดใกล้ความตายขนาดนี้”

จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีก รอสักพักเฟรี่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทางมึนงงแต่สีหน้าท่าทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หันหน้ามองคนโน้นทีคนนี้ที ก่อนหันมามองมาร์ลาสอีกครั้ง จ้องหน้าครู่หนึ่งก่อนพูดออกมาอย่างแน่ใจว่า

“ข้าจำเจ้าได้ เจ้าดุเหมือนว่าเคยช่วยเหลือพวกเรามาแล้ว....” พูดแล้วก็ยกมือกุมหัวเหมือนจะพยายามทบทวนความจำ

“อะไรกัน..จำคนแบบนี้ได้ด้วยหรือ” ไนท์พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ อีกฝ่ายหัวเราะออกมาดังๆ ก่อนพูดอย่างพออกพอใจ

“แสดงว่าข้าเป็นที่ถูกใจเหมือนกัน จึงจำข้าได้”

“อย่างไรก็จำได้ไม่มากหรอก”

“จะมากหรือน้อยก็ถือว่าจำได้เหมือนกัน ไม่เห็นเป็นไร”

ต้นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันขมวดคิ้ว สลัดหัวไปมาก่อนพยุงกายลุกขึ้นแล้วเซทำท่าจะเสียหลัก มาร์ลาสชยับจะเข้ามาประคอง แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายซึ่งรีบตัดหน้าปราดเข้ามาประคองไว้ก่อนอย่างหวุดหวิด เทวบุตรมารหนุ่มเบิกตาโตแล้วหัวเราะออกมาดังๆ อีกครั้ง พูดพลางหัวเราะพลางว่า

“ข้าไม่เคยเห็นเจ้าออกอาการแบบนี้มาก่อน การแสดงความห่วงใยแบบออกหน้าออกตาแบบนี้มันผิดวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของพวกโลกมืดไม่ใช่หรือ”

“มันเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”

“ข้าจะเอาไปเล่ารอบกองไฟ คงได้หัวเราะกันไม่ไหว”

เฟรี่เกาะแขนของไนท์พักหนึ่งแล้วหันมายิ้มให้คนทั้งสองพลางบอกว่า

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว ไปต่อกันเถอะ ว่าแต่จะไปไหนกัน ข้ายังไม่รู้เลย”

“ไปไม่ไหว ไม่ต้องห่วง มีคนแบกมีคนอุ้มไปอยู่แล้ว”  เสียงของเทวบุตรมารหนุ่มดังแว่วมาอย่างกวนประสาท แต่นักรบปีศาจสนใจดูอาการของหญิงสาวมากกว่าจะหันไปต่อปากต่อคำ เมื่อเห็นว่านางฟ้าคนดีเกือบจะเป็นปกติแล้วจึงดึงแขนหญิงสาวออกเดิน โดยมีมาร์ลาสเดินตามมาห่างๆ

“เขาตามเรามาทำไม”

หญิงสาวชาวสรวงกระซิบถาม ขณะหันไปชำเลืองมองคนเดินเอาดาบสะพายบ่าตามมา

“ไม่ต้องกังวล เขาเพียงแต่คอยระวังด้านหลังให้เท่านั้น”

“ท่าทางพวกเจ้าสองคนรู้จักคุ้นเคยกันดีนะ”

“พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว”

เสียงของไนท์แผ่วเหมือนระลึกถึงความหลัง “เขาสามารถเป็นได้ทั้งศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดและสหายที่ดีที่สุดของข้า เขาอาจสังหารข้าได้โดยไม่กระพริบตาลังเลใจ หรืออาจสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยข้าก็ได้”

“ทำไมเป็นแบบนั้น”

“คงเป็นเพราะฟ้าลิขิต”

คำตอบของนักรบปีศาจทำให้หญิงสาวอดหันมามองหน้าไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเย็นชานั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม

“เจ้าเชื่อลิขิตของฟ้าด้วยหรือ ข้าคิดว่ามีแต่พวกเบื้องบนซะอีกที่จะพากันเชื่อแบบนี้”

“จะเป็นเบื้องล่างหรือเบื้องบน ก็ต้องมีฟ้าปกคลุมไม่ใช่หรือ”

ฟังประโยคนี้ทำให้อึ้งไปพักหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ต่างก็ต้องมีฟ้าปกคลุม เพียงแต่จะเป็นท้องฟ้าแบบไหนเท่านั้น จะเป็นท้องฟ้ากระจ่างสว่างอบอุ่นหรือท้องฟ้าหม่นมัวหนักอึ้งแบบในดินแดนประหลาดแห่งนี้ต่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

หรือลิขิตของฟ้าสามารถครอบคลุมโยงใยประสานสรรพสิ่งไว้จริงๆ

“เจ้าเอ่ยถึงพวกเบื้องบน หรือเจ้าจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

คนเดินนำทางถามขึ้นหลังจากพากันเงียบไปพักหนึ่ง เฟรี่ขมวดคิ้วพยายามนึก”อะไร” ที่ว่านั้นให้ออกแต่ในที่สุดก็ต้องฝืนยิ้มบอกว่า

“ข้านึกอะไรไม่ออกหรอก แต่มันติดอยู่ในความรู้สึกเท่านั้น เลยพูดออกมา ว่าแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้อนาคต ไม่รู้อดีต ไม่ต้องเจ็บปวดดีใจอะไรกับความทรงจำ ส่วนอนาคตไม่มีใครรู้ ก็ไม่เป็นไร อยู่กับปัจจุบันเท่านั้นก็พอแล้ว”

“คิดอะไรของเจ้า...”

เสียงของคนนำทางบ่นงึมงำคนเดียว ทำเอาหญิงสาวหัวเราะเสียงใส

“อ้าว....แล้วไม่ดีหรือไง  อดีตก็ไม่ต่างจากความฝันมากนักหรอก เมื่อเวลาผ่านไป อดีตนั้นจะดีจะร้ายอย่างไรก็จะกลับกลายเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้น พอความจำเสื่อมแบบนี้ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องถูกความทรงจำจากอดีตอันเลวร้ายคอยหลอกหลอน”

“แล้วความทรงจำดีๆ ล่ะ “

“เมื่อเลือกจะใช้เหรียญ ก็ต้องใช้ทั้งสองด้าน เมื่อเลือกจะทิ้งเหรียญก็ต้องทิ้งทั้งสองด้านเช่นกัน”

“พูดได้คมบาดใจ”

คนที่พูดไม่ใช่นักรบปีศาจ หากเป็นเทวบุตรมารตาเดียวคนนั้นซึ่งยังคงตามหลังมาในระยะสี่ห้าวา บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดก็ดูปลอดโปร่งไม่กังวลอะไรมากนัก

“อะไรกัน....คุยกันอยู่แค่สองคน อย่าลืมสิว่าข้าก็มาด้วย”

“ใครเขาให้มา” ไนท์ได้ที รีบเสียบทันควัน แต่อีกฝ่ายหัวเราะแล้วพูดว่า

“ใจเย็นน่า ข้ามาทำตามคำสั่ง ก็บอกแล้ว ไม่อยากมาเป็นก้างขวางคอแมวเท่าไรหรอกน่า ว่าแต่แม่นางตกสวรรค์คนนี้พูดจาดีจริงๆ ข้าชักชอบแล้วสิ”
เฟรี่หันไปยิ้มเป็นเชิงทักทาย แต่ไนท์รีบดึงมือให้ออกเดิน หากเทวบุตรมารหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนคุยขึ้นอีกว่า

“ที่พูดเมื่อครู่..ในเมื่อทั้งความทรงจำอันเลวร้ายและความทรงจำที่ดีต่างก็ตัดใจทิ้งไปหมด แล้วในชีวิตจะเหลืออะไรให้ต้องระลึกถึงบ้างล่ะ”

“ก็ไม่ยากนี่..” เฟรี่ตอบอย่างยิ้มแย้ม “ทิ้งไปแล้วก็สร้างใหม่ก็ได้ไม่เห็นเป็นไร เริ่มต้นสร้างใหม่จากวันนี้ก็ได้นี่นา ของเก่าทิ้งไปให้หมด ขอเพียงมีหัวใจก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไร้ความทรงจำ ขอเพียงในหัวใจมีสิ่งดีๆ คิดดี ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สามารถสร้างความทรงจำดีๆ ได้”

แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 54 13:40:31

แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 54 07:15:47

แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 21:54:33

แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 21:34:37

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 20:28:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com